"เจ้าดูที่พื้นสิ มีกู่ฉงที่ข้าบดขยี้อยู่! ถ้าเอามันออกมาไม่ทันเวลา เจ้านายของพวกเจ้าคงตายไปแล้ว!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ห้องและตรวจดูที่พื้น และเห็นหนอนที่ถูกบดขยี้อยู่จริง เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าหยิบซากมันขึ้นมา และถามท่านหมอกู้ที่เพิ่งเย็บแผลให้ท่านอ๋องเสร็จ “ท่านหมอกู้ ท่านคิดว่าสิ่งนี้คือกู่ฉงหรือไม่?”ดวงตาของท่านหมอกู้สว่างขึ้น เขาตรวจสอบก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า "ข้าว่าแล้วทำไมพิษบาดแผลของท่านอ๋องถึงได้แปลกประหลาดยิ่งนัก ไม่ทำลายชีวิต ที่แท้คือพิษกู่ฉงนี่เอง มันไม่ทำลายชีวิต แต่ช่วยให้หนอนตัวนี้ได้เข้าไปข้างในร่างกายนั่นเอง"หลังจากพูดจบ ท่านหมอกู้ก็อุทานว่า "โอ้! โชคดีจริง ๆ ที่นำสิ่งนี้ออกมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นชีวิตของท่านอ๋องอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวและฟู่เฉินหวนที่อยู่บนเตียงต่างก็ตกใจซูโหยวรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่า ทำไมนางถึงยื่นมือเข้ามาช่วย แต่เมื่อสักครู่นางถูกตำหนิอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นเขาจึงรีบบอกให้องครักษ์ตัวลั่วชิงยวนทันที"ข้าน้อยรีบร้อนจนเกินไป ขอประทานอภัยพระชายาด้วยขอรับ"
เมื่อได้ยินเสียง ทุกคนมองไปที่ลั่วชิงยวนที่ประตูด้วยสายตารังเกียจซูโหยวขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้า และกันไม่ให้นางเข้ามาด้านในอีกครั้ง ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างเฉียบขาด ก่อนจะผลักเขาออกไปแล้วเดินเข้ามาสายตาที่เฉียบคมเมื่อสักครู่ ทำให้ซูโหยวเกิดความกลัวเล็กน้อยน้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ "เจ้าจะก่อเรื่องอันใดอีก?"ลั่วชิงยวนมองไปที่ลั่วเยวี่ยอิงอย่างเย็นชา นางหยิบเครื่องประดับปีศาจนั้นออกมา แล้วถามเสียงเย็น "ทำไมเจ้าไม่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุที่ล่อสายฟ้านี้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังหน่อยเล่า"ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกผิดเล็กน้อย และไม่กล้ามองนาง แต่นางก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง "ท่านพี่ถามข้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ซูโหยวเองก็เห็นว่า ข้าเป็นคนหยิบของชิ้นนั้นออกไป ท่านพี่นำมันกลับมาเพื่อจะพิสูจน์อันใด?”"นั่นเป็นเพราะข้าเป็นคนขอให้เจ้านำของชิ้นนี้ออกมา แน่นอนว่าเจ้าไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้" ลั่วชิงยวนหัวเราะเยาะลั่วเยวี่ยอิงปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง นางมองหน้านางด้วยน้ำตาคลอเบ้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร "ท่านพี่พูดอะไรก็ล้วนเป็นเช่นนั้น ท่านพี่เป็นบ
ลั่วชิงยวนยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับ ฟู่เฉินหวนสาวเท้าสองสามก้าว จ้องมองนางด้วยความโกรธ "เจ้าเป็นคนทำอย่างนั้นรึ?!"ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างสงบ พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยถากถาง "ท่านเชื่อหม่อมฉันแล้วหรือเพคะ?"คำที่นางพูดออกมาหมายถึงยอมรับมันฟู่เฉินหวนรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เขาดึงดาบยาวออกมาจากเอวขององครักษ์ส่วนพระองค์ พลางชี้ไปที่คอของลั่วชิงยวน และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ข้าจะฆ่าเจ้า!"ลั่วชิงยวนชูคอด้วยท่าทางเย็นชาและเย่อหยิ่ง "หากท่านอ๋องต้องการฆ่าก็ฆ่าเถิดเพคะ หลังจากที่ฆ่าหม่อมฉันแล้ว สิ่งล่อสายฟ้าในตำหนักอ๋องนี้ยังไม่ถูกถอนออกไป และพายุฝนฟ้าคะนองนี้จะกินเวลาอีกหลายวัน ตำหนักของท่านอ๋องจะกลายเป็นซากปรักหักพังเป็นแน่ อย่าได้คิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแม้แต่คนเดียว!"“เจ้า!” ฟู่เฉินหวนกำดาบยาวไว้ในมือ ก่อนจะกระอักเลือดออกมาเต็มปากเซียวชูพยุงฟู่เฉินหวนทันทีด้วยความตกใจ และเป็นกังวล "ท่านอ๋อง!"“ท่านหมอกู้อยู่ที่ไหน! ท่านหมอกู้!” เซียวชูตะโกนทันทีองครักษ์นายหนึ่งตอบว่า "หมอกู้หมดสติหลังจากหนีออกมาจากกองไฟ!"เห็นดังนั้นลั่วชิงยวนจึงก้าวไปข้างหน้า และคว้าข้อมือของฟู่เฉินหวนขึ้น
หลังจากที่จากไป ลั่วชิงยวนก็พาเซียวชูไปจัดการกับสิ่งล่อสายฟ้าในตำหนักอ๋อง แม้ว่านางจะไม่สามารถหยิบเข็มทิศออกมาได้ แต่นางก็สัมผัสได้ถึงทิศทางที่เข็มทิศชี้ไป เนื่องจากมันเป็นสมบัติของครอบครัวยามนี้ ฝนได้ซาลงมากแล้ว ในตำหนักยังคงสาละวนอยู่กับเรือนหลังที่ถูกฟ้าผ่า จึงไม่มีใครสังเกตเห็นลั่วชิงยวนที่พาเซียวชูลัดเลาะไปมาภายในตำหนักลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกตัวตั้งนานแล้ว เมื่อนางรู้ข่าวว่า ท่านอ๋องอยู่ในห้องตำรากับลั่วชิงยวน นางจึงไม่สามารถเข้าไปรบกวนได้ ได้แต่เดินไปรอบ ๆ ห้องอย่างใจจดใจจ่อในที่สุด เมื่อนางได้ยินว่าลั่วชิงยวนออกมาจากห้องตำราแล้ว นางจึงรีบไปที่นั่นอย่างเร่งรีบแต่เมื่อนางไปถึงห้องตำรา ซูโหยวก็หยุดนางไว้ "คุณหนูรอง ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัส และกำลังพักผ่อนอยู่ขอรับ"ลั่วเยวี่ยอิงตกใจ ห้องตำราของท่านอ๋องไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้าไป ลั่วชิงยวนสามารถเข้าไปได้ แต่นางกลับเข้ามิได้ หรือว่าท่านอ๋องจะทรงสงสัยจริง ๆ ว่านางแย่งความดีความชอบจากลั่วชิงยวน?“คุณหนูรอง รีบกลับไปพักผ่อนเถิดขอรับ” ซูโหยวเตือนเบา ๆลั่วเยวี่ยอิงกลับมาได้สติ นางหันหลังกลับและจากไป แม้แต่ซูโหยวก็มิไปส่งนางที่ห้องนางร
หลังจากฝนตกหนักท้องฟ้าก็แจ่มใส อากาศสดชื่นขึ้นเป็นพิเศษ เมื่อจือเฉากลับไปพักผ่อนแล้ว ลั่วชิงยวนก็ออกมาอีกครั้งพร้อมกับเข็มทิศนางออกค้นหาสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยสมบูรณ์ ที่ดูดซับแก่นแท้ของดวงตะวันและจันทรา เพราะมันสามารถช่วยให้นางฝึกฝนความแข็งแกร่งของกำลังภายใน และทักษะทางจิตใจได้ นางต้องการฟื้นฟูความสามารถของตนเองโดยเร็วที่สุด!……ยามนี้เป็นช่วงเวลากลางดึก ทั้งเรือนจึงเงียบสงบ นางใช้เข็มทิศออกค้นหาไปรอบ ๆ จนกระทั่งเดินมาถึงศาลาในสวนเล็ก ๆ อันเงียบสงบ นางจึงวางเข็มทิศไว้ข้างหน้าหมุนมันด้วยความคงที่อย่างช้า ๆ แสงจันทราสาดส่องลงบนเข็มทิศ กระจายแสงสีขาวบริสุทธิ์ออกมาจาง ๆครั้นรุ่งสาง เมื่อไก่ทองขัน และท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาแม้ว่านางเพิ่งจะฝึกฝนกำลังภายในได้เพียงแค่สองวัน แต่ผลที่ได้นั้นช่างน่าอัศจรรย์ นางกำหมัดขึ้นมา รู้สึกได้เลยว่ามันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก“กรี๊ดดด…”ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องก็ทำลายเช้าอันเงียบสงบและสวยงามนี้……เมิ่งจิ่นอวี่ได้เสียชีวิตแล้วนางเสียชีวิตในบ่อน้ำ ในลานของลั่วชิงยวน และเสียชีวิตในลักษณะที่แปลกประหลาดใบหน้าซีดเซียวลอยอ
“พวกเจ้าดูให้ชัด ๆ ฆาตกรคือนางต่างหาก!”"แขนเสื้อหลุดลุ่ย มีร่องรอยของเศษเชือกป่านและตะไคร่น้ำ! คนที่ตัดเชือกที่นี่เมื่อคืนนี้คือลั่วเยวี่ยอิง!"“การตายของเมิ่งจิ่นอวี่ไม่เกี่ยวกับข้า!” ขณะนั้นเกิดความโกลาหลไปทั่วลั่วเยวี่ยอิงพยายามดิ้นรนอย่างหวาดกลัว ใบหน้าของนางซีดเซียว และพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล "ข้ามิได้ทำ มิใช่ข้า""หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ เจ้ายังจะเถียงอีกหรือ! น้องสาวที่ดีของข้า เจ้าจงใจหลอกเมิ่งจิ่นอวี่และฆ่านาง จากนั้นก็โยนความผิดให้ข้า!" ลั่วชิงยวนคว้าข้อมือของลั่วเยวี่ยอิง ดวงตาของนางแหลมคมราวกับใบมีด นางพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ "แล้วความรักที่ลึกซึ้งของพี่น้องเล่า? เจ้าทำเช่นนี้หมายความเยี่ยงไร"ครั้งแล้วครั้งเล่า คิดว่านางรังแกได้ง่าย ๆ อย่างงั้นหรือ!ถึงลั่วชิงยวนยอมทนกับความโกรธนี้ แต่นางลั่วเหลาจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด!อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา แขนอันทรงพลังคู่หนึ่งก็ดึงลั่วเยวี่ยอิงออกไป ก่อนจะตบนางอย่างรุนแรง พร้อมกับด่าทอด้วยความโกรธ "ลั่วชิงยวน!"ในขณะนั้นแหวนบนมือของฟู่เฉินหวนปัดผ่านแก้มของลั่วชิงยวน ทิ้งรอยนิ้วมือทั้งห้าไว้บนใบหน้าของนางพร้อมกับคราบเลือดกลิ
เมื่อไม่มีใครอยู่ในลานแล้ว ลั่วชิงยวนก็หยิบเข็มทิศออกมาและเดินไปที่ด้านข้างของบ่อน้ำ ดูเหมือนว่าวิญญาณชั่วร้ายถูกเปิดออก พวกมันพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง และแพร่กระจายไปทั่วนางขมวดคิ้วสงสัยในใจ พลางผูกเชือกเข้ากับเสา แล้วปล่อยมันห้อยลงไปในบ่อน้ำ ก่อนจะจับเชือกแล้วค่อย ๆ เดินลงไปด้านในนางต้องการตรวจสอบให้แน่ชัดว่า ด้านล่างนั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่บ่อน้ำนั้นไม่ได้ลึกอย่างที่นางจินตนาการไว้ นางจึงกลั้นหายใจและว่ายไปที่ก้นบ่อ ก่อนจะพบว่า มีกระจกยันต์แปดทิศอยู่ที่ก้นบ่อ แต่กระจกยันต์แปดทิศนั้นหนักมาก และตรงมุมมีเชือกผูกติดเอาไว้ นางมิสามารถนำมันขึ้นมาได้ วิญญาณชั่วร้ายถูกปล่อยออกมาจากกระจกยันต์แปดทิศนี้ แสดงว่ามันน่าจะเอาไว้สะกดวิญญาณศพที่อยู่รอบ ๆ และเมื่อศพถูกนำออกไป ตำแหน่งของกระจกยันต์แปดทิศจึงเปลี่ยน และได้ปลดปล่อยวิญญาณร้ายจะออกมานางแน่ใจได้เลยว่า นี่คือการรวมตัวของสิ่งชั่วร้ายในแคว้นหลี่ตราบใดที่กระจกยันต์แปดทิศถูกผนึกอย่างดี พลังงานชั่วร้ายจะไม่รั่วไหลออกไป และโดยทั่วไปแล้วตรวจจับได้ไม่ง่ายนัก เมื่อพลังงานชั่วร้ายรวมตัวกัน และมีพลังเพียงพอ เมื่อมันถูกเปิดออกอีกครั้ง พลังงานชั่ว
ดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางจงใจเบียดตัวไปทางเฉียงเวย "ข้าตัวใหญ่จริง ๆ นั่นแหละ และข้าก็สามารถทับเจ้าตายได้ เจ้าเชื่อหรือไม่?"เฉียงเวยถูกเบียดเข้ามุม นางถูกบีบระหว่างลั่วชิงยวนและลั่วเยวี่ยอิง ลั่วชิงยวนเบียดจนมีพื้นที่ว่าง ก่อนจะกวักมือเรียกจือเฉาที่อยู่นอกรถม้า ตบพื้นที่ว่างข้างตัว และเอ่ยขึ้น "จือเฉา ขึ้นมา"จือเฉายิ้มและรีบเข้ามาในรถม้า "พระชายา ท่านใจดีจริง ๆ เจ้าค่ะ"เฉียงเวยบิดตัวไปมา และเอ่ยอย่างไม่พอใจ "พระชายารถม้าคันเล็กนิดเดียว เหตุใดท่านถึงได้นำนางรับใช้ขึ้นมาด้วยเล่าเจ้าคะ! ดูสิเบียดคุณหนูรองหมดแล้ว!”ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกอึดอัดมาก จนนางแทบจะหายใจไม่ออก"พวกเจ้าเบียดกันแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า? ถ้าใครมิอยากเบียดก็ลงไปสิ" ลั่วชิงยวนตะคอกเสียงเย็น อาศัยขนาดของตัวเองเบียดเข้าไปอีก แม้ว่าร่างกายจะอ่อนแอ แต่น้ำหนักก็หนักพอควร ไม่ว่าเฉียงเวยจะผลักกลับแค่ไหน นางก็ไม่ขยับเลยสักนิด ราวกับภูเขาลูกเล็ก ๆ ท้ายที่สุดลั่วเยวี่ยอิงก็ทนมิไหวอีกต่อไป นางไล่นางรับใช้สองคนออกจากรถม้า จึงมีพื้นที่ที่กว้างขึ้นลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก แต่นางก็ทำอะไรมิได้ ได้แต่นั่
เฉินชีตกตะลึง หลังจากครุ่นคิดสักพักจึงพยักหน้า “ได้!”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยแววตาลึกล้ำ “จริงหรือ? เจ้าตัดใจได้หรือ?”เฉินชีนั่งลงรินชาใส่ถ้วย แล้วยื่นให้นาง “มีเพียงอาเหลาเท่านั้นที่ทำให้ข้าตัดใจมิได้”“รอให้ร่างกายของเจ้าดีขึ้น ข้าค่อยไปฆ่าลั่วฉิงได้หรือไม่?”“บนเขานี้ไม่มีใครดูแลเจ้า ข้ามิวางใจ”ลั่วชิงยวนก้มหน้า นัยน์ตาฉายแววเย็นชาขณะกล่าวเสียงแผ่วเบา “กลัวข้าหนีหรือ”“เจ้าสบายใจได้ ในเมื่อข้าเต็มใจไปกับเจ้าแล้วก็จะมิกลับไปอีก”เมื่อก้าวออกจากซีหลิง นางก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับแคว้นเทียนเชวียอีกต่อไปนางตายครั้งแล้วครั้งเล่า ควรจะตัดใจได้แล้วเวลาที่เหลือ นางจะทำสิ่งที่อาจารย์ยังทำมิเสร็จให้สำเร็จ“เช่นนั้นรอข้าไปหาสมุนไพรมาให้เจ้าก่อน”ตอนนี้เฉินชีอ่อนโยนราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนแต่ลั่วชิงยวนก็หาได้แปลกใจไม่เอาแน่เอานอนมิได้ นิสัยเปลี่ยนแปลงง่าย นี่คือที่มาของฉายาเฉินชีจอมบ้าคลั่งลั่วชิงยวนหลับตาลง อยากจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า มิอยากตื่นขึ้นมาอีกเลยเฉินชีออกจากห้อง ปิดประตูแล้วเดินออกไปหลังจากรีบไปเก็บสมุนไพรแล้วเขาก็วิ่งขึ้นเขาด้วยความเหนื่อยหอบ เมื่อผลักปร
“เฉินชี ข้าจะกลับไปกับเจ้า ถอยทัพเดี๋ยวนี้” ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเฉินชีรีบยกมือขึ้นกองทัพแคว้นหลีหยุดรุกคืบเฉินชียื่นมือไปหานาง “เจ้าจะกลับไปกับข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนมิหันกลับมามอง แต่ยื่นมือออกไปอย่างเด็ดเดี่ยวเฉินชียกยิ้มอย่างผู้มีชัย แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะดึงลั่วชิงยวนขึ้นหลังม้าด้วยกัน แล้วควบม้าหันหลังกลับไปอย่างองอาจส่วนกองทัพแคว้นหลีก็ถอยทัพทันทีเซียวชูเห็นดังนั้นก็พึมพำ “แคว้นหลีถอยทัพแล้ว เป็นพระชายาที่หยุดสงครามครั้งนี้...”ฟู่เฉินหวนกำมือแน่น เห็นร่างที่พร่ามัวค่อย ๆ หายไป เขาร้อนใจจนอยากจะลุกขึ้น แต่เลือดกลับไหลทะลักออกมาสุดท้ายทุกอย่างก็มืดลง“ท่านอ๋อง!”......เฉินชีมีความสุขมาก เขาควบม้าอย่างรวดเร็วข้างหูของลั่วชิงยวนมีเพียงเสียงลมและเสียงพูดด้วยความตื่นเต้นของเฉินชี “อาเหลา นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเต็มใจขี่ม้ากับข้า”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยแววตาเย็นชา “ช้าลงหน่อย ข้าปวดหู”เฉินชีก็ชะลอความเร็วลงลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนมาที่นี่ นางกินโอสถจตุรธาตุ ดูเหมือนว่าจะได้ผลกับเฉินชีจริง ๆ“ข้ายังมิอยากกลับแคว้นหลี ข้าต้องร
เสียงกลองศึกดังขึ้นกองทัพแคว้นหลีบุกมาถึงชายแดนอีกครั้งและครั้งนี้ ฟู่เฉินหวนนำทัพออกรบด้วยตัวเองเฉินชีควบม้าอยู่หน้ากองทัพแคว้นหลีเมื่อเห็นฟู่เฉินหวน เขาก็ยกยิ้มเย็นชา “ในที่สุดเจ้าก็มิเป็นเต่าหัวหดแล้ว! ช่างหาได้ยากนัก!”ฟู่เฉินหวนมองเขาด้วยแววตาเย็นชา “นางอยู่ที่ไหน?”เฉินชีหรี่ตาลง ยกยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัย “ฆ่าตายไปแล้ว”แววตาของฟู่เฉินหวนเต็มไปด้วยจิตสังหาร“เป็นอย่างไร? จะสู้กับข้าจนตายไปข้างหนึ่งหรือไม่?” ดวงตาของเฉินชีลุกโชน อยากจะลงมือเต็มทีแล้วฟู่เฉินหวนชักกระบี่กระโจนเข้าใส่ในชั่วขณะนั้น เซียวชูก็ใจกระตุกวูบเฉินชียกยิ้มอย่างผู้มีชัย รีบชักกระบี่กระโดดขึ้น วันนี้เขาจะฆ่าฟู่เฉินหวนด้วยมือของเขาเอง!กระบี่ยาวในมือของทั้งสองฟาดฟันกันจนเกิดเสียงดังสนั่นจิตสังหารแผ่ซ่านไปทั่วขณะต่อสู้ ฟู่เฉินหวนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เฉินชี เจ้าคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ”“ไร้สาระ แน่นอนว่าต้องเป็นข้า! เฉินชีคนนี้มิเคยพ่ายแพ้!” เฉินชีหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงโอหังฟู่เฉินหวนใช้พลังทั้งหมดต้านทานการโจมตีของเฉินชี พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต่อหน้ากองทัพ หาก
คนที่เขาต้องการฆ่าคือฟู่เฉินหวน!......ในห้องใต้ดินแห่งหนึ่งมีแผนที่แขวนอยู่บนผนัง บนโต๊ะมีแบบจำลองขนาดใหญ่ ที่นี่คือสถานที่สำหรับวางกลยุทธ์ฟู่เฉินหวนที่ใบหน้าซีดเซียวกำลังดื่มชา “แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก...”เซียวชูรีบลูบหลังให้ท่านอ๋อง “ท่านอ๋อง ร่างกายของท่านแย่ลงเรื่อย ๆ อยู่ที่ห้องใต้ดินมิได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้างล่างนี้หนาวเย็นเกินไป”หลังจากที่ฟู่เฉินหวนหยุดไอก็โบกมือ “หากออกไปจะถูกเฉินชีหาเจอ”“เขาเป็นชาวแคว้นหลี มีวิธีมากมายในการตามหาข้า”“มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่อยู่ได้ พลังหยินปกปิดพลังหยางจึงหามิพบ”เซียวชูกล่าวอย่างจนใจ “มีเพียงท่านอ๋องเท่านั้นที่คิดวิธีนี้ออก”ที่นี่คือห้องใต้ดินของสัปเหร่อในสุสานเดิมทีห้องใต้ดินนี้ใช้สำหรับเก็บอาหารของสัปเหร่อ ตอนนี้ด้านบนเต็มไปด้วยหลุมศพในห้องใต้ดินนั้นหนาวเย็นมาก อาภรณ์หนาแค่ไหนก็มิสามารถต้านทานความหนาวเย็นได้หนึ่งถึงสองเดือนมานี้ ท่านอ๋องอาศัยอยู่ที่นี่ เพราะต้องหลบหนีการตามล่าของเฉินชีคอยวางแผนในซีหลิงอย่างลับ ๆ และควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดจนถึงตอนนี้ยังมิเคยแพ้ มิเพียงแต่มิให้กองทัพแคว้นหลีบุกเข้าซีหลิงได้เท่านั้น แต่ยั
“จะได้มิต้องกังวล”ลั่วอวิ๋นสี่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกใจหายดวงตาใต้หน้ากากของนางแดงก่ำ อยากจะพูดบางอย่างออกมาแต่ก็พูดมิออกนางจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบเมื่ออยู่คนเดียวแล้วก็พิงกำแพงร้องไห้ออกมาเหตุใดญาติพี่น้องของนางจึงต้องจากไปทีละคนลั่วชิงยวนเอนหลังพิงเตียงพลางครุ่นคิด นางรู้ว่าคำพูดนั้นโหดร้าย ทว่าเจ็บแต่จบดีกว่าเจ็บเรื้อรังบางทีในภายภาคหน้านางอาจจะหาวิธีรักษาชีวิตได้ ถึงตอนนั้นค่อยบอกข่าวนี้กับพวกนาง อาจจะเป็นเรื่องน่ายินดีก็เป็นได้หลังจากกินยาแล้วลั่วชิงยวนก็พักผ่อนครึ่งวัน จากนั้นจึงออกเดินทางไปซีหลิงต้องเดินทางอย่างช้า ๆ ร่างกายของลั่วชิงยวนมิสามารถทนต่อการเดินทางไกลได้อีกแล้วจึงต้องหยุดพักบ่อยครั้งในคืนที่แสงจันทร์กระจ่าง ลั่วชิงยวนจะใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ซึ่งพลังที่ดูดซับมาจะทำให้ความเหนื่อยล้าหายไปใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนจึงถึงซีหลิงส่วนเฉินชีนั้นเดินทางไปกลับหนึ่งรอบแล้วในวันที่เดินทางถึงซีหลิง ลั่วชิงยวนพักอยู่ที่โรงเตี๊ยม ส่วนฉู่จิ้งรีบไปหาซ่งเชียนฉู่เขาจึงแยกทางกับพวกนางลั่วชิงยวนคิดว่าควรจะให้ลั่วอวิ๋นสี่กลับไปได้แล้ว จึงให้จือเฉ
บัดนี้การต่อสู้ระหว่างทั้งสองกองทัพหยุดลงแล้ว แต่ยังคงอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดต่อไปถึงแม้ว่าเฉินชีอยากจะฆ่าฟู่เฉินหวน แต่ก็มิยอมให้คนของตัวเองตายอย่างสูญเปล่าหากพูดถึงกลยุทธ์ แม้แต่เฉินชียังต้องยอมรับว่าฟู่เฉินหวนเก่งกาจมาก ถือเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งการจะฆ่าเขานั้นมิใช่เรื่องง่ายดังนั้นจึงหยุดรบก่อนแล้วค่อยหาโอกาสหลายวันมานี้ เขาปลอมตัวเข้าไปในซีหลิงเพื่อสืบข่าวและสังเกตการณ์การป้องกันของซีหลิงแต่การป้องกันของซีหลิงนั้นแปลกประหลาด เพราะมิเห็นเลยว่าคนอยู่ที่ไหน มิรู้ว่าที่ใดมีกำลังพลมาก ที่ใดมีกำลังพลน้อยแม้แต่ร่องรอยของฟู่เฉินหวนก็ยังมิแน่นอนเขาคิดว่าตัวเองสามารถเข้าไปในซีหลิงได้โดยไม่มีใครรู้ บนใต้หล้านี้มีน้อยคนนักที่จะมีวรยุทธ์สูงส่งเทียบเท่าเขาแต่กลับหามิพบแม้กระทั่งที่ซ่อนของฟู่เฉินหวนมีค่ายประจำการอยู่มิน้อย แต่เฉินชีก็ดูออกว่าทั้งหมดล้วนเป็นภาพลวงตาที่ใช้หลอกล่อเขาวันนี้เฉินชียังคงเดินไปมาในซีหลิงเพื่อสำรวจไปรอบ ๆ และทันใดนั้นก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งเมื่อเห็นเนื้อความในจดหมาย สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปก่อนจะรีบควบม้าออกไปทันที......อากาศกลับมาหนาวเย็น ล
“ท่านแม่... ท่านอย่าทิ้งข้าไปอีกเลย ท่านไปที่ใด ข้าก็จะไปที่นั่น!”เมื่อจือเฉาได้ยินดังนั้นก็ตกใจฉู่จิ้งเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ“เจ้ามีลูกชายโตถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”เสียงนี้ฟังดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าลั่วชิงยวนเสียอีกลั่วชิงยวนกล่าวอย่างจนใจ “ก็... อยู่ ๆ ก็มี...”หลังจากกล่าวจบ นางก็มองไปที่ลั่วอวิ๋นสี่ “ตอนนี้วรยุทธ์ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? มิต้องการเขาแล้วใช่หรือไม่?”ลั่วอวิ๋นสี่พยักหน้า “แข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว น่าจะปกป้องพี่หญิงได้แล้ว”“ส่วนเตี่ยฉุย ให้เขาตามเจ้าไปเถิด”ลั่วชิงยวนตอบรับ “ได้ เมื่อไปถึงซีหลิงแล้วข้าจะหาวิธีพาเขาออกมา”......ลั่วฉิงถูกขังอยู่ในวงเวท พยายามดิ้นรนออกไป แต่ก็ออกไปมิได้วงเวทนี้ขังนางไว้อย่างแน่นหนาเมื่อเห็นเลือดถูกดูดออกไปจากร่าง ลั่วฉิงก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างมากนางจะตายที่นี่มิได้!นางรอแล้วรอเล่า ในที่สุดเมื่อฟ้าเริ่มสางก็มีคนเดินผ่านมาลั่วฉิงราวกับพบเจอผู้ช่วยชีวิต นางนอนคว่ำอยู่บนพื้น แล้วยื่นมือออกไป “ช่วยข้าด้วย...”ชายที่แบกจอบตกใจ รีบนั่งยอง ๆ และกล่าวถาม “แม่นาง เจ้าเป็นอะไร? จะไปหาหมอหรือไม่?”ลั่วฉิงเห็นเขาเข้ามาในเ
ร่างนั้นขวางหน้าลั่วฉิงไว้แล้วเข้าโรมรันต่อสู้กับลั่วฉิงหลังจากปะทะกันหลายกระบวนท่า ถึงแม้จะเสียเปรียบเล็กน้อย แต่ก็สามารถขวางลั่วฉิงไว้ได้ลั่วชิงยวนถือเข็มทิศตามหาตำแหน่งของฉู่จิ้งเมื่อเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดก็ตกใจเล็กน้อย แล้วรีบวิ่งเข้าไปปลดวงเวทปล่อยตัวฉู่จิ้งออกมาเมื่อลั่วฉิงเห็นลั่วชิงยวนมาก็พลันตกตะลึง และถูกฝ่ามือตบจนกระเด็นไปหลายเมตรนางเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ “ลั่วชิงยวน เจ้านี่เอง!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “วงเวทของเจ้ายังอ่อนหัดนัก”“ข้าจะมอบให้เจ้าอีกหนึ่ง”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลง หยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมา“นองเลือดแปดทิศ!”ทันใดนั้น วงเวทสีทองที่ใหญ่โตมโหฬารพลันผุดขึ้นแผ่ขยายไปบนท้องฟ้าปกคลุมลั่วฉิงไว้ลั่วฉิงอยากจะหนี แต่หนีมิพ้นนางกางมือออก เห็นเหมือนเส้นไหมสีแดงลอยขึ้นมาจากฝ่ามือถูกวงเวทดูดเข้าไปจากนั้นนางก็ตระหนักได้ด้วยความตกใจว่า นี่คือเลือดของนาง!ลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ภายในเจ็ดวัน เจ้าจะกลายเป็นศพแห้ง”“เดิมทีข้าเห็นแก่มิตรภาพแห่งสำนัก จึงจะไว้ชีวิตเจ้า แต่เจ้ากลับรบกวนข้ามิเลิก กัดมิยอมปล่อย”“เจ้าต้องการเข็มทิศอาณัติสวรรค
แต่ลั่วชิงยวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า ในดวงตามีเพียงความเย็นชามือกำกริชแน่น“ไม่มีใครอยากเป็นนักโทษของผู้อื่น หม่อมฉันก็เช่นกัน”“มาถึงขั้นนี้ ท่านกับหม่อมฉันก็เป็นศัตรูกันแล้ว”“อย่ามาใช้น้ำเสียงเหยียดหยามมาสั่งหม่อมฉันอีก”“หม่อมฉัน ลั่วชิงยวน มิเกี่ยวข้องอะไรกับท่านอีกต่อไป!”กล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็คว้าปอยผมมาตัดขาดทันใดแล้วปล่อยให้ปลิวไปในอากาศ“หม่อมฉันตัดด้ายที่ผูกพันท่านกับหม่อมฉันด้วยมือของหม่อมฉันเอง นับจากนี้เราจะกลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันเท่านั้น”“หากท่านยังมารบกวนอีก หม่อมฉันจะฆ่าท่านโดยมิลังเล”ใต้ความมืดมิดยามรัตติกาล แววตาของลั่วชิงยวนช่างเย็นชาเหลือเกินแววตาที่มิคุ้นเคยราวกับมองคนแปลกหน้า ในดวงตาไม่มีความรักใคร่หลงเหลืออยู่อีกแล้วการตัดครั้งนี้ถือว่าตัดความอาลัยทั้งหมดของนางแล้วนับจากนี้ นางจะมิหันหลังกลับไปอีก!ลั่วชิงยวนก้าวเท้าเดินจะจากไปแต่ฟู่เฉินหวนกลับพุ่งเข้ามา คว้าไหล่ของนาง หมายจะบีบคอเพื่อควบคุมนางพลังที่รุนแรงทำให้นางรู้สึกกดดัน พยายามหลบหลีกอย่างสุดกำลังร่างกายของนางตอนนี้มิอาจสู้กับฟู่เฉินหวนได้เลย ลั่วชิงยวนจึงได้แต่ใช้กลอุบายถอยหลั