Share

บทที่ 5

Author: หว่านชิงอิ๋น
“ก็ช่วยไปแล้ว เหตุใดจะต้องมีเหตุผลด้วยเล่า?” ลั่วชิงยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉย

จากนั้นนางก็หันหลังและจากไป

เมื่อเห็นว่านางกำลังจะเดินจากไปไกล แม่นมเติ้งก็รู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ เลยอดไม่ได้ที่จะเรียกนางไว้ "พระชายาเจ้าคะ!"

ลั่วชิงยวนชะงักฝีเท้า แม่นมเติ้งรีบก้าวไปข้างหน้าทันที

“บ่าวขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องดูแลรับใช้ท่าน บ่าวก็คงได้ออกจากตำหนักไปนานแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่บ่าวรู้สึกไม่พอใจ ก็เลยระบายความโกรธใส่ท่าน..." แม่นมเติ้งก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด

นางไม่คิดว่า พระชายาจะเข้ามาช่วยนาง มิเช่นนั้นนางคงถูกเมิ่งจิ่นอวี่ทุบตีจนตายเป็นแน่! แล้วนางยังช่วยต่อแขนของตนอีกด้วย ซึ่งนั่นแตกต่างจากข่าวลือที่ว่านางคือนางงูพิษโดยสิ้นเชิง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วชิงยวนก็เข้าใจเหตุผล

แม่นมเติ้งเตือนขึ้นอีกครั้ง "หากท่านต้องการอยู่ในตำหนักต่อไป ก็อย่าได้ทำให้เมิ่งจิ่นอวี่ขุ่นเคืองเลยเจ้าค่ะ นางเป็นสาวใช้ชั้นหนึ่งในตำหนัก แล้วยังเป็นลูกสาวของแม่บ้านของตำหนักนี้อีกด้วยเจ้าค่ะ"

"ไม่ทันแล้วกระมัง" มาพูดเอาป่านนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

แม่นมเติ้งมองไปรอบ ๆ นางก้าวไปข้างหน้า และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "บ่าวบังเอิญได้ยินมาว่า คุณหนูรองให้คำมั่นสัญญากับเมิ่งจิ่นอวี่ว่า หลังจากที่นางกลายเป็นพระชายา นางมิสามารถรับใช้ท่านอ๋องได้ เพราะสุขภาพไม่ดีนัก ดังนั้นนางจึงจะเลื่อนตำแหน่งเมิ่งจิ่นอวี่เป็นเมียบ่าว ให้นางปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้าง ๆ ท่านอ๋องแทนตนเจ้าค่ะ”

"ตอนนี้การแต่งงานระหว่างคุณหนูลั่วเยวี่ยอิงและท่านอ๋องไม่เป็นไปตามนั้น หากท่านต้องการเอาชนะเมิ่งจิ่นอวี่ ท่านสามารถให้นางได้ปรนนิบัติรับใช้ท่านอ๋อง เช่นนี้นางก็จะไม่มุ่งเป้ามาที่ท่านแล้วเจ้าค่ะ"

แม่นมเติ้งรู้สึกขอบคุณลั่วชิงยวนที่ช่วยนางเอาไว้ จึงอยากช่วยนางคืน ดังนั้นจึงได้แนะนำลั่วชิงยวนอย่างจริงจัง

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกใจเล็กน้อย กล่าวคือ ลั่วเยวี่ยอิงมีข้อตกลงกับเมิ่งจิ่นอวี่ และข้อตกลงนั้นคือการเป็นสาวใช้อุ่นเตียงให้ท่านอ๋อง

งานแต่งงานนี้ถูกทำลาย ดังนั้นเมิ่งจิ่นอวี่จึงมองนางด้วยความเกลียดชัง

เมื่อลองคิดดูดี ๆ หากนี่เป็นแผนของลั่วเยวี่ยอิง เช่นนี้หัวใจของนางก็ชั่วร้ายมาก การที่นางให้ลั่วชิงยวนแต่งงานแทน และถูกฟู่เฉินหวนทรมาน แถมยังสร้างศัตรูจำนวนมากโดยมิรู้ตัว นี่มันไม่เหลือเส้นทางการมีชีวิตต่อให้นางเลย!

การที่ลั่วชิงยวนแต่งงานเข้ามาในตำหนักอ๋องแทน ที่แท้มันคือแผนร้าย! เมื่อนึกถึงหมั่นโถวอาบยาพิษ และผงมหาสุข คนที่ทำอาจจะเป็นเมิ่งจิ่นอวี่ หรือไม่ก็ลั่วเยวี่ยอิง

ลั่วชิงยวนชำเลืองไปที่แม่นมเติ้ง หากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้สมเหตุสมผล แม่นมเติ้งก็เป็นคนที่มีประโยชน์คนหนึ่ง

“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่? ข้าสามารถช่วยแม่ของเจ้าได้”

ใบหน้าของแม่นมเติ้งเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และนางก็นึกถึงคำพูดของลั่วชิงยวนเเมื่อเช้านี้ได้ว่า จะต้องมีงานศพเกิดขึ้นภายในสามวัน

ดวงตาสีดำของลั่วชิงยวนลึกล้ำที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ซึ่งนั่นทำให้แม่นมเติ้งรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงกระดูกสันหลัง นางมักจะรู้สึกว่า ดวงตาและท่าทางการแสดงออกแบบนั้น ช่างมิเข้ากันกับร่างกายที่อ้วนท้วนนี้เอาเสียเลย

“บ่าวเชื่อเจ้าค่ะ” แม่นมเติ้งตอบออกไปอย่างไม่รู้ตัว

"เช่นนั้นเจ้าไปเอาของกินมาอย่างเงียบ ๆ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ห้อง" หลังจากพูดจบ ลั่วชิงยวนก็เดินกลับไปที่ห้องทันที

แม่นมเติ้งรู้สึกงุนงง

รอไม่นานนัก แม่นมเติ้งก็กลับมาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ นางหยิบไก่ย่างที่ห่อด้วยกระดาษซับน้ำมันออกมาจากอก แล้วยื่นให้ลั่วชิงยวน "รีบกินเถิดเจ้าค่ะ กลิ่นไก่ค่อนข้างแรง หากพวกนั้นได้กลิ่น แล้วเดินมาตรวจจะแย่เอา”

แม่นมเติ้งช่วยนางเฝ้าระวังที่ประตู ส่วนลั่วชิงยวนทานไก่ย่างหมดทั้งตัว ก่อนจะเรอออกมา

จากนั้นแม่นมเติ้งก็เดินไปที่มุมเตียง และถามขึ้นอย่างลังเล "พระชายา... มีวิธีแก้จริง ๆ หรือเจ้าคะ" หลังจากกินจนอิ่มแล้ว พลังของลั่วชิงยวนก็กลับมา นางถามกลับไปทันที "แม่ของเจ้าป่วยเป็นโรคอะไร? เคยไปหาหมอหรือไม่? แล้วได้ใบสั่งยาอะไรมา? ”

“ตอนแรกก็แค่มีอาการปวดหัว มีไข้ พอไปหาหมอก็กินยาแก้ลม แก้หวัดสองสามเม็ด แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยเจ้าค่ะ ครึ่งเดือนต่อมา อาการแย่ลงเรื่อย ๆ หมอบอกว่ามิสามารถทำอะไรได้ เขาบอกว่า ถ้ามีคนคอยดูแลจะดีกว่า เพราะอาจจะมีวิญญาณชั่วร้าย... " วิญญาณชั่วร้าย? สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของลั่วชิงยวนเป็นประกาย

“นอกจากปวดหัวและมีไข้แล้ว ยังมีอาการอะไรอีกหรือไม่?”

“ในช่วงสองสามวันที่บ่าวคอยดูแล นางจะหมอบอยู่ที่ประตูในช่วงเวลากลางดึกอย่างแปลกประหลาด พลางพูดอะไรพึมพำ ข้าได้ยินไม่ชัดว่านางพูดว่าอะไร”

ฟังดูแปลกมาก นางจึงถามอีกครั้งว่า "ก่อนแม่เจ้าจะป่วย มีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นหรือไม่?"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตาของแม่นมเติ้งก็เป็นประกาย และรีบพูดว่า "ในช่วงสองวันก่อนที่แม่บ่าวจะป่วย ดูเหมือนว่า นางจะบอกว่ามีครอบครัวใหญ่ใช้เงินเซ่นไหว้ต่อคนตาย นางรู้สึกเสียดาย จึงไปที่หลุมฝังศพและหยิบเงินสองใบที่ยังไม่ไหม้กลับมาเจ้าค่ะ"

ลั่วชิงยวนตกใจ "เงินคนตายยังกล้าเอามาอีกรึ?"

แม่นมเติ้งเองก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง "หรือว่าจะมีวิญญาณชั่วร้ายตามมาจริง ๆ เจ้าคะ?"

ลั่วชิงยวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบปากกาและกระดาษออกมา ก่อนจะมอบใบสั่งยาให้กับแม่นม

"เจ้านำไปซื้อยาตามนี้ มันจะสามารถยื้อชีวิตแม่ของเจ้าได้ชั่วคราว จากนั้นเจ้าจงนำเงินสองใบที่แม่เจ้าหยิบมา นำกลับไปที่หลุมศพนั่น และเผามันทิ้งซะ ทางที่ดีควรเผากระดาษเงินกระดาษทองไปด้วย"

แม่นมเติ้งดูใบสั่งยาก่อนจะพยักหน้ารับ "เจ้าค่ะ"

นางไม่สามารถรับประกันได้ว่าใบสั่งยาที่ลั่วชิงยวนให้มานั้นจะสามารถช่วยแม่ของนางได้ แต่ก็ลองดูก็แล้วกัน!

แต่พอสติกลับมา "แต่บ่าว... ออกไปนอกตำหนักมิได้..."

ลั่วชิงยวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า "เจ้ารอฟังเสียงความเคลื่อนไหวในคืนนี้ หากมีอะไรเกิดขึ้นในตำหนัก เจ้าจงหาข้ออ้างออกจากตำหนักไปซะ ไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากเมิ่งจิ่นอวี่ เมื่อทำธุระเสร็จก็จงรีบกลับมา"

แม่นมเติ้งมองไปที่ดวงตาของลั่วชิงยวนที่ดูเหมือนจะอ่านใจผู้คนได้ และให้ความรู้สึกยากที่จะหยั่งถึง

หลังจากที่พระชายาปลิดชีพตนเอง ก็ดูเหมือนกลายเป็นคนละคน ดวงตาคู่นั้นทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก

"แต่ถ้าเมิ่งจิ่นอวี่นำไปทูล..." แม่นมเติ้งยังคงกังวลเล็กน้อย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วชิงยวนก็ยกมุมปาก และพูดขึ้นอย่างเป็นนัย "นางน่ะรึ? คืนนี้นางจะปกป้องตัวเองได้หรือไม่ก็ยังมิรู้"

รวมหัวกันรังแกนางใช่ไหม? นางอยู่ตรงนี้แล้ว มาดูกันว่าใครจะรังแกใครกันแน่

ตกกลางคืนอันเงียบสงัด ลั่วชิงยวนนั่งเงียบ ๆ บนม้านั่ง เพื่อรอใครสักคนที่จะมาในคืนนี้

คืนนี้ไม่มีดวงจันทร์หรือดวงดาว ท้องฟ้ามืดครึ้มมีเมฆหนาปกคลุม ซึ่งเป็นสัญญาณของฝน

เมื่อยามไห้(1)มาถึง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมาจากด้านนอก

ไม่นานก็เห็นเงาดำเกาะอยู่ที่ประตู ราวกับกำลังฟังการเคลื่อนไหวภายในห้อง

จากนั้นเสียงของเมิ่งจิ่นอวี่ก็ดังขึ้นเบา ๆ "วันนี้นางกินหมั่นโถวไปสามลูก น่าจะเพียงพอที่จะทำให้นางได้รู้ว่าโลกนี้เป็นอย่างไร และเมื่อนางตื่นขึ้นมา มันจะเหมือนช่วงเวลาแห่งความตาย!"

เมื่อคืนท่านอ๋องมิได้ส่งคนมาทำลายความบริสุทธิ์ของลั่วชิงยวน เขาเพียงแค่ส่งคนมาทำให้นางเข้าใจผิดเท่านั้น

และคืนนี้ลั่วชิงยวนจะได้หลับนอนกับผู้ชายอีกสองสามคน นางจะสูญเสียความบริสุทธิ์ และท่านอ๋องจะไม่ไว้ชีวิตนางอย่างแน่นอน! ชิวิตของผู้หญิงน่าเกลียดผู้นี้ จะต้องเลวร้ายยิ่งเสียกว่าการถูกฝังทั้งเป็น!

ลั่วชิงยวนเห็นร่างของเมิ่งจิ่นอวี่ด้านนอก แต่ไม่เห็นว่าใครยืนอยู่ตรงข้ามนาง

เมิ่งจิ่นอวี่กำลังคุยอยู่กับใคร? ลั่วเยวี่ยอิงหรือ?

"มา พวกเจ้าเข้าไปพร้อมกันเลย" เมิ่งจิ่นอวี่กวักมือเรียกชายหลายคน

ประตูจึงถูกผลักออก ชายหลายคนค่อย ๆ เดินเข้ามา เนื่องจากในห้องไม่ได้จุดไฟ ภายในห้องจึงมืดสนิท พวกนั้นทำได้เพียงเดินคลำในความมืดเข้ามาเท่านั้น

ประตูปิดลง ด้านนอกเหลือเพียงเมิ่งจิ่นอวี่ที่รอดักฟัง

โดยมิรู้เลยว่า ลั่วชิงยวนได้ปีนหน้าต่างออกมา แล้วเดินไปทางด้านหลังเมิ่งจิ่นอวี่อย่างเงียบ ๆ ...

Comments (2)
goodnovel comment avatar
ชนัฐฐา แซ่เอี้ย
อยากอ่านต่อ
goodnovel comment avatar
ชนัฐฐา แซ่เอี้ย
สนุกดี อ่านต่อไ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 6

    ลั่วชิงยวนหยิบไม้ที่อยู่ตรงมุมกำแพงขึ้นมา และหวดไม้ใส่เมิ่งจิ่นอวี่จนหมดสติ นางหยิบหมั่นโถวชิ้นเล็ก ๆ ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วยัดเข้าไปในปากของเมิ่งจิ่นอวี่ ทำให้นางกลืนมันลงไปชายบางคนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากทางหน้าต่าง คิดว่าลั่วชิงยวนกำลังจะหนีออกไป "นี่! คิดจะหนีรึ!" หนึ่งในนั้นก้าวไปข้างหน้า และกระชากนางลงมาทันที ลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้ปล่อยตัวเมิ่งจิ่นอวี่ พวกนั้นคิดว่าเมิ่งจิ่นอวี่ที่สลบไปคือลั่วชิงยวน จึงได้พานางกลับไปที่เตียงลั่วชิงยวนพิงผนังและฟังเสียงเคลื่อนไหวภายในห้อง เมื่อแน่ใจว่ามันเป็นไปตามแผน นางจึงหันหลังและจากไปอย่างสบายใจในความมืด นางแอบเดินเข้าไปในครัวด้านหลัง หลังจากค้นหาทั่วครัวก็ไม่มีอะไรเหลือให้กิน! นางจึงหามุมเพื่อเอนตัวลงนอน ก่อนจะผล็อยหลับไปณ ห้องตำราฟู่เฉินหวนกำลังจะหยุดพักหลังจากทำงานเสร็จสิ้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงตื่นตระหนกของลั่วเยวี่ยอิง "ท่านอ๋อง ท่านบรรทมอยู่หรือไม่เพคะ?"เมื่อได้ยินเสียงที่ลุกลน ฟู่เฉินหวนจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและเปิดประตู "มีเรื่องอันใดรึ?"ลั่วเยวี่ยอิงมองเขาด้วยใบหน้าซีดเซียว นัยน์ตาที่ชุ่มน้ำของน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 7

    เมิ่งจิ่นอวี่และคนรับใช้พวกนี้ไม่ควรปรากฏตัวในห้องของลั่วชิงยวน แต่คืนนี้กลับมารวมตัวกันในห้องของนาง แถมนางยังไม่ได้อยู่ในห้องอีก เลยทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า หรือนี่อาจจะเป็นแผนการของลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนรู้สึกสับสน นางขมวดคิ้วพร้อมพลางมองด้วยสายตาเย็นชา "ท่านกำลังสอบสวนนักโทษอยู่หรือเพคะ?" เมื่อเห็นดังนั้น ลั่วเยวี่ยอิงก็รีบไปข้างหน้า และคว้าแขนของนาง จงใจใช้เสียงเบาที่ทุกคนได้ยินกล่าวว่า "ท่านพี่ อย่าพูดกับท่านอ๋องแบบนี้สิเจ้าคะ คืนนี้ท่านทำอะไร บอกความจริงกับท่านอ๋องเถิด มีข้าอยู่ ท่านอ๋องไม่ทำอะไรท่านพี่หรอก” การกระทำของลั่วเยวี่ยอิง ยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ลั่วชิงยวนเป็นคนทำจริง ๆดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นยะเยือก นางจงใจหลุบตาลงอย่างรู้สึกผิด และกระซิบตอบ "ข้ายอมรับว่าคืนนี้ข้าทำบางสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายได้..."เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเยวี่ยอิงแสร้งทำเป็นตกใจ และเปล่งเสียงออกมา "อะไรนะเจ้าคะ? ท่านพี่สับสนขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!"ลั่วเยวี่ยอิงดึงลั่วชิงยวนไปข้างหน้า และพูดกับนางด้วยท่าทางเคร่งขรึม "ท่านพี่ ท่านยอมรับผิดต่อท่านอ๋องเถิด มีข้าอยู่ ไม่เป็นไรหรอกเจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 8

    ภายใต้คำวิจารณ์ สีหน้าของลั่วชิงยวนยังคงเรียบเฉย นางเดินตรงไปข้างหน้าคนรับใช้ที่คุกเข่าเหล่านั้น และถามอย่างใจเย็น "พวกเจ้าพูดว่าข้าเป็นคนสั่งอย่างนั้นรึ?"“เช่นนั้นจงพูดมา ข้าไปสั่งให้พวกเจ้าที่ไหน เมื่อไหร่? แล้วให้เข้ามาในห้องนี้เวลาใด?”“ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่คือห้องของพระชายา พวกเจ้าก็ตกลงเข้ามาอย่างง่ายดายเช่นนั้นเลยรึ? ข้าตั้งเงื่อนไขอะไรให้กับพวกเจ้ากัน? ถึงได้กล้าเสี่ยงชีวิตมาที่นี่?” เมื่อนางถามออกไปเช่นนั้น สีหน้าของคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาจ้องไปที่เมิ่งจิ่นอวี่ เห็นได้ชัดว่ากำลังขอความช่วยเหลือจากเมิ่งจิ่นอวี่พวกเขาควรตอบอย่างไรดีฟู่เฉินหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย มองดูฉากนี้อย่างเงียบ ๆ เขายังมองไปที่ลั่วชิงยวน ในสถานการณ์ที่มีศัตรูจำนวนมาก แต่นางยังสามารถควบวคุมสติอารมณ์ได้ ลั่วชิงยวนผู้นี้ค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียว"พูดมาสิ? ข้าเป็นคนสั่งพวกเจ้าใช่หรือไม่? ข้าพูดอะไรกับพวกเจ้า เล่ามันออกมา?" ลั่วชิงยวนตะคอกเบา ๆเห็นดังนั้นเมิ่งจิ่นอวี่ก็รู้สึกเป็นกังวล แผนของพวกนางผิดเพี้ยนไปหมด นางไม่สามารถเชื่อมโยงคำถามเหล่านี้ได้เลยเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ นางก็

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 9

    ลั่วชิงยวนเห็นว่าคิ้วของฟู่เฉินหวนล้อมรอบด้วยวิญญาณชั่วร้าย รอบดวงตาค้ำ นางขมวดคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะเตือนเขาอีกครั้ง "ท่านอ๋อง แล้วแต่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ ก็ไม่มีความหวังจริง ๆ ! ข้าแนะนำว่าอย่าออกไปไหนเป็นเวลาสองวัน มิเช่นนั้นจะเกิดการนองเลือด!"อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฟู่เฉินหวนได้ยินคำพูดของนาง เขาก็ไม่ได้เก็บมันมาคิดเลย แถมยังขู่กลับไปอีกด้วยว่า "หากเจ้ายังคงสร้างความสับสนให้กับผู้คนในตำหนักด้วยเรื่องไร้สาระนี้ และพูดชื่อของลั่วเยวี่ยอิงอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะตัดลิ้นและหัวของเจ้าซะ!” ลั่วชิงยวนสถบเบา ๆ นางอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี แต่ในสายตาของฟู่เฉินหวนกลับคิดว่านางกำลังใส่ร้ายลั่วเยวี่ยอิง ไม่น้อมรับน้ำใจคนก็แล้วไป เขาจะอยู่หรือตายก็ไม่เกี่ยวกับนางเสียหน่อย! หากเขาตาย นางจะได้ไม่ต้องขอใบหย่า! นางเองก็ขี้เกียจเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงก้าวเท้าเดินกลับห้องไป ด้วยสถานะคุณหนูใหญ่ของจวนอัครเสนาบดี ฟู่เฉินหวนจึงจะยังไม่ฆ่านาง แต่เขาก็จะไม่ปล่อยให้นางมีชีวิตที่ดีเช่นกันนางต้องรอดูก่อนว่าฟู่เฉินหวนจะรอดจากหายนะครั้งนี้ได้หรือไม่ เพราะในตัวเขามีพลังงานมังกรอยู่ บางทีเขาอาจจะมีสิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 10

    คนในกระจกพูดอย่างมีความสุข "เจ้าค่ะ บ่าวจำได้! บ่าวไม่รู้ว่าจะขอบคุณพระชายาอย่างไร จากนี้ไป บ่าวจะปรนนิบัติรับใช้ท่านเอง หวังว่าพระชายาจะไม่รังเกียจบ่าวรับใช้ผู้นี้นะเจ้าคะ”ขณะที่แม่นมเติ้งพูด นางก็หยิบปิ่นปักผมขึ้นมาปักบนหัวให้นาง ดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นยะเยือก นางจับมือแม่นม และยืนขึ้นเผชิญหน้ากับนางแม่นมเติ้งตกใจ และมองนางด้วยความงุนงง "พระชายา เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ?"เมื่อลั่วชิงยวนออกแรง แม่นมเติ้งเจ็บจนต้องปล่อยมือออก และปิ่นก็ร่วงลงกับพื้นอีกฝ่ายก็สัมผัสได้ความหมายของลั่วชิงยวน ทันใดนั้นก็มีแสงแล่นผ่านม่านตา นางรีบคว้าปิ่นที่เหลือบนโต๊ะอีกครั้ง และพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอย่างโหดเหี้ยมลั่วชิงยวนไม่สามารถทนแรงนั้นได้ ร่างนางถูกเหวี่ยงลงกับพื้น ปิ่นเงางามที่ลอยอยู่เหนือดวงตาของนางราวกับใบมีดคมกริบแม่นมเติ้งกัดฟัน พยายามแทงปิ่นลงไปที่ดวงตาของนางอย่างเอาเป็นเอาตายสิ่งที่นักปราชญ์ด้านฮวงจุ้ยขาดมิได้เลยก็คือ ดวงตาที่เฉียบแหลมคู่นี้ ลั่วชิงยวนมองไปที่แสงสีเขียวในดวงตาของแม่นมเติ้ง และก็ยิ่งแน่ใจว่ากำลังเจอกับอะไร!“เจ้าสัตว์ร้าย รนหาความตาย!” นางปล่อยข้อมือของแม่นมเติ้งทันทีป

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 11

    เมื่อนางได้ยินเช่นนี้ จือเฉาก็รู้สึกปลื้มปีติ นางพูดเสียงติดอ่างด้วยความตกใจ "พระ... พระชายา แต่บ่าวทำอะไรไม่เป็นเลยนะเจ้าคะ"“เจ้ารู้วิธีส่งชาและส่งน้ำหรือไม่? วิธีหวีผมแบบง่าย ๆ ทำได้หรือไม่? ถ้าทำได้ ก็เพียงพอแล้ว” นางดึงจือเฉาขึ้นมาจากพื้นจือเฉาสติยังกลับมาไม่สมบูรณ์นัก ลั่วชิงยวนวางชามและตะเกียบไว้ข้างหน้านาง "กับข้าวเยอะขนาดนี้ ข้ากินคนเดียวไม่หมดหรอก เจ้ามานั่งกินด้วยกันสิ" จือเฉารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร นางหยิบชามข้าวขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง และเริ่มกินเมื่อเห็นท่าทางมึนงงของนาง ลั่วชิงยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทรงจำบางอย่าง ครั้นเมื่อน้องสาวคนเล็กถูกท่านอาจารย์รับมานั้น นางก็มีลักษณะท่าทางเช่นนี้เช่นกันหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ท้องฟ้าก็มืดลง และฝนก็เริ่มตก หลังจากที่จือเฉาจากไป ในที่สุดลั่วชิงยวนก็มีโอกาสที่หยิบเข็มทิศแห่งโชคชะตาออกมา นางสำรวจมันอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเข็มทิศก็หมุนอย่างรวดเร็ว นางตกใจเล็กน้อย จึงหยิบเข็มทิศแล้วเดินออกไปที่ประตู แต่กำลังจะเข้าไปในลาน จู่ ๆ ฝนก็ตกหนักนางเพิ่งส

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 12

    "เจ้าดูที่พื้นสิ มีกู่ฉงที่ข้าบดขยี้อยู่! ถ้าเอามันออกมาไม่ทันเวลา เจ้านายของพวกเจ้าคงตายไปแล้ว!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ห้องและตรวจดูที่พื้น และเห็นหนอนที่ถูกบดขยี้อยู่จริง เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าหยิบซากมันขึ้นมา และถามท่านหมอกู้ที่เพิ่งเย็บแผลให้ท่านอ๋องเสร็จ “ท่านหมอกู้ ท่านคิดว่าสิ่งนี้คือกู่ฉงหรือไม่?”ดวงตาของท่านหมอกู้สว่างขึ้น เขาตรวจสอบก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า "ข้าว่าแล้วทำไมพิษบาดแผลของท่านอ๋องถึงได้แปลกประหลาดยิ่งนัก ไม่ทำลายชีวิต ที่แท้คือพิษกู่ฉงนี่เอง มันไม่ทำลายชีวิต แต่ช่วยให้หนอนตัวนี้ได้เข้าไปข้างในร่างกายนั่นเอง"หลังจากพูดจบ ท่านหมอกู้ก็อุทานว่า "โอ้! โชคดีจริง ๆ ที่นำสิ่งนี้ออกมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นชีวิตของท่านอ๋องอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวและฟู่เฉินหวนที่อยู่บนเตียงต่างก็ตกใจซูโหยวรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่า ทำไมนางถึงยื่นมือเข้ามาช่วย แต่เมื่อสักครู่นางถูกตำหนิอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นเขาจึงรีบบอกให้องครักษ์ตัวลั่วชิงยวนทันที"ข้าน้อยรีบร้อนจนเกินไป ขอประทานอภัยพระชายาด้วยขอรับ"

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 13

    เมื่อได้ยินเสียง ทุกคนมองไปที่ลั่วชิงยวนที่ประตูด้วยสายตารังเกียจซูโหยวขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้า และกันไม่ให้นางเข้ามาด้านในอีกครั้ง ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างเฉียบขาด ก่อนจะผลักเขาออกไปแล้วเดินเข้ามาสายตาที่เฉียบคมเมื่อสักครู่ ทำให้ซูโหยวเกิดความกลัวเล็กน้อยน้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ "เจ้าจะก่อเรื่องอันใดอีก?"ลั่วชิงยวนมองไปที่ลั่วเยวี่ยอิงอย่างเย็นชา นางหยิบเครื่องประดับปีศาจนั้นออกมา แล้วถามเสียงเย็น "ทำไมเจ้าไม่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุที่ล่อสายฟ้านี้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังหน่อยเล่า"ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกผิดเล็กน้อย และไม่กล้ามองนาง แต่นางก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง "ท่านพี่ถามข้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ซูโหยวเองก็เห็นว่า ข้าเป็นคนหยิบของชิ้นนั้นออกไป ท่านพี่นำมันกลับมาเพื่อจะพิสูจน์อันใด?”"นั่นเป็นเพราะข้าเป็นคนขอให้เจ้านำของชิ้นนี้ออกมา แน่นอนว่าเจ้าไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้" ลั่วชิงยวนหัวเราะเยาะลั่วเยวี่ยอิงปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง นางมองหน้านางด้วยน้ำตาคลอเบ้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร "ท่านพี่พูดอะไรก็ล้วนเป็นเช่นนั้น ท่านพี่เป็นบ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1244

    จากนั้นเขาก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ดวงตาแดงก่ำ มือที่บีบคอของลั่วฉิงออกแรงมากขึ้น เสียงของเขาแหบพร่าด้วยความโกรธ “คืออะไร! วิธีนั้นคืออะไร!”ลั่วฉิงถูกบีบคอจนหายใจมิออก แต่กลับมิตื่นตระหนกและยังคงแสยะยิ้ม“ท่านอ๋อง อย่าทนอีกเลย ท่านฆ่าข้ามิได้หรอก”“ตอนนี้ท่านคงจะทรมานมาก อยากฆ่าข้าแต่ฆ่ามิได้”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า หากท่านฆ่าข้า บนใต้หล้านี้ก็จะไม่มีใครรู้วิธีแก้ไขการควบคุมของน้ำศักดิ์สิทธิ์อีก”“ท่านอ๋อง ท่านแน่ใจหรือว่าจะใช้กำลังกับข้า?”ลั่วฉิงมิกลัวแม้แต่น้อย ในดวงตายังมีแววท้าทายในที่สุดฟู่เฉินหวนก็ปล่อยมือ ถอยหลังไปหลายก้าว แล้วกระอักเลือดออกมา รู้สึกเจ็บปวดจนเส้นเลือดที่หน้าผากปูดขึ้นมาความโกรธในใจทำให้เขาเกิดความคิดต่อต้านอย่างรุนแรงลั่วฉิงเห็นดังนั้นจึงยกยิ้มอย่างเย็นชา ค่อย ๆ เดินเข้าไปหา “น่าเสียดาย ตอนนี้ท่านรู้ความจริงก็สายไปแล้ว เฉินชีพาลั่วชิงยวนไปแล้ว”“ส่วนจะโดนอะไรบ้าง ข้าเองก็มิรู้”“คนที่ตายด้วยน้ำมือของเฉินชีมีมากมายมิต่างจากลั่วชิงยวนหรอก แค่กระบวนการทรมานอาจจะโหดร้ายหน่อย”คำพูดเหล่านี้ยิ่งทำให้ฟู่เฉินหวนโกรธจัดแต่เขาก็ได้แต่กำมือแน่นอดทน เขาทำอะไรลั่วฉ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1243

    “การอยู่เคียงข้างกันในช่วงเวลาสุดท้าย อย่างน้อยก็ได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน”“จะได้มิเสียใจภายหลัง”จักรพรรดิสูงสุดกล่าวอย่างลึกซึ้งฟู่เฉินหวนกำมือแน่น กล่าวว่า “เสด็จพ่อ ระหว่างลูกกับนางมีความแค้นต่อกัน ย่อมทำเช่นนั้นมิได้ เจ็บแต่จบดีกว่าเจ็บเรื้อรัง...”จักรพรรดิสูงสุดได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้ว “ว่ากระไรนะ? ความแค้นอันใด?”ฟู่เฉินหวนรู้สึกหนักใจ ในเมื่อลาออกจากตำแหน่งแล้ว ตอนนี้ก็ถือว่าจักรพรรดิสูงสุดเป็นเสมือนพ่อ เขามิอยากปิดบังความในใจอีกต่อไป“มารดาของนางเคยหลอกลวงเสด็จแม่ของลูก ใช้เสด็จแม่ให้ลูกกินอะไรบางอย่าง ตอนนี้ลูกถูกสิ่งนั้นทรมานจนทนมิไหว”จักรพรรดิสูงสุดขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่า ฮูหยินของอัครเสนาบดีลั่วหลอกลวงเสด็จแม่ของเจ้างั้นหรือ?”“เจ้าไปฟังใครพูดมา? ฮูหยินลั่วกับเสด็จแม่ของเจ้าสนิทกันราวกับพี่น้อง!”ฟู่เฉินหวนตกใจเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “นางจึงหลอกลวงเสด็จแม่ของลูก นี่เป็นสิ่งที่เสด็จแม่เขียนไว้ในจดหมายพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิสูงสุดได้ฟังก็ส่ายหน้า “ไม่มีทาง! ใครในใต้หล้านี้ก็อาจจะทำร้ายเสด็จแม่ของเจ้าได้ แต่ฮูหยินลั่วจะมิทำ นางสามารถสละชีวิตเพื่อเสด็จแม่ของเจ้าได้”“พ่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1242

    แคว้นเทียนเชวียฟู่เฉินหวนป่วยหนัก นอนอยู่บนเตียงหลายวัน เมื่อฟื้นขึ้นจึงรีบออกเดินทางกลับเมืองหลวงโดยมิสนใจคำทัดทาน ไม่มีใครห้ามปรามได้เขาเร่งเดินทางกลับสู่เมืองหลวงฟู่เฉินหวนรีบเข้าวังรายงานภัยคุกคามที่ซีหลิงสิ้นสุดลง ขุนนางในราชสำนักต่างก็ดีใจ“ครั้งนี้ท่านมหาปราชญ์ทำนายถูก เพราะท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการออกรบจึงสามารถยุติสงครามได้!”ผู้คนจึงมองลั่วฉิงในแง่ดีขึ้น“ครั้งนี้ท่านอ๋องสร้างคุณงามความดีอีกแล้ว มิรู้ว่าจักรพรรดิจะประทานรางวัลอะไรให้”...ในห้องทรงพระอักษรฟู่อวิ๋นโจวมิได้ดีใจที่สงครามซีหลิงยุติแต่กลับโมโหมาก เขาถามเสียงดัง “ข้าได้ยินว่ามีคนเห็นลั่วชิงยวนในสนามรบ?! เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”น้ำเสียงเย็นยะเยือกนั้นเต็มไปด้วยความโกรธฟู่เฉินหวนมิตอบ ความเงียบก็คือคำตอบฟู่อวิ๋นโจวเดินเข้ามา “เช่นนั้นเจ้าแอบวางแผนให้ลั่วชิงยวนแกล้งตาย แล้วแอบพานางไปชายแดนซีหลิง เพื่อใช้นางเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนยุติสงครามหรือ?”ฟู่เฉินหวนยังคงมิตอบแต่ฟู่อวิ๋นโจวก็เห็นคำตอบจากความเงียบแล้ว เขาจึงต่อยเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนด้วยความโกรธ ต่อยแรงจนฟู่เฉินหวนล้มลงกับพื้นฟู่เฉินหวนลุ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1241

    ลั่วชิงยวนมิเคยได้ยินน้ำเสียงและคำพูดแบบนี้จากเฉินชีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเกาเหมียวเหมี่ยวจริง ๆแต่เกาเหมียวเหมี่ยวชอบเขามาตั้งแต่เด็ก อาจจะเพราะนิสัยคล้ายกัน คนเหี้ยมโหดอย่างเฉินชีจึงมีเสน่ห์ดึงดูดเกาเหมียวเหมี่ยวเป็นพิเศษเกาเหมียวเหมี่ยวจากไปด้วยความโกรธ ก่อนไปนางยังมองลั่วชิงยวนด้วยแววตาอาฆาตในแววตานั้นยังเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาด้วยแท้จริงแล้วเกาเหมียวเหมี่ยวมิได้อ้วน แต่มีรูปร่างอวบอิ่ม เป็นแบบที่บุรุษเห็นแล้วชื่นชอบ สตรีเห็นแล้วอิจฉาแต่เฉินชีกลับด่านางว่าอ้วนลั่วชิงยวนคิดในใจว่า หากนางมิได้ผอมลง เฉินชีคงจะมิสนใจนางน่าเสียดาย คงจะอ้วนขึ้นมามิได้ในเวลาอันสั้นเมื่อภัยอันตรายผ่านพ้นไป เตี่ยฉุยก็กลับเข้าไปในหยกแต่ในจังหวะที่เขาออกจากร่าง กลับทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกอ่อนแรงจนเกือบจะล้มลง จึงรีบยันต้นไม้ไว้ดูเหมือนว่าต่อไปหากมิใช่สถานการณ์คับขันก็มิสามารถให้เตี่ยฉุยเข้าสิงร่างได้แล้ว เพราะเป็นการสิ้นเปลืองพลังของนางมากเฉินชีรีบเข้ามาพยุงนาง “เป็นอะไรหรือไม่?”ลั่วชิงยวนผลักเขาออกอย่างเย็นชานางกล่าวเสียงเย็น “เจ้ากับหญิงบ้าคนนั้นช่างเหมาะสมกันนัก”เฉินชีเลิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1240

    ลั่วชิงยวนขยี้ยันต์จนแหลกละเอียด เตี่ยฉุยถูกดูดเข้าไปในร่างของลั่วชิงยวนในจังหวะที่แส้ฟาดมา ลั่วชิงยวนรีบยื่นมือออกไปรับพลันคว้าแส้ไว้แล้วดึงอย่างแรง ก่อนจะเหวี่ยงเกาเหมียวเหมี่ยวกระเด็นออกไปเกาเหมียวเหมี่ยวตกใจ แต่ยังรีบกระโจนเข้ามา ลั่วชิงยวนถือโอกาสต่อยเข้าที่ท้องของเกาเหมียวเหมี่ยวอย่างแรงซัดนางกระเด็นออกไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ ล้มลงกับพื้นแล้วกระอักเลือด“เจ้า! เจ้าเป็นใครกันแน่!” เกาเหมียวเหมี่ยวมองหญิงสาวที่อ่อนแอและซีดเซียวตรงหน้าด้วยความตกใจมิอยากจะเชื่อว่านางจะสามารถควบคุมวิญญาณให้เข้าสิงร่างได้หากคนที่ถูกสิงไม่มีพลังและจิตใจที่แข็งแกร่งย่อมถูกกลืนกินได้ทุกเมื่อโดยเฉพาะวิญญาณเร่ร่อนที่ไปเกิดใหม่มิได้นั้นก็อยากจะมีร่างอยู่แล้วเห็นได้ชัดว่าหญิงสาวผู้นี้อ่อนแอและมิน่าจะสามารถควบคุมวิญญาณได้ ทว่านางมิเพียงแต่ควบคุมได้เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ด้วย“ลั่วชิงยวน” นางเอ่ยชื่อสามพยางค์น้ำเสียงเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่นเจือปนแต่พลังที่แผ่ซ่านออกมากลับทำให้น่าหวาดกลัวอย่างบอกมิถูกแต่ในตอนนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก เลือดเอ่อล้นขึ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1239

    ฉู่จิ้งคลี่ยิ้ม รอยยิ้มนั้นแสนอ่อนโยน......เฉินชีลงเขาไปสามวันแล้วบอกว่าจะไปฆ่าลั่วฉิง ลั่วชิงยวนก็มิรู้ว่าเขาจะฆ่าลั่วฉิงจริงหรือไม่ได้แต่รอผลลัพธ์นางอยู่ในห้องสามวัน มิออกไปไหน แค่เปิดประตู นอนมองทิวทัศน์นอกประตูอยู่บนเก้าอี้กินยามาหลายวัน ในที่สุดร่างกายก็มีแรงขึ้นบ้างแล้วคืนหนึ่งลั่วชิงยวนลุกขึ้นไปเดินยืดเส้นยืดสายที่ลานและฝึกฝนด้วยเข็มทิศทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากในป่าแต่มิใช่เสียงฝีเท้าของเฉินชีลั่วชิงยวนจ้องมองไปที่ป่าสายตาพลันเห็นหญิงสาวชุดฟ้าเดินเข้ามาด้วยท่าทางดุดัน สีหน้ามิเป็นมิตรเมื่อเห็นผู้มาเยือน ลั่วชิงยวนก็ตกใจเล็กน้อยเกาเหมียวเหมี่ยว!นางมาที่นี่ได้อย่างไรในตอนนี้เกาเหมียวเหมี่ยวก็กำลังจ้องมองหญิงสาวในลานอยู่ นางสวมชุดขาว สวมผ้าคลุมสีดำ ใบหน้างามราวกับหยกซีดเซียวท่ามกลางแสงจันทร์เหมือนคนตายใช่แล้ว! เฉินชีชอบแบบนี้!“เจ้าคือพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการที่เฉินชีลักพาตัวมาจากแคว้นเทียนเชวียใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนตอบอย่างใจเย็น “เขียนหนังสือหย่าแล้ว มิใช่พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการแล้ว”“ข้ามิสนว่าเจ้าจะเป็นพระชายาผู้สำเร็จราชการหร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1238

    เซียวชูได้ยินดังนั้นก็ตกใจ รีบกล่าวด้วยความร้อนใจ “เห็ดหลินจือน้ำแข็งอยู่ที่ใด ข้าจะไปตามหา!”เซียวชูพูดจบก็จะวิ่งออกจากห้องไปแต่ในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงดังมาจากด้านนอก“ข้ามีเห็ดหลินจือน้ำแข็ง!”ในวินาทีต่อมา ซ่งเชียนฉู่ก็วิ่งเข้ามาด้วยความร้อนใจ“เชียนฉู่?” ซ่งอวี่ตกใจซ่งเชียนฉู่รีบหยิบเห็ดหลินจือน้ำแข็งส่งให้ซ่งอวี่ “ท่านพ่อ รีบช่วยชีวิตคนเถิดเจ้าค่ะ”ซ่งอวี่ตาเป็นประกาย รีบลงมือทันใดเซียวชูซาบซึ้งใจ “คุณหนูซ่ง ขอบคุณมาก!”ซ่งเชียนฉู่ยังคงหอบหายใจขณะถามว่า “ชิงยวนเล่า? นางพักอยู่ที่ใด?”เป็นฉู่จิ้งที่ไปรับนางบนเขา แล้วจึงพานางกลับมาซีหลิงได้อย่างรวดเร็วมิเช่นนั้นหากนางเดินทางเองคงต้องใช้เวลาอีกสองวันกว่าจะถึงเซียวชูได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าลำบากใจ รีบพาซ่งเชียนฉู่ออกไปข้างนอกแล้วกล่าวอย่างลังเล “พระชายาไปกับเฉินชีแล้ว”“ไปแคว้นหลี”ซ่งเชียนฉู่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ “ว่ากระะไรนะ? นางไปแคว้นหลีแล้วหรือ?”“เหตุใดกัน?”เซียวชูจึงเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ซ่งเชียนฉู่ฟังเรื่องราวตอนนั้นเกิดขึ้นกะทันหัน เซียวชูจึงมิรู้ว่าเหตุใดพระชายาจึงไปกับเฉินชีหลังจากที่ซ่งเชียนฉู่ฟั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1237

    แต่ในตอนนี้จู่ ๆ ก็กลับนึกขึ้นได้ราวกับย้ำเตือนนางว่า ความหวังดีชั่วคราวของเฉินชีอาจจะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงชายคนนี้โหดเหี้ยมไร้ยางอายมาตั้งแต่เด็กเป็นคนไร้หัวใจ“อาเหลา มานี่สิ กินยาก่อนเถิด” ทันใดนั้นก็มีเสียงของเฉินชีดังขึ้นลั่วชิงยวนจึงได้สติกลับมานางรับชามยามาแต่วางไว้บนโต๊ะ “ร้อน”“เช่นนั้นข้าเป่าให้”แต่ลั่วชิงยวนยกมือห้ามเขา “มิต้อง”เฉินชีหยิบขวดยาอีกสองขวดวางไว้บนโต๊ะ“ยานี้รักษาอาการบาดเจ็บภายใน อย่าลืมกินด้วย”กล่าวจบเฉินชีก็เดินออกไป เขาวุ่นวายอยู่ในกระท่อมบนเขา ทั้งปูที่นอน เตรียมอาหารและอาภรณ์ให้นางลั่วชิงยวนนอนอยู่บนเก้าอี้ตลอด มิอยากขยับตัวหลังจากกินยาแล้วก็หลับไปเฉินชีเติมฟืนในเตาผิงเสร็จจึงจากไปในเมื่อนางให้เขาฆ่าลั่วฉิง เขาก็ต้องทำให้สำเร็จ......ซีหลิงฟู่เฉินหวนบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่บนเตียง เซียวชูแบกซ่งอวี่ขึ้นหลังวิ่งมาเมื่อถูกวางลงบนพื้น ซ่งอวี่ก็ตกใจ พลันรีบเข้าไปตรวจชีพจรและตรวจดูบาดแผลให้ฟู่เฉินหวนก่อนจะกล่าวด้วยความตกใจมาก “เหตุใดจึงมีบาดแผลมากมายเช่นนี้”“ท่านหมอซ่ง ตอนนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่ช่วยท่านอ๋องได้ ได้โปรดช่วยรักษาช

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1236

    เฉินชีตกตะลึง หลังจากครุ่นคิดสักพักจึงพยักหน้า “ได้!”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยแววตาลึกล้ำ “จริงหรือ? เจ้าตัดใจได้หรือ?”เฉินชีนั่งลงรินชาใส่ถ้วย แล้วยื่นให้นาง “มีเพียงอาเหลาเท่านั้นที่ทำให้ข้าตัดใจมิได้”“รอให้ร่างกายของเจ้าดีขึ้น ข้าค่อยไปฆ่าลั่วฉิงได้หรือไม่?”“บนเขานี้ไม่มีใครดูแลเจ้า ข้ามิวางใจ”ลั่วชิงยวนก้มหน้า นัยน์ตาฉายแววเย็นชาขณะกล่าวเสียงแผ่วเบา “กลัวข้าหนีหรือ”“เจ้าสบายใจได้ ในเมื่อข้าเต็มใจไปกับเจ้าแล้วก็จะมิกลับไปอีก”เมื่อก้าวออกจากซีหลิง นางก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับแคว้นเทียนเชวียอีกต่อไปนางตายครั้งแล้วครั้งเล่า ควรจะตัดใจได้แล้วเวลาที่เหลือ นางจะทำสิ่งที่อาจารย์ยังทำมิเสร็จให้สำเร็จ“เช่นนั้นรอข้าไปหาสมุนไพรมาให้เจ้าก่อน”ตอนนี้เฉินชีอ่อนโยนราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนแต่ลั่วชิงยวนก็หาได้แปลกใจไม่เอาแน่เอานอนมิได้ นิสัยเปลี่ยนแปลงง่าย นี่คือที่มาของฉายาเฉินชีจอมบ้าคลั่งลั่วชิงยวนหลับตาลง อยากจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า มิอยากตื่นขึ้นมาอีกเลยเฉินชีออกจากห้อง ปิดประตูแล้วเดินออกไปหลังจากรีบไปเก็บสมุนไพรแล้วเขาก็วิ่งขึ้นเขาด้วยความเหนื่อยหอบ เมื่อผลักปร

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status