ในที่สุดงานวันฉลองพระราชสมภพก็สิ้นสุดลงตอนมาหลิงอวี๋ไม่ได้มากับเซียวหลินเทียน ตอนออกจากวังก็คร้านที่จะไปกับเขาเช่นกัน จึงพาหลิงเยวี่ยกับหลิงซินกลับไปก่อนเซียวหลินเทียนมองแผ่นหลังของหลิงเยวี่ยไปอย่างเศร้าสร้อย!เขาไม่ยอมรับว่าหลิงอวี๋เป็นชายาของตน!แต่เด็กคนนี้เป็นบุตรของเขา!เขาไม่ยอมรับไม่ได้!ชิวเหวินซวงเห็นท่าทางกังวลของเขา ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างใส่ใจ“ท่านอ๋อง เรื่องเมื่อครู่หม่อมฉันได้ยินทั้งหมดแล้ว! ที่จริงแล้ว… ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันหมิ่นประมาทพระชายานะเพคะ… แต่เรื่องหยดเลือดพิสูจน์สายเลือดนี่มันไม่ได้แม่นยำจริง ๆ นี่เพคะ!”“ตามที่ข้ารู้มา มันมียาที่สามารถทำให้เลือดหลอมรวมเข้าด้วยกันได้! พระชายารู้เรื่องการวางยาพิษ จะต้องมีความรู้เรื่องยาเหล่านี้มากแน่นอนเพคะ!”“ครั้งนี้พระชายาเตรียมตัวมาอย่างดี! เอายาเช่นนี้พกติดตัวมาทาลงบนนิ้วเสี่ยวเมา เลือดที่หยดลงไปก็จะสามารถหลอมรวมเข้ากับเลือดของท่านอ๋องได้เพคะ!”“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่ได้จับตาดูหรือเพคะ? ตอนที่เสี่ยวเมาขึ้นไปพระชายาลูบที่นิ้วชี้ของเสี่ยวเมานะเพคะ!”“หม่อมฉันว่า พระชายาต้องอาศัยเวลานั้นเอายาทาที่นิ้วชี้ของเสี่ยวเมาแน่นอนเพ
งานฉลองวันพระราชสมภพของไทเฮาสิ้นสุดลงแล้ว หลิงอวี๋ผ่านด่านนี้มาได้อย่างไม่มีอันตรายใด ๆ ทั้งยังได้เงินมาจำนวนมากด้วย คืนนี้จึงไปได้อย่างสบายวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋นอนหลับจนถึงมื้อเที่ยงแล้วถึงได้ตื่นเป็นประวัติการณ์เลยหลิงซินเอาน้ำมาให้ล้างหน้า หลิงอวี๋เห็นรอยดำใต้ตาสองข้างของนางจึงเอ่ยถาม“หลิงซิน เจ้าเป็นอะไรหรือ? เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือไร?”หลิงซินมองนางอย่างเศร้า ๆ จากนั้นก็หยิบตั๋วเงินจำนวนหนึ่งจากในอ้อมแขนของนางส่งให้หลิงอวี๋นางเอ่ยด้วยใบหน้าขมขื่น “คุณหนู ตั๋วเงินเหล่านี้คุณหนูช่วยเก็บไว้ให้บ่าวเถิดเจ้าค่ะ! เมื่อคืนบ่าวเก็บตั๋วเงินเหล่านี้ไว้ไม่รู้ว่าจะเอาไปซ่อนตรงที่ใด! กระวนกระวายนอนไม่หลับทั้งคืนเลยเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วถึงหัวเราะออกมานางรับตั๋วเงินห้าหมื่นจากเกิ่งเสี่ยวหาว แล้วให้เงินเดือนที่ค้างชำระให้แม่นมลี่กับหลิงซินคนละห้าร้อยตำลึงเกิ่งเสี่ยวหาวเปิดบ่อนการพนัน นางจึงเอาห้าร้อยของทั้งสองคนไปลงเดิมพัน เงินห้าร้อยของทั้งสองคนในงานฉลองวันพระราชสมภพเมื่อคืนกลายเป็นเงินห้าหมื่นเมื่อคืนกลับมา หลิงอวี๋บอกกับทั้งสองคน ทั้งสองตกใจจนตะลึงพรึงเพริดกันไปหม
ในตอนที่รออาหารกลางวัน หลิงอวี๋มองเรือนบุหงาที่ทรุดโทรม แล้วหยิบตั๋วเงินหนึ่งหมื่นส่งให้แม่นมลี่“แม่นม ในเมื่อข้ากับเซียวหลินเทียนยังไม่สามารถทำการหย่าร้างกันได้ในช่วงระยะนี้ และเพื่อให้พวกเราอยู่ที่นี่กันอย่างดี เจ้าเอาตั๋วเงินเหล่านี้ไปจ้างช่างมาซ่อมแซมเรือนบุหงาเถิด!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างจนใจ “ห้องหลักต้องทาสีเสียใหม่! ส่วนห้องที่เจ้ากับหลิงซินอยู่ก็ต้องซ่อมแซมเสียใหม่ด้วย! มิฉะนั้นยามฤดูฝนจะต้องฝนตกรั่วแน่!”แม่นมลี่เห็นว่าสิ่งที่หลิงอวี๋พูดล้วนเป็นความจริง จึงรับตั๋วเงินมาพลางเอ่ย“จะซ่อมแซมเรือนบุหงา จะต้องให้ท่านอ๋องอี้เห็นด้วยเจ้าค่ะ ถึงจะอนุญาตให้คนเข้ามาได้!”หลิงอวี๋นึกถึงคำพูดของไทเฮา นางกับเซียวหลินเทียนต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันเช่นนี้ต่อไปก็คงไม่ใช่เรื่องดี เหตุใดจึงไม่ใช้โอกาสนี้ไปซ่อมแซมความสัมพันธ์เสีย!หลิงอวี๋จึงพูด “เรื่องเล็กเช่นนี้เขาน่าจะเห็นด้วย! ประเดี๋ยวข้าไปพูดกับเขาเอง!”แม่นมลี่พยักหน้า ครุ่นคิดพลางเอ่ย “คุณหนู บ่าวอายุมากแล้ว หลิงซินก็อายุน้อย แม้ว่าเรือนบุหงาจะไม่ได้มีเรื่องอะไรมาก แต่คุณชายน้อยก็ต้องการคนดูแลนะเจ้าคะ! หรือไม่ คุณหนูซื้อตัวคนรับใช้อีกส
“ท่านอ๋อง… พระชายาบอกว่ามีเรื่องมาขอพบพ่ะย่ะค่ะ!”ลู่หนานลังเลอยู่นาน แล้วสุดท้ายก็เข้าไปรายงาน“ไม่พบ!” เซียวหลินเทียนตอบอย่างเย็นชา“ไม่พบ? แต่หม่อมฉันเข้ามาแล้ว! ท่านไม่พบก็ทำได้แค่ต้องพบแล้วล่ะ!”เสียงของหลิงอวี๋ดังเข้ามา เซียวหลินเทียนหันไปมองอย่างรังเกียจ แล้วก็พบว่าหลิงอวี๋เดินเข้ามาแล้ว“เรือนนี้ไม่เลวเลย! ดอกไม้ต้นไม้ก็ได้รับการดูแลอย่างดี!”หลิงอวี๋เดินไปก็มองรอบ ๆ ไปด้วยเรือนหลักที่เซียวหลินเทียนอาศัยอยู่มีขนาดประมาณสิบหว่าห้อง มีการทำความสะอาดอย่างดี ทางเดินแกะสลักได้มีการทาสีใหม่มาแล้ว“สมกับที่เป็นเรือนหลัก ดูสะอาดและมีราศี ดูแล้วเจริญหูเจริญตา! หลิงซิน เจ้าว่าเราย้ายมาอยู่ที่นี่เลยเป็นเยี่ยงไร?”หลิงซินยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ไม่กล้าพูดท่านอ๋องไม่ปรารถนาจะพบคุณหนู คุณหนูไม่รู้หรือ?เรื่องที่จะมาอยู่เรือนหลัก ไหนเลยนางจะกล้าคิด!“เซียวหลินเทียน เรือนบุหงาทรุดโทรมเกินไปแล้ว! หม่อมฉันอยากจะย้ายเรือนอาศัย ได้หรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถามยิ้ม ๆเซียวหลินเทียนมองนางอย่างเฉยเมย พลางเอ่ยลอดไรฟันออกมา “ไม่ได้!”“อ๋อ เช่นนั้นหม่อมฉันอยากจะซ่อมแซมเรือนบุหงาใหม่เสียหน่อย
“หลิงอวี๋ เจ้าหุบปากไปซะ!”เซียวหลินเทียนโกรธจนหน้าแดง ไม่รอให้นางพูดจบก็ตะคอกออกมาด้วยความโกรธหลิงอวี๋พูดอย่างใจเย็น “หม่อมฉันพูดเช่นนี้ไม่ได้เยาะเย้ยท่าน แต่เป็นการที่หมอคนหนึ่งวินิจฉัยให้ท่าน!”“เซียวหลินเทียน อาการป่วยนี้ของท่านเป็นผลมาจากขาทั้งสองข้างได้รับบาดเจ็บ! ขาของท่านรักษาได้ เพียงแต่ค่อนข้างใช้เวลา!”“หม่อมฉันช่วยรักษาเรื่องทางด้านการสืบทอดทายาทของท่านก่อนได้ โอสถสามอย่างนี้รักษาโรคได้!”“การเลี่ยงการรักษาถือเป็นข้อห้ามใหญ่! ท่านลองผลของโอสถหม่อมฉันก่อนได้แล้วค่อยว่ากัน!”“ถึงอย่างไรในช่วงระยะนี้หม่อมฉันก็ไปจากตำหนักอ๋องอี้ไม่ได้อยู่แล้ว หากโอสถไม่ได้ผล ท่านสามารถไปคิดบัญชีหม่อมฉันได้ตลอดเวลา!”เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ใบหน้าอึมครึมหมองคล้ำมือของเขากำแน่น เพราะสิ่งที่หลิงอวี๋พูดเป็นเรื่องจริง...สิ่งที่เขาคิดไม่ออกก็คือ หลิงอวี๋รู้ได้เยี่ยงไร?ท่านหมอว่านก็ไม่สามารถรักษาโรคนี้ของเขาได้!นี่คือสาเหตุที่เซียวหลินเทียนสิ้นหวังอย่างแท้จริง!เขาทนรับที่ขาทั้งสองข้างของตนเองไม่สามารถเดินได้ แต่การไร้ความสามารถสืบทอดทายาทนั้น ผู้ชายที่ไหนก็ไม่สา
“ได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! หลักการรักษาโรคของตำรับโอสถนี้คือการใช้ตัวยาฤทธิ์อุ่นร่วมกับตัวยาที่ขับเคลื่อนโลหิตและโลหิตอุดกั้น ในเส้นลมปราณอุ่นมาขับไล่ความเย็นและขจัดการอุดกั้น ช่วยคลายเส้นลมปราณขับเคลื่อนโลหิตและสลายโลหิตอุดกั้น เอาเย็นไปใส่ร้อน หากเลือดอุ่นก็จะทำงานได้ดี”ท่านหมอว่านพูดถึงทักษะทางการแพทย์อย่างชัดเจน“ในตำรับโอสถนี้มีตังกุย ดอกคำฝอย กำยาน อู่หลิงจือ กระทุง เทียนบ้าน เป็นต้น ล้วนเป็นตัวยาที่มีประสิทธิภาพในการผ่อนคลายเส้นลมปราณของขาท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่โกฐหัวบัว ชวนชวี่ต้วน และกุกบุยโป้วไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!”“ตำรับโอสถนี้ใครจัดหรือ? กระหม่อมอยากจะถามว่านี่คือเครื่องยาสมุนไพรอะไร มีชื่ออื่นหรือไม่!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว เครื่องยาสมุนไพรที่ท่านหมอว่านก็ไม่รู้ คิดไม่ถึงว่าหลิงอวี๋จะรู้?หรือว่าตำรับยานี้จะช่วยรักษาปัญหาการสืบทอดทายาทได้จริง ๆ ?“ลู่หนาน เจ้าไปที่เรือนบุหงาแล้วเชิญพระชายามา!” เซียวหลินเทียนสั่งลู่หนานรับคำสั่ง แล้วรีบไปเชิญหลิงอวี๋ที่เรือนบุหงาผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลิงอวี๋ถึงได้เดินตามลู่หนานมาทันทีที่ท่านหมอว่านเห็นก็เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “แม่นาง
หลิงอวี๋เก็บภาพวาดของตนเอง แล้วกลับเรือนบุหงาพาหลิงเยวี่ยกับหลิงซินออกไปด้วยกันทั้งสามคนเดินไปตามถนน เห็นร้านยาก็เข้าไปถาม ถามติด ๆ กันไปหลายร้านก็ไม่มีตัวยาสามตัวนี้เลยกระทั่งมาถึงโรงหุยชุน หลิงอวี๋เห็นว่าเป็นโรงยาเดียวกับที่ปฏิเสธยาของตนเองครั้งที่แล้ว จึงไม่อยากเข้าไปแต่มาคิดดูโรงยานี้เป็นโรงยาที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ไม่แน่ว่าอาจจะมียาที่ตนเองต้องการนางจึงพาหลิงเยวี่ยกับหลิงซินเข้าไป“ฮูหยินท่านนี้ มาซื้อยาหรือว่าหาหมอขอรับ?”คนทำงานที่โรงยาเห็นก็เข้ามาต้อนรับ“ข้าอยากซื้อยา โกฐหัวบัว ชวนชวี่ต้วน และกุกบุยโป้ว ที่นี่มีหรือไม่?” หลิงอวี๋ถามคนงานเกาหัว หันไปตะโกน “หมอหลี่ มีโกฐหัวบัว ชวนชวี่ต้วน และกุกบุยโป้ว เครื่องยาสมุนไพรสามชนิดนี้หรือไม่?”หมอหลี่ที่อยู่ด้านในเป็นชายชรามีเคราแพะ พอได้ยินคนงานพูด ก็เอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา“ไม่เคยได้ยิน! ตัวยาเหลวไหลอะไรกัน เป็นยาที่มีแต่หมอชนบทถึงจะใช้กระมัง! เจ้าให้พวกนางไปหาที่อื่น!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว กำลังจะพากันออกไป ก็เห็นชายหน้าเหลี่ยมอายุประมาณสามสิบกว่าแบกหญิงชราขึ้นหลังเข้ามาในนี้“หมอหลี่… เร็วเข้า… รีบช่วยแม่ของข้าที! แ
“พ่อข้าล้มป่วยมาสิบกว่าวันแล้ว เขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ต้องพูดถึงช่วยชีวิตคนอื่นเลย!”“พี่ต้าหนิว ที่นี่ยังมีเงินอยู่สองสามตำลึง เจ้าเอาไปหาหมอที่อื่นให้ช่วยแม่เจ้าเถิด!”“น้องเลี่ยว… ข้ารับเงินเจ้าไม่ได้หรอก! เจ้าเก็บไว้ให้พ่อเจ้าหาหมอเถิด!”น้ำเสียงหลี่ต้าหนิวสะอื้นเล็กน้อย “คนดีไม่ได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทนเลย! หมอเลี่ยวเป็นคนดีถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงจบลงเช่นนี้ได้!”“โรงหุยชุนรังแกคนมากเกินไปแล้ว… น้องเลี่ยว เจ้าขายร้านโอสถแล้วพาพ่อเจ้ากลับบ้านเถิด! อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง โรงหุยชุนก็ไม่สามารถทำให้พวกเจ้าลำบากได้อีก!”“อืม พี่ต้าหนิว เจ้ารีบไปหาหมอเถิด! อย่าให้เสียเวลาเรื่องอาการป่วยของแม่เจ้าเลย!”“เงินนี่เจ้าเอาไป อย่าปฏิเสธเลย ข้าขายร้านโอสถแล้วก็จะมีเงินแล้ว!”“น้องเลี่ยวเป็นบุญคุณใหญ่หลวงยิ่งนัก! แต่ข้ากลับเคารพไม่ได้!”หลี่ต้าหนิวเช็ดน้ำตา เอาเงินยัดใส่ในอ้อมแขน แล้วแบกแม่กำลังจะไป แต่หมุนตัวไปเจอหลิงอวี๋เข้า“ฮูหยินท่านนี้? มีเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”หลิงอวี๋เห็นน้องเลี่ยวคนนั้น ท่าทางอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปดเอง สวมชุดยาวที่ซักจนขาวเขาหน้าตาหล่อเหลา แต่ใบหน้ากลับเต็มไป
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต
มหาปราชญ์มองไปยังเจ้าแห่งทะเลอย่างมิยินยอม เจ้าแห่งทะเลกล่าวเสียงเข้ม “คนเขามิยอมรับวิธีการรักษาของท่าน ก็ให้พวกเขาไปหาคนที่เก่งกว่านี้เถอะ!”“อย่าให้เป็นเพราะบุตรบุญธรรมคนเดียวต้องมาทำให้ความเป็นพี่น้องของพวกเราต้องบาดหมางกัน!”เจ้าแห่งทะเลพูดจบก็นำหน้าเดินออกไปท่าทีของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ชัดเจนว่า หากพวกเขามิยอมถอยก็จะใช้กำลัง เจ้าแห่งทะเลยังมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงยอมถอยไปก่อนชั่วคราวเท่านั้นวิธีนี้ใช้มิได้ผล เช่นนั้นก็ค่อยเปลี่ยนวิธีใหม่“มิขอส่ง!”เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวด้วยสีหน้าท่าทีฟึดฟัดใส่เจ้าแห่งทะเล เป็นการแสดงออกถึงความมิพอใจของตนเผยอวี้และฉินซานก็มองส่งมหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลอย่างโกรธเคืองเช่นกันเก๋อเฟิ่งฉิงรีบวิ่งไปยังเงาร่างที่ขดตัวอยู่ในความมืดนั้น“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บตรงไหน?”“คุณหนูสิง เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ข้าใช้กำลังภายในมิได้ เหตุใดจึงคิดวิธีการเช่นนี้ออกมา นี่มิเท่ากับทำร้ายพี่ใหญ่ข้าหรอกหรือ?”เก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋อย่างตำหนิหลิงอวี๋เดินเข้ามา พลางร้องเรียก “ลู่หนาน เปิดม่าน!”“หรงเกอเอ๋อร์ เจ้าบ
“อ๊าว อ๊าว...”มหาปราชญ์ได้ยินเสียงกระแทกอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นในห้องอีกครั้ง เขาซัดฝ่ามือออกไปยังทิศทางต้นเสียง ทว่าร่างนั้นกลับจู่โจมเข้ามาหาเขาแทนมหาปราชญ์กลัวว่าจะถูกคว้ามือได้อีกจึงรีบถอยหลังไป แต่ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องเรือนที่ถูกทำลายเสียหาย เท้าของเขาสะดุดเข้าจนล้มลงกับพื้นเกือบจะพร้อมกันนั้น ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างตน อ้าปากกัดเข้าที่ลำคอของเขาซี๊ด!มหาปราชญ์เจ็บปวดจนใช้มือข้างหนึ่งบีบเข้าที่ลำคอเขา หมายจะบีบกระดูกคอให้แหลกแต่ร่างนั้นกลับดิ้นหลุดพรวดไปเหมือนปลาไหล พุ่งหลบไปไกลหลายเมตรในพริบตา เก็บเศษไม้จากเครื่องเรือนที่แตกหักขว้างปาใส่มหาปราชญ์ดังโครมคราม“มหาปราชญ์ ท่านรีบออกมาเร็ว! ระวังพี่ชายข้าทำร้ายท่าน!”เผยอวี้กังวลมากกว่าว่ามหาปราชญ์จะทำร้ายเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้กำลังภายในมิได้ หากถูกทำให้ลำบากเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะต้องตายแน่เก๋อเฟิ่งฉิงก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จึงกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านน้าเขย ท่านออกมาเถิดเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำร้ายเขาเลย!”“เขามิได้ตั้งใจโจมตีท่าน ตอนนี้เขาสิ้นสติไปแล้ว ท่านอย่าถือสาเขาเลย!”มหาปราชญ์เกิดจิตสังหารขึ้นแล้ว
สุนัขบ้ากัดคน นั่นมิใช่โรคพิษสุนัขบ้าหรอกหรือ?เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ต่างก็รู้จักโรคนี้ ว่ากันว่าเป็นโรคที่รักษามิหาย เมื่อกำเริบก็จะเหมือนสุนัขบ้า สิ้นสติโดยสิ้นเชิง เห็นคนก็จะกัด เมื่อถึงระยะสุดท้ายก็จะเน่าเปื่อยทั้งร่างจนตายหลิงอวี๋หาข้ออ้างนี้ให้เซียวหลินเทียน ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าโรคนี้สามารถทำให้เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ตกใจกลัวจนมิกล้าเข้าใกล้เซียวหลินเทียนได้อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นความตั้งใจล้วน ๆ เป็นวิธีระบายอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลิงอวี๋มิพอใจความสัมพันธ์ในฐานะคู่หมั้นคู่หมายของเก๋อเฟิ่งฉิงและเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋พูดพลางสำรวจมองเจ้าแห่งทะเลสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกมิสบายใจอยู่บ้างคือ ตนกลับมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าแห่งทะเลอยู่หลายส่วน เจ้าแห่งทะเลผู้นี้คือบิดาของนางจริง ๆ!ส่วนเจ้าแห่งทะเลก็ตั้งใจมองหลิงอวี๋เป็นพิเศษเช่นกันมหาปราชญ์บอกว่าสิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋ บุตรีของหลานฮุ่ยจวน และก็เป็นบุตรีของตนด้วยเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา เมื่อเห็นใบหน้าที่ธรรมดามิโดดเด่นของหลิงอวี๋ ในใจก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเขามิได้มาเพื่อยอมรับบุตรสาว จึงเปลี่ยนความสนใจไปท
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส