Share

บทที่ 6

Author: หว่านชิงอิ๋น
ลั่วชิงยวนหยิบไม้ที่อยู่ตรงมุมกำแพงขึ้นมา และหวดไม้ใส่เมิ่งจิ่นอวี่จนหมดสติ

นางหยิบหมั่นโถวชิ้นเล็ก ๆ ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วยัดเข้าไปในปากของเมิ่งจิ่นอวี่ ทำให้นางกลืนมันลงไป

ชายบางคนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากทางหน้าต่าง คิดว่าลั่วชิงยวนกำลังจะหนีออกไป

"นี่! คิดจะหนีรึ!" หนึ่งในนั้นก้าวไปข้างหน้า และกระชากนางลงมาทันที ลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้ปล่อยตัวเมิ่งจิ่นอวี่

พวกนั้นคิดว่าเมิ่งจิ่นอวี่ที่สลบไปคือลั่วชิงยวน จึงได้พานางกลับไปที่เตียง

ลั่วชิงยวนพิงผนังและฟังเสียงเคลื่อนไหวภายในห้อง เมื่อแน่ใจว่ามันเป็นไปตามแผน นางจึงหันหลังและจากไปอย่างสบายใจ

ในความมืด นางแอบเดินเข้าไปในครัวด้านหลัง หลังจากค้นหาทั่วครัวก็ไม่มีอะไรเหลือให้กิน! นางจึงหามุมเพื่อเอนตัวลงนอน ก่อนจะผล็อยหลับไป

ณ ห้องตำรา

ฟู่เฉินหวนกำลังจะหยุดพักหลังจากทำงานเสร็จสิ้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงตื่นตระหนกของลั่วเยวี่ยอิง "ท่านอ๋อง ท่านบรรทมอยู่หรือไม่เพคะ?"

เมื่อได้ยินเสียงที่ลุกลน ฟู่เฉินหวนจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและเปิดประตู "มีเรื่องอันใดรึ?"

ลั่วเยวี่ยอิงมองเขาด้วยใบหน้าซีดเซียว นัยน์ตาที่ชุ่มน้ำของนางดูเหมือนจะเพิ่งผ่านการร้องไห้มา "ท่านอ๋อง หม่อมฉันเพิ่ง... เห็นผู้ชายสองสามคนเข้าไปในห้องของท่านพี่เพคะ ท่านอ๋องช่วยไว้ชีวิตพี่สาวของหม่อมฉันด้วยนะเพคะ"

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนสี

มีผู้ชายเข้าไปในห้องของลั่วชิงยวน เขาสั่งซูโหยวไปแล้วว่าไม่ต้อง? "ท่านอ๋อง ข้ามีพี่สาวเพียงคนเดียว ไม่ว่านางจะทำอะไร นางก็ยังเป็นพี่สาวของหม่อมฉันเสมอ... " ลั่วเยวี่ยอิงร้องห่มร้องไห้ พลางคุกเข่าลงกับพื้น

เห็นดังนั้น ฟู่เฉินหวนก็ขมวดคิ้ว และรีบพยุงนางขึ้นมา "พาข้าไปดู"

"เพคะ..." ลั่วเยวี่ยอิงก้มหัวลงอย่างละอายใจ

แววตาของฟู่เฉินหวนส่องประกายความอำมหิต ลั่วชิงยวน เจ้าจะก่อเรื่องอะไรอีก ขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมแพ้ ยังจงใจทำให้ลั่วเยวี่ยอิงเข้าใจผิดในสิ่งที่เขาทำ

เขาจะพาลั่วเยวี่ยอิงไปดูโฉมหน้าที่แท้จริงของพี่สาวที่นางคิดว่าแสนดีให้ชัด ๆ !

ใบหน้าของลั่วเยวี่ยอิงซีดเผือด นางโดนฟู่เฉินหวนจูงออกไป พลางร้องไห้ตลอดทาง "ท่านอ๋อง หม่อมฉันเต็มใจที่จะถูกลงโทษแทนพี่สาวเพคะ หม่อมฉันขอร้อง ได้โปรดทรงไว้ชีวิตพี่สาวหม่อมฉันด้วย..."

หลังจากตกค่ำ ภายในตำหนักก็เงียบสงัด เสียงร้องไห้ของลั่วเยวี่ยอิงจึงดังเป็นพิเศษ และนั่นก็ดึงดูดความสนใจจากคนรับใช้เป็นจำนวนมาก

“คุณหนูรองนี่ช่างจิตใจดีจริง ๆ คุณหนูใหญ่กระทำกับนางเยี่ยงนั้น แถมยังแย่งการแต่งงานของนางอีก แต่คุณหนูก็ยังอ้อนวอนขอร้องแทนนาง”

“ก็นั่นน่ะสิ คุณหนูรองเป็นพระโพธิสัตว์จริง ๆ”

นางรับใช้กับคนรับใช้กำลังหารือกัน หลังจากได้ยินเสียง พวกนางก็ติดตามไปอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น

ลานขนาดใหญ่ไม่ได้จุดไฟ ทำให้มันมืดสนิทไปหมด

ในความเงียบ มีเสียงที่ทำให้คนต้องหน้าแดงดังมาจากในห้อง ผสมกับคำหยาบคายและลามกของผู้ชาย "พระชายา ท่านช่างงดงามเหลือเกิน!"

ในขณะนั้น ความโกรธพุ่งตรงไปที่หัวของฟู่เฉินหวน

ถึงแม้ว่าเขาจะเกลียดนาง แต่ตอนนี้นางมีตำแหน่งเป็นพระชายา นางบังอาจทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกับทาสภายใต้จมูกของเขาได้อย่างไร...?!

ลั่วเยวี่ยอิงกลัวมากจนใบหน้าเล็ก ๆ ของนางซีดลง นางคุกเข่าลง และคว้าแขนเสื้อของฟู่เฉินหวน "ท่านอ๋อง ได้โปรดไว้ชีวิตพี่สาวของหม่อมฉันด้วยเพคะ!"

การกระทำของลั่วเยวี่ยอิงเป็นการเติมเชื้อไฟอย่างไม่ต้องสงสัย ฟู่เฉินหวนโกรธจัด นางคิดว่านั่นเป็นคำสั่งของเขาอย่างนั้นหรือ!

เขาดึงลั่วเยวี่ยอิงขึ้นมา "ข้ามิได้เป็นคนสั่ง!"

เขาโกรธมากจนเตะประตูให้เปิดออก และตะโกนด้วยเสียงอาฆาต "ลั่วชิงยวน!"

ทุกคนในห้องตกใจจนขวัญกระเจิง ผู้ชายบนเตียงพวกนั้นต่างพากันรีบสวมเสื้อผ้า และรีบทุลักทุเลออกจากห้องไป

คนรับใช้ต่างส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นฉากนี้

"สวรรค์ พระชายาช่างไร้ยางอายจริง นางกล้าหลับนอนกับคนรับใช้ได้อย่างไรกัน..."

"นี่คือลูกสาวที่ถูกสอนมาจากจวนอัครเสนาบดีจริงหรือ?"

ใบหน้าของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนสี เมื่อได้ยินการสนทนานี้ เรื่องอื้อฉาวเช่นนี้เกิดขึ้นในตำหนักอ๋อง รุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้ เขาจะกลายเป็นตัวตลกในเมืองหลวงนี้ทันที

"ใครก็ได้ พระชายาได้ทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ จงนำตัวไปประหารชีวิตซะ!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเยวี่ยอิงที่กำก้มศีรษะอยู่ ก็อดไม่ได้ที่ยกยิ้มขึ้นที่ริมฝีปาก

หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดนางก็ทำลายชื่อเสียงของลั่วชิงยวนได้สำเร็จ จากนี้ไป ตระกูลลั่วจะมีเพียงนาง ลั่วเยวี่ยอิง คนเดียวเท่านั้น !

นางแสร้งทำเป็นตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ ท่าทางหวาดกลัวและสูญเสีย

คนรับใช้หลายคนเข้ามาในห้อง เพื่อจับตัวลั่งชิงเยวียนไปประหารชิวิต

แต่เมื่อจับตัวออกมา ผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยก็พุ่งตัวเข้าไปหาฟู่เฉินหวนอย่างบ้าคลั่ง "ท่านอ๋อง หม่อมฉันใจจดใจจ่อมานานหลายปี และในที่สุดหม่อมฉันก็ได้เป็นชายาของท่าน… ท่านอ๋อง..."

น้ำเสียงนั้นหอบกระเส่านั้น ทำให้ผู้ฟังรู้สึกขนหัวลุกไปหมด

แขนที่เปลือยเปล่าเอื้อมขึ้นไปคล้องคอฟู่เฉินหวน แทบจะโน้มตัวทับลงไป

ในขณะนั้น ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วมุ่น ปฏิกิริยาแรกของเขาคือ นี่ไม่ใช่เสียงของลั่วชิงยวน! มือหนาดึงแขนที่คล้องคอของเขาออก และโยนมันทิ้งไปด้วยความรังเกียจ

“อ๊ะ!” ผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยล้มลงไปบนพื้นหิน

สาวใช้เปิดโคมไฟดูอยู่ข้าง ๆ

ภายใต้แสงจ้า เมื่อใบหน้านั้นเงยหน้าขึ้นมา ทุกคนในลานต่างก็ตกตะลึง

เห็นได้ชัดว่าหญิงคนนั้นคือ… เมิ่งจิ่นอวี่!

เมื่อเห็นฉากนี้ ลั่วเยวี่ยอิงก็แทบสำลักลมหายใจ นางกำแขนเสื้อแน่น ไม่ใช่ลั่วชิงยวน? เป็นไปได้อย่างไร! แล้วลั่วชิงยวนเล่า? ทำไมถึงได้กลายเป็นเมิ่งจิ่นอวี่ไปได้ มันเกิดอะไรขึ้น?!

จิตใจของนางสับสนอลหม่านไปชั่วขณะ

ฟู่เฉินหวนดวงตาคมลึก ความโกรธในใจของเขาลดลงเล็กน้อย หากลั่วชิงยวนทำสิ่งนี้จริง เขาจะไม่ไว้ชีวิตนางแน่

"ใครก็ได้ ไปตามหาพระชายามา" ฟู่เฉินหวนออกคำสั่งเสียงเรียบ

……

ทันใดนั้น ทั้งตำหนักอ๋องก็เกิดความวุ่นวายขึ้น คนรับใช้ต่างก็ออกค้นหากันทั่วลาน ทั้งภายในและภายนอก

ลั่วชิงยวนที่หลับสนิทไปแล้ว เสียงอุทานของสาวใช้ดังขึ้นข้างหูนาง "พระชายา ตื่นเถิด ตื่นเถิดเจ้าค่ะ!" ลั่วชิงยวนตื่นขึ้นด้วยความงุนงง นางขยี้ตาเบา ๆ "เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?"

“เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตำหนัก แต่ท่านกลับมานอนหลับที่นี่หรือเพคะ!!” นางรับใช้บ่นเล็กน้อย เนื่องกว่าจะหาตัวนางเจอ

นางรับใช้หลายคนดึงลั่วชิงยวนขึ้นมา และลากนางกลับไปที่ลานกว้างในตำหนัก

ลานกว้างในตำหนักสว่างไสว ชายผู้เต็มไปด้วยจิตสังหารยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ใต้ชายคา และด้านข้างเขาคือ ลั่วเยวี่ยอิง สาวน้อยบอบบางที่กำลังมีสีหน้าซีดเซียว

และมีเมิ่งจิ่นอวี่ที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยนอนอยู่บนพื้น นางเพิ่งถูกนางรับใช้สาดน้ำใส่เมื่อสักครู่ แต่ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา ยังคงนอนดิ้นอยู่บนพื้น พูดจาพึมพำ ทุกคนมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น และมันน่าละอายเกินกว่าจะมองดู

แม่นมหลินไปหยิบผ้านวมออกจากห้อง แล้วห่มร่างเมิ่งจิ่นอวี่ไว้ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสายตา

“คืนนี้เจ้าไปทำอะไร? ที่ไหน? บอกข้ามาให้หมด!” ฟู่เฉินหวนมองลั่วชิงยวน จี้ถามนางด้วยสายตาเย็นชา

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 7

    เมิ่งจิ่นอวี่และคนรับใช้พวกนี้ไม่ควรปรากฏตัวในห้องของลั่วชิงยวน แต่คืนนี้กลับมารวมตัวกันในห้องของนาง แถมนางยังไม่ได้อยู่ในห้องอีก เลยทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า หรือนี่อาจจะเป็นแผนการของลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนรู้สึกสับสน นางขมวดคิ้วพร้อมพลางมองด้วยสายตาเย็นชา "ท่านกำลังสอบสวนนักโทษอยู่หรือเพคะ?" เมื่อเห็นดังนั้น ลั่วเยวี่ยอิงก็รีบไปข้างหน้า และคว้าแขนของนาง จงใจใช้เสียงเบาที่ทุกคนได้ยินกล่าวว่า "ท่านพี่ อย่าพูดกับท่านอ๋องแบบนี้สิเจ้าคะ คืนนี้ท่านทำอะไร บอกความจริงกับท่านอ๋องเถิด มีข้าอยู่ ท่านอ๋องไม่ทำอะไรท่านพี่หรอก” การกระทำของลั่วเยวี่ยอิง ยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ลั่วชิงยวนเป็นคนทำจริง ๆดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นยะเยือก นางจงใจหลุบตาลงอย่างรู้สึกผิด และกระซิบตอบ "ข้ายอมรับว่าคืนนี้ข้าทำบางสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายได้..."เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเยวี่ยอิงแสร้งทำเป็นตกใจ และเปล่งเสียงออกมา "อะไรนะเจ้าคะ? ท่านพี่สับสนขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!"ลั่วเยวี่ยอิงดึงลั่วชิงยวนไปข้างหน้า และพูดกับนางด้วยท่าทางเคร่งขรึม "ท่านพี่ ท่านยอมรับผิดต่อท่านอ๋องเถิด มีข้าอยู่ ไม่เป็นไรหรอกเจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 8

    ภายใต้คำวิจารณ์ สีหน้าของลั่วชิงยวนยังคงเรียบเฉย นางเดินตรงไปข้างหน้าคนรับใช้ที่คุกเข่าเหล่านั้น และถามอย่างใจเย็น "พวกเจ้าพูดว่าข้าเป็นคนสั่งอย่างนั้นรึ?"“เช่นนั้นจงพูดมา ข้าไปสั่งให้พวกเจ้าที่ไหน เมื่อไหร่? แล้วให้เข้ามาในห้องนี้เวลาใด?”“ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่คือห้องของพระชายา พวกเจ้าก็ตกลงเข้ามาอย่างง่ายดายเช่นนั้นเลยรึ? ข้าตั้งเงื่อนไขอะไรให้กับพวกเจ้ากัน? ถึงได้กล้าเสี่ยงชีวิตมาที่นี่?” เมื่อนางถามออกไปเช่นนั้น สีหน้าของคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาจ้องไปที่เมิ่งจิ่นอวี่ เห็นได้ชัดว่ากำลังขอความช่วยเหลือจากเมิ่งจิ่นอวี่พวกเขาควรตอบอย่างไรดีฟู่เฉินหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย มองดูฉากนี้อย่างเงียบ ๆ เขายังมองไปที่ลั่วชิงยวน ในสถานการณ์ที่มีศัตรูจำนวนมาก แต่นางยังสามารถควบวคุมสติอารมณ์ได้ ลั่วชิงยวนผู้นี้ค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียว"พูดมาสิ? ข้าเป็นคนสั่งพวกเจ้าใช่หรือไม่? ข้าพูดอะไรกับพวกเจ้า เล่ามันออกมา?" ลั่วชิงยวนตะคอกเบา ๆเห็นดังนั้นเมิ่งจิ่นอวี่ก็รู้สึกเป็นกังวล แผนของพวกนางผิดเพี้ยนไปหมด นางไม่สามารถเชื่อมโยงคำถามเหล่านี้ได้เลยเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ นางก็

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 9

    ลั่วชิงยวนเห็นว่าคิ้วของฟู่เฉินหวนล้อมรอบด้วยวิญญาณชั่วร้าย รอบดวงตาค้ำ นางขมวดคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะเตือนเขาอีกครั้ง "ท่านอ๋อง แล้วแต่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ ก็ไม่มีความหวังจริง ๆ ! ข้าแนะนำว่าอย่าออกไปไหนเป็นเวลาสองวัน มิเช่นนั้นจะเกิดการนองเลือด!"อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฟู่เฉินหวนได้ยินคำพูดของนาง เขาก็ไม่ได้เก็บมันมาคิดเลย แถมยังขู่กลับไปอีกด้วยว่า "หากเจ้ายังคงสร้างความสับสนให้กับผู้คนในตำหนักด้วยเรื่องไร้สาระนี้ และพูดชื่อของลั่วเยวี่ยอิงอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะตัดลิ้นและหัวของเจ้าซะ!” ลั่วชิงยวนสถบเบา ๆ นางอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี แต่ในสายตาของฟู่เฉินหวนกลับคิดว่านางกำลังใส่ร้ายลั่วเยวี่ยอิง ไม่น้อมรับน้ำใจคนก็แล้วไป เขาจะอยู่หรือตายก็ไม่เกี่ยวกับนางเสียหน่อย! หากเขาตาย นางจะได้ไม่ต้องขอใบหย่า! นางเองก็ขี้เกียจเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงก้าวเท้าเดินกลับห้องไป ด้วยสถานะคุณหนูใหญ่ของจวนอัครเสนาบดี ฟู่เฉินหวนจึงจะยังไม่ฆ่านาง แต่เขาก็จะไม่ปล่อยให้นางมีชีวิตที่ดีเช่นกันนางต้องรอดูก่อนว่าฟู่เฉินหวนจะรอดจากหายนะครั้งนี้ได้หรือไม่ เพราะในตัวเขามีพลังงานมังกรอยู่ บางทีเขาอาจจะมีสิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 10

    คนในกระจกพูดอย่างมีความสุข "เจ้าค่ะ บ่าวจำได้! บ่าวไม่รู้ว่าจะขอบคุณพระชายาอย่างไร จากนี้ไป บ่าวจะปรนนิบัติรับใช้ท่านเอง หวังว่าพระชายาจะไม่รังเกียจบ่าวรับใช้ผู้นี้นะเจ้าคะ”ขณะที่แม่นมเติ้งพูด นางก็หยิบปิ่นปักผมขึ้นมาปักบนหัวให้นาง ดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นยะเยือก นางจับมือแม่นม และยืนขึ้นเผชิญหน้ากับนางแม่นมเติ้งตกใจ และมองนางด้วยความงุนงง "พระชายา เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ?"เมื่อลั่วชิงยวนออกแรง แม่นมเติ้งเจ็บจนต้องปล่อยมือออก และปิ่นก็ร่วงลงกับพื้นอีกฝ่ายก็สัมผัสได้ความหมายของลั่วชิงยวน ทันใดนั้นก็มีแสงแล่นผ่านม่านตา นางรีบคว้าปิ่นที่เหลือบนโต๊ะอีกครั้ง และพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอย่างโหดเหี้ยมลั่วชิงยวนไม่สามารถทนแรงนั้นได้ ร่างนางถูกเหวี่ยงลงกับพื้น ปิ่นเงางามที่ลอยอยู่เหนือดวงตาของนางราวกับใบมีดคมกริบแม่นมเติ้งกัดฟัน พยายามแทงปิ่นลงไปที่ดวงตาของนางอย่างเอาเป็นเอาตายสิ่งที่นักปราชญ์ด้านฮวงจุ้ยขาดมิได้เลยก็คือ ดวงตาที่เฉียบแหลมคู่นี้ ลั่วชิงยวนมองไปที่แสงสีเขียวในดวงตาของแม่นมเติ้ง และก็ยิ่งแน่ใจว่ากำลังเจอกับอะไร!“เจ้าสัตว์ร้าย รนหาความตาย!” นางปล่อยข้อมือของแม่นมเติ้งทันทีป

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 11

    เมื่อนางได้ยินเช่นนี้ จือเฉาก็รู้สึกปลื้มปีติ นางพูดเสียงติดอ่างด้วยความตกใจ "พระ... พระชายา แต่บ่าวทำอะไรไม่เป็นเลยนะเจ้าคะ"“เจ้ารู้วิธีส่งชาและส่งน้ำหรือไม่? วิธีหวีผมแบบง่าย ๆ ทำได้หรือไม่? ถ้าทำได้ ก็เพียงพอแล้ว” นางดึงจือเฉาขึ้นมาจากพื้นจือเฉาสติยังกลับมาไม่สมบูรณ์นัก ลั่วชิงยวนวางชามและตะเกียบไว้ข้างหน้านาง "กับข้าวเยอะขนาดนี้ ข้ากินคนเดียวไม่หมดหรอก เจ้ามานั่งกินด้วยกันสิ" จือเฉารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร นางหยิบชามข้าวขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง และเริ่มกินเมื่อเห็นท่าทางมึนงงของนาง ลั่วชิงยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทรงจำบางอย่าง ครั้นเมื่อน้องสาวคนเล็กถูกท่านอาจารย์รับมานั้น นางก็มีลักษณะท่าทางเช่นนี้เช่นกันหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ท้องฟ้าก็มืดลง และฝนก็เริ่มตก หลังจากที่จือเฉาจากไป ในที่สุดลั่วชิงยวนก็มีโอกาสที่หยิบเข็มทิศแห่งโชคชะตาออกมา นางสำรวจมันอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเข็มทิศก็หมุนอย่างรวดเร็ว นางตกใจเล็กน้อย จึงหยิบเข็มทิศแล้วเดินออกไปที่ประตู แต่กำลังจะเข้าไปในลาน จู่ ๆ ฝนก็ตกหนักนางเพิ่งส

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 12

    "เจ้าดูที่พื้นสิ มีกู่ฉงที่ข้าบดขยี้อยู่! ถ้าเอามันออกมาไม่ทันเวลา เจ้านายของพวกเจ้าคงตายไปแล้ว!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ห้องและตรวจดูที่พื้น และเห็นหนอนที่ถูกบดขยี้อยู่จริง เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าหยิบซากมันขึ้นมา และถามท่านหมอกู้ที่เพิ่งเย็บแผลให้ท่านอ๋องเสร็จ “ท่านหมอกู้ ท่านคิดว่าสิ่งนี้คือกู่ฉงหรือไม่?”ดวงตาของท่านหมอกู้สว่างขึ้น เขาตรวจสอบก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า "ข้าว่าแล้วทำไมพิษบาดแผลของท่านอ๋องถึงได้แปลกประหลาดยิ่งนัก ไม่ทำลายชีวิต ที่แท้คือพิษกู่ฉงนี่เอง มันไม่ทำลายชีวิต แต่ช่วยให้หนอนตัวนี้ได้เข้าไปข้างในร่างกายนั่นเอง"หลังจากพูดจบ ท่านหมอกู้ก็อุทานว่า "โอ้! โชคดีจริง ๆ ที่นำสิ่งนี้ออกมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นชีวิตของท่านอ๋องอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวและฟู่เฉินหวนที่อยู่บนเตียงต่างก็ตกใจซูโหยวรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่า ทำไมนางถึงยื่นมือเข้ามาช่วย แต่เมื่อสักครู่นางถูกตำหนิอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นเขาจึงรีบบอกให้องครักษ์ตัวลั่วชิงยวนทันที"ข้าน้อยรีบร้อนจนเกินไป ขอประทานอภัยพระชายาด้วยขอรับ"

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 13

    เมื่อได้ยินเสียง ทุกคนมองไปที่ลั่วชิงยวนที่ประตูด้วยสายตารังเกียจซูโหยวขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้า และกันไม่ให้นางเข้ามาด้านในอีกครั้ง ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างเฉียบขาด ก่อนจะผลักเขาออกไปแล้วเดินเข้ามาสายตาที่เฉียบคมเมื่อสักครู่ ทำให้ซูโหยวเกิดความกลัวเล็กน้อยน้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ "เจ้าจะก่อเรื่องอันใดอีก?"ลั่วชิงยวนมองไปที่ลั่วเยวี่ยอิงอย่างเย็นชา นางหยิบเครื่องประดับปีศาจนั้นออกมา แล้วถามเสียงเย็น "ทำไมเจ้าไม่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุที่ล่อสายฟ้านี้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังหน่อยเล่า"ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกผิดเล็กน้อย และไม่กล้ามองนาง แต่นางก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง "ท่านพี่ถามข้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ซูโหยวเองก็เห็นว่า ข้าเป็นคนหยิบของชิ้นนั้นออกไป ท่านพี่นำมันกลับมาเพื่อจะพิสูจน์อันใด?”"นั่นเป็นเพราะข้าเป็นคนขอให้เจ้านำของชิ้นนี้ออกมา แน่นอนว่าเจ้าไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้" ลั่วชิงยวนหัวเราะเยาะลั่วเยวี่ยอิงปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง นางมองหน้านางด้วยน้ำตาคลอเบ้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร "ท่านพี่พูดอะไรก็ล้วนเป็นเช่นนั้น ท่านพี่เป็นบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 14

    ลั่วชิงยวนยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับ ฟู่เฉินหวนสาวเท้าสองสามก้าว จ้องมองนางด้วยความโกรธ "เจ้าเป็นคนทำอย่างนั้นรึ?!"ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างสงบ พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยถากถาง "ท่านเชื่อหม่อมฉันแล้วหรือเพคะ?"คำที่นางพูดออกมาหมายถึงยอมรับมันฟู่เฉินหวนรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เขาดึงดาบยาวออกมาจากเอวขององครักษ์ส่วนพระองค์ พลางชี้ไปที่คอของลั่วชิงยวน และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ข้าจะฆ่าเจ้า!"ลั่วชิงยวนชูคอด้วยท่าทางเย็นชาและเย่อหยิ่ง "หากท่านอ๋องต้องการฆ่าก็ฆ่าเถิดเพคะ หลังจากที่ฆ่าหม่อมฉันแล้ว สิ่งล่อสายฟ้าในตำหนักอ๋องนี้ยังไม่ถูกถอนออกไป และพายุฝนฟ้าคะนองนี้จะกินเวลาอีกหลายวัน ตำหนักของท่านอ๋องจะกลายเป็นซากปรักหักพังเป็นแน่ อย่าได้คิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแม้แต่คนเดียว!"“เจ้า!” ฟู่เฉินหวนกำดาบยาวไว้ในมือ ก่อนจะกระอักเลือดออกมาเต็มปากเซียวชูพยุงฟู่เฉินหวนทันทีด้วยความตกใจ และเป็นกังวล "ท่านอ๋อง!"“ท่านหมอกู้อยู่ที่ไหน! ท่านหมอกู้!” เซียวชูตะโกนทันทีองครักษ์นายหนึ่งตอบว่า "หมอกู้หมดสติหลังจากหนีออกมาจากกองไฟ!"เห็นดังนั้นลั่วชิงยวนจึงก้าวไปข้างหน้า และคว้าข้อมือของฟู่เฉินหวนขึ้น

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1244

    จากนั้นเขาก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ดวงตาแดงก่ำ มือที่บีบคอของลั่วฉิงออกแรงมากขึ้น เสียงของเขาแหบพร่าด้วยความโกรธ “คืออะไร! วิธีนั้นคืออะไร!”ลั่วฉิงถูกบีบคอจนหายใจมิออก แต่กลับมิตื่นตระหนกและยังคงแสยะยิ้ม“ท่านอ๋อง อย่าทนอีกเลย ท่านฆ่าข้ามิได้หรอก”“ตอนนี้ท่านคงจะทรมานมาก อยากฆ่าข้าแต่ฆ่ามิได้”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า หากท่านฆ่าข้า บนใต้หล้านี้ก็จะไม่มีใครรู้วิธีแก้ไขการควบคุมของน้ำศักดิ์สิทธิ์อีก”“ท่านอ๋อง ท่านแน่ใจหรือว่าจะใช้กำลังกับข้า?”ลั่วฉิงมิกลัวแม้แต่น้อย ในดวงตายังมีแววท้าทายในที่สุดฟู่เฉินหวนก็ปล่อยมือ ถอยหลังไปหลายก้าว แล้วกระอักเลือดออกมา รู้สึกเจ็บปวดจนเส้นเลือดที่หน้าผากปูดขึ้นมาความโกรธในใจทำให้เขาเกิดความคิดต่อต้านอย่างรุนแรงลั่วฉิงเห็นดังนั้นจึงยกยิ้มอย่างเย็นชา ค่อย ๆ เดินเข้าไปหา “น่าเสียดาย ตอนนี้ท่านรู้ความจริงก็สายไปแล้ว เฉินชีพาลั่วชิงยวนไปแล้ว”“ส่วนจะโดนอะไรบ้าง ข้าเองก็มิรู้”“คนที่ตายด้วยน้ำมือของเฉินชีมีมากมายมิต่างจากลั่วชิงยวนหรอก แค่กระบวนการทรมานอาจจะโหดร้ายหน่อย”คำพูดเหล่านี้ยิ่งทำให้ฟู่เฉินหวนโกรธจัดแต่เขาก็ได้แต่กำมือแน่นอดทน เขาทำอะไรลั่วฉ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1243

    “การอยู่เคียงข้างกันในช่วงเวลาสุดท้าย อย่างน้อยก็ได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน”“จะได้มิเสียใจภายหลัง”จักรพรรดิสูงสุดกล่าวอย่างลึกซึ้งฟู่เฉินหวนกำมือแน่น กล่าวว่า “เสด็จพ่อ ระหว่างลูกกับนางมีความแค้นต่อกัน ย่อมทำเช่นนั้นมิได้ เจ็บแต่จบดีกว่าเจ็บเรื้อรัง...”จักรพรรดิสูงสุดได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้ว “ว่ากระไรนะ? ความแค้นอันใด?”ฟู่เฉินหวนรู้สึกหนักใจ ในเมื่อลาออกจากตำแหน่งแล้ว ตอนนี้ก็ถือว่าจักรพรรดิสูงสุดเป็นเสมือนพ่อ เขามิอยากปิดบังความในใจอีกต่อไป“มารดาของนางเคยหลอกลวงเสด็จแม่ของลูก ใช้เสด็จแม่ให้ลูกกินอะไรบางอย่าง ตอนนี้ลูกถูกสิ่งนั้นทรมานจนทนมิไหว”จักรพรรดิสูงสุดขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่า ฮูหยินของอัครเสนาบดีลั่วหลอกลวงเสด็จแม่ของเจ้างั้นหรือ?”“เจ้าไปฟังใครพูดมา? ฮูหยินลั่วกับเสด็จแม่ของเจ้าสนิทกันราวกับพี่น้อง!”ฟู่เฉินหวนตกใจเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “นางจึงหลอกลวงเสด็จแม่ของลูก นี่เป็นสิ่งที่เสด็จแม่เขียนไว้ในจดหมายพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิสูงสุดได้ฟังก็ส่ายหน้า “ไม่มีทาง! ใครในใต้หล้านี้ก็อาจจะทำร้ายเสด็จแม่ของเจ้าได้ แต่ฮูหยินลั่วจะมิทำ นางสามารถสละชีวิตเพื่อเสด็จแม่ของเจ้าได้”“พ่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1242

    แคว้นเทียนเชวียฟู่เฉินหวนป่วยหนัก นอนอยู่บนเตียงหลายวัน เมื่อฟื้นขึ้นจึงรีบออกเดินทางกลับเมืองหลวงโดยมิสนใจคำทัดทาน ไม่มีใครห้ามปรามได้เขาเร่งเดินทางกลับสู่เมืองหลวงฟู่เฉินหวนรีบเข้าวังรายงานภัยคุกคามที่ซีหลิงสิ้นสุดลง ขุนนางในราชสำนักต่างก็ดีใจ“ครั้งนี้ท่านมหาปราชญ์ทำนายถูก เพราะท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการออกรบจึงสามารถยุติสงครามได้!”ผู้คนจึงมองลั่วฉิงในแง่ดีขึ้น“ครั้งนี้ท่านอ๋องสร้างคุณงามความดีอีกแล้ว มิรู้ว่าจักรพรรดิจะประทานรางวัลอะไรให้”...ในห้องทรงพระอักษรฟู่อวิ๋นโจวมิได้ดีใจที่สงครามซีหลิงยุติแต่กลับโมโหมาก เขาถามเสียงดัง “ข้าได้ยินว่ามีคนเห็นลั่วชิงยวนในสนามรบ?! เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”น้ำเสียงเย็นยะเยือกนั้นเต็มไปด้วยความโกรธฟู่เฉินหวนมิตอบ ความเงียบก็คือคำตอบฟู่อวิ๋นโจวเดินเข้ามา “เช่นนั้นเจ้าแอบวางแผนให้ลั่วชิงยวนแกล้งตาย แล้วแอบพานางไปชายแดนซีหลิง เพื่อใช้นางเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนยุติสงครามหรือ?”ฟู่เฉินหวนยังคงมิตอบแต่ฟู่อวิ๋นโจวก็เห็นคำตอบจากความเงียบแล้ว เขาจึงต่อยเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนด้วยความโกรธ ต่อยแรงจนฟู่เฉินหวนล้มลงกับพื้นฟู่เฉินหวนลุ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1241

    ลั่วชิงยวนมิเคยได้ยินน้ำเสียงและคำพูดแบบนี้จากเฉินชีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเกาเหมียวเหมี่ยวจริง ๆแต่เกาเหมียวเหมี่ยวชอบเขามาตั้งแต่เด็ก อาจจะเพราะนิสัยคล้ายกัน คนเหี้ยมโหดอย่างเฉินชีจึงมีเสน่ห์ดึงดูดเกาเหมียวเหมี่ยวเป็นพิเศษเกาเหมียวเหมี่ยวจากไปด้วยความโกรธ ก่อนไปนางยังมองลั่วชิงยวนด้วยแววตาอาฆาตในแววตานั้นยังเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาด้วยแท้จริงแล้วเกาเหมียวเหมี่ยวมิได้อ้วน แต่มีรูปร่างอวบอิ่ม เป็นแบบที่บุรุษเห็นแล้วชื่นชอบ สตรีเห็นแล้วอิจฉาแต่เฉินชีกลับด่านางว่าอ้วนลั่วชิงยวนคิดในใจว่า หากนางมิได้ผอมลง เฉินชีคงจะมิสนใจนางน่าเสียดาย คงจะอ้วนขึ้นมามิได้ในเวลาอันสั้นเมื่อภัยอันตรายผ่านพ้นไป เตี่ยฉุยก็กลับเข้าไปในหยกแต่ในจังหวะที่เขาออกจากร่าง กลับทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกอ่อนแรงจนเกือบจะล้มลง จึงรีบยันต้นไม้ไว้ดูเหมือนว่าต่อไปหากมิใช่สถานการณ์คับขันก็มิสามารถให้เตี่ยฉุยเข้าสิงร่างได้แล้ว เพราะเป็นการสิ้นเปลืองพลังของนางมากเฉินชีรีบเข้ามาพยุงนาง “เป็นอะไรหรือไม่?”ลั่วชิงยวนผลักเขาออกอย่างเย็นชานางกล่าวเสียงเย็น “เจ้ากับหญิงบ้าคนนั้นช่างเหมาะสมกันนัก”เฉินชีเลิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1240

    ลั่วชิงยวนขยี้ยันต์จนแหลกละเอียด เตี่ยฉุยถูกดูดเข้าไปในร่างของลั่วชิงยวนในจังหวะที่แส้ฟาดมา ลั่วชิงยวนรีบยื่นมือออกไปรับพลันคว้าแส้ไว้แล้วดึงอย่างแรง ก่อนจะเหวี่ยงเกาเหมียวเหมี่ยวกระเด็นออกไปเกาเหมียวเหมี่ยวตกใจ แต่ยังรีบกระโจนเข้ามา ลั่วชิงยวนถือโอกาสต่อยเข้าที่ท้องของเกาเหมียวเหมี่ยวอย่างแรงซัดนางกระเด็นออกไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ ล้มลงกับพื้นแล้วกระอักเลือด“เจ้า! เจ้าเป็นใครกันแน่!” เกาเหมียวเหมี่ยวมองหญิงสาวที่อ่อนแอและซีดเซียวตรงหน้าด้วยความตกใจมิอยากจะเชื่อว่านางจะสามารถควบคุมวิญญาณให้เข้าสิงร่างได้หากคนที่ถูกสิงไม่มีพลังและจิตใจที่แข็งแกร่งย่อมถูกกลืนกินได้ทุกเมื่อโดยเฉพาะวิญญาณเร่ร่อนที่ไปเกิดใหม่มิได้นั้นก็อยากจะมีร่างอยู่แล้วเห็นได้ชัดว่าหญิงสาวผู้นี้อ่อนแอและมิน่าจะสามารถควบคุมวิญญาณได้ ทว่านางมิเพียงแต่ควบคุมได้เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ด้วย“ลั่วชิงยวน” นางเอ่ยชื่อสามพยางค์น้ำเสียงเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่นเจือปนแต่พลังที่แผ่ซ่านออกมากลับทำให้น่าหวาดกลัวอย่างบอกมิถูกแต่ในตอนนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก เลือดเอ่อล้นขึ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1239

    ฉู่จิ้งคลี่ยิ้ม รอยยิ้มนั้นแสนอ่อนโยน......เฉินชีลงเขาไปสามวันแล้วบอกว่าจะไปฆ่าลั่วฉิง ลั่วชิงยวนก็มิรู้ว่าเขาจะฆ่าลั่วฉิงจริงหรือไม่ได้แต่รอผลลัพธ์นางอยู่ในห้องสามวัน มิออกไปไหน แค่เปิดประตู นอนมองทิวทัศน์นอกประตูอยู่บนเก้าอี้กินยามาหลายวัน ในที่สุดร่างกายก็มีแรงขึ้นบ้างแล้วคืนหนึ่งลั่วชิงยวนลุกขึ้นไปเดินยืดเส้นยืดสายที่ลานและฝึกฝนด้วยเข็มทิศทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากในป่าแต่มิใช่เสียงฝีเท้าของเฉินชีลั่วชิงยวนจ้องมองไปที่ป่าสายตาพลันเห็นหญิงสาวชุดฟ้าเดินเข้ามาด้วยท่าทางดุดัน สีหน้ามิเป็นมิตรเมื่อเห็นผู้มาเยือน ลั่วชิงยวนก็ตกใจเล็กน้อยเกาเหมียวเหมี่ยว!นางมาที่นี่ได้อย่างไรในตอนนี้เกาเหมียวเหมี่ยวก็กำลังจ้องมองหญิงสาวในลานอยู่ นางสวมชุดขาว สวมผ้าคลุมสีดำ ใบหน้างามราวกับหยกซีดเซียวท่ามกลางแสงจันทร์เหมือนคนตายใช่แล้ว! เฉินชีชอบแบบนี้!“เจ้าคือพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการที่เฉินชีลักพาตัวมาจากแคว้นเทียนเชวียใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนตอบอย่างใจเย็น “เขียนหนังสือหย่าแล้ว มิใช่พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการแล้ว”“ข้ามิสนว่าเจ้าจะเป็นพระชายาผู้สำเร็จราชการหร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1238

    เซียวชูได้ยินดังนั้นก็ตกใจ รีบกล่าวด้วยความร้อนใจ “เห็ดหลินจือน้ำแข็งอยู่ที่ใด ข้าจะไปตามหา!”เซียวชูพูดจบก็จะวิ่งออกจากห้องไปแต่ในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงดังมาจากด้านนอก“ข้ามีเห็ดหลินจือน้ำแข็ง!”ในวินาทีต่อมา ซ่งเชียนฉู่ก็วิ่งเข้ามาด้วยความร้อนใจ“เชียนฉู่?” ซ่งอวี่ตกใจซ่งเชียนฉู่รีบหยิบเห็ดหลินจือน้ำแข็งส่งให้ซ่งอวี่ “ท่านพ่อ รีบช่วยชีวิตคนเถิดเจ้าค่ะ”ซ่งอวี่ตาเป็นประกาย รีบลงมือทันใดเซียวชูซาบซึ้งใจ “คุณหนูซ่ง ขอบคุณมาก!”ซ่งเชียนฉู่ยังคงหอบหายใจขณะถามว่า “ชิงยวนเล่า? นางพักอยู่ที่ใด?”เป็นฉู่จิ้งที่ไปรับนางบนเขา แล้วจึงพานางกลับมาซีหลิงได้อย่างรวดเร็วมิเช่นนั้นหากนางเดินทางเองคงต้องใช้เวลาอีกสองวันกว่าจะถึงเซียวชูได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าลำบากใจ รีบพาซ่งเชียนฉู่ออกไปข้างนอกแล้วกล่าวอย่างลังเล “พระชายาไปกับเฉินชีแล้ว”“ไปแคว้นหลี”ซ่งเชียนฉู่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ “ว่ากระะไรนะ? นางไปแคว้นหลีแล้วหรือ?”“เหตุใดกัน?”เซียวชูจึงเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ซ่งเชียนฉู่ฟังเรื่องราวตอนนั้นเกิดขึ้นกะทันหัน เซียวชูจึงมิรู้ว่าเหตุใดพระชายาจึงไปกับเฉินชีหลังจากที่ซ่งเชียนฉู่ฟั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1237

    แต่ในตอนนี้จู่ ๆ ก็กลับนึกขึ้นได้ราวกับย้ำเตือนนางว่า ความหวังดีชั่วคราวของเฉินชีอาจจะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงชายคนนี้โหดเหี้ยมไร้ยางอายมาตั้งแต่เด็กเป็นคนไร้หัวใจ“อาเหลา มานี่สิ กินยาก่อนเถิด” ทันใดนั้นก็มีเสียงของเฉินชีดังขึ้นลั่วชิงยวนจึงได้สติกลับมานางรับชามยามาแต่วางไว้บนโต๊ะ “ร้อน”“เช่นนั้นข้าเป่าให้”แต่ลั่วชิงยวนยกมือห้ามเขา “มิต้อง”เฉินชีหยิบขวดยาอีกสองขวดวางไว้บนโต๊ะ“ยานี้รักษาอาการบาดเจ็บภายใน อย่าลืมกินด้วย”กล่าวจบเฉินชีก็เดินออกไป เขาวุ่นวายอยู่ในกระท่อมบนเขา ทั้งปูที่นอน เตรียมอาหารและอาภรณ์ให้นางลั่วชิงยวนนอนอยู่บนเก้าอี้ตลอด มิอยากขยับตัวหลังจากกินยาแล้วก็หลับไปเฉินชีเติมฟืนในเตาผิงเสร็จจึงจากไปในเมื่อนางให้เขาฆ่าลั่วฉิง เขาก็ต้องทำให้สำเร็จ......ซีหลิงฟู่เฉินหวนบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่บนเตียง เซียวชูแบกซ่งอวี่ขึ้นหลังวิ่งมาเมื่อถูกวางลงบนพื้น ซ่งอวี่ก็ตกใจ พลันรีบเข้าไปตรวจชีพจรและตรวจดูบาดแผลให้ฟู่เฉินหวนก่อนจะกล่าวด้วยความตกใจมาก “เหตุใดจึงมีบาดแผลมากมายเช่นนี้”“ท่านหมอซ่ง ตอนนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่ช่วยท่านอ๋องได้ ได้โปรดช่วยรักษาช

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1236

    เฉินชีตกตะลึง หลังจากครุ่นคิดสักพักจึงพยักหน้า “ได้!”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยแววตาลึกล้ำ “จริงหรือ? เจ้าตัดใจได้หรือ?”เฉินชีนั่งลงรินชาใส่ถ้วย แล้วยื่นให้นาง “มีเพียงอาเหลาเท่านั้นที่ทำให้ข้าตัดใจมิได้”“รอให้ร่างกายของเจ้าดีขึ้น ข้าค่อยไปฆ่าลั่วฉิงได้หรือไม่?”“บนเขานี้ไม่มีใครดูแลเจ้า ข้ามิวางใจ”ลั่วชิงยวนก้มหน้า นัยน์ตาฉายแววเย็นชาขณะกล่าวเสียงแผ่วเบา “กลัวข้าหนีหรือ”“เจ้าสบายใจได้ ในเมื่อข้าเต็มใจไปกับเจ้าแล้วก็จะมิกลับไปอีก”เมื่อก้าวออกจากซีหลิง นางก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับแคว้นเทียนเชวียอีกต่อไปนางตายครั้งแล้วครั้งเล่า ควรจะตัดใจได้แล้วเวลาที่เหลือ นางจะทำสิ่งที่อาจารย์ยังทำมิเสร็จให้สำเร็จ“เช่นนั้นรอข้าไปหาสมุนไพรมาให้เจ้าก่อน”ตอนนี้เฉินชีอ่อนโยนราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนแต่ลั่วชิงยวนก็หาได้แปลกใจไม่เอาแน่เอานอนมิได้ นิสัยเปลี่ยนแปลงง่าย นี่คือที่มาของฉายาเฉินชีจอมบ้าคลั่งลั่วชิงยวนหลับตาลง อยากจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า มิอยากตื่นขึ้นมาอีกเลยเฉินชีออกจากห้อง ปิดประตูแล้วเดินออกไปหลังจากรีบไปเก็บสมุนไพรแล้วเขาก็วิ่งขึ้นเขาด้วยความเหนื่อยหอบ เมื่อผลักปร

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status