เมิ่งจิ่นอวี่และคนรับใช้พวกนี้ไม่ควรปรากฏตัวในห้องของลั่วชิงยวน แต่คืนนี้กลับมารวมตัวกันในห้องของนาง แถมนางยังไม่ได้อยู่ในห้องอีก เลยทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า หรือนี่อาจจะเป็นแผนการของลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนรู้สึกสับสน นางขมวดคิ้วพร้อมพลางมองด้วยสายตาเย็นชา "ท่านกำลังสอบสวนนักโทษอยู่หรือเพคะ?" เมื่อเห็นดังนั้น ลั่วเยวี่ยอิงก็รีบไปข้างหน้า และคว้าแขนของนาง จงใจใช้เสียงเบาที่ทุกคนได้ยินกล่าวว่า "ท่านพี่ อย่าพูดกับท่านอ๋องแบบนี้สิเจ้าคะ คืนนี้ท่านทำอะไร บอกความจริงกับท่านอ๋องเถิด มีข้าอยู่ ท่านอ๋องไม่ทำอะไรท่านพี่หรอก” การกระทำของลั่วเยวี่ยอิง ยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ลั่วชิงยวนเป็นคนทำจริง ๆดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นยะเยือก นางจงใจหลุบตาลงอย่างรู้สึกผิด และกระซิบตอบ "ข้ายอมรับว่าคืนนี้ข้าทำบางสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายได้..."เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเยวี่ยอิงแสร้งทำเป็นตกใจ และเปล่งเสียงออกมา "อะไรนะเจ้าคะ? ท่านพี่สับสนขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!"ลั่วเยวี่ยอิงดึงลั่วชิงยวนไปข้างหน้า และพูดกับนางด้วยท่าทางเคร่งขรึม "ท่านพี่ ท่านยอมรับผิดต่อท่านอ๋องเถิด มีข้าอยู่ ไม่เป็นไรหรอกเจ้า
ภายใต้คำวิจารณ์ สีหน้าของลั่วชิงยวนยังคงเรียบเฉย นางเดินตรงไปข้างหน้าคนรับใช้ที่คุกเข่าเหล่านั้น และถามอย่างใจเย็น "พวกเจ้าพูดว่าข้าเป็นคนสั่งอย่างนั้นรึ?"“เช่นนั้นจงพูดมา ข้าไปสั่งให้พวกเจ้าที่ไหน เมื่อไหร่? แล้วให้เข้ามาในห้องนี้เวลาใด?”“ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่คือห้องของพระชายา พวกเจ้าก็ตกลงเข้ามาอย่างง่ายดายเช่นนั้นเลยรึ? ข้าตั้งเงื่อนไขอะไรให้กับพวกเจ้ากัน? ถึงได้กล้าเสี่ยงชีวิตมาที่นี่?” เมื่อนางถามออกไปเช่นนั้น สีหน้าของคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาจ้องไปที่เมิ่งจิ่นอวี่ เห็นได้ชัดว่ากำลังขอความช่วยเหลือจากเมิ่งจิ่นอวี่พวกเขาควรตอบอย่างไรดีฟู่เฉินหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย มองดูฉากนี้อย่างเงียบ ๆ เขายังมองไปที่ลั่วชิงยวน ในสถานการณ์ที่มีศัตรูจำนวนมาก แต่นางยังสามารถควบวคุมสติอารมณ์ได้ ลั่วชิงยวนผู้นี้ค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียว"พูดมาสิ? ข้าเป็นคนสั่งพวกเจ้าใช่หรือไม่? ข้าพูดอะไรกับพวกเจ้า เล่ามันออกมา?" ลั่วชิงยวนตะคอกเบา ๆเห็นดังนั้นเมิ่งจิ่นอวี่ก็รู้สึกเป็นกังวล แผนของพวกนางผิดเพี้ยนไปหมด นางไม่สามารถเชื่อมโยงคำถามเหล่านี้ได้เลยเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ นางก็
ลั่วชิงยวนเห็นว่าคิ้วของฟู่เฉินหวนล้อมรอบด้วยวิญญาณชั่วร้าย รอบดวงตาค้ำ นางขมวดคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะเตือนเขาอีกครั้ง "ท่านอ๋อง แล้วแต่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ ก็ไม่มีความหวังจริง ๆ ! ข้าแนะนำว่าอย่าออกไปไหนเป็นเวลาสองวัน มิเช่นนั้นจะเกิดการนองเลือด!"อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฟู่เฉินหวนได้ยินคำพูดของนาง เขาก็ไม่ได้เก็บมันมาคิดเลย แถมยังขู่กลับไปอีกด้วยว่า "หากเจ้ายังคงสร้างความสับสนให้กับผู้คนในตำหนักด้วยเรื่องไร้สาระนี้ และพูดชื่อของลั่วเยวี่ยอิงอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะตัดลิ้นและหัวของเจ้าซะ!” ลั่วชิงยวนสถบเบา ๆ นางอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี แต่ในสายตาของฟู่เฉินหวนกลับคิดว่านางกำลังใส่ร้ายลั่วเยวี่ยอิง ไม่น้อมรับน้ำใจคนก็แล้วไป เขาจะอยู่หรือตายก็ไม่เกี่ยวกับนางเสียหน่อย! หากเขาตาย นางจะได้ไม่ต้องขอใบหย่า! นางเองก็ขี้เกียจเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงก้าวเท้าเดินกลับห้องไป ด้วยสถานะคุณหนูใหญ่ของจวนอัครเสนาบดี ฟู่เฉินหวนจึงจะยังไม่ฆ่านาง แต่เขาก็จะไม่ปล่อยให้นางมีชีวิตที่ดีเช่นกันนางต้องรอดูก่อนว่าฟู่เฉินหวนจะรอดจากหายนะครั้งนี้ได้หรือไม่ เพราะในตัวเขามีพลังงานมังกรอยู่ บางทีเขาอาจจะมีสิ
คนในกระจกพูดอย่างมีความสุข "เจ้าค่ะ บ่าวจำได้! บ่าวไม่รู้ว่าจะขอบคุณพระชายาอย่างไร จากนี้ไป บ่าวจะปรนนิบัติรับใช้ท่านเอง หวังว่าพระชายาจะไม่รังเกียจบ่าวรับใช้ผู้นี้นะเจ้าคะ”ขณะที่แม่นมเติ้งพูด นางก็หยิบปิ่นปักผมขึ้นมาปักบนหัวให้นาง ดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นยะเยือก นางจับมือแม่นม และยืนขึ้นเผชิญหน้ากับนางแม่นมเติ้งตกใจ และมองนางด้วยความงุนงง "พระชายา เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ?"เมื่อลั่วชิงยวนออกแรง แม่นมเติ้งเจ็บจนต้องปล่อยมือออก และปิ่นก็ร่วงลงกับพื้นอีกฝ่ายก็สัมผัสได้ความหมายของลั่วชิงยวน ทันใดนั้นก็มีแสงแล่นผ่านม่านตา นางรีบคว้าปิ่นที่เหลือบนโต๊ะอีกครั้ง และพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอย่างโหดเหี้ยมลั่วชิงยวนไม่สามารถทนแรงนั้นได้ ร่างนางถูกเหวี่ยงลงกับพื้น ปิ่นเงางามที่ลอยอยู่เหนือดวงตาของนางราวกับใบมีดคมกริบแม่นมเติ้งกัดฟัน พยายามแทงปิ่นลงไปที่ดวงตาของนางอย่างเอาเป็นเอาตายสิ่งที่นักปราชญ์ด้านฮวงจุ้ยขาดมิได้เลยก็คือ ดวงตาที่เฉียบแหลมคู่นี้ ลั่วชิงยวนมองไปที่แสงสีเขียวในดวงตาของแม่นมเติ้ง และก็ยิ่งแน่ใจว่ากำลังเจอกับอะไร!“เจ้าสัตว์ร้าย รนหาความตาย!” นางปล่อยข้อมือของแม่นมเติ้งทันทีป
เมื่อนางได้ยินเช่นนี้ จือเฉาก็รู้สึกปลื้มปีติ นางพูดเสียงติดอ่างด้วยความตกใจ "พระ... พระชายา แต่บ่าวทำอะไรไม่เป็นเลยนะเจ้าคะ"“เจ้ารู้วิธีส่งชาและส่งน้ำหรือไม่? วิธีหวีผมแบบง่าย ๆ ทำได้หรือไม่? ถ้าทำได้ ก็เพียงพอแล้ว” นางดึงจือเฉาขึ้นมาจากพื้นจือเฉาสติยังกลับมาไม่สมบูรณ์นัก ลั่วชิงยวนวางชามและตะเกียบไว้ข้างหน้านาง "กับข้าวเยอะขนาดนี้ ข้ากินคนเดียวไม่หมดหรอก เจ้ามานั่งกินด้วยกันสิ" จือเฉารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร นางหยิบชามข้าวขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง และเริ่มกินเมื่อเห็นท่าทางมึนงงของนาง ลั่วชิงยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทรงจำบางอย่าง ครั้นเมื่อน้องสาวคนเล็กถูกท่านอาจารย์รับมานั้น นางก็มีลักษณะท่าทางเช่นนี้เช่นกันหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ท้องฟ้าก็มืดลง และฝนก็เริ่มตก หลังจากที่จือเฉาจากไป ในที่สุดลั่วชิงยวนก็มีโอกาสที่หยิบเข็มทิศแห่งโชคชะตาออกมา นางสำรวจมันอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเข็มทิศก็หมุนอย่างรวดเร็ว นางตกใจเล็กน้อย จึงหยิบเข็มทิศแล้วเดินออกไปที่ประตู แต่กำลังจะเข้าไปในลาน จู่ ๆ ฝนก็ตกหนักนางเพิ่งส
"เจ้าดูที่พื้นสิ มีกู่ฉงที่ข้าบดขยี้อยู่! ถ้าเอามันออกมาไม่ทันเวลา เจ้านายของพวกเจ้าคงตายไปแล้ว!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ห้องและตรวจดูที่พื้น และเห็นหนอนที่ถูกบดขยี้อยู่จริง เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าหยิบซากมันขึ้นมา และถามท่านหมอกู้ที่เพิ่งเย็บแผลให้ท่านอ๋องเสร็จ “ท่านหมอกู้ ท่านคิดว่าสิ่งนี้คือกู่ฉงหรือไม่?”ดวงตาของท่านหมอกู้สว่างขึ้น เขาตรวจสอบก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า "ข้าว่าแล้วทำไมพิษบาดแผลของท่านอ๋องถึงได้แปลกประหลาดยิ่งนัก ไม่ทำลายชีวิต ที่แท้คือพิษกู่ฉงนี่เอง มันไม่ทำลายชีวิต แต่ช่วยให้หนอนตัวนี้ได้เข้าไปข้างในร่างกายนั่นเอง"หลังจากพูดจบ ท่านหมอกู้ก็อุทานว่า "โอ้! โชคดีจริง ๆ ที่นำสิ่งนี้ออกมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นชีวิตของท่านอ๋องอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวและฟู่เฉินหวนที่อยู่บนเตียงต่างก็ตกใจซูโหยวรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่า ทำไมนางถึงยื่นมือเข้ามาช่วย แต่เมื่อสักครู่นางถูกตำหนิอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นเขาจึงรีบบอกให้องครักษ์ตัวลั่วชิงยวนทันที"ข้าน้อยรีบร้อนจนเกินไป ขอประทานอภัยพระชายาด้วยขอรับ"
เมื่อได้ยินเสียง ทุกคนมองไปที่ลั่วชิงยวนที่ประตูด้วยสายตารังเกียจซูโหยวขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้า และกันไม่ให้นางเข้ามาด้านในอีกครั้ง ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างเฉียบขาด ก่อนจะผลักเขาออกไปแล้วเดินเข้ามาสายตาที่เฉียบคมเมื่อสักครู่ ทำให้ซูโหยวเกิดความกลัวเล็กน้อยน้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ "เจ้าจะก่อเรื่องอันใดอีก?"ลั่วชิงยวนมองไปที่ลั่วเยวี่ยอิงอย่างเย็นชา นางหยิบเครื่องประดับปีศาจนั้นออกมา แล้วถามเสียงเย็น "ทำไมเจ้าไม่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุที่ล่อสายฟ้านี้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังหน่อยเล่า"ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกผิดเล็กน้อย และไม่กล้ามองนาง แต่นางก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง "ท่านพี่ถามข้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ซูโหยวเองก็เห็นว่า ข้าเป็นคนหยิบของชิ้นนั้นออกไป ท่านพี่นำมันกลับมาเพื่อจะพิสูจน์อันใด?”"นั่นเป็นเพราะข้าเป็นคนขอให้เจ้านำของชิ้นนี้ออกมา แน่นอนว่าเจ้าไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้" ลั่วชิงยวนหัวเราะเยาะลั่วเยวี่ยอิงปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง นางมองหน้านางด้วยน้ำตาคลอเบ้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร "ท่านพี่พูดอะไรก็ล้วนเป็นเช่นนั้น ท่านพี่เป็นบ
ลั่วชิงยวนยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับ ฟู่เฉินหวนสาวเท้าสองสามก้าว จ้องมองนางด้วยความโกรธ "เจ้าเป็นคนทำอย่างนั้นรึ?!"ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างสงบ พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยถากถาง "ท่านเชื่อหม่อมฉันแล้วหรือเพคะ?"คำที่นางพูดออกมาหมายถึงยอมรับมันฟู่เฉินหวนรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เขาดึงดาบยาวออกมาจากเอวขององครักษ์ส่วนพระองค์ พลางชี้ไปที่คอของลั่วชิงยวน และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ข้าจะฆ่าเจ้า!"ลั่วชิงยวนชูคอด้วยท่าทางเย็นชาและเย่อหยิ่ง "หากท่านอ๋องต้องการฆ่าก็ฆ่าเถิดเพคะ หลังจากที่ฆ่าหม่อมฉันแล้ว สิ่งล่อสายฟ้าในตำหนักอ๋องนี้ยังไม่ถูกถอนออกไป และพายุฝนฟ้าคะนองนี้จะกินเวลาอีกหลายวัน ตำหนักของท่านอ๋องจะกลายเป็นซากปรักหักพังเป็นแน่ อย่าได้คิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแม้แต่คนเดียว!"“เจ้า!” ฟู่เฉินหวนกำดาบยาวไว้ในมือ ก่อนจะกระอักเลือดออกมาเต็มปากเซียวชูพยุงฟู่เฉินหวนทันทีด้วยความตกใจ และเป็นกังวล "ท่านอ๋อง!"“ท่านหมอกู้อยู่ที่ไหน! ท่านหมอกู้!” เซียวชูตะโกนทันทีองครักษ์นายหนึ่งตอบว่า "หมอกู้หมดสติหลังจากหนีออกมาจากกองไฟ!"เห็นดังนั้นลั่วชิงยวนจึงก้าวไปข้างหน้า และคว้าข้อมือของฟู่เฉินหวนขึ้น
“องค์หญิง กระหม่อมชื่อจินเจา เชี่ยวชาญทั้งหมากรุก การขว้างลูกดอก การขี่ม้าและการยิงธนู หากองค์หญิงอยากจะออกไปเล่นสนุก กระหม่อมก็สามารถร่วมเล่นด้วยได้พ่ะย่ะค่ะ!”ชายหนุ่มทั้งสามมีบุคลิกลักษณะแตกต่างกัน แต่ล้วนมีรูปโฉมหล่อเหลายิ่งนักหลี่ว์โม่มีท่าทางสุภาพอ่อนโยน รอยยิ้มอบอุ่น มีกลิ่นอายของผู้แก่เรียนหลีฉีมีท่าทางรักอิสรเสรี ใบหน้าค่อนข้างเย็นชา แต่ดูแล้วก็รู้ว่ามีวรยุทธ์สูงส่งส่วนจินเจาเป็นชายหนุ่มที่ดูหยิ่งทะนง มิยึดติดในกฎเกณฑ์ลั่วชิงยวนพิจารณาดู แล้วเอ่ยด้วยความตกใจ “องค์จักรพรรดิสูงสุดทรงพาพวกเจ้ามาใช่หรือไม่?”ที่นี่คือวังหลวง หากมิใช่ขุนนาง คนภายนอกย่อมมิอาจเข้ามาได้ยิ่งเป็นการปรากฏตัวในห้องของนางด้วยหากมิได้รับอนุญาตจากจักรพรรดิสูงสุด ชายหนุ่มทั้งสามย่อมไม่มีทางที่จะทำเช่นนี้ได้“องค์หญิงทรงคาดเดาถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดิสูงสุดทรงส่งพวกเรามาปรนนิบัติองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”“เพียงแต่องค์จักรพรรดิสูงสุดทรงกำชับว่า ให้พวกเราแต่งกายเป็นองครักษ์เวลาเข้าออกวังพ่ะย่ะค่ะ”“ต่อไปพวกเราจะเป็นทหารองครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิงเองพ่ะย่ะค่ะ”ลั่วชิงยวนตกใจ รีบโบกมือปฏิเสธ “ไม
ในยามที่สติเลือนราง ลั่วชิงยวนเห็นเงาร่างหนึ่งทรุดกายลงอุ้มนางขึ้น“ฟู่เฉินหวน… ในที่สุดท่านก็ยอมมาพบหม่อมฉัน...”ทว่าเสียงที่ดังขึ้นในวินาทีต่อมากลับทำให้นางรู้สึกสิ้นหวังอีกครั้ง“ข้าเอง ฟู่จิ่งหลี!”ฟู่จิ่งหลีมีสีหน้าเคร่งเครียด รีบอุ้มลั่วชิงยวนขึ้นรถม้าลั่วชิงยวนที่นอนอยู่บนรถม้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ท่านมาทำอะไรที่นี่”“หากข้ามิมา เจ้าคงแข็งตายอยู่หน้าประตูตำหนักแล้ว” ฟู่จิ่งหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรนแล้วสั่งสารถี “เข้าวัง เร็วเข้า!”ลั่วชิงยวนดิ้นรนจะลงจากรถม้า “เรื่องของหม่อมฉัน ท่านอย่ามายุ่ง! หม่อมฉันมิเชื่อว่าเขาจะทนดูหม่อมฉันแข็งตายอยู่หน้าประตูตำหนักได้!”“หม่อมฉันเพียงต้องการคำอธิบาย!”ฟู่จิ่งหลีดึงนางกลับมา“ในเมื่อเขาตัดสินใจหย่ากับเจ้าแล้วก็จะมิเหลียวแล เขามักจะเด็ดขาดเช่นนี้มาโดยตลอด เจ้าจะดิ้นรนไปเพื่ออะไร”“ใช้ชีวิตอยู่ในวังมิดีหรือ”ฟู่จิ่งหลีก็รู้สึกอึดอัดใจลั่วชิงยวนรู้สึกหนักใจ นางมิรู้ว่าควรทำเช่นไรแล้วแต่นางรู้ว่าฟู่เฉินหวนมิใช่คนเช่นนั้นเพียงแต่นางมิรู้ว่าจะทำอย่างไร เขาจึงจะเปลี่ยนใจรถม้าแล่นเข้าวังลั่วชิงยวนถูกพากลับไปที่ตำหนักขอ
วิธีนี้ทำร้ายลั่วฉิงมิได้ในระยะสั้นยังไม่มีวิธีแก้ปัญหานี้ เขาจึงได้แต่ให้ลั่วชิงยวนอยู่ห่างจากเขาเพื่อความปลอดภัยลั่วชิงยวนก็ตามเขามาจนถึงหน้าประตูตำหนักอ๋องแต่ฟู่เฉินหวนกลับเดินเข้าประตูไป แล้วปิดประตูใส่หน้านางโดยมิหันกลับมามองลั่วชิงยวนมีสีหน้าอิดโรยซีดเซียว เมื่อมองภาพนั้น หัวใจเขาก็เจ็บปวดจนเกือบจะร้องไห้ออกมาเขารู้ว่านางตามมาตลอดนางมิยอมแพ้ ยังคงเข้าตำหนักทางประตูหลังแล้วตรงไปที่ห้องตำรานางรับใช้และทหารองครักษ์ที่พบเห็นต่างตกใจ แต่ก็ไม่มีใครขัดขวางเมื่อมาถึงหน้าห้องตำรา ลั่วชิงยวนก็เอ่ยขึ้น “ฟู่เฉินหวน อย่าหลบหน้าหม่อมฉัน มีเรื่องอะไร พวกเรามาพูดกันให้ชัดเจน!”ฟู่เฉินหวนตกใจ เดินไปเปิดประตูแล้วมองนางด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าตามเข้ามาในตำหนักได้อย่างไร”“ลั่วชิงยวน ข้าพูดชัดเจนแล้ว ข้าหย่ากับเจ้าแล้ว มิอยากเจอเจ้าอีก!”กล่าวจบ เขาก็ตะโกนเสียงดัง “ใครก็ได้!”“ไล่ลั่วชิงยวนออกไป! เอาข้าวของของนางไปทิ้งให้หมด!”“หากผู้ใดกล้าให้นางเข้าตำหนักอีก ข้าจะมิละเว้น!”จากนั้นองครักษ์ก็เข้ามา ทำท่าทางเชิญ “เชิญเถิดขอรับ”ลั่วชิงยวนมองฟู่เฉินหวนด้วยความเสียใจ “ท่านจะผลัก
ฟู่อวิ๋นโจวมิยอมแพ้แม้แต่น้อยจักรพรรดิสูงสุดก็ตกใจมาก ฟู่อวิ๋นโจวเหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดิมากกว่าฟู่จิ่งหานจริง ๆ เขามีบารมีและความกล้าหาญต่อหน้าตัวเขาเองก็ยังกล้าที่จะยืนหยัดในสิ่งที่ตนเองคิด มิยอมแพ้เพียงแต่เรื่องของลั่วชิงยวนนั้นมิอาจตามใจเขาได้ก่อนที่จักรพรรดิสูงสุดจะกล่าว ลั่วชิงยวนก็ลุกขึ้นด้วยความมิพอใจ “แม้ท่านจะต้องการ หม่อมฉันก็จะมิแต่งงานกับท่าน”“หากท่านยังยืนยันที่จะออกพระราชโองการนี้ สิ่งที่ท่านจะได้ก็มีเพียงแค่ศพของหม่อมฉันเท่านั้น”ลั่วชิงยวนเห็นว่าแม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็ห้ามฟู่อวิ๋นโจวมิได้ จึงกล่าวคำรุนแรงออกมาฟู่อวิ๋นโจวตกใจ มีสีหน้าโกรธเคือง “เหตุใดจึงมิยอมให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง? เจ้ายังให้โอกาสฟู่เฉินหวนตั้งหลายครั้ง”“เหตุใดข้าทำผิดเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว ลั่วชิงยวน เหตุใดเจ้าจึงมิยุติธรรมกับข้าบ้าง?”ดวงตาของฟู่อวิ๋นโจวแดงก่ำ เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือแน่นลั่วชิงยวนชะงักแล้วมองเขาอย่างจริงจัง “เรื่องนี้มิเกี่ยวกับว่าทำผิดหรือไม่ ตั้งแต่ต้นจนจบ หม่อมฉันถือว่าท่านเป็นเพียงสหาย”“แม้ว่าพวกเราจะยังมีความสัมพันธ์กันเหมือนเดิม หากท่านจะรั
เหยียนหน่ายซินแย้มยิ้ม “มิเคยมีสิ่งใดที่ข้าต้องการแล้วมิได้”“ที่ได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาครองในวันนี้ ก็ต้องขอบคุณเจ้าที่ปฏิเสธข้าครั้งแล้วครั้งเล่า”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง “มิเป็นอะไร”“เพียงแต่ตำแหน่งฮองเฮานั้นมิใช่ตำแหน่งที่จะครองได้ง่าย ๆ เช่นกัน”เหยียนหน่ายซินหัวเราะอย่างมั่นใจ “ข้าไร้ซึ่งความรัก ไร้ซึ่งความผูกพัน ย่อมมิถูกเรื่องเหล่านั้นรบกวน ตำแหน่งฮองเฮานั้นไม่มีสิ่งใดที่ควบคุมมิได้”“ข้ามิเหมือนเจ้าที่จมปลักอยู่กับความรัก”ลั่วชิงยวนมิใส่ใจ เพียงแค่หัวเราะเบา ๆ “ความปรารถนาของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเจ้าได้ตำแหน่งฮองเฮาแล้วก็จะอยากได้มากขึ้นไปอีก”“ข้ายอมรับในความโหดเหี้ยมและเล่ห์เหลี่ยมของเจ้า หวังว่าเจ้าจะทำตามที่พูดและเป็นฮองเฮาที่ดีได้”“ฟู่เฉินหวนมิได้มีใจคิดอยากได้บัลลังก์ ขอให้เจ้าเมตตาปล่อยเขาไปเถิด”เหยียนหน่ายซินยกยิ้ม “ถึงตอนนี้ เจ้าก็ยังคงคิดถึงเขา”“ฟู่อวิ๋นโจวเพิ่งขึ้นครองราชย์ เขายังไม่มีฐานอำนาจในราชสำนัก แคว้นเทียนเชวียเพิ่งผ่านความวุ่นวาย ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ”“ตอนนี้แคว้นเทียนเชวียยังขาดฟู่เฉินหวนมิได้ พวกข้าจะมิทำอะไรเขา”“วันนี้ที่ข้ามาก็
“เพราะเหตุการณ์กลียุควังหลัง”“แต่เหตุการณ์กลียุควังหลัง พระชายาหลีก็ถูกใส่ร้าย ทั้งหมดเป็นฝีมือของไทเฮา! นางใส่ร้ายพระชายาหลีเพื่อกำจัดศัตรู ทำให้เกิดกลียุควังหลัง มีคนบริสุทธิ์ล้มตายนับมิถ้วน”“นางมีสายเลือดบริสุทธิ์ เป็นคนของแคว้นเทียนเชวีย ชาติตระกูลก็มิธรรมดา แต่สุดท้ายแล้ว นางทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้หรือเพคะ?”“ท่านก็ยังต้องให้ฟู่เฉินหวนเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน เพื่อถ่วงดุลอำนาจของตระกูลเหยียนมิใช่หรือเพคะ?”เมื่อลั่วชิงยวนเอ่ยเช่นนี้ จักรพรรดิสูงสุดก็ชะงักรู้สึกตกใจมิรู้ว่าจะโต้แย้งอย่างไรไปครู่หนึ่งสิ่งที่ลั่วชิงยวนพูดล้วนถูกต้อง เขาเกือบจะถูกโน้มน้าวแล้วแต่เมื่อนึกถึงวันที่ฟู่เฉินหวนมาเข้าเฝ้า แล้วให้เขาดูบาดแผล บอกว่ามิรู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดแคว้นเทียนเชวียมิสามารถมีจักรพรรดิที่อาจจะสิ้นพระชนม์ได้ทุกเมื่อได้ดังนั้น เขาจึงเป็นได้เพียงอ๋องผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน คอยช่วยเหลือฟู่อวิ๋นโจวให้ขึ้นครองราชย์ เพื่อให้แคว้นเทียนเชวียสงบสุขตลอดไปแต่สิ่งที่ปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวคือ มิอยากให้ลั่วชิงยวนต้องลำบากด้วยจักรพรรดิสูงสุดยึดมั่นในใจลั่วชิง
จักรพรรดิสูงสุดเคลื่อนไหวช้า การเดินหมากก็เชื่องช้า ลั่วชิงยวนก็รอด้วยความเบื่อหน่ายทันใดนั้นขันทีเฉินก็รีบร้อนเข้ามา “จักรพรรดิสูงสุด องค์ชายห้าทรงถามว่า ท่านจะเสด็จร่วมพิธีขึ้นครองราชย์หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินดังนั้นพิธีขึ้นครองราชย์หรือ?ฟู่อวิ๋นโจวจะขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้ว!จักรพรรดิสูงสุดตอบ “มิไปหรอก แขนขาของข้าเป็นเช่นนี้ เดินเหินมิไหวแล้ว”“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมจะไปแจ้งให้ทราบ”ขันทีเฉินจากไปแล้ว จักรพรรดิสูงสุดก็เล่นหมากรุกต่อ แต่ลั่วชิงยวนกลับนิ่งเฉยฟู่เฉินหวนมิได้ขัดขวางการขึ้นครองราชย์ของฟู่อวิ๋นโจว เขาสังหารฟู่จิ่งหานแต่กลับมิได้รับโทษใด ๆแต่ยังทำให้ฟู่เฉินหวนหย่ากับนางแทน!ฟู่อวิ๋นโจวใช้วิธีใดกันแน่!นางมองจักรพรรดิสูงสุดด้วยสายตามิพอใจ “องค์จักรพรรดิสูงสุด ท่านทรงทราบทุกอย่างแล้วใช่หรือไม่เพคะ? การกระทำของฟู่อวิ๋นโจว ท่านจะทรงปล่อยไปเช่นนี้หรือเพคะ?”“ฟู่จิ่งหานมิใช่โอรสของท่านแล้วหรือเพคะ?”น้ำเสียงของลั่วชิงยวนแฝงไปด้วยความมิพอใจจักรพรรดิสูงสุดมิได้โกรธเคืองแต่กลับเผยรอยยิ้ม “เจ้าเก็บคำพูดนี้ไว้นานแล้วสินะ”“อดทนมาจนถึ
“มิว่าท่านจะทำสิ่งใด ท่านปล่อยพวกเราไปมิได้หรือ?” ลั่วชิงยวนเอ่ยแล้วก็ไอหนักอีกครั้งฟู่อวิ๋นโจวได้ยินเสียงไอของนางแล้วรู้สึกเจ็บปวดในใจ จึงลูบหลังนางเบา ๆ “บาดแผลของเจ้ายังมิหาย เจ้าเป็นหวัดอีกแล้วหรือ? ในเมื่อเขาหย่ากับเจ้าแล้ว เจ้าก็พักอยู่ในวัง รักษาตัวให้หายดีก่อนเถิด”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วปัดมือเขาออก“มิต้องมาเสแสร้ง”กล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็ลุกขึ้นเดินจากไปเดิมทีตั้งใจจะออกจากวัง แต่เมื่อใกล้ถึงประตูวังก็พบกับขันทีเฉิน ซึ่งเป็นขันทีที่คอยรับใช้ข้างกายจักรพรรดิสูงสุด“องค์หญิง จักรพรรดิสูงสุดทรงทราบว่าท่านเข้าวัง จึงเชิญท่านไปพบพ่ะย่ะค่ะ”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว แม้แต่คำเรียกขานก็เปลี่ยนไปแล้วด้วยดูท่าว่าจักรพรรดิสูงสุดคงทราบเรื่องที่ฟู่เฉินหวนหย่ากับนางแล้ว“ช่วงนี้จักรพรรดิสูงสุดทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ข้ายังมีธุระอยู่ ไว้คราวหน้าจะไปเข้าเฝ้า”ขันทีเฉินคลี่ยิ้ม “อาการประชวรขององค์หญิงยังมิหายดี ฤดูหนาวเช่นนี้ ยากที่จะทนได้ องค์หญิงควรพักรักษาตัวในวังก่อน จักรพรรดิสูงสุดก็ทรงเป็นห่วงองค์หญิงมากพ่ะย่ะค่ะ”ลั่วชิงยวนลังเล แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง บังเอิญว่านางก็อยาก
จดหมายหย่าร่วงหล่นลงพื้น บนนั้นเขียนไว้ชัดเจนว่าหนังสือหย่าลั่วชิงยวนชะงัก ยังคงตกตะลึงมิหาย แต่นางก็รีบหันหลังวิ่งตามฟู่เฉินหวนไป“เพราะเหตุใดกัน? เกิดอะไรขึ้นกับท่านในวัง? แผนการล้มเหลวหรือเพคะ?”“เหตุใดจู่ ๆ ก็เขียนหนังสือหย่า?”ลั่วชิงยวนร้อนใจ ต้องการคำอธิบายแต่แววตาของฟู่เฉินหวนกลับเย็นเยียบ มองนางด้วยสายตาเย็นชา “ลั่วชิงยวน ตอนนี้ข้ามิอยากพูดกับเจ้าแม้แต่คำเดียว มิอยากเห็นหน้าเจ้าด้วย!”“เจ้ารีบเก็บข้าวของออกไปเองเสีย อย่าบีบบังคับให้ข้าลงมือเลย!”ฟู่เฉินหวนกล่าวจบก็เดินจากไปลั่วชิงยวนยืนนิ่งอึ้งนี่มันเรื่องอะไรกัน?นางมิยอมแพ้ วิ่งตามไปที่ห้องตำราของฟู่เฉินหวน แต่กลับพบว่าเขาปิดประตูลงกลอนจากด้านในมิว่าลั่วชิงยวนจะทุบประตูอย่างไร เขาก็มิยอมเปิด“ฟู่เฉินหวน! ท่านพูดมาให้ชัดเจน! เหตุใดจึงจู่ ๆ จะหย่ากับหม่อมฉัน?”“มิได้ตกลงกันแล้วหรอกหรือว่ามีเรื่องใดก็จะร่วมกันฝ่าฟัน!”“เหตุใดท่านจึงผลักไสหม่อมฉันอีก?”“ท่านอธิบายมาให้ชัดเจน!”เสียงเย็นชาที่แฝงด้วยความโกรธของฟู่เฉินหวนดังมาจากด้านใน “เจ้าหลอกลวงข้า ยังมิพออีกรึ!”ลั่วชิงยวนตกใจ “หม่อมฉันหลอกลวงท่านอย่างไร?