แชร์

บทที่ 11

เมื่อนางได้ยินเช่นนี้ จือเฉาก็รู้สึกปลื้มปีติ นางพูดเสียงติดอ่างด้วยความตกใจ "พระ... พระชายา แต่บ่าวทำอะไรไม่เป็นเลยนะเจ้าคะ"

“เจ้ารู้วิธีส่งชาและส่งน้ำหรือไม่? วิธีหวีผมแบบง่าย ๆ ทำได้หรือไม่? ถ้าทำได้ ก็เพียงพอแล้ว” นางดึงจือเฉาขึ้นมาจากพื้น

จือเฉาสติยังกลับมาไม่สมบูรณ์นัก ลั่วชิงยวนวางชามและตะเกียบไว้ข้างหน้านาง "กับข้าวเยอะขนาดนี้ ข้ากินคนเดียวไม่หมดหรอก เจ้ามานั่งกินด้วยกันสิ"

จือเฉารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร นางหยิบชามข้าวขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง และเริ่มกิน

เมื่อเห็นท่าทางมึนงงของนาง ลั่วชิงยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทรงจำบางอย่าง ครั้นเมื่อน้องสาวคนเล็กถูกท่านอาจารย์รับมานั้น นางก็มีลักษณะท่าทางเช่นนี้เช่นกัน

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ท้องฟ้าก็มืดลง และฝนก็เริ่มตก

หลังจากที่จือเฉาจากไป ในที่สุดลั่วชิงยวนก็มีโอกาสที่หยิบเข็มทิศแห่งโชคชะตาออกมา นางสำรวจมันอย่างระมัดระวัง

ทันใดนั้นเข็มทิศก็หมุนอย่างรวดเร็ว นางตกใจเล็กน้อย จึงหยิบเข็มทิศแล้วเดินออกไปที่ประตู แต่กำลังจะเข้าไปในลาน จู่ ๆ ฝนก็ตกหนัก

นางเพิ่งสังเกตเห็นฮวงจุ้ยของตำหนักอ๋องแห่งนี้ ด้านหลังตำหนักมีทิวทัศน์เป็นภูเขา ซึ่งหาได้ยากในเมืองหลวง ด้านซ้ายสายน้ำไหล ซึ่งเรียกว่ามังกรฟ้า ด้านขวามีถนนราดยาวซึ่งเรียกว่าเสือขาว ด้านหน้ามีบ่อน้ำซึ่งเรียกว่าหงส์ไฟ และภูเขาด้านหลังนี้เรียกว่าเต่าดำ สมกับเป็นดินแดนอันล้ำค่า ตำหนักถูกสร้างที่จุดนี้ถือเป็นสิริมงคล

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะมีวิญญาณชั่วร้ายซ่อนอยู่ในตำหนัก นางถือเข็มทิศเดินไปรอบ ๆ ทางเดิน แต่ก็ไม่พบแหล่งที่มาของวิญญาณชั่วร้ายนี้ อาจเป็นผลกระทบมาจากพายุ ฝนฟ้าคะนอง คงต้องรอให้พายุสงบลงแล้วค่อยมาดู

ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่เต็มไปด้วยความร้อนอบอ้าว ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ค่อยสบาย

เมื่อตกกลางคืน ละอองสีดำลอยขึ้นเหนืออากาศทางประตูตำหนัก ลั่วชิงยวนคิ้วกระตุก และในวินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของนางรับใช้ในลานที่วิ่งเข้าไปในลานด้านในท่ามกลางสายฝน

หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฟู่เฉินหวน?

นางรีบหาร่มและเดินออกจากเรือน และบังเอิญเจอจือเฉาที่กำลังเดินผ่านสวนไป ร่างผอมบางนั้นดูเหมือนจะล้มลงกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำได้ทุกเมื่อ

"จือเฉา เกิดอะไรขึ้น?"

จื่อเฉาส่ายหัว "ไม่ทราบเจ้าค่ะ ท่านซูสั่งให้พวกบ่าวไปที่เรือนของท่านอ๋องเจ้าค่ะ"

ลั่วชิงยวนเดาว่าฝนตกหนักเช่นนี้ ต้องเป็นนางรับใช้คนนั้นที่ไม่ต้องการทำงาน จึงผลักจือเฉาออกมาอีกเช่นเคยเป็นแน่ นางรีบพูดกับจือเฉาทันที "เจ้ากลับไปเก็บกวาดที่ห้องของข้า และอย่าออกมาจนกว่าข้าจะกลับไป"

“เอ่อ...” จือเฉางุนงง

“เอ่ออะไร รีบไปสิ!”

"เจ้าค่ะ..." จือเฉาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปที่ห้องของลั่วชิงยวน

ลั่วชิงยวนเดินไปที่เรือนของฟู่เฉินหวนอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างทางมักถูกดึงดูดด้วยหินแกะสลัก และเครื่องประดับที่อยู่ข้างทางเสมอ รูปปั้นหินสิงโตมีท่าทางดุร้ายในดวงตา และรูปปั้นหินเทาเที่ยที่นั่งอยู่ในลำธาร กำลังกลืนน้ำด้วยความโกรธ ทำให้นางหวาดกลัวไปตลอดทางเดิน มีของตกแต่งแปลก ๆ เต็มไปหมด

เมื่อฟ้าร้อง เข็มทิศในแขนเสื้อนางก็สั่น ตำหนักมงคลหลังนี้ไม่เพียงกลายเป็นบ้านผีสิงเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยพิบัติอีกด้วย

เมื่อมาถึงลานของฟู่เฉินหวน มีนางรับใช้กลุ่มใหญ่มารวมตัวกันที่นี่ แต่ไม่ใช่ซูโหยวที่สั่งพวกนาง แต่เป็นลั่วเยวี่ยอิงที่สั่งพวกนางอย่างรีบร้อน

ใช้โอกาสเมื่อพวกนั้นอยู่อีกฝั่งของทางเดิน และทันไม่ได้สังเกตเห็นนาง นางรีบตรงเข้าไปในห้องของฟู่เฉินหวนในทันที

ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ฟู่เฉินหวนหน้าซีดและหมดสติอยู่บนเตียง เสื้อผ้าของเขาถูกปลดกระดุมออกราวกับว่าเขากำลังรอหมอมารักษาอาการบาดเจ็บของเขา นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดมัน และเห็นรอยดาบยาวบนหน้าอกของเขา บาดแผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำแล้วดาบนั้นอาบยาพิษ

ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เย็นชา เมื่อเห็นว่ามีบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ในช่องท้องของฟู่เฉินหวน!

นางกดนิ้วของนางไปข้างหน้า และสิ่งนั้นก็เคลื่อนตัวหนีไปในทันที ดวงตาที่เฉียบคมของนางบีบของสิ่งนั้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง มันใหญ่กว่าเล็บมือแค่นิดเดียว ทำให้บีบจับยาก นางบีบมันแน่น จนทำให้ผิวของฟู่เฉินหวนช้ำโดยไม่รู้ตัว

นางมองไปรอบ ๆ และเห็นกริชครึ่งหนึ่งยื่นออกมาจากใต้หมอน นางดึงกริชออกมาทันที นางกรีดใบมีดที่คมกริบผ่านผิวหนัง เมื่อสิ่งนั้นกระโจนออกมานางคว้าสิ่งที่เป็นสีดำที่บินออกมาไว้ในทันที นางโยนมันลงบนพื้นและบดขยี้อย่างแรง

กู่ฉงเกิดในเลือดและเติบโตในร่างกาย อาจกินเลือดกินเนื้อ และทำให้คนตายด้วยความเจ็บปวด หรืออาจกัดกร่อนประสาทของผู้คน และทำให้คนกลายเป็นหุ่นเชิด

นางบอกแล้วว่า ถ้าหากเขาออกไปข้างนอกจะต้องเกิดการนองเลือด แต่เขาก็ยังไม่เชื่อคำพูดของนาง!

เขายังโชคดีที่พบนาง ไม่เช่นนั้นหากช้ากว่านี้ กู่ฉงจะเติบโตในร่างกายของเขา และหากจะดึงมันออกมา จะต้องเจ็บปวดเหมือนเป็นตะคริวที่ผิวหนัง!

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ฟู่เฉินหวนตื่นขึ้นมาและเห็นว่านางถือกริชเปื้อนเลือด ดูเหมือนว่านางกำลังจะฆ่าเขา จึงตะโกนด้วยความโกรธ "ลั่วชิงยวน!"

เขาพยายามฝืนตัวยืนขึ้น ลั่วชิงยวนชำเลืองมองที่กริชแล้วรีบซ่อนไว้ข้างหลัง ก่อนจะกดเขากลับลงไปบนเตียง "อย่าพึ่งขยับ บาดแผลของท่านยังมีเลือดไหลอยู่!"

ฟู่เฉินหวนมีสายตาที่อาฆาต เขาคว้ามือของนาง แม้ว่าตอนนี้เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ความแข็งแกร่งนั้นแข็งแกร่งมากจนสามารถบดขยี้ข้อมือของนางได้

“ใครส่งเจ้ามาที่นี่! วันนี้ที่ข้าถูกลอบสังหาร เป็นเจ้าใช่หรือไม่!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของลั่วชิงยวนก็แทบไม่อยากเชื่อ นางตะคอกกลับไปด้วยความโกรธ "ท่านเป็นบ้าไปแล้วหรือไง! นี่หม่อมฉันเพิ่งจะช่วยชีวิตท่านไป!"

นางเคยเตือนฟู่เฉินหวนว่าอย่าออกไป มิเช่นนั้นจะเกิดหายนะนองเลือด แต่เขายืนกรานที่จะออกไป และเมื่อถูกลอบสังหารจนเกือบเสียชีวิต กลับโยนความผิดมาที่นาง?

เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากนอกประตู ลั่วเยวี่ยอิงรีบเดินเข้ามาพร้อมกับซูโหยวและท่านหมอกู้

เมื่อเห็นฉากนี้ในห้อง ใบหน้าของซูโหยวก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบพุ่งเข้ามาปกป้องท่านอ๋อง เขายกร่างของลั่วชิงยวนออกไป และเตะท้องนางอย่างรุนแรง ทำให้นางตัวลอยออกไปจากประตู

ความเจ็บปวดรุนแรงถาโถมเข้าใส่นาง ร่างที่อ้วนท้วนของนางล้มลงกับพื้นอย่างแรง นางแทบจะไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดนั้นได้ และฝนที่ตกกระหน่ำก็กระทบร่างของนางราวกับก้อนหิน ทำให้นางเปียกโชกไปในทันที

นางมีอาการวิงเวียนศีรษะอย่างหนัก ทำให้นางไม่สามารถลุกขึ้นมาจากพื้นได้เป็นเวลานาน และผลที่ตามมาของการชนกำแพงก็ปรากฏขึ้น

นางยืนขึ้นด้วยความยากลำบาก ยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากออก

"ใครก็ได้ ลั่วชิงยวนรอบสังหารท่านอ๋อง จงนำตัวไปประหาร!" ซูโหยวหยิบกริชเปื้อนเลือดที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา และออกคำสั่งทันที

ก่อนที่นางจะลุกขึ้นยืน ดาบยาวขององครักษ์นับสิบก็จ่ออยู่ที่คอของนาง และนางก็ถูกลากขึ้นมาจากพื้น

นางหลับตาเพื่อบรรเทาอาการวิงเวียน

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก

นางเอ่ยเสียงเย็น "หากข้าต้องการสังหารท่านอ๋อง กริชนี้จะหายไปอย่างสมบูรณ์ เและอกของท่านอ๋องที่โดนแทงคงจะอาบไปด้วยเลือด ไม่ใช่แค่ใบมีดเท่านั้น!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวก็ตกใจเล็กน้อย มองไปที่กริชในมือพลางขมวดคิ้ว

"แล้วท่านทำอะไรกับกริช?" ซูโหยวคิดว่า พระชายาเป็นคนของท่านอ๋องห้า ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะใช้กริชทำสิ่งดี ๆ ให้กับท่านอ๋อง

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status