Share

บทที่ 539

Author: หูเทียนเสี่ยว
“ช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่อัศจรรย์เสียจริง จั๋วจิ่วคนนี้ตอนนั้นไม่ใช่ว่าถอนหมั้นกับซื่อจื่อเฟิงเพราะคนจนๆ คนหนึ่งหรอกหรือ? ไปผิดใจกับตระกูลเขาเข้าเต็มเปาเลยนี่...”

“ตอนนี้ซื่อจื่อเฟิง กลับมาผิดใจกับตระกูลเพื่อหญิงสาวที่ชื่อเสียงเน่าเหม็นแล้วยังทอดทิ้งตนเองคนนี้อีก”

จั๋วซือหรานเองก็ประสาทสัมผัสไว ได้ยินเสียงเหล่านี้ลอดเข้าหูจนหมด

นางเลิกคิ้ว อารมณ์เองก็ดีขึ้นไม่น้อย

ใช่สิ ถ้าตระกูลเฟิงรู้เข้าไม่โมโหตายเลยหรือ?

ถ้าตระกูลเฟิงอกแตกตาย อารมณ์ของจั๋วซือหรานจะดีมากเลย

นางยกมุมปากเล็กน้อย หัวเราะออกมา

แต่คนรอบๆ ที่เห็น กลับรู้สึกเหมือนถูกดูดวิญญาณไป

“ก็จริง ด้วยใบหน้านี้ของนาง ใครก็ถูกล่อลวงจนศิโรราบกันทั้งนั้น...”

จั๋วซือหรานกวาดสายตาไปบนหน้าพวกเขา มุมปากยกขึ้น ดวงตากลับเย็นชา “พวกเจ้าน่าจะมองข้าดีเกินไปแล้ว ซ้ำยังคิดว่า...กฏหมายไม่เอาผิดคนหมู่มากสินะ แค่คิดว่าพวกเจ้ามีคนมากหน่อย ข้าไม่มีทางจะรับมือพวกเจ้าทุกคนได้”

คำพูดของนางเหมือนจะพูดตรงกับความคิดคนบางส่วน ในกลุ่มคนก็มีคนทีสีหน้าเหยเกไปบ้างแล้ว

“ยิ่งไปกว่านั้นคนมากขนาดนี้ พยานก็ยิ่งมากด้วย ข้าไม่มีทางลงมือกับพวกเจ้าได้สินะ”

ทุก
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 540

    และคนเหล่านี้ ในใจก็หวาดผวา ทั้งยังยืนยันไม่ได้ว่าจั๋วซ์อหรานวางยาพิษอะไรใส่พวกเขา และไม่สนใจด้วยว่าอันตรายหรือไม่อันตราย ถึงอย่างไรวิกฤตก็มาอยู่บนหัวแล้วพวกเขาพุ่งไปทางด้านหลังจั๋วซือหรานหนึ่งก้าวสองก้าวสามก้าว“อ่อก...!”แค่สามก้าว ก็ไม่อาจเดินหน้าต่อได้แล้ว ความเจ็บปวดมหาศาลแล่นเข้าสู่อวัยวะทั้งหมดของพวกเขา ราวกับว่านอกจากความเจ็บปวดแล้ว ก็ไม่รู้สึกถึงอะไรอีกเลยทำได้แค่ถลึงตามองนิ้วของตนเอง ที่ห่างจากชายเสื้อของจั๋วซือหรานเพียงแค่เอื้อมหลังจากนั้น ทั่วทั้งร่างก็เจ็บปวดเหมือนร่างถูกแยกออกจากกันพริบตาที่ถูกความเจ็บปวดรุนแรงนี้เข้ารุกรานพวกเขาก็เหมือนกับ จู่ๆ เพิ่งได้สติกลับมา คิดออกพึงความจริงที่น่ากลัวหนึ่งนั่นก็คือ...พวกเขาเหมือนจะลืมไปแล้ว บางทีอาจจะมองข้ามไป...คุณหนูจั๋วจิ่วคนนี้ ไม่ใช่ว่านางเลื่องชื่อไปทั้งเมืองหลวงด้วยการสังหารคนหรอกหรือส่วนเรื่องการหลอมยา ที่ตบฉาดหน้าเหยียนชางไปอย่างจัง ทำให้เหยียนจางต้องอัปยศอดสู่ต่อหน้าต่อตาคนทุกคนจนป่นปี้...พวกเขาตอนนี้ ตระหนักขึ้นมาได้ทันทีว่าตนเองกำลังเจอกับความเจ็บปวดอะไรอยู่ และพริบตาที่ตระหนักได้ว่า เพราะอะไรกระท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 541

    “ตอนนี้ท่านเป็นตัวประกันของข้าแล้วนะ” จั๋วซือหรานเอ่ยความคิดตนเองอย่างตรงไปตรงมาทั้งสองคนสบตากันเงียบๆ ซึ่งคั่นบังด้วยผ้าบางเฟิงเหยียนไม่ได้ปฏิเสธ มองนางอยู่เงียบๆจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “พวกเขาก็แค่กลัวว่าข้าจะเอาเปรียบเพราะขโมยพลังท่านมา ดังนั้นจึงมาเพ่งเล็งข้านี่ไง”“อืม” เฟิงเหยียนพยักหน้า “พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าขโมยมา เป็นสิ่งของที่เดิมทีควรเป็นของพวกเขา”“ข้าจะขโมยซะอย่าง” เสียงของจั๋วซ์อหรานฟังแล้วเหมือนมีความเอาแต่ใจกับเกเรอยู่หน่อยๆ “ข้าขโมยมาแล้วด้วย”เฟิงเหยียนมองคางนางที่อยู่ในท่าทีประมาณว่า “ข้าไม่สนข้าไม่สนข้าจะเอา” หางตาก็เหมือนจะยกโค้งขึ้นมาหน่อยจั๋วซือหรานหยุดไปครู่หนึ่ง จึงหัวเราะเย็นชาเอ่ยขึ้นว่า “พวกเขายังดี ทั้งคิดจะรักษาท่าน ทั้งไม่อยากให้พลังที่ทำร้ายท่านได้ต้องสิ้นเปลือง นั่นก็จะเอานี่ก็จะเอา มีเรื่องที่ดีขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน?”จั๋วซือหรานเดินพาเฟิงเหยียนออกมาพอเห็นภาพถนนรอบๆ ที่คุ้นเคยขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ผ้าบาง ริมฝีปากบางของชายหนุ่มก็เม้มขึ้นเบาๆเพียงแค่เป็นคนในเมืองหลวง ก็จะจำภาพถนนรอบๆ นี้ได้ไม่ยากนัก ถนนที่เงียบสงัดเช่นนี้จะตรงไปที่ใดกันนะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 542

    เฟิงเหยียนถามขึ้น “หน่วยสืบสวนพิเศษถ้ามีการรับประกันจริง แล้วเจ้าทำไมถึงต้องไปทนทุกข์ทรมานอยู่ในนั้นด้วยล่ะ?”เขามองตาจั๋วซือหราน “การลงโทษของหน่วยสืบสวนพิเศษทรมานแค่ไหน มีใครบ้างที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ ต่อให้ไม่เคยต้องประสบ แต่แค่ได้ยิน ก็เพียงพอที่จะทำให้ขลาดเขลาได้แล้ว แล้วเจ้าก็ผ่านมันมาด้วยตนเองเลย นี่ลืมไปแล้วหรือ?”จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ เงยหน้าเหลือบมองเฟิงเหยียนผาดหนึ่งริมฝีปากโค้งเผยรอยยิ้มเข้ามา “เช่นนั้นก็ทำเป็นไม่เคยรู้จักมันเสียสิ”จั๋วซือหรานพูดพลางดึงแขนเสื้อเฟิงเหยียน ไม่ให้โอกาสเขาปฏิเสธสายตาของเฟิงเหยียน มองไปบนผนึกต้องห้ามที่อยู่บนประตูใหญ่หน่วยสืบสวนพิเศษอีกครั้งริมฝีปากบ้างเม้มแน่น ราวกับกำลังพิจารณาอะไรอยู่แต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ จั๋วซือหรานไม่ได้คิดจะดึงเขาเข้าไปทางประตูใหญ่สายตาชายหนุ่มงงงันเล็กน้อย ถูกนางเดินตรงไปด้านหน้าหลังจากเดินมาพักหนึ่ง ก็ยืนนิ่งอยู่ที่กำแพงด้านหน้าช่วงหนึ่งของเรือนหน่วยสืบสวนพิเศษประตูลับบนกำแพงเรือนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ประตูลับที่ตรงไปยังตำหนักฝานเทียนซือก็เปิดออกตรงหน้าพวกเขา“รีบเข้าไปเร็ว” จั๋วซือหรานดึงแขนเสื้อเฟิง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 543

    “เพียงแต่ว่า เพราะนายท่านคนนี้สมองอาจจะไม่ดี แล้วยังแข็งกระด้างน่าเบื่อ ไม่มีความเมตตาอีก”จั๋วซือหรานเอ่ยต่อ “ดังนั้นถ้าหากประตูลับของน้องชิงถูกพบเข้า ก็ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เขาลำบาก ดังนั้นพวกเราต้องไวหน่อย ระวังตัวเอาไว้ก่อน”จั๋วซือหราน รู้สึกว่าความดันอากาศไม่ค่อยจะปกตินางหันไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังและก็เห็นว่าท่านอ๋องเดินออกมาครึ่งตัวแล้ว อีกครึ่งตัวยังอยู่ในประตูลับครึ่งสว่างครึ่งมืด ความดันอากาศต่ำเหล่านี้ เหมือนจะแผ่ออกมาจากบนตัวเขาจั๋วซือหรานยังยื่นมือมาตบเบาๆ ที่แขนของเขา เอ่ยขึ้นว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องเครียด ที่นี่แม้จะเป็นหน่วยสืบสวนพิเศษ แต่ก็ไม่น่ากลัว”“พี่สาว!” เสียงของจั๋วหวายดังลอดเข้ามากะทันหันจากที่ไม่ไกลนัก มีความยินดีเข้ามาด้วย “พี่สาวท่านกลับมาแล้ว!”ชายหนุ่มเพียงไม่นานก็เข้ามาต้อนรับ พิจารณาตัวจั๋วซือหรานทั้งบนทังล่าง ในสายตาล้วนเป็นความกังวลและเป็นห่วงจั๋วซือหรานสังเกตสายตาเขา ปากโค้งยิ้มละไม “ทำไม? กลัวว่าข้าจะถูกรังแกหรือ?”พอได้ยินคำของจั๋วซือหราน จั๋วหวายก็ผ่อนลมหายใจออกมา “ไม่กลัวได้หรือ?”จั๋วหวายเบ้ปาก “พวกเขาอยากจะรังแกท่านกันทั้งนั้น”จั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 544

    เขาดูร้อนรนขึ้นแล้ว ปลายจมูกมีเหงื่อผุดเขาชอบจั๋วซือหรานมากจริงๆ ความคิดของเขาบริสุทธิ์ ชอบหรือเกลียดคนผ่านลางสังหรณ์ราวกับว่า...มีสัญชาตญาณของสัตว์ตัวเล็ก เหมือนว่าสามารถดมกลิ่นคนดีหรือคนไม่ดีจากบนตัวของอีกฝ่ายได้อย่างไรอย่างนั้นชิ่งหมิงรีบเข้ามาขวางตรงหน้าจั๋วซือหราน พูดติดอ่างขึ้นมา แต่เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ร้อนรนขึ้นแล้ว “ไม่ ไม่ใช่นะ..ข้าไม่ได้ต้อง..ต้องการเงื่อน เงื่อนไข...”ชิ่งหมิงขมวดคิ้ว เขาเอ่ยกับจั๋วซือหรานอย่างตั้งใจ “ซือหราน ข้ามองเจ้าเป็นเพื่อน ถ้าช่วยเจ้าได้ ข้าก็จะช่วยเจ้า...”จั๋วซือหรานมองดวงตาสุกใสของชิ่งหมิงในดวงตาเผยรอยยิ้ม “ก็เพราะแบบนี้ไง ข้าจึงจะรักษาเจ้าให้หายดี”และก็เพราะเขามองนางเป็นเพื่อนอย่างจริงใจ“เอาล่ะ เรื่องรักษาเจ้าอีกเดี๋ยวค่อยคุยกัน คนนี้คือท่านอ๋องเฟิง ...ของข้า” จั๋วซือรหานคิดอยู่ว่าควรจะแนะนำเฟิงหรานอย่างไรดี หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงยิ้มตาโค้ง เอ่ยขึ้นว่า “เป็นตัวประกันของข้า”“ตัวประกัน?” ชิ่งหมิงไม่ค่อยเข้าใจ สายตาสงสัย“อืม ตอนนี้ข้างนอกมีเรื่องที่คนสาดน้ำสกปรกใส่ข้า พวกเจ้าก็น่าจะไดยินมาบ้างแล้ว” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ข้าต้องเอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 545

    “ข้า ข้าเชื่อ...เชื่อเจ้า!” ชิ่งหมิงพอเครียด คำพูดคำจาก็จะเริ่มติดอ่างเขาเป็นคนที่มีความคิดบริสุทธิ์ พอเชื่อใจกับคนแล้ว ก็แทบจะเชื่อสนิทใจจนไม่สร้างการป้องกัน“เจ้าบอกว่าได้ ก็คือได้” ชิ่งหมิงเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ขั้นตอนง่ายมาก ส่วนประสิทธิภาพ ข้ายังต้องค่อยๆ ตรวจสอบในภายหลัง แต่จากความเข้าใจในปัจจุบันของข้า น่าจะสามารถยืนยันได้ว่ามีผลแน่นอน”สายตาของชิ่งหมิงเหลือบไปอยู่บนก้อนกลมๆ นุ่มๆ ขาวๆ ในมือนางที่ดูเหมือนจะไม่มีพลังโจมตีใดแม้ว่าเจ้าก้อนกลมนี้ดูแล้วเหมือนยังไม่ปนเปื้อนไม่เป็นอันตราย ให้ใครมาดู ก็คงจะจินตนาการไปถึงพิษกู่ที่น่ากลัวอะไรนั่นได้ยาก!แต่สายตาของชิ่งหมิงก็ยังกระวนกระวายเพราะเขาเกิดที่แคว้นเหยี่ยน เป็นคนแคว้นเหยี่ยนอย่างแท้จริง ในสามแคว้นใหญ่แดนใต้และในแดนใต้ เนื่องจากสภาพอากาศและสภาพภูมิศาสตร์และระบบนิเวศเอื้ออำนวยเป็นอย่างดี ทั้งแดนใต้จึงมีการบำเพ็ญด้านกู่พิษเป็นหลักชิ่งหมิงเติบโตที่แคว้นเหยี่ยนตั้งแต่เล็ก จึงเข้าใจเรื่องพิษกู่เป็นอย่างดีดังนั้นเพียงแค่มองก็รู้ว่าเจ้าก้อนกลมในมือจั๋วซือหรานนี้ไม่ธรรมดาชิ่งหมิงรีบเก็บสายตาลงมา ไม่อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 546

    พอสังเกตเห็นสายตาแหลมคมของเวินป๋อยวน ชิ่งหมิงก็รู้ว่าเขาน่าจะเข้าใจผิดเสียแล้ว “ซือหรานแค่คิด คิดจะรักษาข้า...”เวินป๋อยวนเหลือบมองจั๋วซือหรานเย็นชาผาดหนึ่ง “ใช้แมลงกู่หรือ? ข้ากับชิ่งหมิงล้วนมาจากแดนใต้กันทังนั้น จั๋วจิ่ว เรื่องนี้เอาไปหลอกคนอื่นก็พอได้ แต่มาใช้กับพวกข้านี่มันดูไม่ค่อยเหมาะเลยนะ”จั๋วซือหรานเม้มริมฝีปาก ไม่ส่งเสียงด เพียงเอียงตาไปกำชับกับจั๋วหวาย “เสี่ยวหวาย พาท่านแม่กลับบ้านไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องหารือกับสองคนนี้”จั๋วหวายแม้จะกังวลพี่สาวอยู่ แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าพี่สาวจะสามารถจัดการเรื่องของตนเองได้ จึงพาท่านแม่กลับไปที่บ้านจั๋วซือหรานมองไปทางเวินป๋อยวน “นายท่านซือหลี่ตันติง เพราะคนที่ข้ารับปากไว้คือชิงหมิง ดังนั้นข้าจะรักษาเขาให้หาย ว่าตามหลักการแล้ว ข้าก็ไม่มีหน้าที่ต้องมาอธิบายอะไรกับท่านด้วย”เสียงของจั๋วซือหรานราบเรียบ เนื้อหาในคำพูด ทำเอาเวินป๋อหยวนถึงกับหรี่ตาลง“แต่พิจารณาถึงนายท่านที่เป็นห่วงจนว้าวุ่น บวกกับที่นายท่านได้รับของที่ข้าต้องการมา” จั๋วซือหรานชี้ไปยังยาที่ทำให้คนเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด “ดังนั้น ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะอธิบายให้นายท่านฟังเสียหน่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 547

    เวินป๋อยวนพอได้ยินคำพูดนี้ ก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “โอ้อวดอย่างไม่ละอาย”แต่เขาก็พูดต่อมาอีก “แต่เจ้าเองก็มีความสามารถที่ทำให้คนต้องมองใหม่ได้อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของชิ่งหมิง ข้าจะบุ่มบ่ามเห็นได้ไม่ได้ เจ้าจทำให้ข้าเชื่อได้อย่างไร ว่าเจ้ามั่นใจเต็มร้อยจริง?”เวินป๋อยวนจ้องมองดวงตาของหญิงสาวน่าจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่เจอมาตลอด เวินป๋อยวนต้องปกป้องชิ่งหมิงที่เหมือนกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่งไว้ ถ้าบอกว่าชิ่งหมิงเป็นราวกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง เชื่อใจคนอื่นอย่างสนิทใจโดยไม่สงสัยแล้วล่ะก็เช่นนั้นความเคร่งขรึมกับซับซ้อนของเวินป๋อยวน ก็เต็มไปด้วยความสงสัยต่อตัวคนอื่นนั่นเองแทนที่จะเชื่อใจ เขากลับสงสัยเสียมากกว่าแต่หญิงสาวตรงหน้า เคยทำให้เขาต้องหันมามองใหม่มาแล้ว ดังนั้น เวินป๋อยวนก็ไม่ใช่ว่าจะลองเชื่อใจนางไม่ได้ เพียงแต่ เขาต้องการบางสิ่งอย่างที่ทำให้ตนเองเชื่อใจได้มากขึ้นและตอนนี้เอง รอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานยังคงละไม เลิกหางตาขึ้นเล็กน้อย กระทั่งดูขี้เกียจหน่อยๆ ด้วยนางยักไหล่เบาๆ เอ่ยกับเวินป๋อยวนว่า “ดังนั้น ก็ไม่ใช่ว่าข

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1122

    "อะไรนะ?!" คนสำนักเมฆาวารีคิดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งนี้แต่หลังจากที่ยอมรับเรื่องนี้ก็รู้สึกว่า สถานการณ์ที่นิ้วมือที่กำลังทำปางมือถูกดึงจนเปลี่ยนรูป ก็เหมือนถูกสายเชิดหุ่นดึงเอาไว้จริงๆคนสำนักเมฆาวารีคนหนึ่งสาดอะไรบางอย่างไปที่ระหว่างคนคนนั้นกับจั๋วซือหราน เหมือนเป็นผงฝุ่นสีแดงๆสรุปคือ จากการสาดนี้ ไหมกู่ที่พรางตัวอยู่ตอนแรกค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาแล้วตอนที่ยังไม่ปรากฏตัว พวกเขายังรู้สึกว่าประหลาดอยู่ รู้สึกตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่ตอนนี้พอสาดผงแดงออก พอไหมกู่ที่พรางร่างปรากฏรูปร่างแท้จริงออกมาอารมณ์หวาดกลัวอย่างหนึ่ง ค่อยๆเกิดขึ้นมาในความคิดพวกเขาไม่ต้องมองที่อื่น แค่คนตรงหน้านี้ ก็ตกตะลึงกันแค่ไหนเพราะตอนนี้ ไม่ใช่คนคนนั้นที่ถูกจั๋วซือหรานตัดท่าวิชาไปแต่ว่าจั๋วซือหราน ทำเช่นนี้กับคนทั้งหมดระหว่างตัวพวกเขา เต็มไปด้วยใยหุ่นเชิดเต็มไปหมด โดยมีนางเป็นต้นตอ เชื่อมกับปลายทางที่ตัวพวกเขาใยหุ่นเชิดเหล่านั้นออกมาจากในแขนเสื้อนาง มากมายเต็มไปหมดและนางตอนนี้ แค่กระดิกนิ้วสองนิ้วเท่านั้น ใช้สองเส้นนั้นดึงนิ้วคนคนนี้เอาไว้ ก็ทำลายวิชาของเขาลงได้แล้วนางอยู่ในชุดแดง นั่งเงียบๆ อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1121

    "เจ้า...เจ้าคือจั๋วซือหรานหรือ?" ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าถามยืนยันขึ้นมา"ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยังคงนั่งอยู่ มองพวกเขาด้วยสายตาเรียบเย็ฯชาบางทีคงเป็นเพราะหญิงสาวหน้าตาดีมักทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายความระแวดระวังลงดังนั้นหลังจากที่คนสำนักเมฆาวารีเข้ามา สีหน้ากับน้ำเสียงจึงไม่ได้ดุดันแบบก่อนหน้านี้ ฟังแล้วเหมือนจะสงบลงมาระดับหนึ่งเพียงแต่ว่า ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเหนือกว่าและเย่อหยิ่ง"เจ้าเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องไปมีเรื่องกับตระกูลด้วย? คิดไม่ตกแล้วหรือไรกัน" คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสำนักเมฆาวารีขมวดคิ้วถาม ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจอย่างชัดเจนกระทั่งยื่นข้อเสนอกับจั๋วซือหรานขึ้นมา "พวกเราเองก็ไม่อยากจะต้องทำให้หญิงสาวคนหนึ่งลำบากใจ ขอแค่เจ้าไปขอโทษเหอจื้อหย่วนดีดี พวกเราจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็ขมวดคิ้ว ในน้ำเสียงฟังออกไม่ยากว่าหงุดหงิด เอ่ยกันตัวเองว่า "ดูท่าพวกเจ้าเองก็ไม่ใช่คนสำคัญของสำนักเมฆาวารีสินะ""อะไรนะ?" คนสำนักเมฆาวารีกลุ่มนี้ เหมือนยังไม่เข้าใจความหมายจั๋วซือหราน เหมือนยังไม่ค่อยเข้าใจอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานรู้อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1120

    เดิมทีเพราะรู้สึกว่านางจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นมาอีก ดังนั้นเลยคิดจะอยู่ต่ออีกหน่อยไม่นึกว่านางจะไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆทั้งคืนก็หน้าซีดเป็นระยะๆ หลังจากที่เขาไปช่วยให้ทุเลาแล้ว ผ่านไปพักหนึ่งก็กลับมาขาวซีดอีกจนตอนที่ฟ้าเริ่มสาง สีหน้านางในที่สุดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรแล้วเขามองขอบฟ้าที่เริ่มสาง มองใบหน้านางที่ในที่สุดก็ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว จึงถอนใจโล่งออกมาได้เสียทีตอนนี้จึงออกมาจากในห้องก่อนที่เขาจะก้าวออกไป หญิงสาวบนเตียงก็ลืมตาพญาหงส์คู่งามนั้นขึ้นดวงตางดงามเจิดจ้าราวดวงดารา มุมปากเองก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มซุกซนจากนั้นจึงกอดห้าห่มไว้แน่น หลับตาลงแล้วเข้าสู่นิทราจั๋วซือหรานหลับอย่างสบาย ตอนที่ตื่นขึ้นมา เวลาก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้วเจิ้นเจียงเคาะประตูขึ้นที่ด้านนอก น้ำเสียงมีความกังวล "แม่นาง ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?"จั๋วซือหรานค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ขานรับเสียงแผ่ว "อืม...ไม่เป็นไร""เช่นนั้นก็ดีเช่นนั้นก็ดี"หลังจั๋วซือหรานตื่นนอน สภาพก็ยังพอไหว พอล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ไปโถงหน้ากินอาหารจากนั้นจึงถามเจิ้นเจียงขึ้นคำหนึ่ง "กองหนุนของตระกูลเหอมาถึงหรือยัง?""ยังเลยขอรับ" เจิ้นเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1119

    น่าจะเพราะคิดว่าเช่นนี้จะไม่ถูกพบเข้ากระมังจั๋วซือหรานแค่รู้สึกว่า...ถ้าตอนนี้นางลืมตาขึ้นมา คงจะน่าดูชมเลยทีเดียวแต่แมงมุมน้อยก็เอ่ยขึ้นข้างๆ ว่า "นายท่าน ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ข้างๆ ท่าน ท่านจะลืมตาขึ้นมาหรือ?"จั๋วซือหรานหยุดคิดไปครู่หนึ่ง "ไม่ล่ะ"แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขินหรือกลัวอะไร ก็แค่เพราะนางเป็นคนที่ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียได้เท่านั้นเรื่องด่วนที่นางต้องทำตอนนี้ คือเพื่อรับมือกับสำนักเมฆาวารีถ้าหากตอนนี้ลืมตาขึ้นมา แล้วเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับเขาขึ้นมา ไม่แน่อาจจะส่งผลกระทบไปถึงเรื่องที่กองหนุนของสำนักเมฆาวารีกำลังจะมาถึงก็ได้ไหนจะเรื่อง..."แบบนี้สนุกกว่าตั้งเยอะ" จั๋วซือหรานยิ้มตาหยี "เขาไม่ใช่ว่าชอบแสดงนักหรือไง ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเล่นด้วยจนจบเลย ดูว่าเขาจะแสดงได้ถึงตอนไหน จะแสดงได้นานแค่ไหน"จะว่าอย่างไรดี...?พูดได้แค่ว่า...สู้กับเฟิงเหยียน มันสนุกเสียจริงฮ่าๆ!จั๋วซือหรานยิ้มตาหยีบอกกับราชาแมงมุมหน้าผี "แต่ว่า แมงมุมน้อยเจ้าตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลไป สภาพของข้าฟื้นฟูแล้ว จัดการหุ่นเชิดความมืดนี่ต่อได้แล้ว"ขณะเดียวกัน ภายในห้องเงามืดร่างนั้น คอยซ่อนอยู่ใน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1118

    แต่พอออกมาจากปากของนาง ก็ทำให้เขาไม่มีความคิดเช่นนั้นขึ้นมาอย่างประหลาดและปันอวิ๋นเองก็ทำตามสิ่งที่จั๋วซือหรานคาดหวัง ชี้แนะถึงระบบของวิชากู่และวิชาหุ่นเชิดแก่นางจั๋วซือหรานเองก็ฉลาดเฉลียว เรียนอะไรก็เข้าใจไปหมดคนเราไม่ควรเปรียบเทียบกับคนอื่นมากเกินไปพอเทียบมาเช่นนี้ แล้วคิดไปถึงศิษย์พวกนั้นในหุบเขาหมื่นพิษ ก็เหมือนมีแต่พวกหัวแข็งออกมาคนแล้วคนเล่าและคืนนี้ ตอนที่จั๋วซือหรานพักผ่อน เงาดำร่างหนึ่ง ก็แอบเข้ามาในห้องการเคลื่อนไหวก็ดูลึกลับผิดปกติ ทักษะการเคลื่อนไหวใช้งานถึงขีดสุด กระทั่งคนระดับจั๋วซือหราน ก็ยังไม่อาจสังเกตได้ในทันทีและขณะเดียวกัน จั๋วซือหรานก็กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องหุ่นเชิดความมืดในมิติของนางพวกก้อนเนื้อกับเหล่าสัตว์ประหลาด ก็ล้วนสังเกตได้ ว่าหุ่นเชิดความมืดนี้มีกลิ่นอายที่เย็นเยียบมากจริงๆถ้าแค่ชั่วขณะหนึ่งก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าสัมผัสกับมันอยู่ตลอดเวลา สภาพของจั๋วซือหรานเองก็ต้องถูกผลกระทบไปบ้าง"...นายท่าน ช่างมันดีกว่าไหม ไม่น่าจะต้องรีบร้อนในตอนนี้ ท่านควรจะพักผ่อนได้แล้ว" ราชาแมงมุมหน้าผีเตือนเสียงต่ำขึ้นมาข้างๆจั๋วซือหรานพอได้ยินก็แหงนตายิ้มให้มัน จา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1117

    ที่จั๋วซือหรานไม่รู้ก็คือ การคงอยู่ของพิษกู่ร้อยไหม จุดเริ่มต้นของมัน คือปันอวิ๋นคิดจะเสริมแกร่งการควบคุมของวิชาหุ่นเชิดหวังว่าจะค้นคว้าสิ่งที่มีพลังมากกว่าหุ่นเชิดความมืดออกมาได้แต่ว่า...กลับล้มเหลว"...พิษกู่ร้อยไหมเป็นแค่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวเท่านั้น" ปันอวิ๋นเอ่ย "ตั้งแต่แรกเริ่ม เป้าหมายของข้าคือหวังว่าจะสามารถทำให้วิชากู่กับวิชาหุ่นเชิดรวมกันได้ในระดับหนึ่ง เกื้อกูลกันจนยกระดับพลังการควบคุมได้"และไม่ต้องไปเอาคนเป็นมาหลอมเป็นหุ่นเชิดอีก เอาจริงๆ กระบวนการนั้นมันค่อนข้างแย่เลยทีเดียวถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเสพสุขกับการสังหารเพียงแต่สิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องจงใจนำออกมาพูดก็ได้ กลับจะดูใจแคบจนเกินไปจั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำพูดนี้ ก็เลิกคิ้วขึ้น เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "สิ่งล้มเหลวที่เจ้าหุบเขาพูด คงไม่ได้หมายถึงพวกหนอนกู่ร้อยไหมหลายตัวนั้นของข้าหรอกใช่ไหม?"ปันอวิ๋นแหงนตามองนาง "พวกมันนั่นล่ะ""เจ้าพูดถึงพวกมันแบบนี้ พวกมันจะรู้สึกแย่เอานะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นไม่ค่อยจะใส่ใจกับเรื่องนี้ เอ่ยต่อว่า "พวกมันมีคุณสมบัติที่พิเศษ ข้าหลอมสกัดออกมาจากแมลงกู่ใยไหม เ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1116

    "นั่นเพราะความทรงจำที่ไม่สมประกอบของเขาล้วนเคียดแค้นชิงชังเจ้ากระมัง ดังนั้นพอได้ยินเสียงของเจ้าถึงได้ทนไม่ไหว" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "ข้าเห็นหน้าเขาแล้วก็เข็ดฟันสุดๆ ดังนั้นก็เหมือนกันนั่นล่ะ" จากนั้นนางก็ยิ้มตาโค้งให้ปันอวิ๋น "ดังนั้นเจ้าหุบเขาโปรดให้อภัยด้วย"นางวางดาบยาวลงข้างๆ แล้วจึงนั่งยองลงมา มองไปยังหุ่นเชิดความมืดบนพื้น"ดูแล้ว...ก็ไม่ได้น่าเกลียดจริงๆ" จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายที่ปันอวิ๋นพูดไว้ว่าพอเห็นหุ่นเชิดความมืดก็ดูออกว่าเป็นของสำนักเมฆาวารีขึ้นมาแล้วเพราะว่า...พูดแบบนี้แล้วกันหุ่นเชิดความมืดร่างนี้ของสำนักเมฆาวารี มองแล้วก็เหมือนกับผีดิบแต่หุ่นเชิดความมืดร่างนี้ของปันอวิ๋น มองแล้วคล้ายกับซือคงอวี้ที่ป่วยหนักจั๋วซือหรานยิ่งรู้สึกสนใจกับวิชาหุ่นเชิดขึ้นไปอีกนางหยิบอักขระคำสาปหุ่นเชิดความมืดสำนักเมฆาวารีที่ตนเองคัดลอกออกมา นำมาเปรียบเทียบอย่างละเอียดกับอักขระคำสาปบนตลับหุ่นเชิดของปันอวิ๋น"เหมือนจะมีรายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่เหมือนกันจริงๆ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นตอบ "อักขระคำสาปของปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนทุกคนล้วนมีจุดที่แตกต่าง แต่แกนกลางนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1115

    ใบหน้านี้ จั๋วซือหรานยังสามารถมองออกได้ในทันทียิ่งไปกว่านั้น ตอนที่นางเรียกชื่อเขาออกมา...แม้ว่าเขาจะเป็นหุ่นเชิดความมืดไปแล้ว แต่ก็เหมือนว่ายังมีปฏิกิริยากับชื่อนี้อยู่...หรืออาจจะ มีปฏิกิริยากับเสียงของนางอาจจะเพราะชิงชังนางอย่างมากกระมัง?สรุปคือ จั๋วซือหรานสัมผัสได้ ว่าการโจมตีของเขาเฉียบคมขึ้นจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว พลิกข้อมือ ดาบยาวในมือชักออกดังเสียงดัง "เคร้ง..."จากนั้นแสงดาบก็แทบจะจ้าแยงตา!นี่เป็นสิ่งที่ปันอวิ๋นคาดการณ์ไม่ถึงเพราะปันอวิ๋นคิดอยู่ตลอด ว่าวิชาแพทย์วิชาพิษวิชากู่ กระทั่งการควบคุมสัตว์ของนางนั้นโดดเด่นมาก แต่ในด้านทักษะยุทธ์ แม้จะไม่ถึงกับอ่อนแอแต่บางทีอาจจะยังด้อยกว่าทักษะด้านอื่นๆ อยู่ถึงอย่างไร มนุษย์ก็ย่อมมีจุดอ่อนเสมอสายอาชีพอย่างแพทย์ ปรมาจารย์พิษ ปรมาจารย์กู่ ปรมาจารย์เชิดหุ่นต่อให้จะรุนแรงแค่ไหน การต่อสู้ระยะประชิดก็ยังเป็นจุดอ่อนอยู่แต่ที่คิดไม่ถึงคือ จั๋วซือหรานในตอนนี้กลับไม่ได้มีความอ่อนแอแบบที่แพทย์คนหนึ่งควรมีเลยหลังจากที่เห็นนางพลิกข้อมือ แล้วมีดาบยาวส่งเสียงวูมขึ้นมาพลังของนางก็เปลี่ยนไปฉับพลัน!หญิงสาวงดงามที่ดูไม่มีพิษภัย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1114

    ตอนที่ลุกขึ้นยืนก็มีข้อสรุปขึ้นมา "วิชาของสำนักเมฆาวารีหรือ"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็เลิกคิ้ว ยิ้มตาโค้ง "ดูเหมือนเจ้าจะเป็นวิชาหุ่นเชิดสินะ!"ปันอวิ๋นเอียงตาเหล่มองนาง "ที่เจ้าจงใจวางไว้แบบนี้ ไม่ใช่เพื่อจะดทสอบว่าข้าเป็นจริงหรือเปล่าไม่ใช่เรอะ"จั๋วซือหรานก็มีความหมายนี้อยู่จริงๆ ตอนนี้ถูกปันอวิ๋นจี้เข้ามา นางก็ไม่มีอะไรต้องรู้สึกผิดนางหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าเจ้าไม่เป็น พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาเสียเวลาบนวิชาหุ่นเชิดอีก"แต่ในเมื่อปันอวิ๋นเป็น...จั๋วซือหรานถามขึ้น "ทำไมถึงมองออกว่าเป็นวิชาของสำนักเมฆาวารี? ข้าดึงตะปูวิญญาณกับห่วงวิญญาณทิ้งไปแล้ว...""ง่ายมาก" ปันอวิ๋นยกมุมปาก รอยยิ้มดูแล้วมีความประชดประชันอยู่ แต่ก็ไม่ได้เพ่งเป้ามาทางจั๋วซือหรานบนความรู้สึก ดูคล้ายจะเพ่งไปทางสำนักเมฆาวารีมากกว่าปันอวิ๋นเอ่ยต่อว่า "มีแค่สำนักเมฆาวารีที่เท่านั้นจะทำได้ระดับต่ำแบบนี้ อักขระคำสาปบนตัวก็ขาดความสมบูรณ์แบบ แต่ว่านี่็เป็นลักษณะของทางสำนักเมฆาวารี พวกเขาชอบเน้นไปที่พลานุภาพของหุ่นเชิดความมืด รู้สึกแค่ว่า ถ้าให้คนอื่นมองปราดเดียวแล้วรู้ว่าเป็นหุ่นเชิดความมืด ก็สามารถข่มขู่ฝ่ายตรง

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status