“ท่านพี่ อย่าได้กังวล! เราจะต้องตามหาเยวี่ยเยวี่ยเจอแน่!”เกิ่งเสี่ยวหาวเห็นสีหน้าหลิงอวี๋ดูเศร้าหมอง จึงรีบปลอบใจ“วันนี้ก็ใช่ว่าเราไม่ได้อะไรเลย! การช่วยเด็กที่ถูกลักพาตัวไปหลายคน นี่ก็เป็นบุญอย่างหนึ่งแล้ว!”“เยวี่ยเยวี่ยเป็นคนดีย่อมไม่มีภัยใดมาถึงตัว เราต้องตามหาเขาเจอแน่!”ฉินซานก็มองนางอย่างกังวลเช่นกัน“อาอวี๋ เจ้าก็ตามหามาทั้งวันแล้ว ข้าจะให้คนส่งเจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนดีหรือไม่ ข้ากับเสี่ยวหาวจะจัดหาคนมาตามหาเพิ่ม…”“ไม่! ข้าจะหาเยวี่ยเยวี่ยให้เจอ! ข้าอยากหาเขาให้เจอด้วยตัวข้าเอง!”หลิงอวี๋ยกมือทั้งสองขึ้นเช็ดหน้า พบว่าน้ำตาเต็มใบหน้าของนางไปหมดไม่แปลกใจเลยที่เกิ่งเสี่ยวหาวกับฉินซานจะเป็นห่วงนางถึงเพียงนั้น...หลิงอวี๋ลูบหน้าแรง ๆ สองสามครั้ง ให้ตนเองฮึดสู้ขึ้นมานางจะท้อถอยไม่ได้!หากนางท้อถอย พวกเกิ่งเสี่ยวหาวก็จะได้รับผลกระทบทางอารมณ์จากนางเช่นกัน!“ข้าเชื่อว่าคนดีจะได้รับแต่สิ่งที่ดี! พวกเราช่วยเด็ก ๆ เหล่านี้แล้ว เมื่อพระเจ้าเห็นบุญนี้ จะต้องให้เยวี่ยเยวี่ยกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน!”หลิงอวี๋มองพวกคนที่ถูกมัดไว้ คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างโหดร้าย“เจ้ากับฉิ
“เซียวหลินเทียน! เจ้าคืนลูกชายของข้ามานะ!”หลิงอวี๋เห็นความมืดมิดกลืนร่างผอมบางของหลิงเยวี่ยเข้าไป ก็ร้องออกมาด้วยใจที่แตกสลาย“ข้าเกลียดเจ้า… ชีวิตนี้อย่าคิดว่าข้าจะให้อภัยเจ้า…”นางยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเงาดำ ๆ กระโดดลงหน้าผาไปแล้วตามมาด้วยเสียงคำรามอย่างร้อนใจของลู่หนานกับจ้าวซวน "ท่านอ๋อง... ไม่!"สมองของหลิงอวี๋ว่างเปล่า มองไปที่หน้าผามืดมิดด้วยความตะลึงงัน เซียวหลินเทียนกระโดดลงไปหรือ?จ้าวซวนไม่พูดพร่ำทำเพลง โบกดาบในมือแล้วพุ่งเข้าไปหาหลิงอวี๋หลิงอวี๋ตกใจมากจนลืมหลบ"หลบเร็วเข้า!"ตอนที่ฉินซานเห็นหลิงเยวี่ยถูกโยนลงไปก็รีบวิ่งเข้ามาทันที แต่ช้าไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น เซียวหลินเทียนกระโดดลงไปแล้วเขาเห็นจ้าวซวนโกรธมากจนอยากจะฆ่าหลิงอวี๋ ก็รีบพุ่งเข้าไปกอดหลิงอวี๋หลบทันทีลู่หนานก็คิดว่าจ้าวซวนจะฆ่าหลิงอวี๋เช่นกัน จึงรีบตะโกน "พี่จ้าว อย่าใจร้อนสิ..."ไหนเลยจะรู้ว่าจ้าวซวนผ่านหลิงอวี๋ไป แล้วตัดขาของเฉินฉางซิ่งที่คิดจะใช้โอกาสนี้หลบหนีด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียว“เอาคบไฟมา!”จ้าวซวนใบหน้าบูดบึ้ง แล้วตะคอกใส่หลู่ชิ่งที่ตัวแข็งเป็นหินอยู่ข้าง ๆ หลู่ชิงรีบหยิบคบไฟ ใช้
ตอนที่หลิงอวี๋เอื้อมมือออกไปจะอุ้มหลิงเยวี่ย เซียวหลินเทียนก็ฟื้นขึ้นมา แล้วกระชับแขนของเขาโดยไม่รู้ตัวหลิงเยวี่ยถูกรัดแน่นจนเจ็บและร้องออกมาเซียวหลินเทียนฟื้นขึ้นมาอย่างเต็มที่ ถึงได้เห็นแสงไฟและหลิงอวี๋“เซียวหลินเทียน เจ้าปล่อยก่อนเถิด ข้าจะให้พวกเขาดึงเยวี่ยเยวี่ยขึ้นไปก่อน!”หลิงอวี๋เห็นดวงตาที่สับสนของเซียวหลินเทียนจึงพูดเซียวหลินเทียนถึงได้ปล่อยมือ จากนั้นหลิงอวี๋ก็ผูกเชือกรอบตัวหลิงเยวี่ย พลางเอ่ยปลอบโยนเขา“เยวี่ยเยวี่ย ไม่ต้องกลัวนะ ลู่หนานกับลุงจ้าวซวนจะดึงเจ้าขึ้นไปอย่างปลอดภัย!”หลิงเยวี่ยพยักหน้าอย่างรู้ความหลิงอวี๋กระตุกเชือก ลู่หนานได้รับสัญญาณก็ดึงหลิงเยวี่ยขึ้นไปอย่างช้า ๆเมื่อครู่หลิงอวี๋เพิ่งสังเกตเห็นว่าสิ่งที่รองรับเซียวหลินเทียนกับหลิงเยวี่ยไว้นั้นเป็นต้นไม้ใหญ่รูปร่างคดเคี้ยวและลำต้นหนามาก เซียวหลินเทียนจึงไม่ตกอยู่ในอันตรายแต่นางไม่กล้าเข้าไป กลัวว่าลำต้นของต้นไม้จะไม่สามารถรับน้ำหนักของผู้ใหญ่ที่เพิ่มขึ้นอีกคนได้ นางยืนอยู่บนหินที่ยื่นออกมาติดกับกำแพงหิน“เซียวหลินเทียน บาดแผลของเจ้าข้าไม่สามารถช่วยรักษาให้ได้ในตอนนี้! แต่เจ้าไม่ต้องกังวล รอ
หลิงอวี๋ถูกดึงขึ้นมาอย่างราบรื่น นางไม่สนใจที่จะพัก แล้วเอ่ยเรียก "เซียวหลินเทียน ข้าจะรักษาบาดแผลให้เจ้า!"นางให้ลู่หนานถือคบไฟ จากนั้นหยิบยารักษาบาดแผล ยาฆ่าเชื้อ และผ้าก๊อซออกมาจากในมิติ แล้ววิ่งไปคุกเข่าตรงหน้าเซียวหลินเทียนนางใช้มีดผ่าตัดกรีดขากางเกงของเซียวหลินเทียน เห็นบาดแผลยาวเท่าฝ่ามือ มีเลือดและเนื้อเหวอะออกมานางก้มหัวใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดแผล แผลยาวขนาดนี้ จำเป็นต้องเย็บแผลหลิงอวี๋หยิบเข็มออกมาแล้วเย็บแผลโดยไม่มีการคิดอะไรเลยนางคิดแค่อยากจะรีบจัดการกับบาดแผล แล้วไปดูแลหลิงเยวี่ย เยวี่ยเยวี่ยตกลงไปสูงถึงเพียงนั้น จะต้องตกใจมากเป็นแน่หลิงอวี๋รีบเย็บอย่างรวดเร็ว ทายารักษาบาดแผล แล้วพันผ้าพันแผลให้เซียวหลินเทียนจากนั้นนางก็สั่งให้ลู่หนานกับจ้าวซวนอุ้มเซียวหลินเทียนกลับไปที่รถม้าแล้วหลิงอวี๋ถึงไปอุ้มหลิวเยวี่ย หลู่ชิ่งเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ "พระชายาทำงานหนักมานานมากแล้ว จะต้องเหนื่อยมากแน่! ให้ข้าแบกเยวี่ยเยวี่ยขึ้นไปเถิดขอรับ!"หลิงอวี๋เห็นเฮยจื่อมองตาปริบ ๆ จึงเอ่ย "เจ้าแบกเฮยจื่อไปเถิด! เยวี่ยเยวี่ยนี้ข้าดูแลก็พอแล้ว!!"หลู่ชิ่งเหลือบมองเฮยจื่อ ทำได้เพียงอดกลั้น
หลิงเยวี่ยเป็นเด็กเขารู้จักพอเพียงได้ง่าย ๆ ในสายตาของเขาแล้วการได้อยู่ในอ้อมแขนของหลิงอวี๋เป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดประกอบกับตลอดทั้งวันนี้ล้วนมีแต่ความวิตกกังวล พอรถม้าโยกไปมา ไม่นานเขาก็หลับไปแต่เฮยจื่อกลับไม่กล้านอน เขาคุกเข่าแทบเท้าของเซียวหลินเทียน อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้าพูดหลิงอวี๋เห็นเซียวหลินเทียนหลับตา นางก็หันหน้าหนีไปเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะกระโดดลงไปช่วยหลิงเยวี่ยได้ทันเวลา แต่พอนึกถึงว่าตอนอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ตอนที่เฉินฉางซิ่งให้เซียวหลินเทียนเลือก คนที่เซียวหลินเทียนเลือกก็คือเฮยจื่อหลิงอวี๋ไม่สามารถทนรับสิ่งนี้ได้ ถ้าเซียวหลินเทียนเลือกหลิงเยวี่ย เยวี่ยเยวี่ยก็ไม่มีทางถูกเฉินฉางซิ่งผลักลงหน้าผาไปดังนั้น นางไม่สนใจทั้งนั้นว่า "พ่อบุญธรรมกับลูกบุญธรรม" อย่างพวกเขาจะปฏิบัติต่อกันเยี่ยงไรหลิงอวี๋กอดเยวี่ยเยวี่ยแน่น คิดแค่กลับตำหนักไปจะพาหลิงเยวี่ยกับพวกแม่นมลี่ออกไปจากตำหนักอ๋องอี้เซียวหลินเทียนต้องการหย่าร้างกับนางอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?ได้ นางจะพาเยวี่ยเยวี่ยไป ให้เซียวหลินเทียนเสียใจไปตลอดชีวิตหลังจากที่ได้รู้ความจริง!แต่เมื่อเห็นหลิงเ
ครั้นกลุ่มคนเดินทางกลับถึงเมืองหลวงฟ้าก็สว่างแล้วหลิงอวี๋หลับกลางทาง นางตื่นตอนรถม้าควบมาถึงตำหนักอ๋องอี้ พลันรุดลงรถม้าพร้อมอุ้มหลิงเยวี่ยที่หลับสนิทเพราะเกินทนรอนางมิต้องการอยู่ร่วมกับเซียวหลินเทียนดั่งความสัมพันธ์ฉัน “พ่อลูก” อีกต่อไป“เซียวหลินเทียน เจ้าถามเฮยจื่อเมื่อไรแจ้งข้าด้วย! ข้ามีสิทธิ์รู้ว่าใครลักพาตัวลูกข้าไป!”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนเย็นชาพลางยิ้มหยันกล่าวคำ “เจ้าอย่าคิดปกป้องคนผิด! ถ้าข้าไม่พอใจคำตอบ งั้นข้าก็ไม่กลัวรบกวนถึงองค์จักรพรรดิ!”เอ่ยจบ หลิงอวี๋พลางอุ้มหลิงเยวี่ยเดินกะเผลกจากไปจ้าวซวนใช้สายตาส่งสัญญาณให้ลู่หนานลู่หนานเข้าใจพลางไล่ตามไปขวางหลิงอวี๋กล่าวคำ “พระชายา ข้าจะส่งพวกท่านกลับขอรับ!”หลิงอวี๋ทั้งหิวและเท้าเจ็บเลยไม่มากพิธีกับลู่หนาน พลางตามลู่หนานกลับเรือนบุหงาแม่นมลี่กับหลิงซินเป็นห่วงจนนอนไม่หลับทั้งคืนหลิงซินยิ่งทวีความตระหนกหวาดผวา นางเป็นคนดูแลแต่หลิงเยวี่ยหายตัวไป หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหลิงเยวี่ย นางขอไถ่โทษด้วยชีวิตนางยืนรออยู่นอกเรือนบุหงาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ครั้นเห็นลู่หนานอุ้มหลิงเยวี่ยกลับมาจากไกล ๆ หยาดน้ำตาหลิงซินพลันไ
หลิงอวี๋และกลุ่มคนมาถึงเรือนริมวารี ลานเรือนเซียวหลินเทียนเปี่ยมด้วยคนแล้วหลิงอวี๋กวาดตามองพบชิวเหวินซวง พ่อบ้านฟั่นและคนรับใช้ยืนอยู่ใต้ขั้นบันได เฮยจื่อยืนข้างหน้าคนรับใช้นางไม่อยากยอมรับการมองลงมาของเซียวหลินเทียนเหมือนคนรับใช้พวกนั้น เลยดึงหลิงเยวี่ยขึ้นบันไดยืนอีกด้านของเซียวหลินเทียน“ดี คนมาครบแล้ว! ตัวข้าจะเริ่มการไต่ถามประเดี๋ยวนี้!”เซียวหลินเทียนมองเฮยจื่อสีหน้าไร้คลื่นอารมณ์พลางกล่าวเสียงทุ้ม“เฮยจื่อ เจ้าก่อน ลองเล่าให้ทุกคนสิว่า เจ้าหนีออกตำหนักอ๋องอี้ได้เช่นไร ทั้งยังไปตกอยู่ในน้ำมือผู้ลักพาได้อย่างไร!”เฮยจื่อลอบมองเซียวหลินเทียนอย่างขลาดกลัวพลางคุกเข่าลงเสียงดังตุ้บ“ท่านพ่อทูนหัว กระหม่อมรู้ความผิดแล้วว่าไม่ควรคิดไปจากตำหนักอ๋องอี้เพราะความโกรธชั่ววูบ ต่อไปกระหม่อมมิกล้าอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามเสียงเด็ดขาด “ไยต้องโกรธ? เจ้าเห็นพระชายากับหลิงเยวี่ยที่เรือนวันนั้นหรือ?”เฮยจื่อตัวสั่นเทิ้ม แอบมองหลิงอวี๋บนบันไดพลางกล่าวใจไม้ไส้ระกํา“กราบทูลท่านพ่อทูนหัว วันนั้นพระชายาและหลิงเยวี่ยเคยมาเรือนจริง! เป็นกระหม่อมที่ให้เฉี่ยวเหลียนไปเชิญพ่ะย่ะค่ะ!
เฉี่ยวเหลียนสมรู้ร่วมคิดกับเฮยจื่อแล้วยืนยันว่าตนด่าเฮยจื่อและมีหลายคนพบเห็นตนเคยไปเรือนของเฮยจื่อจริง ๆตราบใดที่ทั้งสองยืนกรานกล่าวว่าตนข่มเหงเฮยจื่อ นั่นแม้ว่าตนจะไม่ได้ลักพาตัวเขา ชื่อเสียงโหดเหี้ยมนี้นางก็ต้องแบกรับงั้นหรือ?ความคิดของหลิงอวี๋ปั่นป่วนเร็วจี๋ นางควรพิสูจน์ว่าตนมิได้ด่าเฮยจื่อเช่นไรดี?กลอุบายคราก่อนที่ทำให้หลิงหลานกับแม่ครัวพิสูจน์ว่าตัวเองกล่าวเท็จเคยใช้แล้วครั้งหนึ่ง ไม่อาจใช้ได้ผลอีกนางมองเฮยจื่อกับเฉี่ยวเหลียน มุมปากเผยยกยิ้มเร็วพลัน“ท่านอ๋อง พวกเขามั่นใจว่าหม่อมฉันด่าคนเยี่ยงนี้! หากหม่อมฉันพูดว่าไม่เคยด่าเฮยจื่อและไม่มีพยานในเหตุการณ์ เดาว่าจะไม่มีคนเชื่อหม่อมฉันว่าพูดความจริงเพคะ!”“แต่หลิงอวี๋มีวิธีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตน โปรดขออนุญาตท่านอ๋อง หลิงอวี๋ขอถามเฮยจื่อสักสองสามคำถามเพคะ”เซียวหลินเทียนมองนางพลางผงกศีรษะ “ได้ เจ้าถามเถอะ!”หลิงอวี๋หยิบเมล็ดช็อกโกแลตหนึ่งเม็ดออกจากถุงเหรียญที่หลิงซินเย็บให้ตน พลางเดินลงบันไดเฮยจื่อไม่ทันโต้ตอบ หลิงอวี๋พลันบีบกรามล่างเขาพลางยัดเมล็ดช็อกโกแลตเข้าปากเขาเมล็ดช็อกโกแลตละลายในปากรวดเร็ว เฮยจื่อรู้สึกขมและห
สองพี่น้องเจียงคือผู้ช่วยชีวิตที่สำคัญที่สุดของเฉียวไป๋ เมื่อเฉียวไป๋รู้ว่าพวกนางเองก็จะติดตามตระกูลเก๋อไปเมืองหลวงแดนเทพด้วย ก็แสดงว่าเมื่อถึงเมืองหลวงแดนเทพ เขาก็สามารถมอบเรือนสี่ประสานให้กับทั้งสองคนได้หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดนี้ก็มิได้รู้สึกอะไร ทั้งยังเอ่ยเยาะเย้ยออกไป “รอให้ไปถึงเมืองหลวงแดนเทพก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด! ตอนนี้แม้แต่เงินค่าอาหารกับอาภรณ์ของเจ้าก็ยังได้รับจากตระกูลเก๋อเปล่า ๆ เลย!”“แล้วเจ้ามาบอกว่าจะมอบเรือนสี่ประสานให้พวกเรา ข้าจะเชื่อได้อย่างไรเล่า!”จากนั้นหลิงอวี๋ก็นำกริชของเฉียวไป๋ออกมาโบกไปที่เฉียวไป๋ พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้ามีเงิน ก็มาแลกกริชนี้กลับไปก่อนเถิด!”เฉียวไป๋พูดมิออกไปในทันที แล้วจ้องมองหลิงอวี๋อย่างหดหู่ จากนั้นก็เอ่ยอย่างมิพอใจ“เจ้ามันมิรู้จักแยกแยะของดี เจ้ามิรู้หรอกว่ามูลค่าของกริชเล่มนี้นั้นสามารถซื้อเรือนสี่ประสานได้ถึงสิบหลังเชียว! หากเจ้ามิเชื่อก็รอไปถึงที่เมืองหลวงแดนเทพ จากนั้นเจ้าก็ไปหาคนที่รู้จักของดีมาดูสักหน่อยก็รู้แล้ว!”ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยยิ้มแย้มกันอยู่ เก๋อฮุ่ยหนิงก็เดินเข้ามา หลิงอวี๋จึงเก็บกริชเล่มนั้นกลับไปท
สองวันต่อมา ฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อก็สามารถลุกจากเตียงได้แล้ว และนอกจากสีหน้าที่ยังซีดเซียวอยู่เล็กน้อยกับร่างกายที่ยังคงอ่อนแออยู่นิดหน่อย โดยรวมแล้วนางก็สามารถเดินไปเดินมาในห้องได้แล้วข้าหลวงเก๋อจึงยิ่งให้ความสำคัญกับทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋มากขึ้นไปอีก และให้ฮูหยินเก๋อจัดเตรียมเรือนให้สองพี่น้องตระกูลเจียงอาศัยอยู่โดยเฉพาะเลยข้าหลวงเก๋อเคยถามหลิงอวี๋แล้วว่า ดูจากอาการของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อแล้วพวกเขาจะออกเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพกันได้เมื่อใดหลิงอวี๋ให้คำตอบมาว่า คงจะครึ่งเดือน เมื่อข้าหลวงเก๋อได้ยินดังนั้น เขาก็เริ่มให้คนเตรียมตัวเรื่องการเดินทางทางด้านฮูหยินเก๋อ นางก็วางแผนไว้ว่าจะจัดงานแต่งงานให้เก๋อฮุยซินกับคุณชายจ้าวก่อนแล้วค่อยออกเดินทางก่อนหน้านี้ตระกูลจ้าวก็กังวลว่า หากฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อตาย เก๋อฮุ่ยซินก็จะต้องไว้ทุกข์ ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมจัดงานแต่งงานไว้ล่วงหน้าแล้วของกำนัลในงานแต่งงานทั้งหมดก็เตรียมเสร็จแล้ว และตระกูลเก๋อก็ตกลงกันได้ทันที ดังนั้นจึงกำหนดวันแต่งงานไว้ในอีกสิบวันต่อมาแต่เก๋อฮุ่ยซินกลับมิได้ยินดีแล้ว มิรู้ว่านางไปได้ยินมาจากใครว่าเก๋อฮุ่ยหนิงช่วยชีวิตค
หลิงอวี๋กำลังอยู่ดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อ และคิดเรื่องที่จะไปเมืองหลวงแดนเทพ แล้วนางก็เห็นนางรับใช้คนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา“หมอเจียง น้องสาวของท่านกับคุณชายเฉียวเผชิญหน้ากับมือสังหาร คุณชายเฉียวได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณหนูสามให้เชิญท่านไปดูเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงรีบให้แม่นมหลี่คอยดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อ แล้วนางก็รีบตามนางรับใช้ไปยังเรือนที่เก๋อฮุ่ยหนิงอาศัยอยู่ที่แขนของป้าวซวนเปื้อนไปด้วยเลือด และถูกพันแผลเอาไว้ลวก ๆ เมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ ดวงตาของนางก็แดงก่ำแล้วน้ำตาไหลออกมาทันทีก่อนหน้านี้มัวแต่ยุ่งอยู่กับการหลบหนี จนมิรู้จักกลัวอันตรายใด ๆแต่ยามนี้เมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ผู้เป็นดั่งพี่สาวของตน ป้าวซวนก็รู้สึกกลัวขึ้นมา“น้องหญิง เจ้ามิเป็นไรใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋ประคองป้าวซวนแล้วตรวจดูอาการของนางอย่างกระวนกระวาย ป้าวซวนส่ายหัวพลางสะอื้นเอ่ย “ข้ามิเป็นไร คุณชายเฉียวได้รับบาดเจ็บหนักกว่าข้า เจ้าไปดูอาการเขาก่อนเถิด!”เก๋อฮุ่ยหนิงก็ลุกขึ้นมาจากข้างเตียง แล้วตะโกนออกมา “หมอเจียง เจ้ารีบมาดูคุณชายเฉียวเร็วเข้า เขาได้รับบาดเจ็บหลายจุด มิรู้ว่าชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย
เฉียวไป๋ยกมือขึ้นแล้วฟาดฝ่ามือออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี จากนั้นโต๊ะภายในห้องที่ถูกแยกออกเป็นสองส่วนก็ลอยขึ้นไป แล้วโจมตีใส่มือสังหารตามแรงลมจากฝ่ามือของเฉียวไป๋...ทว่ามือสังหารที่ข้าหลวงเก๋อส่งมาล้วนมีวรยุทธ์แก่กล้าทั้งสิ้น มิได้ด้อยไปกว่าเฉียวไป๋เลยมือสังหารคนหนึ่งฟันโต๊ะที่ปลิวมาหาตน แล้วพุ่งไปหาเฉียวไป๋อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ใช้กระบี่ในมือแทงเข้าไปที่ไหล่ของเขา“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ มานี่เร็วเข้า...”ป้าวซวนตะโกนขึ้นมา นางหวังให้แขกคนอื่นในโรงเตี๊ยมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแต่แขกที่ขี้ขลาดกลัวปัญหาเหล่านั้นหนีกันไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นว่ามีมือสังหารแทงที่ต้นขาของเฉียวไป๋อีกครั้ง ป้าวซวนก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าตอนที่หลิงอวี๋เตรียมยาแก้พิษให้ตนเมื่อคืน นางได้ให้ผงยาหนึ่งห่อไว้กับตนด้วยหลิงอวี๋บอกว่าเป็นของดีที่ให้นางใช้หลบหนีเมื่อพบเจอพวกคนเลวป้าวซวนจึงมิคิดอะไรแล้ว นางหยิบมันออกมาแล้วพุ่งเข้าไป จากนั้นก็ยกมือขึ้นโปรยผงยาให้ลอยไปทางพวกมือสังหาร“มีพิษ!”มือสังหารที่พุ่งมาข้างหน้าชะงักไปทันที แล้วก้าวถอยหลังโดยมิรู้ตัว ป้าวซวนจึงรีบคว้าเฉียวไป๋แล้ววิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วมือส
เมื่อข้าหลวงเก๋อได้ยินดังนั้นก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที แล้วรีบเอ่ยถามรัว ๆ อย่างร้อนใจ “เหตุใดคุณชายตระกูลเฉียวจึงอยู่ที่เมืองจงกวน? คนที่มาคือผู้ใด? หนิงเอ๋อร์ เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร? เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาคือคุณชายตระกูลเฉียวจริง ๆ?”เก๋อฮุ่ยหนิงจึงเล่าเรื่องที่จื่ออวิ๋นจำเฉียวไป๋ได้ให้เขาฟัง แล้วบอกแผนการของตนให้ข้าหลวงเก๋อรู้โดยมิปิดบังด้วยสุดท้าย เก๋อฮุ่ยหนิงก็เอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ “ขอเพียงท่านพ่อส่งยอดมือสักสองสามคนมาแสดงร่วมกับข้า ให้ข้าได้เป็นวีรสตรีช่วยเหลือบุรุษรูปงาม เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเฉียวไป๋จะต้องรู้สึกขอบคุณข้าอย่างแน่นอน!”“เมื่อกอปรกับความสามารถและความงามของข้าแล้ว ในท้ายที่สุดคุณชายเฉียวจะต้องแต่งงานกับข้าอย่างแน่นอน!”เมื่อข้าหลวงเก๋อได้ยินว่าเก๋อฮุ่ยหนิงได้คิดแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ในที่สุดเขาก็มองลูกสาวที่มิเป็นที่สนใจมาโดยตลอดผู้นี้ในมุมมองที่ต่างออกไป นางเป็นคนที่มีกล้าหาญ มีความฉลาด มีกลยุทธ์และมีความเด็ดขาด หากสตรีเช่นนี้มุ่งเป้ามาที่ตน ตนไม่มีทางหนีพ้นจากเงื้อมมือของนางได้แน่คุณชายตระกูลเฉียวเองก็เป็นบุรุษเช่นกัน เขาเชื่อว่าคุณชายตระกูลเฉี
ฮูหยินเก๋อมิได้เข้าใจความพยายามของข้าหลวงเก๋อในทันที และยังคงรู้สึกเสียใจกับเงินห้าพันตำลึงนี้อยู่ ข้าหลวงเก๋อเห็นว่านางมิเข้าใจ จึงลากนางเดินออกไปจากนั้นข้าหลวงเก๋อจึงบอกความตั้งใจของตนให้ฮูหยินเก๋อฟังอย่างง่าย ๆ ฮูหยินเก๋อจึงได้สติคืนมาการที่สามีได้เลื่อนขั้นไปในตำแหน่งที่สูงขึ้นนั้นย่อมเป็นสิ่งฮูหยินเก๋ออยากเห็นอยู่แล้ว แม้ว่านางจะทำใจมิได้แต่ก็ทำได้เพียงนำตั๋วเงินห้าพันตำลึงมามอบให้หลิงอวี๋และเพื่อเป็นการดึงตัวหลิงอวี๋ให้มาทำงานกับสามี ฮูหยินเก๋อจึงพยายามพูดความดีของข้าหลวงเก๋ออย่างเต็มที่ ทั้งยังพูดออกไปอย่างมิปิดบังอีกว่า ขอเพียงหลิงอวี๋ติดตามพวกเขาไปเป็นหมอประจำตระกูลเก๋อที่เมืองหลวงแดนเทพ นางจะมิทำให้หลิงอวี๋ต้องลำบากอย่างแน่นอนเมื่อหลิงอวี๋ได้ยินดังนั้น จึงได้รู้ว่าที่ข้าหลวงเก๋อให้เงินเป็นจำนวนมากนั้นเพราะมีเจตนาแอบแฝง นางจึงลังเลขึ้นมาทันทีหากพูดด้วยใจที่เป็นกลางแล้วละก็ นางมิยินยอมที่จะเป็นทาสของตระกูลเก๋อ เพราะหากเป็นเช่นนั้นนางจะสูญเสียอิสรภาพไปแต่เมื่อหลิงอวี๋คิดว่า นางเองก็ต้องไปที่เมืองหลวงแดนเทพเช่นกัน และบางทีก็อาจจะพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ด้วย การที่มีตระกูล
เก๋อฮุ่ยหนิงมองไปแล้วก็เกือบจะอาเจียนออกมา“คุณหนูสาม หมอเจียงได้นำถุงน้ำออกมาแล้วเจ้าค่ะ นางให้บ่าวยกออกมาให้พวกท่านดู! ตอนนี้หมอเจียงกำลังเย็บแผลของฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ คงจะต้องใช้เวลาสักพักเจ้าค่ะ!”นางรับใช้ใช้ตัวน้อยยกสิ่งที่อยู่ในจานให้ทุกคนดู เมื่อฮูหยินเก๋อและคุณหนูคนอื่น ๆ เห็นก็ตกใจจนรีบเบือนสายตาไปทางอื่นในทันทีเก๋อฮุ่ยหนิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจอยู่ภายในใจ หมอที่ตนเชิญมารักษาฮูหยินผู้เฒ่าเก่งกาจถึงเพียงนี้ ตนช่างมีสายตาที่หลักแหลมเสียจริง!“ยกถุงน้ำไปให้ท่านพ่อดูสิ ท่านพ่อจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่ในที่สุดโรคของท่านย่าก็รักษาหายแล้ว!”เก๋อฮุ่ยหนิงจงใจเอ่ยขึ้นมานางรับใช้ตัวน้อยจึงทำตามคำสั่งแล้วยกไปให้ข้าหลวงเก๋อดูเก๋อฮุ่ยซินและฮูหยินเก๋อต่างก็มองหน้ากัน ทั้งสองคนต่างก็โกรธมาก ๆหากฮูหยินผู้เฒ่าหายดีแล้ว เช่นนั้นก็แสดงว่าฮูหยินเก๋อยังต้องถูกฮูหยินผู้เฒ่ากดขี่ต่อไปอีก และจะมิได้สิทธิ์ดูแลตระกูลเก๋อด้วยทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะเก๋อฮุ่ยหนิง!ในชั่วขณะหนึ่งฮูหยินเก๋ออยากจะตีนางสารเลวผู้นี้ให้ตายไปเสีย นางถึงกับแอบสาบานว่า นางจะต้องหาคู่แต่งงานที่น่ารังเกียจที่สุดให้ก
เมื่อหลิงอวี๋ไปถึงบ้านตระกูลเก๋อ ตอนนี้เก๋อฮุ่ยหนิงมองหลิงอวี๋แตกต่างออกไปแล้ว ที่แท้หมอเจียงก็มีตระกูลเฉียวสนับสนุนอยู่ นางจึงได้กล้าหาญมิเกรงกลัวอำนาจของตระกูลเก๋อเช่นนี้!กระต่ายน้อยที่หลิงอวี๋ผ่าท้องไปนั้นยังมีชีวิตอยู่ดี ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจึงยิ่งรู้สึกสนใจที่จะให้หลิงอวี๋ทำการรักษานางแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจะรู้สึกสนใจขึ้นมาแล้ว แต่หากยังมิผ่านการยินยอมจากลูกชายเสียก่อน นางก็มิอาจตัดสินใจเองโดยพลการได้ ข้าหลวงเก๋อจึงถูกเชิญมา นับเป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้พบกับใต้เท้าข้าหลวงเมืองจงกวนผู้นี้เขาอายุสี่สิบกว่า ดูมีชีวิตชีวา เขามีใบหน้ารูปเหลี่ยม จมูกงุ้มเล็กน้อยและมีดวงตาลึกเขามองประเมินหลิงอวี๋ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “หมอเจียง ท่านแม่ของข้าเทียบกับกระต่ายมิได้หรอกนะ ชีวิตของนางมีค่ามากกว่ากระต่ายตัวนั้นร้อยเท่า เจ้าแน่ใจหรือว่าการผ่าตัดให้นางจะมิเป็นอันตราย?”หลิงอวี๋เผชิญหน้ากับข้าหลวงเก๋อผู้มีอำนาจ โดยมิได้แสดงความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอจนเกินไป “ท่านใต้เท้าเก๋อ แม้ว่าชีวิตของฮูหยินผู้เฒ่าจะล้ำค่ากว่ากระต่ายตัวนั้นแต่ก็เป็นชีวิตเจ้าค่ะ ข้าได้พ
เก๋อฮุ่ยหนิงครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง จากที่จื่ออวิ๋นเล่ามา เนื้อตัวของเฉียวไป๋เต็มไปด้วยบาดแผล และหมอเจียงก็เป็นหมอ ดังนั้นบางทีนางอาจจะช่วยชีวิตเฉียวไป๋เอาไว้ก็ได้เฉียวไป๋อยู่ที่นี่ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงแดนเทพเกือบพันลี้ ดังนั้นขอเพียงตนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ทำให้เฉียวไป๋จดจำความดีของตนเอาไว้ แล้วค่อยยุให้ท่านย่าออกหน้า การแต่งงานครั้งนี้ก็จะมีแนวโน้มประสบความสำเร็จถึงแปดหรือเก้าในสิบแล้วแต่จะเข้าใกล้เฉียวไป๋ได้อย่างไรกัน?เก๋อฮุ่ยหนิงมิคิดว่า หากตนเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับเฉียวไป๋ก่อน เขาก็คงจะสนใจนางปกติแล้วคุณชายตระกูลขุนนางเหล่านี้มักจะมิเห็นใครอยู่ในสายตาทั้งนั้น หากมิใช่คนพิเศษสักหน่อย เฉียวไป๋ไม่มีทางยอมให้ตนเข้าใกล้เขาเป็นอันขาด!“จื่ออวิ๋น เจ้าไปสืบมาทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตระกูลเฉียว เหตุใดคุณชายเฉียวจึงมาลำบากอยู่ที่นี่ได้!”“และหากสืบมาได้ว่าคุณชายเฉียวชอบอะไรก็จะยิ่งดี!”เก๋อฮุ่ยหนิงรู้สึกว่า เมื่อก่อนนั้นตนยอมรับความลำบากมาโดยตลอด จึงได้ถูกเก๋อฮุ่ยซินแย่งชิงเรื่องการแต่งงานไป แต่ครั้งนี้มิว่าอย่างไรนางก็จะต่อสู้เพื่อตนเองให้ได้หากว่ามิสำเร็จ นางค่อยยอมรับชะตากรรมก็ได้