หลิงอวี๋มองไปทางชิวเหวินซวงที่ยืนอยู่ด้านข้าง นางรับใช้และแม่นมในเรือนต่างเชื่อฟังนาง เฮยจื่อหายตัวไปครั้งนี้ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับชิวเหวินซวงด้วย“เซียวหลินเทียน ข้าบอกว่าข้าไม่รู้ว่าเฮยจื่ออยู่ที่ใด เจ้าเชื่อหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถาม“พระชายา พระชายาบอกที่อยู่ของเฮยจื่อของพวกเรามาเถิด! เขายังเด็ก ทำผิดพลั้งไปเราก็ค่อย ๆ สอนเขาก็ได้! พระชายาให้โอกาสเขาสักครั้งเถิด!”ชิวเหวินซวงเอ่ยเตือน ‘ด้วยความหวังดี’หลิงอวี๋รำคาญแม่นางดอกบัวขาวที่ช่างยุแยงให้คนแตกคอกันนี่เหลือเกิน เสแสร้งทำเป็นคนดีนัก!“เซียวหลินเทียน ข้าไม่ได้เอาตัวเฮยจื่อไป ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาอยู่ที่ใด! ข้าคงปล่อยตัวเขามิได้หรอก!”หลิงอวี๋คร้านจะสนใจชิวเหวินซวง พลางเอ่ยไปตรง ๆ “หากเจ้าเชื่อก็เชื่อ หากไม่เชื่อก็ช่าง! ตีข้าให้ตาย ข้าก็พูดเช่นเดิม!”เซียวหลินเทียนจ้องมองหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เองก็จ้องเขาตอบอย่างไม่ยอมอ่อนข้อหลิงอวี๋ยิ้มเย็นชาพลางเอ่ย “เจ้าไปสืบหาดูก็ได้ หากยืนยันว่าข้าเป็นคนลักพาตัวเฮยจื่อไปจริง ๆ ข้าจะยอมทำตามที่เจ้าต้องการ!”เซียวหลินเทียนกับนางต่างไม่มีใครยอมใครอยู่เป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋ยั
คนของจ้าวซวนเรียกนางรับใช้และแม่นมทั้งหมดในเรือนของเฮยจื่อไปสอบปากคำอีกครั้งนางรับใช้และแม่นมทุกคนยืนกรานในคำให้การก่อนหน้านี้ บอกว่านอกจากหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นไปที่เรือนของเฮยจื่ออีก เฉี่ยวเหลียนถูกถามก็ร้อนใจพลางเอ่ยอย่างคับข้องใจ “พี่จ้าว พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดเฮยจื่อจึงหายตัวไป!”“พระชายาอยู่ในห้องนั้นนานมาก แม้ว่านางจะไม่ได้เป็นคนพาเฮยจื่อไป นางก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นแน่!”“จะต้องเป็นนางที่ดุด่าเฮยจื่อ ทำให้เฮยจื่อทนไม่ไหวถึงได้แอบหนีไป! ขอเพียงหาตัวเฮยจื่อเจอ ก็จะสามารถยืนยันได้ว่าเป็นความผิดของพระชายาหรือไม่!”จ้าวซวนเห็นว่าถามแล้วไม่ได้ผลอะไร จึงทำได้เพียงให้พวกนางกลับกันไปก่อนคนในตำหนักอ๋องอี้ล้วนถูกซักถามกันหมดแล้ว เบาะแสเดียวที่ได้คือเบาะแสที่ปี้ไห่เฟิงเป็นคนบอกปี้ไห่เฟิงบอกว่า ตอนที่เขาให้อาหารม้าเขาเห็นเฮยจื่อมาที่คอกม้า แต่พอเขาหอบหญ้ากลับมาก็ไม่เจอเฮยจื่อแล้วตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าเฮยจื่อแค่มาเดินเล่นรอบ ๆข้อมูลทั้งหมดรวบรวมไว้ที่ห้องตำราของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนร้อนใจขึ้นมาทันทีคำบอกเล่าของปี้ไห่เฟิงเป็นการยืนยันไ
หลิงซินถูกหลิงอวี๋ตะคอกจนไม่กล้าร้องไห้แล้ว นางเช็ดน้ำตาพลางเอ่ย“บ่าวกับแม่นมลี่พาเยวี่ยเยวี่ยออกไปจ่ายตลาด พอซื้อของครบแล้ว แม่นมลี่ก็ลื่นล้มไปเจ้าค่ะ!”“บ่าวก็เลยพยุงแม่นมลี่ขึ้น แต่พอหันกลับไป เยวี่ยเยวี่ยก็หายไปแล้ว!”หลิงซินพูดถึงตรงนี้ น้ำตาแห่งความหวาดกลัวก็ร่วงลงมาอย่างอดไม่ได้“บ่าวกับแม่นมลี่ต่างก็ตกใจ พากันตามหาทั่วทุกที่ แต่ก็ไม่พบเลยเจ้าค่ะ! แม่นมก็ยังตามหาอยู่ที่ตลาดอยู่เลย บ่าวนึกขึ้นได้ว่าเยวี่ยเยวี่ยอาจจะมาที่โรงเหยียนหลิง ก็เลยวิ่งมาหา...”หลิงอวี๋หลับตาลง หายใจเข้าลึก ๆ แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสงบสติได้แล้ว“เสี่ยวหาว เจ้ารีบหาคนสักสองสามคน ไปช่วยข้าหาที่ตลาด แล้วก็หาคนไปถามที่ตำหนักอ๋องอี้ว่าเยวี่ยเยวี่งกลับตำหนักแล้วหรือยัง! หากยังไม่กลับให้หาตามเส้นทางไปตำหนักอ๋องอี้!”เกิ่งเสี่ยวหาวเคยเจอเยวี่ยเยวี่ยและชอบเด็กฉลาดคนนั้นมาก ทันทีที่ได้ยินจึงเอ่ยขึ้นมา“ท่านพี่ ท่านวางใจได้ ข้าจะส่งคนไปช่วยพี่หา!”“อืม ได้ข่าวแล้วก็บอกข้า!”หลิงอวี๋ดึงหลิงซินขึ้น ไปบอกลาหมอเลี่ยวแล้วจึงเดินออกไปหมอเลี่ยวได้ยินจากบทสนทนาของทั้งสามคนแล้วนึกขึ้นได้ว่าชื่อของหลิงอวี๋ค
“เพียะ!”หลิงอวี๋ตบนางอย่างแรงอีกครั้งแบบไม่เกรงใจ และเตะเพิ่มอีกครั้งด้วยการเตะครั้งนี้ทำให้นางรับใช้ตกบันไดไปอยู่ตรงหน้าเงินที่นางโยนลงไปพอดี“เจ้านับว่าเป็นสิ่งใดกัน กล้ามาพูดจาเอ็ดตะโรกับข้า! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”หลิงอวี๋มองต่ำลงไปอย่างเย่อหยิ่งพลางเอ่ย “เอาเงินไปเสีย ข้าให้รางวัลเจ้า! เอาไปซื้อยาเถิดไป!”“หลิงอวี๋ เจ้ากล้าตบนางรับใช้ของข้าหรือ!?”หลิงเยี่ยนเห็นเข้า ก็โวยวายขึ้นมาอย่างโมโห “ใครก็ได้ จับตัวนางไว้ที วันนี้ข้าจะสั่งสอนนังคนไม่รู้จักอับอายผู้นี้!”นางรับใช้หลายคนกับคนเฝ้าประตูเข้าไปล้อมหลิงอวี๋เอาไว้ หลิงอวี๋ไม่อยากให้ท่านอดีตเสนาบดีคิดว่าตนเองมาก่อเรื่องที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน จึงเจรจาด้วยเหตุผลก่อน“ข้ามีเรื่องด่วนมาหาท่านอดีตเสนาบดีหากพวกเจ้ายังกล้ามาขัดขวางข้าอีก ก็อย่ามาโทษว่าข้าลงไม้ลงมือ!”พวกนางรับใช้หลายคนไม่ฟังคำพูดนาง ต่างเข้ามาจับหลิงอวี๋ไว้คนละไม้คนละมือขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดจะลงมือ ก็มีมือหนึ่งยื่นเข้ามาแล้วดึงนางออกจากวงล้อมของพวกนางรับใช้“เมื่อวันก่อนท่านอดีตเสนาบดีออกจากเมืองหลวงไปฝึกทหารที่นอกเมือง!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินดังนั้น จิตใ
หลิงอวี๋คิดไปพลางเอ่ยอย่างทำเหมือนดีใจ "เช่นนั้นก็ดีเลย! เจ้ารีบส่งพวกแม่นมกับนางรับใช้ไปช่วยข้าตามหาสิ! หากเจอเยวี่ยเยวี่ย ข้าจะขอบคุณพวกเจ้ามาก ๆ เลย!"เมื่อได้ยินหลิงอวี๋ใช้งานตนเองอย่างไม่เกรงใจ มุมปากของชิวเหวินซวงก็ยกยิ้มดูถูก แสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างลำบากใจ“พระชายา ข้าปากไวเอง! เรื่องที่เฮยจื่อหายตัวไปนั้น ท่านอ๋องโกรธมาก! เขาเพิ่งออกคำสั่งเมื่อเช้านี้ ว่าหากไม่ได้รับอนุญาตจากเขา คนรับใช้ในตำหนักจะไม่สามารถเข้าหรือออกจากตำหนักได้ตามอำเภอใจ!”“หากท่านอ๋องอยู่ที่นี่ ก็ต้องได้รับอนุญาตจากเขาก่อน ข้าจึงจะสามารถช่วยท่านได้!”"แต่ท่านอ๋องไม่อยู่ ข้าก็ไม่สามารถตัดสินใจส่งคนไปกับท่านโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ ข้าต้องขอโทษจริง ๆ!"ปากว่าตาขยิบ!ตอนนี้หลิงอวี๋มั่นใจมากกว่า ชิวเหวินซวงแม่ดอกบัวขาวผู้นี้กำลังหยอกล้อตนเองอยู่!หลิงอวี๋ยิ้มเรียบ ๆ จู่ ๆ ก็พุ่งเข้าไปหาชิวเหวินซวง และกัดฟันเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง“ชิวเหวินซวง เจ้าเป็นคนส่งคนมาจับเยวี่ยเยวี่ยไปใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋พูดพลางมองตาของชิวเหวินซวงไปด้วย เมื่อเห็นแววตาของนางเคร่งเครียดขึ้นโดยไม่รู้ตัวตอนที่เอ่ยถึงการจับตัวไป หัวใจของหลิ
“ตำรับยา?”ตำรับยาอะไร?ดวงตาของชิวเหวินซวงเป็นประกาย นึกถึงที่สองวันมานี้ลู่หนานเทกากยาทิ้ง หรือว่ายานี้ลู่หนานไม่ได้กินเอง แต่เซียวหลินเทียนเป็นคนกิน?ตอนนี้เซียวหลินเทียนเชื่อใจหลิงอวี๋ กระทั่งกล้ากินตำรับยาที่นังคนชั้นต่ำนี่จัดให้แล้วหรือ?มิน่า เฮยจื่อหายตัวไป ท่านอ๋องไม่สงสัยหลิงอวี๋เลย!!ชิวเหวินซวงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย นางประมาทไป ทำให้เซียวหลินเทียนเชื่อใจหลิงอวี๋ไปแล้วโดยไม่รู้ตัว!“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ช่วยตามหาเยวี่ยเยวี่ยจริงหรือเพคะ?”ชิวเหวินซวงเอ่ยอย่างระมัดระวัง "สิ่งที่พระชายาพูดก็มีเหตุผลนะเพคะ ไม่แน่เด็กทั้งสองคนอาจถูกคนพวกเดียวกันลักพาตัวไปก็เป็นได้! ขอเพียงพบคนหนึ่ง ก็จะพบอีกคนเช่นกัน!"เซียวหลินเทียนยังคงอยู่ในอารมณ์โกรธไม่หาย จึงเอ่ยอย่างหงุดหงิด“เจ้าไม่ได้ยินที่นางพูดว่านางจะเสนอรางวัลใหญ่เพื่อตามหารึ? นางมีเงินและมีฉินซานคอยช่วยเหลือ เช่นนั้นก็ไปหาเอาเองแล้วกัน! เหตุใดข้าจะต้องเข้าไปยุ่งด้วย!”ชิวเหวินซวงไม่ยอมแพ้ เอ่ยแนะนำ"ท่านอ๋อง อย่าได้ตรัสอย่างโกรธเคืองเช่นนี้เลยเพคะ! เมื่อครู่หม่อมฉันเพิ่งพบพระชายาที่ประตู แล้วก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง!"“วัน
“ท่านพี่ อย่าได้กังวล! เราจะต้องตามหาเยวี่ยเยวี่ยเจอแน่!”เกิ่งเสี่ยวหาวเห็นสีหน้าหลิงอวี๋ดูเศร้าหมอง จึงรีบปลอบใจ“วันนี้ก็ใช่ว่าเราไม่ได้อะไรเลย! การช่วยเด็กที่ถูกลักพาตัวไปหลายคน นี่ก็เป็นบุญอย่างหนึ่งแล้ว!”“เยวี่ยเยวี่ยเป็นคนดีย่อมไม่มีภัยใดมาถึงตัว เราต้องตามหาเขาเจอแน่!”ฉินซานก็มองนางอย่างกังวลเช่นกัน“อาอวี๋ เจ้าก็ตามหามาทั้งวันแล้ว ข้าจะให้คนส่งเจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนดีหรือไม่ ข้ากับเสี่ยวหาวจะจัดหาคนมาตามหาเพิ่ม…”“ไม่! ข้าจะหาเยวี่ยเยวี่ยให้เจอ! ข้าอยากหาเขาให้เจอด้วยตัวข้าเอง!”หลิงอวี๋ยกมือทั้งสองขึ้นเช็ดหน้า พบว่าน้ำตาเต็มใบหน้าของนางไปหมดไม่แปลกใจเลยที่เกิ่งเสี่ยวหาวกับฉินซานจะเป็นห่วงนางถึงเพียงนั้น...หลิงอวี๋ลูบหน้าแรง ๆ สองสามครั้ง ให้ตนเองฮึดสู้ขึ้นมานางจะท้อถอยไม่ได้!หากนางท้อถอย พวกเกิ่งเสี่ยวหาวก็จะได้รับผลกระทบทางอารมณ์จากนางเช่นกัน!“ข้าเชื่อว่าคนดีจะได้รับแต่สิ่งที่ดี! พวกเราช่วยเด็ก ๆ เหล่านี้แล้ว เมื่อพระเจ้าเห็นบุญนี้ จะต้องให้เยวี่ยเยวี่ยกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน!”หลิงอวี๋มองพวกคนที่ถูกมัดไว้ คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างโหดร้าย“เจ้ากับฉิ
“เซียวหลินเทียน! เจ้าคืนลูกชายของข้ามานะ!”หลิงอวี๋เห็นความมืดมิดกลืนร่างผอมบางของหลิงเยวี่ยเข้าไป ก็ร้องออกมาด้วยใจที่แตกสลาย“ข้าเกลียดเจ้า… ชีวิตนี้อย่าคิดว่าข้าจะให้อภัยเจ้า…”นางยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเงาดำ ๆ กระโดดลงหน้าผาไปแล้วตามมาด้วยเสียงคำรามอย่างร้อนใจของลู่หนานกับจ้าวซวน "ท่านอ๋อง... ไม่!"สมองของหลิงอวี๋ว่างเปล่า มองไปที่หน้าผามืดมิดด้วยความตะลึงงัน เซียวหลินเทียนกระโดดลงไปหรือ?จ้าวซวนไม่พูดพร่ำทำเพลง โบกดาบในมือแล้วพุ่งเข้าไปหาหลิงอวี๋หลิงอวี๋ตกใจมากจนลืมหลบ"หลบเร็วเข้า!"ตอนที่ฉินซานเห็นหลิงเยวี่ยถูกโยนลงไปก็รีบวิ่งเข้ามาทันที แต่ช้าไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น เซียวหลินเทียนกระโดดลงไปแล้วเขาเห็นจ้าวซวนโกรธมากจนอยากจะฆ่าหลิงอวี๋ ก็รีบพุ่งเข้าไปกอดหลิงอวี๋หลบทันทีลู่หนานก็คิดว่าจ้าวซวนจะฆ่าหลิงอวี๋เช่นกัน จึงรีบตะโกน "พี่จ้าว อย่าใจร้อนสิ..."ไหนเลยจะรู้ว่าจ้าวซวนผ่านหลิงอวี๋ไป แล้วตัดขาของเฉินฉางซิ่งที่คิดจะใช้โอกาสนี้หลบหนีด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียว“เอาคบไฟมา!”จ้าวซวนใบหน้าบูดบึ้ง แล้วตะคอกใส่หลู่ชิ่งที่ตัวแข็งเป็นหินอยู่ข้าง ๆ หลู่ชิงรีบหยิบคบไฟ ใช้
สองพี่น้องเจียงคือผู้ช่วยชีวิตที่สำคัญที่สุดของเฉียวไป๋ เมื่อเฉียวไป๋รู้ว่าพวกนางเองก็จะติดตามตระกูลเก๋อไปเมืองหลวงแดนเทพด้วย ก็แสดงว่าเมื่อถึงเมืองหลวงแดนเทพ เขาก็สามารถมอบเรือนสี่ประสานให้กับทั้งสองคนได้หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดนี้ก็มิได้รู้สึกอะไร ทั้งยังเอ่ยเยาะเย้ยออกไป “รอให้ไปถึงเมืองหลวงแดนเทพก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด! ตอนนี้แม้แต่เงินค่าอาหารกับอาภรณ์ของเจ้าก็ยังได้รับจากตระกูลเก๋อเปล่า ๆ เลย!”“แล้วเจ้ามาบอกว่าจะมอบเรือนสี่ประสานให้พวกเรา ข้าจะเชื่อได้อย่างไรเล่า!”จากนั้นหลิงอวี๋ก็นำกริชของเฉียวไป๋ออกมาโบกไปที่เฉียวไป๋ พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้ามีเงิน ก็มาแลกกริชนี้กลับไปก่อนเถิด!”เฉียวไป๋พูดมิออกไปในทันที แล้วจ้องมองหลิงอวี๋อย่างหดหู่ จากนั้นก็เอ่ยอย่างมิพอใจ“เจ้ามันมิรู้จักแยกแยะของดี เจ้ามิรู้หรอกว่ามูลค่าของกริชเล่มนี้นั้นสามารถซื้อเรือนสี่ประสานได้ถึงสิบหลังเชียว! หากเจ้ามิเชื่อก็รอไปถึงที่เมืองหลวงแดนเทพ จากนั้นเจ้าก็ไปหาคนที่รู้จักของดีมาดูสักหน่อยก็รู้แล้ว!”ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยยิ้มแย้มกันอยู่ เก๋อฮุ่ยหนิงก็เดินเข้ามา หลิงอวี๋จึงเก็บกริชเล่มนั้นกลับไปท
สองวันต่อมา ฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อก็สามารถลุกจากเตียงได้แล้ว และนอกจากสีหน้าที่ยังซีดเซียวอยู่เล็กน้อยกับร่างกายที่ยังคงอ่อนแออยู่นิดหน่อย โดยรวมแล้วนางก็สามารถเดินไปเดินมาในห้องได้แล้วข้าหลวงเก๋อจึงยิ่งให้ความสำคัญกับทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋มากขึ้นไปอีก และให้ฮูหยินเก๋อจัดเตรียมเรือนให้สองพี่น้องตระกูลเจียงอาศัยอยู่โดยเฉพาะเลยข้าหลวงเก๋อเคยถามหลิงอวี๋แล้วว่า ดูจากอาการของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อแล้วพวกเขาจะออกเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพกันได้เมื่อใดหลิงอวี๋ให้คำตอบมาว่า คงจะครึ่งเดือน เมื่อข้าหลวงเก๋อได้ยินดังนั้น เขาก็เริ่มให้คนเตรียมตัวเรื่องการเดินทางทางด้านฮูหยินเก๋อ นางก็วางแผนไว้ว่าจะจัดงานแต่งงานให้เก๋อฮุยซินกับคุณชายจ้าวก่อนแล้วค่อยออกเดินทางก่อนหน้านี้ตระกูลจ้าวก็กังวลว่า หากฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อตาย เก๋อฮุ่ยซินก็จะต้องไว้ทุกข์ ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมจัดงานแต่งงานไว้ล่วงหน้าแล้วของกำนัลในงานแต่งงานทั้งหมดก็เตรียมเสร็จแล้ว และตระกูลเก๋อก็ตกลงกันได้ทันที ดังนั้นจึงกำหนดวันแต่งงานไว้ในอีกสิบวันต่อมาแต่เก๋อฮุ่ยซินกลับมิได้ยินดีแล้ว มิรู้ว่านางไปได้ยินมาจากใครว่าเก๋อฮุ่ยหนิงช่วยชีวิตค
หลิงอวี๋กำลังอยู่ดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อ และคิดเรื่องที่จะไปเมืองหลวงแดนเทพ แล้วนางก็เห็นนางรับใช้คนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา“หมอเจียง น้องสาวของท่านกับคุณชายเฉียวเผชิญหน้ากับมือสังหาร คุณชายเฉียวได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณหนูสามให้เชิญท่านไปดูเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงรีบให้แม่นมหลี่คอยดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อ แล้วนางก็รีบตามนางรับใช้ไปยังเรือนที่เก๋อฮุ่ยหนิงอาศัยอยู่ที่แขนของป้าวซวนเปื้อนไปด้วยเลือด และถูกพันแผลเอาไว้ลวก ๆ เมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ ดวงตาของนางก็แดงก่ำแล้วน้ำตาไหลออกมาทันทีก่อนหน้านี้มัวแต่ยุ่งอยู่กับการหลบหนี จนมิรู้จักกลัวอันตรายใด ๆแต่ยามนี้เมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ผู้เป็นดั่งพี่สาวของตน ป้าวซวนก็รู้สึกกลัวขึ้นมา“น้องหญิง เจ้ามิเป็นไรใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋ประคองป้าวซวนแล้วตรวจดูอาการของนางอย่างกระวนกระวาย ป้าวซวนส่ายหัวพลางสะอื้นเอ่ย “ข้ามิเป็นไร คุณชายเฉียวได้รับบาดเจ็บหนักกว่าข้า เจ้าไปดูอาการเขาก่อนเถิด!”เก๋อฮุ่ยหนิงก็ลุกขึ้นมาจากข้างเตียง แล้วตะโกนออกมา “หมอเจียง เจ้ารีบมาดูคุณชายเฉียวเร็วเข้า เขาได้รับบาดเจ็บหลายจุด มิรู้ว่าชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย
เฉียวไป๋ยกมือขึ้นแล้วฟาดฝ่ามือออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี จากนั้นโต๊ะภายในห้องที่ถูกแยกออกเป็นสองส่วนก็ลอยขึ้นไป แล้วโจมตีใส่มือสังหารตามแรงลมจากฝ่ามือของเฉียวไป๋...ทว่ามือสังหารที่ข้าหลวงเก๋อส่งมาล้วนมีวรยุทธ์แก่กล้าทั้งสิ้น มิได้ด้อยไปกว่าเฉียวไป๋เลยมือสังหารคนหนึ่งฟันโต๊ะที่ปลิวมาหาตน แล้วพุ่งไปหาเฉียวไป๋อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ใช้กระบี่ในมือแทงเข้าไปที่ไหล่ของเขา“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ มานี่เร็วเข้า...”ป้าวซวนตะโกนขึ้นมา นางหวังให้แขกคนอื่นในโรงเตี๊ยมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแต่แขกที่ขี้ขลาดกลัวปัญหาเหล่านั้นหนีกันไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นว่ามีมือสังหารแทงที่ต้นขาของเฉียวไป๋อีกครั้ง ป้าวซวนก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าตอนที่หลิงอวี๋เตรียมยาแก้พิษให้ตนเมื่อคืน นางได้ให้ผงยาหนึ่งห่อไว้กับตนด้วยหลิงอวี๋บอกว่าเป็นของดีที่ให้นางใช้หลบหนีเมื่อพบเจอพวกคนเลวป้าวซวนจึงมิคิดอะไรแล้ว นางหยิบมันออกมาแล้วพุ่งเข้าไป จากนั้นก็ยกมือขึ้นโปรยผงยาให้ลอยไปทางพวกมือสังหาร“มีพิษ!”มือสังหารที่พุ่งมาข้างหน้าชะงักไปทันที แล้วก้าวถอยหลังโดยมิรู้ตัว ป้าวซวนจึงรีบคว้าเฉียวไป๋แล้ววิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วมือส
เมื่อข้าหลวงเก๋อได้ยินดังนั้นก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที แล้วรีบเอ่ยถามรัว ๆ อย่างร้อนใจ “เหตุใดคุณชายตระกูลเฉียวจึงอยู่ที่เมืองจงกวน? คนที่มาคือผู้ใด? หนิงเอ๋อร์ เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร? เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาคือคุณชายตระกูลเฉียวจริง ๆ?”เก๋อฮุ่ยหนิงจึงเล่าเรื่องที่จื่ออวิ๋นจำเฉียวไป๋ได้ให้เขาฟัง แล้วบอกแผนการของตนให้ข้าหลวงเก๋อรู้โดยมิปิดบังด้วยสุดท้าย เก๋อฮุ่ยหนิงก็เอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ “ขอเพียงท่านพ่อส่งยอดมือสักสองสามคนมาแสดงร่วมกับข้า ให้ข้าได้เป็นวีรสตรีช่วยเหลือบุรุษรูปงาม เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเฉียวไป๋จะต้องรู้สึกขอบคุณข้าอย่างแน่นอน!”“เมื่อกอปรกับความสามารถและความงามของข้าแล้ว ในท้ายที่สุดคุณชายเฉียวจะต้องแต่งงานกับข้าอย่างแน่นอน!”เมื่อข้าหลวงเก๋อได้ยินว่าเก๋อฮุ่ยหนิงได้คิดแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ในที่สุดเขาก็มองลูกสาวที่มิเป็นที่สนใจมาโดยตลอดผู้นี้ในมุมมองที่ต่างออกไป นางเป็นคนที่มีกล้าหาญ มีความฉลาด มีกลยุทธ์และมีความเด็ดขาด หากสตรีเช่นนี้มุ่งเป้ามาที่ตน ตนไม่มีทางหนีพ้นจากเงื้อมมือของนางได้แน่คุณชายตระกูลเฉียวเองก็เป็นบุรุษเช่นกัน เขาเชื่อว่าคุณชายตระกูลเฉี
ฮูหยินเก๋อมิได้เข้าใจความพยายามของข้าหลวงเก๋อในทันที และยังคงรู้สึกเสียใจกับเงินห้าพันตำลึงนี้อยู่ ข้าหลวงเก๋อเห็นว่านางมิเข้าใจ จึงลากนางเดินออกไปจากนั้นข้าหลวงเก๋อจึงบอกความตั้งใจของตนให้ฮูหยินเก๋อฟังอย่างง่าย ๆ ฮูหยินเก๋อจึงได้สติคืนมาการที่สามีได้เลื่อนขั้นไปในตำแหน่งที่สูงขึ้นนั้นย่อมเป็นสิ่งฮูหยินเก๋ออยากเห็นอยู่แล้ว แม้ว่านางจะทำใจมิได้แต่ก็ทำได้เพียงนำตั๋วเงินห้าพันตำลึงมามอบให้หลิงอวี๋และเพื่อเป็นการดึงตัวหลิงอวี๋ให้มาทำงานกับสามี ฮูหยินเก๋อจึงพยายามพูดความดีของข้าหลวงเก๋ออย่างเต็มที่ ทั้งยังพูดออกไปอย่างมิปิดบังอีกว่า ขอเพียงหลิงอวี๋ติดตามพวกเขาไปเป็นหมอประจำตระกูลเก๋อที่เมืองหลวงแดนเทพ นางจะมิทำให้หลิงอวี๋ต้องลำบากอย่างแน่นอนเมื่อหลิงอวี๋ได้ยินดังนั้น จึงได้รู้ว่าที่ข้าหลวงเก๋อให้เงินเป็นจำนวนมากนั้นเพราะมีเจตนาแอบแฝง นางจึงลังเลขึ้นมาทันทีหากพูดด้วยใจที่เป็นกลางแล้วละก็ นางมิยินยอมที่จะเป็นทาสของตระกูลเก๋อ เพราะหากเป็นเช่นนั้นนางจะสูญเสียอิสรภาพไปแต่เมื่อหลิงอวี๋คิดว่า นางเองก็ต้องไปที่เมืองหลวงแดนเทพเช่นกัน และบางทีก็อาจจะพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ด้วย การที่มีตระกูล
เก๋อฮุ่ยหนิงมองไปแล้วก็เกือบจะอาเจียนออกมา“คุณหนูสาม หมอเจียงได้นำถุงน้ำออกมาแล้วเจ้าค่ะ นางให้บ่าวยกออกมาให้พวกท่านดู! ตอนนี้หมอเจียงกำลังเย็บแผลของฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ คงจะต้องใช้เวลาสักพักเจ้าค่ะ!”นางรับใช้ใช้ตัวน้อยยกสิ่งที่อยู่ในจานให้ทุกคนดู เมื่อฮูหยินเก๋อและคุณหนูคนอื่น ๆ เห็นก็ตกใจจนรีบเบือนสายตาไปทางอื่นในทันทีเก๋อฮุ่ยหนิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจอยู่ภายในใจ หมอที่ตนเชิญมารักษาฮูหยินผู้เฒ่าเก่งกาจถึงเพียงนี้ ตนช่างมีสายตาที่หลักแหลมเสียจริง!“ยกถุงน้ำไปให้ท่านพ่อดูสิ ท่านพ่อจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่ในที่สุดโรคของท่านย่าก็รักษาหายแล้ว!”เก๋อฮุ่ยหนิงจงใจเอ่ยขึ้นมานางรับใช้ตัวน้อยจึงทำตามคำสั่งแล้วยกไปให้ข้าหลวงเก๋อดูเก๋อฮุ่ยซินและฮูหยินเก๋อต่างก็มองหน้ากัน ทั้งสองคนต่างก็โกรธมาก ๆหากฮูหยินผู้เฒ่าหายดีแล้ว เช่นนั้นก็แสดงว่าฮูหยินเก๋อยังต้องถูกฮูหยินผู้เฒ่ากดขี่ต่อไปอีก และจะมิได้สิทธิ์ดูแลตระกูลเก๋อด้วยทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะเก๋อฮุ่ยหนิง!ในชั่วขณะหนึ่งฮูหยินเก๋ออยากจะตีนางสารเลวผู้นี้ให้ตายไปเสีย นางถึงกับแอบสาบานว่า นางจะต้องหาคู่แต่งงานที่น่ารังเกียจที่สุดให้ก
เมื่อหลิงอวี๋ไปถึงบ้านตระกูลเก๋อ ตอนนี้เก๋อฮุ่ยหนิงมองหลิงอวี๋แตกต่างออกไปแล้ว ที่แท้หมอเจียงก็มีตระกูลเฉียวสนับสนุนอยู่ นางจึงได้กล้าหาญมิเกรงกลัวอำนาจของตระกูลเก๋อเช่นนี้!กระต่ายน้อยที่หลิงอวี๋ผ่าท้องไปนั้นยังมีชีวิตอยู่ดี ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจึงยิ่งรู้สึกสนใจที่จะให้หลิงอวี๋ทำการรักษานางแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจะรู้สึกสนใจขึ้นมาแล้ว แต่หากยังมิผ่านการยินยอมจากลูกชายเสียก่อน นางก็มิอาจตัดสินใจเองโดยพลการได้ ข้าหลวงเก๋อจึงถูกเชิญมา นับเป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้พบกับใต้เท้าข้าหลวงเมืองจงกวนผู้นี้เขาอายุสี่สิบกว่า ดูมีชีวิตชีวา เขามีใบหน้ารูปเหลี่ยม จมูกงุ้มเล็กน้อยและมีดวงตาลึกเขามองประเมินหลิงอวี๋ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “หมอเจียง ท่านแม่ของข้าเทียบกับกระต่ายมิได้หรอกนะ ชีวิตของนางมีค่ามากกว่ากระต่ายตัวนั้นร้อยเท่า เจ้าแน่ใจหรือว่าการผ่าตัดให้นางจะมิเป็นอันตราย?”หลิงอวี๋เผชิญหน้ากับข้าหลวงเก๋อผู้มีอำนาจ โดยมิได้แสดงความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอจนเกินไป “ท่านใต้เท้าเก๋อ แม้ว่าชีวิตของฮูหยินผู้เฒ่าจะล้ำค่ากว่ากระต่ายตัวนั้นแต่ก็เป็นชีวิตเจ้าค่ะ ข้าได้พ
เก๋อฮุ่ยหนิงครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง จากที่จื่ออวิ๋นเล่ามา เนื้อตัวของเฉียวไป๋เต็มไปด้วยบาดแผล และหมอเจียงก็เป็นหมอ ดังนั้นบางทีนางอาจจะช่วยชีวิตเฉียวไป๋เอาไว้ก็ได้เฉียวไป๋อยู่ที่นี่ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงแดนเทพเกือบพันลี้ ดังนั้นขอเพียงตนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ทำให้เฉียวไป๋จดจำความดีของตนเอาไว้ แล้วค่อยยุให้ท่านย่าออกหน้า การแต่งงานครั้งนี้ก็จะมีแนวโน้มประสบความสำเร็จถึงแปดหรือเก้าในสิบแล้วแต่จะเข้าใกล้เฉียวไป๋ได้อย่างไรกัน?เก๋อฮุ่ยหนิงมิคิดว่า หากตนเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับเฉียวไป๋ก่อน เขาก็คงจะสนใจนางปกติแล้วคุณชายตระกูลขุนนางเหล่านี้มักจะมิเห็นใครอยู่ในสายตาทั้งนั้น หากมิใช่คนพิเศษสักหน่อย เฉียวไป๋ไม่มีทางยอมให้ตนเข้าใกล้เขาเป็นอันขาด!“จื่ออวิ๋น เจ้าไปสืบมาทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตระกูลเฉียว เหตุใดคุณชายเฉียวจึงมาลำบากอยู่ที่นี่ได้!”“และหากสืบมาได้ว่าคุณชายเฉียวชอบอะไรก็จะยิ่งดี!”เก๋อฮุ่ยหนิงรู้สึกว่า เมื่อก่อนนั้นตนยอมรับความลำบากมาโดยตลอด จึงได้ถูกเก๋อฮุ่ยซินแย่งชิงเรื่องการแต่งงานไป แต่ครั้งนี้มิว่าอย่างไรนางก็จะต่อสู้เพื่อตนเองให้ได้หากว่ามิสำเร็จ นางค่อยยอมรับชะตากรรมก็ได้