แชร์

บทที่ 6

ผู้แต่ง: หว่านชิงอิ๋น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ลั่วชิงยวนหยิบไม้ที่อยู่ตรงมุมกำแพงขึ้นมา และหวดไม้ใส่เมิ่งจิ่นอวี่จนหมดสติ

นางหยิบหมั่นโถวชิ้นเล็ก ๆ ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วยัดเข้าไปในปากของเมิ่งจิ่นอวี่ ทำให้นางกลืนมันลงไป

ชายบางคนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากทางหน้าต่าง คิดว่าลั่วชิงยวนกำลังจะหนีออกไป

"นี่! คิดจะหนีรึ!" หนึ่งในนั้นก้าวไปข้างหน้า และกระชากนางลงมาทันที ลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้ปล่อยตัวเมิ่งจิ่นอวี่

พวกนั้นคิดว่าเมิ่งจิ่นอวี่ที่สลบไปคือลั่วชิงยวน จึงได้พานางกลับไปที่เตียง

ลั่วชิงยวนพิงผนังและฟังเสียงเคลื่อนไหวภายในห้อง เมื่อแน่ใจว่ามันเป็นไปตามแผน นางจึงหันหลังและจากไปอย่างสบายใจ

ในความมืด นางแอบเดินเข้าไปในครัวด้านหลัง หลังจากค้นหาทั่วครัวก็ไม่มีอะไรเหลือให้กิน! นางจึงหามุมเพื่อเอนตัวลงนอน ก่อนจะผล็อยหลับไป

ณ ห้องตำรา

ฟู่เฉินหวนกำลังจะหยุดพักหลังจากทำงานเสร็จสิ้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงตื่นตระหนกของลั่วเยวี่ยอิง "ท่านอ๋อง ท่านบรรทมอยู่หรือไม่เพคะ?"

เมื่อได้ยินเสียงที่ลุกลน ฟู่เฉินหวนจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและเปิดประตู "มีเรื่องอันใดรึ?"

ลั่วเยวี่ยอิงมองเขาด้วยใบหน้าซีดเซียว นัยน์ตาที่ชุ่มน้ำของนางดูเหมือนจะเพิ่งผ่านการร้องไห้มา "ท่านอ๋อง หม่อมฉันเพิ่ง... เห็นผู้ชายสองสามคนเข้าไปในห้องของท่านพี่เพคะ ท่านอ๋องช่วยไว้ชีวิตพี่สาวของหม่อมฉันด้วยนะเพคะ"

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนสี

มีผู้ชายเข้าไปในห้องของลั่วชิงยวน เขาสั่งซูโหยวไปแล้วว่าไม่ต้อง? "ท่านอ๋อง ข้ามีพี่สาวเพียงคนเดียว ไม่ว่านางจะทำอะไร นางก็ยังเป็นพี่สาวของหม่อมฉันเสมอ... " ลั่วเยวี่ยอิงร้องห่มร้องไห้ พลางคุกเข่าลงกับพื้น

เห็นดังนั้น ฟู่เฉินหวนก็ขมวดคิ้ว และรีบพยุงนางขึ้นมา "พาข้าไปดู"

"เพคะ..." ลั่วเยวี่ยอิงก้มหัวลงอย่างละอายใจ

แววตาของฟู่เฉินหวนส่องประกายความอำมหิต ลั่วชิงยวน เจ้าจะก่อเรื่องอะไรอีก ขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมแพ้ ยังจงใจทำให้ลั่วเยวี่ยอิงเข้าใจผิดในสิ่งที่เขาทำ

เขาจะพาลั่วเยวี่ยอิงไปดูโฉมหน้าที่แท้จริงของพี่สาวที่นางคิดว่าแสนดีให้ชัด ๆ !

ใบหน้าของลั่วเยวี่ยอิงซีดเผือด นางโดนฟู่เฉินหวนจูงออกไป พลางร้องไห้ตลอดทาง "ท่านอ๋อง หม่อมฉันเต็มใจที่จะถูกลงโทษแทนพี่สาวเพคะ หม่อมฉันขอร้อง ได้โปรดทรงไว้ชีวิตพี่สาวหม่อมฉันด้วย..."

หลังจากตกค่ำ ภายในตำหนักก็เงียบสงัด เสียงร้องไห้ของลั่วเยวี่ยอิงจึงดังเป็นพิเศษ และนั่นก็ดึงดูดความสนใจจากคนรับใช้เป็นจำนวนมาก

“คุณหนูรองนี่ช่างจิตใจดีจริง ๆ คุณหนูใหญ่กระทำกับนางเยี่ยงนั้น แถมยังแย่งการแต่งงานของนางอีก แต่คุณหนูก็ยังอ้อนวอนขอร้องแทนนาง”

“ก็นั่นน่ะสิ คุณหนูรองเป็นพระโพธิสัตว์จริง ๆ”

นางรับใช้กับคนรับใช้กำลังหารือกัน หลังจากได้ยินเสียง พวกนางก็ติดตามไปอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น

ลานขนาดใหญ่ไม่ได้จุดไฟ ทำให้มันมืดสนิทไปหมด

ในความเงียบ มีเสียงที่ทำให้คนต้องหน้าแดงดังมาจากในห้อง ผสมกับคำหยาบคายและลามกของผู้ชาย "พระชายา ท่านช่างงดงามเหลือเกิน!"

ในขณะนั้น ความโกรธพุ่งตรงไปที่หัวของฟู่เฉินหวน

ถึงแม้ว่าเขาจะเกลียดนาง แต่ตอนนี้นางมีตำแหน่งเป็นพระชายา นางบังอาจทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกับทาสภายใต้จมูกของเขาได้อย่างไร...?!

ลั่วเยวี่ยอิงกลัวมากจนใบหน้าเล็ก ๆ ของนางซีดลง นางคุกเข่าลง และคว้าแขนเสื้อของฟู่เฉินหวน "ท่านอ๋อง ได้โปรดไว้ชีวิตพี่สาวของหม่อมฉันด้วยเพคะ!"

การกระทำของลั่วเยวี่ยอิงเป็นการเติมเชื้อไฟอย่างไม่ต้องสงสัย ฟู่เฉินหวนโกรธจัด นางคิดว่านั่นเป็นคำสั่งของเขาอย่างนั้นหรือ!

เขาดึงลั่วเยวี่ยอิงขึ้นมา "ข้ามิได้เป็นคนสั่ง!"

เขาโกรธมากจนเตะประตูให้เปิดออก และตะโกนด้วยเสียงอาฆาต "ลั่วชิงยวน!"

ทุกคนในห้องตกใจจนขวัญกระเจิง ผู้ชายบนเตียงพวกนั้นต่างพากันรีบสวมเสื้อผ้า และรีบทุลักทุเลออกจากห้องไป

คนรับใช้ต่างส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นฉากนี้

"สวรรค์ พระชายาช่างไร้ยางอายจริง นางกล้าหลับนอนกับคนรับใช้ได้อย่างไรกัน..."

"นี่คือลูกสาวที่ถูกสอนมาจากจวนอัครเสนาบดีจริงหรือ?"

ใบหน้าของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนสี เมื่อได้ยินการสนทนานี้ เรื่องอื้อฉาวเช่นนี้เกิดขึ้นในตำหนักอ๋อง รุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้ เขาจะกลายเป็นตัวตลกในเมืองหลวงนี้ทันที

"ใครก็ได้ พระชายาได้ทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ จงนำตัวไปประหารชีวิตซะ!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเยวี่ยอิงที่กำก้มศีรษะอยู่ ก็อดไม่ได้ที่ยกยิ้มขึ้นที่ริมฝีปาก

หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดนางก็ทำลายชื่อเสียงของลั่วชิงยวนได้สำเร็จ จากนี้ไป ตระกูลลั่วจะมีเพียงนาง ลั่วเยวี่ยอิง คนเดียวเท่านั้น !

นางแสร้งทำเป็นตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ ท่าทางหวาดกลัวและสูญเสีย

คนรับใช้หลายคนเข้ามาในห้อง เพื่อจับตัวลั่งชิงเยวียนไปประหารชิวิต

แต่เมื่อจับตัวออกมา ผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยก็พุ่งตัวเข้าไปหาฟู่เฉินหวนอย่างบ้าคลั่ง "ท่านอ๋อง หม่อมฉันใจจดใจจ่อมานานหลายปี และในที่สุดหม่อมฉันก็ได้เป็นชายาของท่าน… ท่านอ๋อง..."

น้ำเสียงนั้นหอบกระเส่านั้น ทำให้ผู้ฟังรู้สึกขนหัวลุกไปหมด

แขนที่เปลือยเปล่าเอื้อมขึ้นไปคล้องคอฟู่เฉินหวน แทบจะโน้มตัวทับลงไป

ในขณะนั้น ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วมุ่น ปฏิกิริยาแรกของเขาคือ นี่ไม่ใช่เสียงของลั่วชิงยวน! มือหนาดึงแขนที่คล้องคอของเขาออก และโยนมันทิ้งไปด้วยความรังเกียจ

“อ๊ะ!” ผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยล้มลงไปบนพื้นหิน

สาวใช้เปิดโคมไฟดูอยู่ข้าง ๆ

ภายใต้แสงจ้า เมื่อใบหน้านั้นเงยหน้าขึ้นมา ทุกคนในลานต่างก็ตกตะลึง

เห็นได้ชัดว่าหญิงคนนั้นคือ… เมิ่งจิ่นอวี่!

เมื่อเห็นฉากนี้ ลั่วเยวี่ยอิงก็แทบสำลักลมหายใจ นางกำแขนเสื้อแน่น ไม่ใช่ลั่วชิงยวน? เป็นไปได้อย่างไร! แล้วลั่วชิงยวนเล่า? ทำไมถึงได้กลายเป็นเมิ่งจิ่นอวี่ไปได้ มันเกิดอะไรขึ้น?!

จิตใจของนางสับสนอลหม่านไปชั่วขณะ

ฟู่เฉินหวนดวงตาคมลึก ความโกรธในใจของเขาลดลงเล็กน้อย หากลั่วชิงยวนทำสิ่งนี้จริง เขาจะไม่ไว้ชีวิตนางแน่

"ใครก็ได้ ไปตามหาพระชายามา" ฟู่เฉินหวนออกคำสั่งเสียงเรียบ

……

ทันใดนั้น ทั้งตำหนักอ๋องก็เกิดความวุ่นวายขึ้น คนรับใช้ต่างก็ออกค้นหากันทั่วลาน ทั้งภายในและภายนอก

ลั่วชิงยวนที่หลับสนิทไปแล้ว เสียงอุทานของสาวใช้ดังขึ้นข้างหูนาง "พระชายา ตื่นเถิด ตื่นเถิดเจ้าค่ะ!" ลั่วชิงยวนตื่นขึ้นด้วยความงุนงง นางขยี้ตาเบา ๆ "เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?"

“เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตำหนัก แต่ท่านกลับมานอนหลับที่นี่หรือเพคะ!!” นางรับใช้บ่นเล็กน้อย เนื่องกว่าจะหาตัวนางเจอ

นางรับใช้หลายคนดึงลั่วชิงยวนขึ้นมา และลากนางกลับไปที่ลานกว้างในตำหนัก

ลานกว้างในตำหนักสว่างไสว ชายผู้เต็มไปด้วยจิตสังหารยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ใต้ชายคา และด้านข้างเขาคือ ลั่วเยวี่ยอิง สาวน้อยบอบบางที่กำลังมีสีหน้าซีดเซียว

และมีเมิ่งจิ่นอวี่ที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยนอนอยู่บนพื้น นางเพิ่งถูกนางรับใช้สาดน้ำใส่เมื่อสักครู่ แต่ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา ยังคงนอนดิ้นอยู่บนพื้น พูดจาพึมพำ ทุกคนมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น และมันน่าละอายเกินกว่าจะมองดู

แม่นมหลินไปหยิบผ้านวมออกจากห้อง แล้วห่มร่างเมิ่งจิ่นอวี่ไว้ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสายตา

“คืนนี้เจ้าไปทำอะไร? ที่ไหน? บอกข้ามาให้หมด!” ฟู่เฉินหวนมองลั่วชิงยวน จี้ถามนางด้วยสายตาเย็นชา

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 7

    เมิ่งจิ่นอวี่และคนรับใช้พวกนี้ไม่ควรปรากฏตัวในห้องของลั่วชิงยวน แต่คืนนี้กลับมารวมตัวกันในห้องของนาง แถมนางยังไม่ได้อยู่ในห้องอีก เลยทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า หรือนี่อาจจะเป็นแผนการของลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนรู้สึกสับสน นางขมวดคิ้วพร้อมพลางมองด้วยสายตาเย็นชา "ท่านกำลังสอบสวนนักโทษอยู่หรือเพคะ?" เมื่อเห็นดังนั้น ลั่วเยวี่ยอิงก็รีบไปข้างหน้า และคว้าแขนของนาง จงใจใช้เสียงเบาที่ทุกคนได้ยินกล่าวว่า "ท่านพี่ อย่าพูดกับท่านอ๋องแบบนี้สิเจ้าคะ คืนนี้ท่านทำอะไร บอกความจริงกับท่านอ๋องเถิด มีข้าอยู่ ท่านอ๋องไม่ทำอะไรท่านพี่หรอก” การกระทำของลั่วเยวี่ยอิง ยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ลั่วชิงยวนเป็นคนทำจริง ๆดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นยะเยือก นางจงใจหลุบตาลงอย่างรู้สึกผิด และกระซิบตอบ "ข้ายอมรับว่าคืนนี้ข้าทำบางสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายได้..."เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเยวี่ยอิงแสร้งทำเป็นตกใจ และเปล่งเสียงออกมา "อะไรนะเจ้าคะ? ท่านพี่สับสนขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!"ลั่วเยวี่ยอิงดึงลั่วชิงยวนไปข้างหน้า และพูดกับนางด้วยท่าทางเคร่งขรึม "ท่านพี่ ท่านยอมรับผิดต่อท่านอ๋องเถิด มีข้าอยู่ ไม่เป็นไรหรอกเจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 8

    ภายใต้คำวิจารณ์ สีหน้าของลั่วชิงยวนยังคงเรียบเฉย นางเดินตรงไปข้างหน้าคนรับใช้ที่คุกเข่าเหล่านั้น และถามอย่างใจเย็น "พวกเจ้าพูดว่าข้าเป็นคนสั่งอย่างนั้นรึ?"“เช่นนั้นจงพูดมา ข้าไปสั่งให้พวกเจ้าที่ไหน เมื่อไหร่? แล้วให้เข้ามาในห้องนี้เวลาใด?”“ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่คือห้องของพระชายา พวกเจ้าก็ตกลงเข้ามาอย่างง่ายดายเช่นนั้นเลยรึ? ข้าตั้งเงื่อนไขอะไรให้กับพวกเจ้ากัน? ถึงได้กล้าเสี่ยงชีวิตมาที่นี่?” เมื่อนางถามออกไปเช่นนั้น สีหน้าของคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาจ้องไปที่เมิ่งจิ่นอวี่ เห็นได้ชัดว่ากำลังขอความช่วยเหลือจากเมิ่งจิ่นอวี่พวกเขาควรตอบอย่างไรดีฟู่เฉินหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย มองดูฉากนี้อย่างเงียบ ๆ เขายังมองไปที่ลั่วชิงยวน ในสถานการณ์ที่มีศัตรูจำนวนมาก แต่นางยังสามารถควบวคุมสติอารมณ์ได้ ลั่วชิงยวนผู้นี้ค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียว"พูดมาสิ? ข้าเป็นคนสั่งพวกเจ้าใช่หรือไม่? ข้าพูดอะไรกับพวกเจ้า เล่ามันออกมา?" ลั่วชิงยวนตะคอกเบา ๆเห็นดังนั้นเมิ่งจิ่นอวี่ก็รู้สึกเป็นกังวล แผนของพวกนางผิดเพี้ยนไปหมด นางไม่สามารถเชื่อมโยงคำถามเหล่านี้ได้เลยเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ นางก็

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 9

    ลั่วชิงยวนเห็นว่าคิ้วของฟู่เฉินหวนล้อมรอบด้วยวิญญาณชั่วร้าย รอบดวงตาค้ำ นางขมวดคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะเตือนเขาอีกครั้ง "ท่านอ๋อง แล้วแต่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ ก็ไม่มีความหวังจริง ๆ ! ข้าแนะนำว่าอย่าออกไปไหนเป็นเวลาสองวัน มิเช่นนั้นจะเกิดการนองเลือด!"อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฟู่เฉินหวนได้ยินคำพูดของนาง เขาก็ไม่ได้เก็บมันมาคิดเลย แถมยังขู่กลับไปอีกด้วยว่า "หากเจ้ายังคงสร้างความสับสนให้กับผู้คนในตำหนักด้วยเรื่องไร้สาระนี้ และพูดชื่อของลั่วเยวี่ยอิงอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะตัดลิ้นและหัวของเจ้าซะ!” ลั่วชิงยวนสถบเบา ๆ นางอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี แต่ในสายตาของฟู่เฉินหวนกลับคิดว่านางกำลังใส่ร้ายลั่วเยวี่ยอิง ไม่น้อมรับน้ำใจคนก็แล้วไป เขาจะอยู่หรือตายก็ไม่เกี่ยวกับนางเสียหน่อย! หากเขาตาย นางจะได้ไม่ต้องขอใบหย่า! นางเองก็ขี้เกียจเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงก้าวเท้าเดินกลับห้องไป ด้วยสถานะคุณหนูใหญ่ของจวนอัครเสนาบดี ฟู่เฉินหวนจึงจะยังไม่ฆ่านาง แต่เขาก็จะไม่ปล่อยให้นางมีชีวิตที่ดีเช่นกันนางต้องรอดูก่อนว่าฟู่เฉินหวนจะรอดจากหายนะครั้งนี้ได้หรือไม่ เพราะในตัวเขามีพลังงานมังกรอยู่ บางทีเขาอาจจะมีสิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 10

    คนในกระจกพูดอย่างมีความสุข "เจ้าค่ะ บ่าวจำได้! บ่าวไม่รู้ว่าจะขอบคุณพระชายาอย่างไร จากนี้ไป บ่าวจะปรนนิบัติรับใช้ท่านเอง หวังว่าพระชายาจะไม่รังเกียจบ่าวรับใช้ผู้นี้นะเจ้าคะ”ขณะที่แม่นมเติ้งพูด นางก็หยิบปิ่นปักผมขึ้นมาปักบนหัวให้นาง ดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นยะเยือก นางจับมือแม่นม และยืนขึ้นเผชิญหน้ากับนางแม่นมเติ้งตกใจ และมองนางด้วยความงุนงง "พระชายา เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ?"เมื่อลั่วชิงยวนออกแรง แม่นมเติ้งเจ็บจนต้องปล่อยมือออก และปิ่นก็ร่วงลงกับพื้นอีกฝ่ายก็สัมผัสได้ความหมายของลั่วชิงยวน ทันใดนั้นก็มีแสงแล่นผ่านม่านตา นางรีบคว้าปิ่นที่เหลือบนโต๊ะอีกครั้ง และพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอย่างโหดเหี้ยมลั่วชิงยวนไม่สามารถทนแรงนั้นได้ ร่างนางถูกเหวี่ยงลงกับพื้น ปิ่นเงางามที่ลอยอยู่เหนือดวงตาของนางราวกับใบมีดคมกริบแม่นมเติ้งกัดฟัน พยายามแทงปิ่นลงไปที่ดวงตาของนางอย่างเอาเป็นเอาตายสิ่งที่นักปราชญ์ด้านฮวงจุ้ยขาดมิได้เลยก็คือ ดวงตาที่เฉียบแหลมคู่นี้ ลั่วชิงยวนมองไปที่แสงสีเขียวในดวงตาของแม่นมเติ้ง และก็ยิ่งแน่ใจว่ากำลังเจอกับอะไร!“เจ้าสัตว์ร้าย รนหาความตาย!” นางปล่อยข้อมือของแม่นมเติ้งทันทีป

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 11

    เมื่อนางได้ยินเช่นนี้ จือเฉาก็รู้สึกปลื้มปีติ นางพูดเสียงติดอ่างด้วยความตกใจ "พระ... พระชายา แต่บ่าวทำอะไรไม่เป็นเลยนะเจ้าคะ"“เจ้ารู้วิธีส่งชาและส่งน้ำหรือไม่? วิธีหวีผมแบบง่าย ๆ ทำได้หรือไม่? ถ้าทำได้ ก็เพียงพอแล้ว” นางดึงจือเฉาขึ้นมาจากพื้นจือเฉาสติยังกลับมาไม่สมบูรณ์นัก ลั่วชิงยวนวางชามและตะเกียบไว้ข้างหน้านาง "กับข้าวเยอะขนาดนี้ ข้ากินคนเดียวไม่หมดหรอก เจ้ามานั่งกินด้วยกันสิ" จือเฉารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร นางหยิบชามข้าวขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง และเริ่มกินเมื่อเห็นท่าทางมึนงงของนาง ลั่วชิงยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทรงจำบางอย่าง ครั้นเมื่อน้องสาวคนเล็กถูกท่านอาจารย์รับมานั้น นางก็มีลักษณะท่าทางเช่นนี้เช่นกันหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ท้องฟ้าก็มืดลง และฝนก็เริ่มตก หลังจากที่จือเฉาจากไป ในที่สุดลั่วชิงยวนก็มีโอกาสที่หยิบเข็มทิศแห่งโชคชะตาออกมา นางสำรวจมันอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเข็มทิศก็หมุนอย่างรวดเร็ว นางตกใจเล็กน้อย จึงหยิบเข็มทิศแล้วเดินออกไปที่ประตู แต่กำลังจะเข้าไปในลาน จู่ ๆ ฝนก็ตกหนักนางเพิ่งส

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 12

    "เจ้าดูที่พื้นสิ มีกู่ฉงที่ข้าบดขยี้อยู่! ถ้าเอามันออกมาไม่ทันเวลา เจ้านายของพวกเจ้าคงตายไปแล้ว!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ห้องและตรวจดูที่พื้น และเห็นหนอนที่ถูกบดขยี้อยู่จริง เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าหยิบซากมันขึ้นมา และถามท่านหมอกู้ที่เพิ่งเย็บแผลให้ท่านอ๋องเสร็จ “ท่านหมอกู้ ท่านคิดว่าสิ่งนี้คือกู่ฉงหรือไม่?”ดวงตาของท่านหมอกู้สว่างขึ้น เขาตรวจสอบก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า "ข้าว่าแล้วทำไมพิษบาดแผลของท่านอ๋องถึงได้แปลกประหลาดยิ่งนัก ไม่ทำลายชีวิต ที่แท้คือพิษกู่ฉงนี่เอง มันไม่ทำลายชีวิต แต่ช่วยให้หนอนตัวนี้ได้เข้าไปข้างในร่างกายนั่นเอง"หลังจากพูดจบ ท่านหมอกู้ก็อุทานว่า "โอ้! โชคดีจริง ๆ ที่นำสิ่งนี้ออกมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นชีวิตของท่านอ๋องอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูโหยวและฟู่เฉินหวนที่อยู่บนเตียงต่างก็ตกใจซูโหยวรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่า ทำไมนางถึงยื่นมือเข้ามาช่วย แต่เมื่อสักครู่นางถูกตำหนิอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นเขาจึงรีบบอกให้องครักษ์ตัวลั่วชิงยวนทันที"ข้าน้อยรีบร้อนจนเกินไป ขอประทานอภัยพระชายาด้วยขอรับ"

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 13

    เมื่อได้ยินเสียง ทุกคนมองไปที่ลั่วชิงยวนที่ประตูด้วยสายตารังเกียจซูโหยวขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้า และกันไม่ให้นางเข้ามาด้านในอีกครั้ง ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างเฉียบขาด ก่อนจะผลักเขาออกไปแล้วเดินเข้ามาสายตาที่เฉียบคมเมื่อสักครู่ ทำให้ซูโหยวเกิดความกลัวเล็กน้อยน้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ "เจ้าจะก่อเรื่องอันใดอีก?"ลั่วชิงยวนมองไปที่ลั่วเยวี่ยอิงอย่างเย็นชา นางหยิบเครื่องประดับปีศาจนั้นออกมา แล้วถามเสียงเย็น "ทำไมเจ้าไม่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุที่ล่อสายฟ้านี้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังหน่อยเล่า"ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกผิดเล็กน้อย และไม่กล้ามองนาง แต่นางก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง "ท่านพี่ถามข้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ซูโหยวเองก็เห็นว่า ข้าเป็นคนหยิบของชิ้นนั้นออกไป ท่านพี่นำมันกลับมาเพื่อจะพิสูจน์อันใด?”"นั่นเป็นเพราะข้าเป็นคนขอให้เจ้านำของชิ้นนี้ออกมา แน่นอนว่าเจ้าไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้" ลั่วชิงยวนหัวเราะเยาะลั่วเยวี่ยอิงปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง นางมองหน้านางด้วยน้ำตาคลอเบ้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร "ท่านพี่พูดอะไรก็ล้วนเป็นเช่นนั้น ท่านพี่เป็นบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 14

    ลั่วชิงยวนยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับ ฟู่เฉินหวนสาวเท้าสองสามก้าว จ้องมองนางด้วยความโกรธ "เจ้าเป็นคนทำอย่างนั้นรึ?!"ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างสงบ พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยถากถาง "ท่านเชื่อหม่อมฉันแล้วหรือเพคะ?"คำที่นางพูดออกมาหมายถึงยอมรับมันฟู่เฉินหวนรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เขาดึงดาบยาวออกมาจากเอวขององครักษ์ส่วนพระองค์ พลางชี้ไปที่คอของลั่วชิงยวน และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ข้าจะฆ่าเจ้า!"ลั่วชิงยวนชูคอด้วยท่าทางเย็นชาและเย่อหยิ่ง "หากท่านอ๋องต้องการฆ่าก็ฆ่าเถิดเพคะ หลังจากที่ฆ่าหม่อมฉันแล้ว สิ่งล่อสายฟ้าในตำหนักอ๋องนี้ยังไม่ถูกถอนออกไป และพายุฝนฟ้าคะนองนี้จะกินเวลาอีกหลายวัน ตำหนักของท่านอ๋องจะกลายเป็นซากปรักหักพังเป็นแน่ อย่าได้คิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแม้แต่คนเดียว!"“เจ้า!” ฟู่เฉินหวนกำดาบยาวไว้ในมือ ก่อนจะกระอักเลือดออกมาเต็มปากเซียวชูพยุงฟู่เฉินหวนทันทีด้วยความตกใจ และเป็นกังวล "ท่านอ๋อง!"“ท่านหมอกู้อยู่ที่ไหน! ท่านหมอกู้!” เซียวชูตะโกนทันทีองครักษ์นายหนึ่งตอบว่า "หมอกู้หมดสติหลังจากหนีออกมาจากกองไฟ!"เห็นดังนั้นลั่วชิงยวนจึงก้าวไปข้างหน้า และคว้าข้อมือของฟู่เฉินหวนขึ้น

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1096

    “องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งว่าการประลองยุทธ์ครั้งนี้ ต้องการให้ท่านอ๋องคัดเลือกผู้มีความสามารถ จึงอนุญาตให้ท่านอ๋องพาพระชายาทั้งสองไปชมการประลองได้พ่ะย่ะค่ะ!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วฟู่เฉินหวนรับพระราชโองการมาดู แล้วพบว่าเป็นพระราชโองการจริงจิ่นชูมองแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งให้ท่านอ๋องพาพระชายาทั้งสองไปด้วย เหตุใดจึงมิเห็นพระชายารองหรือเพคะ?”ยามนี้ลั่วเยวี่ยอิงรู้ข่าวการประลองยุทธ์แล้ว นางส่งเสียงโวยวายอยากไปด้วยอยู่หน้าประตู “ท่านอ๋อง! ท่านอ๋องเพคะ! พาหม่อมฉันไปด้วยเถิดเพคะ!”จิ่นชูได้ยินเสียงนี้แล้วก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ท่านอ๋องอย่าลืมพระชายารองนะเพคะ”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “การประลองยุทธ์มิเกี่ยวกับนาง นางมิจำเป็นต้องไปก็ได้”จิ่นชูถามด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นท่านอ๋องจะขัดต่อพระราชโองการหรือเพคะ?”คำพูดนี้ทำให้ฟู่เฉินหวนจำต้องพาลั่วเยวี่ยอิงไปด้วยเพราะสุดท้ายแล้วนั่นก็คือพระราชโองการมหาราชาจารย์เหยียนเพิ่งลาออก ตระกูลเหยียนกำลังตกต่ำ หากเขาขัดพระราชโองการในเวลานี้ก็จะดูเหมือนอวดดี มิเคารพองค์จักรพรรดิฟู่เฉินหวนสบตากับลั่วชิงยวน ทั้งสองต่างก็รู้สึกว่าครั้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1095

    ฟู่เฉินหวนตกใจเมื่อได้ฟังถ้อยคำของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนอธิบาย “หม่อมฉันได้คำนวณดูแล้ว เหตุการณ์วุ่นวายในแคว้นเทียนเชวียกำลังจะอุบัติขึ้น เริ่มต้นจากทางทิศใต้เพคะ”“และเมืองฉินก็ตั้งอยู่ทางทิศใต้พอดี!”“ตระกูลเหยียนรุ่งเรืองมาจากเมืองฉิน มีอิทธิพลสูงส่งยิ่งนัก การที่มหาราชาจารย์เหยียนลาออกจากตำแหน่งแล้วกลับไปยังเมืองฉินอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ เกรงว่าจะมีอำนาจมืดใหญ่หลวงซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเพคะ”เมื่อฟู่เฉินหวนก็ได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม“เช่นนั้นก็แสดงว่าตาแก่ผู้นี้จะเริ่มแผนการแล้วสินะ”กล่าวจบ ฟู่เฉินหวนก็คว้ามือของลั่วชิงยวนไว้ “ชิงยวน ขอบใจเจ้ามาก”ลั่วชิงยวนถึงกับตะลึงงันไป “ขอบใจหม่อมฉันเรื่องอะไรเพคะ?”“ขอบใจเจ้าที่บอกเรื่องสำคัญเช่นนี้แก่ข้า”ลั่วชิงยวนถามด้วยความสงสัย “แล้วท่านจะทำอย่างไรเพคะ?”ฟู่เฉินหวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววเย็นชา “เมื่อเขาลาออกจากตำแหน่งแล้วออกจากเมืองหลวง เช่นนั้นก็อย่าให้เขากลับมาได้อีกเลย!”ลั่วชิงยวนก็เห็นด้วยกับวิธีการนี้มีเพียงมหาราชาจารย์เหยียนสิ้นชีพลงเท่านั้น ทุกอย่างจึงจะสงบลงได้“หม่อมฉันจะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1094

    ฟู่เฉินหวนเก็บขนมกุ้ยฮวาไปด้วยความผิดหวัง แล้วพูดปลอบโยน “มิเป็นอะไร รอชิมฝีมือหัวหน้าพ่อครัวเถิด”ดูเหมือนจะมิถูกใจ ถึงแม้เขาจะเรียนรู้จากหัวหน้าพ่อครัว แต่รสชาติก็ยังแตกต่างออกไป ดูเหมือนต้องฝึกฝนให้มากขึ้นลั่วชิงยวนเห็นความผิดหวังในสายตาของเขา จึงยกยิ้มหวานแล้วพูดว่า “หวานมาก! อร่อยมากเพคะ!”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เย้ายวนใจ ใจชายหนุ่มก็รู้สึกหวั่นไหว จึงอดมิได้ที่จะประคองหน้าลั่วชิงยวนแล้วจุมพิตถึงแม้จะรู้ว่านางอาจจะปลอบใจเขา แต่เพียงเห็นรอยยิ้มของนางเขาก็สุขใจมากแล้วหัวหน้าพ่อครัวมองไปทางอื่น ทำเป็นมิเห็นในมิช้า อาหารและขนมก็ถูกยกมาอย่างต่อเนื่องทั้งสองกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขจนดึกดื่นเมื่อออกจากหอหมื่นสุข ลั่วชิงยวนอิ่มจนแทบจะเดินมิไหวฟู่เฉินหวนจับมือลั่วชิงยวนเดินไปข้างหน้า “เดินเล่นสักหน่อย แล้วเดี๋ยวข้าค่อยส่งเจ้ากลับ”ลั่วชิงยวนเรอเบา ๆ “ท่านตั้งใจจะทำให้หม่อมฉันอ้วนขึ้นหรือเไร หากหม่อมฉันอ้วนเหมือนเดิม ท่านก็จะดีใจใช่หรือไม่เพคะ?”ฟู่เฉินหวนอุ้มนางขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าฉลาดมาก”“ท่าน!” ลั่วชิงยวนยกมือขึ้นฟู่เฉินหวนจับมือน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1093

    ซ่งเชียนฉู่เช็ดมือ ก่อนจะเปิดลิ้นชักหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ลั่วชิงยวนฉีกซองอ่านดู เมื่ออ่านจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีซ่งเชียนฉู่สงสัยจึงเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ? เป็นจดหมายขอความช่วยเหลือหรือไร?”ลั่วชิงยวนเบิกตาเล็กน้อย “เป็นจดหมายขู่”ในจดหมายเขียนว่า ผู้เขียนรู้ว่านางแอบอ้างเป็นศิษย์สำนักเสวียนซานอวี้ซวี และต้องการให้นางร่วมมือ หากมิยอมร่วมมือ ก็จะให้ศิษย์สำนักเสวียนซานอวี้ซวีตัวจริงมาเปิดโปงความจริง เพื่อทำลายชื่อเสียงของนาง บอกให้ใต้หล้ารู้ว่านางเป็นเพียงสตรีที่ต้มตุ๋นหลอกลวงซ่งเชียนฉู่รับจดหมายมาอ่าน แล้วร้องอุทานด้วยความตกใจ “ใครกัน? ดูเหมือนจะจับตามองท่านมานานแล้ว!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล “ให้มันมาหาข้าเองเถอะ ส่วนเจ้าก็จงระมัดระวังตัวให้มาก”ซ่งเชียนฉู่พยักหน้ารับ “ข้ามิเป็นอะไรหรอก แต่ท่านต้องระวังตัวให้มาก คนผู้นี้คงจับตามองท่านมานานแล้ว ถึงได้รู้ว่าท่านมิใช่ศิษย์สำนักเสวียนซานอวี้ซวี”นั่นเพราะเมื่อเริ่มทำนายทายทัก ลั่วชิงยวนยังไม่มีชื่อเสียง จึงใช้ชื่อศิษย์สำนักเสวียนซานอวี้ซวี ผู้เขียนจดหมายจึงต้องรู้ว่า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1092

    แต่กลับถูกจับแขน แล้วดึงเข้าไปในอ้อมกอดลั่วชิงยวนจึงรู้สึกตัว เมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคยก็ตกใจมาก “ท่านมาได้อย่างไรเพคะ?”ฟู่เฉินหวนโอบกอดนางแน่นแล้วพูดว่า “ตำหนักนอกเมืองหนาวมาก”ลั่วชิงยวนผลักเขาออกอย่างแรง “ใช่เพคะ มิเพียงแต่หนาว ยังมีงูด้วย”มิใช่ว่านางมิเคยอยู่ที่ตำหนักนอกเมืองสภาพแวดล้อมในครั้งนั้นยากลำบากกว่าฟู่เฉินหวนในตอนนี้มากฟู่เฉินหวนนึกถึงประสบการณ์ในอดีตของนาง จึงจับมือของนางด้วยความห่วงใย “ชิงหยวน ครั้งนั้นเจ้าลำบากมาก”“เป็นข้าที่ต้องขอโทษเจ้า”ใต้แสงจันทร์ ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย “เรื่องในอดีต ผ่านไปแล้ว มิต้องพูดถึงอีกแล้วเพคะ”“ท่านทนความหนาวเย็นของตำหนักนอกเมืองมิได้หรือเพคะ?”ฟู่เฉินหวนพูดเสียงต่ำ “ทนการจากลาเจ้ามิได้ต่างหาก”ใจของลั่วชิงยวนสั่นไหวเล็กน้อยแล้วก็ใจอ่อนอีกครั้ง“แต่ถ้าท่านมิไปอยู่ที่ตำหนักนอกเมือง ในตำหนักอ๋องแห่งนี้คนที่ทุกข์ใจก็จะเป็นเราสองคน”“ข้าจะไป รุ่งเช้าจะกลับ คืนนี้ขอพักอยู่ที่นี่สักคืนได้หรือไม่?”ฟู่เฉินหวนกลับมาที่เมืองหลวงในเวลากลางคืนมิใช่เพราะอารมณ์ชั่ววูบเมื่อไปถึงตำหนักนอกเมือง แล้วเห็นสถานที่ที่นางเค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1091

    นางโน้มกายลง ริมฝีปากแสยะยิ้มจางขณะพูดด้วยเสียงเยือกเย็น “เจ้าเป็นเพียงบ่าวที่ใช้ทดลองยาในตำหนักอ๋องเท่านั้น”จบประโยค นางก็คว้าข้อมือของลั่วเยวี่ยอิง แล้วกรีดลงไปแม้ว่าลั่วเยวี่ยอิงจะดิ้นรนอย่างไร ลั่วชิงยวนก็มิปล่อยมือ ปล่อยให้โลหิตไหลออกเต็มชาม ลั่วชิงยวนจึงคลายมือออกพร้อมกับพานางรับใช้ไปด้วยลั่วชิงยวนจำต้องเร่งรัดการปรุงยาแก้พิษ ลั่วเยวี่ยอิงยังคงมีชีวิตอยู่ก็จะยิ่งก่อความวุ่นวายให้ตำหนักอ๋องมิสงบสุขระหว่างทางกลับ นางก็สั่งนางรับใช้ว่า “เจ้าไปเอาชุดจากศาลารุ้งเมฆาให้สตรีผู้นั้น บอกว่าเป็นคำสั่งของข้า ศาลารุ้งเมฆาจะให้”“เจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนสั่งอีกว่า “จงทำตามใจนางทุกอย่าง จะได้มิเดือดร้อน”“เจ้าค่ะ”ยามเย็นลั่วชิงยวนดักรออยู่มิไกลจากตำหนักอ๋องเมื่อเห็นรถม้าใกล้เข้ามานางก็รีบเข้าไปหาเมื่อฟู่เฉินหวนบนรถม้าเห็นนางมาถึงก็รีบลงจากรถม้า ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วโอบกอดลั่วชิงยวนไว้ในอ้อมแขน “คิดถึงข้าหรือไม่?”ลั่วชิงยวนผลักเขาออก “หม่อมฉันมาบอกท่านว่าอย่ากลับไป ท่านไปอยู่ที่ตำหนักนอกเมืองเถิดเพคะ”เมื่อได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของฟู่เฉินหวนก็แข็งค้าง “เหตุใด? ข้าทำผิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1090

    เพียงครึ่งเดือนเศษที่มิได้พบกัน มหาราชาจารย์เหยียนกลับเปลี่ยนไปราวกับคนละคนมหาราชาจารย์เหยียนจ้องมองนางอย่างมิพอใจ “พระชายาอ๋องจงดูแลตนเองเถิด!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลง ฟังเสียงมหาราชาจารย์เหยียนที่อ่อนแรง ดูเหมือนจะสูญเสียพลังงานมาก ถึงแม้ว่าจะถูกกระทบกระเทือนจากเหตุการณ์ล่าสุด แต่ก็มิควรจะสูญเสียมากถึงเพียงนี้ย่อมมีสาเหตุอื่น “ข้าหวังดี ท่านมหาราชาจารย์เหยียนมิจำเป็นต้องตอบโต้เช่นนี้”“ข้าเห็นท่านมหาราชาจารย์เหยียนดูเหมือนจะสูญเสียกำลังภายในไปมาก และมีอาการเป็นพิษ ท่านมหาราชาจารย์เหยียนควรหาหมอที่มีฝีมือดีมารักษาเถิด”“อย่าปล่อยให้ตัวเองล้มไปทั้ง ๆ ที่ยังมิได้ชนะแล้วกัน” ลั่วชิงยวนยิ้มเยาะมหาราชาจารย์เหยียนหน้าซีด จ้องมองนางอย่างเย็นชา “มิต้องมายุ่งเรื่องของข้า!” กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้ออย่างเย็นชาแล้วจากไปลั่วชิงยวนมองดูเงาของมหาราชาจารย์เหยียนที่รีบจากไป ในใจรู้สึกสับสน อาการป่วยของมหาราชาจารย์เหยียนดูเหมือนจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันกลับไปแล้วนางก็ใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์คำนวณอีกครั้ง และไปดูที่บริเวณบ้านตระกูลเหยียนอีกครั้งถึงแม้ว่ามหาราชาจารย์เหยียนจะมีอาการป่วยหนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1089

    ซูโหยวพยักหน้า “ท่านอ๋องตามใจนางทุกอย่างแล้วขอรับ” “ถึงกระนั้นนางกลับยังขอให้ท่านอ๋องหย่ากับพระชายาและลงทัณฑ์พระชายาอย่างหนัก” “ท่านอ๋องมิได้ยินยอมและพิโรธยิ่งนัก จึงกลับเข้าห้องไป”ลั่วชิงยวนถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ฟังดังนั้น “ลั่วเยวี่ยอิงต้องการให้ท่านอ๋องหย่ากับข้าหรือ? จะให้ลงทัณฑ์ข้าด้วยหรือ?” ซูโหยวพยักหน้ารับอีกครั้งลั่วชิงยวนรู้สึกถึงความผิดปกติ ลั่วเยวี่ยอิงอาจจะรู้แล้วหรือไม่ว่าฟู่เฉินหวนถูกควบคุมจิตใจอยู่? “เจ้าไปเถิด ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเขาเอง ข้าจะมิเข้าไป” ซูโหยวพยักหน้าแล้วถอยออกไปลั่วชิงยวนเดินไปยังชายคาบ้าน มิได้ผลักประตูเข้าไป นางยืนอยู่ข้างกำแพง ฟังเสียงครวญครางอันแสนเจ็บปวดที่เล็ดลอดออกมาจากห้อง หัวใจของนางแทบจะขาดสะบั้นดวงตาแดงก่ำ ขณะนั่งคุกเข่าลงข้างกำแพง มีเพียงกำแพงกั้นไว้ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงครวญครางอันเจ็บปวดของฟู่เฉินหวนดังก้องเข้ามาในหูอย่างชัดเจนลั่วชิงยวนกำมือแน่น มิกล้าส่งเสียงใด ฟู่เฉินหวนซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง ดิ้นรนทรมาน เลือดไหลออกมาจากปากความทรมานเช่นนั้นกินเวลายาวนานถึงหนึ่งชั่วยามเศษ แต่ฟู่เฉินหวนมิได้ออกมาจากห้อง ล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1088

    เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ใจของลั่วชิงยวนก็ยังคงเจ็บปวดแต่จะทำอย่างไรได้ ต้องเป็นเช่นนี้เท่านั้น ฟู่เฉินหวนจึงจะมิถูกทรมานจนถึงตายในที่สุดลั่วเยวี่ยอิงที่ถูกอุ้มไปก็มีความสุขมากนางกอดฟู่เฉินหวน ร้องไห้คร่ำครวญน้ำตาไหลพราก “ท่านอ๋อง ในที่สุดหม่อมฉันก็ได้พบท่านแล้ว”“ท่านมิรู้หรอกเพคะว่าหม่อมฉันต้องใช้ชีวิตอย่างไรในช่วงที่ผ่านมา”“พระชายาเอาเลือดของหม่อมฉันไปทุกวัน หม่อมฉันคิดว่าชาตินี้จะมิได้พบกับท่านแล้ว…”ฟู่เฉินหวนได้ยินเสียงคร่ำครวญก็หงุดหงิด ยิ่งปวดหัวหนักขึ้น“ท่านอ๋อง ท่านต้องช่วยหม่อมฉันให้พ้นจากภัยนี้ด้วยเถิดเพคะ” ลั่วเยวี่ยอิงร้องไห้มิหยุด“ข้าจะให้หมอมาตรวจอาการเจ้า” ฟู่เฉินหวนพยายามควบคุมตนเองมิให้ต่อต้านพลังที่ควบคุมอยู่พยายามตามใจลั่วเยวี่ยอิง“เพคะ” ลั่วเยวี่ยอิงยิ้มอย่างพอใจ ในใจมีความสุขสิ่งที่เหยียนหน่ายซินพูดนั้นเป็นความจริง......ลั่วชิงยวนนั่งอยู่ที่ห้อง จือเฉาใช้ยาบรรเทาอาการบวมช้ำที่ใบหน้าของลั่วชิงยวนพลางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “ท่านอ๋องกับพระชายาได้คืนดีกันแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจู่ ๆ จึงลงมือหนักเช่นนี้”“เขาก็มีเหตุผลของเขา” ลั่วชิงยวนถ

DMCA.com Protection Status