“ตอนนี้ท่านเป็นตัวประกันของข้าแล้วนะ” จั๋วซือหรานเอ่ยความคิดตนเองอย่างตรงไปตรงมาทั้งสองคนสบตากันเงียบๆ ซึ่งคั่นบังด้วยผ้าบางเฟิงเหยียนไม่ได้ปฏิเสธ มองนางอยู่เงียบๆจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “พวกเขาก็แค่กลัวว่าข้าจะเอาเปรียบเพราะขโมยพลังท่านมา ดังนั้นจึงมาเพ่งเล็งข้านี่ไง”“อืม” เฟิงเหยียนพยักหน้า “พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าขโมยมา เป็นสิ่งของที่เดิมทีควรเป็นของพวกเขา”“ข้าจะขโมยซะอย่าง” เสียงของจั๋วซ์อหรานฟังแล้วเหมือนมีความเอาแต่ใจกับเกเรอยู่หน่อยๆ “ข้าขโมยมาแล้วด้วย”เฟิงเหยียนมองคางนางที่อยู่ในท่าทีประมาณว่า “ข้าไม่สนข้าไม่สนข้าจะเอา” หางตาก็เหมือนจะยกโค้งขึ้นมาหน่อยจั๋วซือหรานหยุดไปครู่หนึ่ง จึงหัวเราะเย็นชาเอ่ยขึ้นว่า “พวกเขายังดี ทั้งคิดจะรักษาท่าน ทั้งไม่อยากให้พลังที่ทำร้ายท่านได้ต้องสิ้นเปลือง นั่นก็จะเอานี่ก็จะเอา มีเรื่องที่ดีขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน?”จั๋วซือหรานเดินพาเฟิงเหยียนออกมาพอเห็นภาพถนนรอบๆ ที่คุ้นเคยขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ผ้าบาง ริมฝีปากบางของชายหนุ่มก็เม้มขึ้นเบาๆเพียงแค่เป็นคนในเมืองหลวง ก็จะจำภาพถนนรอบๆ นี้ได้ไม่ยากนัก ถนนที่เงียบสงัดเช่นนี้จะตรงไปที่ใดกันนะ
เฟิงเหยียนถามขึ้น “หน่วยสืบสวนพิเศษถ้ามีการรับประกันจริง แล้วเจ้าทำไมถึงต้องไปทนทุกข์ทรมานอยู่ในนั้นด้วยล่ะ?”เขามองตาจั๋วซือหราน “การลงโทษของหน่วยสืบสวนพิเศษทรมานแค่ไหน มีใครบ้างที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ ต่อให้ไม่เคยต้องประสบ แต่แค่ได้ยิน ก็เพียงพอที่จะทำให้ขลาดเขลาได้แล้ว แล้วเจ้าก็ผ่านมันมาด้วยตนเองเลย นี่ลืมไปแล้วหรือ?”จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ เงยหน้าเหลือบมองเฟิงเหยียนผาดหนึ่งริมฝีปากโค้งเผยรอยยิ้มเข้ามา “เช่นนั้นก็ทำเป็นไม่เคยรู้จักมันเสียสิ”จั๋วซือหรานพูดพลางดึงแขนเสื้อเฟิงเหยียน ไม่ให้โอกาสเขาปฏิเสธสายตาของเฟิงเหยียน มองไปบนผนึกต้องห้ามที่อยู่บนประตูใหญ่หน่วยสืบสวนพิเศษอีกครั้งริมฝีปากบ้างเม้มแน่น ราวกับกำลังพิจารณาอะไรอยู่แต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ จั๋วซือหรานไม่ได้คิดจะดึงเขาเข้าไปทางประตูใหญ่สายตาชายหนุ่มงงงันเล็กน้อย ถูกนางเดินตรงไปด้านหน้าหลังจากเดินมาพักหนึ่ง ก็ยืนนิ่งอยู่ที่กำแพงด้านหน้าช่วงหนึ่งของเรือนหน่วยสืบสวนพิเศษประตูลับบนกำแพงเรือนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ประตูลับที่ตรงไปยังตำหนักฝานเทียนซือก็เปิดออกตรงหน้าพวกเขา“รีบเข้าไปเร็ว” จั๋วซือหรานดึงแขนเสื้อเฟิง
“เพียงแต่ว่า เพราะนายท่านคนนี้สมองอาจจะไม่ดี แล้วยังแข็งกระด้างน่าเบื่อ ไม่มีความเมตตาอีก”จั๋วซือหรานเอ่ยต่อ “ดังนั้นถ้าหากประตูลับของน้องชิงถูกพบเข้า ก็ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เขาลำบาก ดังนั้นพวกเราต้องไวหน่อย ระวังตัวเอาไว้ก่อน”จั๋วซือหราน รู้สึกว่าความดันอากาศไม่ค่อยจะปกตินางหันไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังและก็เห็นว่าท่านอ๋องเดินออกมาครึ่งตัวแล้ว อีกครึ่งตัวยังอยู่ในประตูลับครึ่งสว่างครึ่งมืด ความดันอากาศต่ำเหล่านี้ เหมือนจะแผ่ออกมาจากบนตัวเขาจั๋วซือหรานยังยื่นมือมาตบเบาๆ ที่แขนของเขา เอ่ยขึ้นว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องเครียด ที่นี่แม้จะเป็นหน่วยสืบสวนพิเศษ แต่ก็ไม่น่ากลัว”“พี่สาว!” เสียงของจั๋วหวายดังลอดเข้ามากะทันหันจากที่ไม่ไกลนัก มีความยินดีเข้ามาด้วย “พี่สาวท่านกลับมาแล้ว!”ชายหนุ่มเพียงไม่นานก็เข้ามาต้อนรับ พิจารณาตัวจั๋วซือหรานทั้งบนทังล่าง ในสายตาล้วนเป็นความกังวลและเป็นห่วงจั๋วซือหรานสังเกตสายตาเขา ปากโค้งยิ้มละไม “ทำไม? กลัวว่าข้าจะถูกรังแกหรือ?”พอได้ยินคำของจั๋วซือหราน จั๋วหวายก็ผ่อนลมหายใจออกมา “ไม่กลัวได้หรือ?”จั๋วหวายเบ้ปาก “พวกเขาอยากจะรังแกท่านกันทั้งนั้น”จั
เขาดูร้อนรนขึ้นแล้ว ปลายจมูกมีเหงื่อผุดเขาชอบจั๋วซือหรานมากจริงๆ ความคิดของเขาบริสุทธิ์ ชอบหรือเกลียดคนผ่านลางสังหรณ์ราวกับว่า...มีสัญชาตญาณของสัตว์ตัวเล็ก เหมือนว่าสามารถดมกลิ่นคนดีหรือคนไม่ดีจากบนตัวของอีกฝ่ายได้อย่างไรอย่างนั้นชิ่งหมิงรีบเข้ามาขวางตรงหน้าจั๋วซือหราน พูดติดอ่างขึ้นมา แต่เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ร้อนรนขึ้นแล้ว “ไม่ ไม่ใช่นะ..ข้าไม่ได้ต้อง..ต้องการเงื่อน เงื่อนไข...”ชิ่งหมิงขมวดคิ้ว เขาเอ่ยกับจั๋วซือหรานอย่างตั้งใจ “ซือหราน ข้ามองเจ้าเป็นเพื่อน ถ้าช่วยเจ้าได้ ข้าก็จะช่วยเจ้า...”จั๋วซือหรานมองดวงตาสุกใสของชิ่งหมิงในดวงตาเผยรอยยิ้ม “ก็เพราะแบบนี้ไง ข้าจึงจะรักษาเจ้าให้หายดี”และก็เพราะเขามองนางเป็นเพื่อนอย่างจริงใจ“เอาล่ะ เรื่องรักษาเจ้าอีกเดี๋ยวค่อยคุยกัน คนนี้คือท่านอ๋องเฟิง ...ของข้า” จั๋วซือรหานคิดอยู่ว่าควรจะแนะนำเฟิงหรานอย่างไรดี หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงยิ้มตาโค้ง เอ่ยขึ้นว่า “เป็นตัวประกันของข้า”“ตัวประกัน?” ชิ่งหมิงไม่ค่อยเข้าใจ สายตาสงสัย“อืม ตอนนี้ข้างนอกมีเรื่องที่คนสาดน้ำสกปรกใส่ข้า พวกเจ้าก็น่าจะไดยินมาบ้างแล้ว” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ข้าต้องเอ
“ข้า ข้าเชื่อ...เชื่อเจ้า!” ชิ่งหมิงพอเครียด คำพูดคำจาก็จะเริ่มติดอ่างเขาเป็นคนที่มีความคิดบริสุทธิ์ พอเชื่อใจกับคนแล้ว ก็แทบจะเชื่อสนิทใจจนไม่สร้างการป้องกัน“เจ้าบอกว่าได้ ก็คือได้” ชิ่งหมิงเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ขั้นตอนง่ายมาก ส่วนประสิทธิภาพ ข้ายังต้องค่อยๆ ตรวจสอบในภายหลัง แต่จากความเข้าใจในปัจจุบันของข้า น่าจะสามารถยืนยันได้ว่ามีผลแน่นอน”สายตาของชิ่งหมิงเหลือบไปอยู่บนก้อนกลมๆ นุ่มๆ ขาวๆ ในมือนางที่ดูเหมือนจะไม่มีพลังโจมตีใดแม้ว่าเจ้าก้อนกลมนี้ดูแล้วเหมือนยังไม่ปนเปื้อนไม่เป็นอันตราย ให้ใครมาดู ก็คงจะจินตนาการไปถึงพิษกู่ที่น่ากลัวอะไรนั่นได้ยาก!แต่สายตาของชิ่งหมิงก็ยังกระวนกระวายเพราะเขาเกิดที่แคว้นเหยี่ยน เป็นคนแคว้นเหยี่ยนอย่างแท้จริง ในสามแคว้นใหญ่แดนใต้และในแดนใต้ เนื่องจากสภาพอากาศและสภาพภูมิศาสตร์และระบบนิเวศเอื้ออำนวยเป็นอย่างดี ทั้งแดนใต้จึงมีการบำเพ็ญด้านกู่พิษเป็นหลักชิ่งหมิงเติบโตที่แคว้นเหยี่ยนตั้งแต่เล็ก จึงเข้าใจเรื่องพิษกู่เป็นอย่างดีดังนั้นเพียงแค่มองก็รู้ว่าเจ้าก้อนกลมในมือจั๋วซือหรานนี้ไม่ธรรมดาชิ่งหมิงรีบเก็บสายตาลงมา ไม่อ
พอสังเกตเห็นสายตาแหลมคมของเวินป๋อยวน ชิ่งหมิงก็รู้ว่าเขาน่าจะเข้าใจผิดเสียแล้ว “ซือหรานแค่คิด คิดจะรักษาข้า...”เวินป๋อยวนเหลือบมองจั๋วซือหรานเย็นชาผาดหนึ่ง “ใช้แมลงกู่หรือ? ข้ากับชิ่งหมิงล้วนมาจากแดนใต้กันทังนั้น จั๋วจิ่ว เรื่องนี้เอาไปหลอกคนอื่นก็พอได้ แต่มาใช้กับพวกข้านี่มันดูไม่ค่อยเหมาะเลยนะ”จั๋วซือหรานเม้มริมฝีปาก ไม่ส่งเสียงด เพียงเอียงตาไปกำชับกับจั๋วหวาย “เสี่ยวหวาย พาท่านแม่กลับบ้านไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องหารือกับสองคนนี้”จั๋วหวายแม้จะกังวลพี่สาวอยู่ แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าพี่สาวจะสามารถจัดการเรื่องของตนเองได้ จึงพาท่านแม่กลับไปที่บ้านจั๋วซือหรานมองไปทางเวินป๋อยวน “นายท่านซือหลี่ตันติง เพราะคนที่ข้ารับปากไว้คือชิงหมิง ดังนั้นข้าจะรักษาเขาให้หาย ว่าตามหลักการแล้ว ข้าก็ไม่มีหน้าที่ต้องมาอธิบายอะไรกับท่านด้วย”เสียงของจั๋วซือหรานราบเรียบ เนื้อหาในคำพูด ทำเอาเวินป๋อหยวนถึงกับหรี่ตาลง“แต่พิจารณาถึงนายท่านที่เป็นห่วงจนว้าวุ่น บวกกับที่นายท่านได้รับของที่ข้าต้องการมา” จั๋วซือหรานชี้ไปยังยาที่ทำให้คนเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด “ดังนั้น ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะอธิบายให้นายท่านฟังเสียหน่
เวินป๋อยวนพอได้ยินคำพูดนี้ ก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “โอ้อวดอย่างไม่ละอาย”แต่เขาก็พูดต่อมาอีก “แต่เจ้าเองก็มีความสามารถที่ทำให้คนต้องมองใหม่ได้อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของชิ่งหมิง ข้าจะบุ่มบ่ามเห็นได้ไม่ได้ เจ้าจทำให้ข้าเชื่อได้อย่างไร ว่าเจ้ามั่นใจเต็มร้อยจริง?”เวินป๋อยวนจ้องมองดวงตาของหญิงสาวน่าจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่เจอมาตลอด เวินป๋อยวนต้องปกป้องชิ่งหมิงที่เหมือนกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่งไว้ ถ้าบอกว่าชิ่งหมิงเป็นราวกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง เชื่อใจคนอื่นอย่างสนิทใจโดยไม่สงสัยแล้วล่ะก็เช่นนั้นความเคร่งขรึมกับซับซ้อนของเวินป๋อยวน ก็เต็มไปด้วยความสงสัยต่อตัวคนอื่นนั่นเองแทนที่จะเชื่อใจ เขากลับสงสัยเสียมากกว่าแต่หญิงสาวตรงหน้า เคยทำให้เขาต้องหันมามองใหม่มาแล้ว ดังนั้น เวินป๋อยวนก็ไม่ใช่ว่าจะลองเชื่อใจนางไม่ได้ เพียงแต่ เขาต้องการบางสิ่งอย่างที่ทำให้ตนเองเชื่อใจได้มากขึ้นและตอนนี้เอง รอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานยังคงละไม เลิกหางตาขึ้นเล็กน้อย กระทั่งดูขี้เกียจหน่อยๆ ด้วยนางยักไหล่เบาๆ เอ่ยกับเวินป๋อยวนว่า “ดังนั้น ก็ไม่ใช่ว่าข
หลังจากนั้นก็แล้วแต่สถานการณ์จะพาไปเลยจั๋วซือหรานภายใต้การยอมรับกลายๆ ของเวินป๋อยวน จึงนำเจ้าอ้วนขาวในมือตัวนี้ วางไว้บนตัวชิ่งหมิงขั้นตอนทั้งหมดดูสงบมากชิ่งหมิงเองก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไร แต่ก็เหมือนว่าเวลาเพียงครู่เดียวคงยังมองผลลัพธ์อะไรไม่ออก“น่าจะต้องหลายวันหน่อยกระมัง” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นแต่เวินป๋อยวนกับชิ่งหมิง ก็ดูไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องที่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ชั่วขณะนี้ ในช่วงหลายปีเวินป๋อยวนก็คิดหาวิธีรักษาชิ่งหมิงมาไม่น้อย แต่ทั้งหมดก็ล้วนไม่มีผลลัพธ์ใดดังนั้นจึงชินไปแล้ว จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า “สรุปคือ รออีกสักสองสามวันแล้วค่อยดูผลลัพธ์เถอะ ชิ่งหมิงทางนี้ข้าจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องไปจัดการอีก ขอตัวก่อน”จั๋วซือหรานยุ่งเอามากๆ ยังมีงานต้องไปทำต่อเวินป๋อยวนหลังจากผ่าน “การสื่อสารฉันท์มิตร” กับจั๋วซือหรานไปเมื่อครู่ อารมณ์ตอนนี้ก็สงบลงมาแล้วตอนนี้จึงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “เจ้าไปทำธุระของเจ้าได้ แม้ว่าเรื่องที่ด้านนอก ข้ากับชิ่งหมิงจะสอดมือเข้าไปลำบาก แต่คนที่เจ้าให้พักที่นี่จะไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น”จั๋วซือหรานพยักหน้า “ขอบคุณนายท่านมาก เช่น
ถังหยวนมองสภาพจั๋วหรูซินตอนนี้ เขาอดมีสายตาสับสนขึ้นมาไม่ได้ตรงหน้าเขามีภาพตอนที่จั๋วซือหรานถูกลงโทษแวบผ่านขึ้นมา กระดูกสันหลังที่ไม่ยอมคดงอนั่นเก้าแส้ฟาดลงไป หน้าขาวซีด เหมือนจะร่วงพับสิ้นสติ สภาพซมซานน่าเวทนาแต่ในสีหน้าท่าทาง ไม่มีท่าทีเจ็บปวดร้องไห้ชักกระตุกให้เห็นกระทั่งว่า ถังหยวนเกิดความรู้สึกลวงขึ้นมา ว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้หรือเปล่า?แต่ตอนนี้พอเห็นท่าทางของจั๋วหรูซิน จึงมีปฏิกิริยาเข้าใจขึ้นทันที จั๋วหรูซินแบบนี้ต่างหากที่เป็นสภาพปกติแต่แบบจั๋วซือหรานนั่น เป็นตัวตนที่แตกต่างจากคนอื่นจั๋วหลานมองจั๋วซือหราน "เสียวจิ่ว พอสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง?"จั๋วซือหรานเดินขึ้นไปทีละก้าวทุกคนล้วนคิดว่า หญิงสาวคนนี้ยังไม่สะใจพอ ต้องเข้าไปมองความเจ็บปวดทรมานของจั๋วหรูซินใกล้ๆ จึงจะพอใจจั๋วอวิ๋นชินอดทนอยู่ข้างๆ แม้เขาจะไม่พอใจน้องสาวคนนี้นัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวจะอย่างไรก็ยังมีความรู้สึกทนไม่ไหวอยู่ เขาเตรียมจะยัดยาลูกกลอนให้กับจั๋วหรูซินแล้วแต่ตอนนี้พอเห็นจั๋วซือหรานเดินขึ้นมา แม้เขาจะหยุดเท้าลง แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจั๋วอวิ๋นชินเอ่ยขึ้นเสียงขรึม "จั๋วซือหราน หรูชินได้ร
จั๋วอวิ๋นฉียืนอยู่ท้ายกลุ่มคน ผู้อาวุโสเจ็ดจั๋วอี้ยืนอยู่ข้างเขา ดึงแขนเขาอย่างตื่นเต้นไม่ยอมปล่อย เหมือนกลัวว่าเขาจะวิ่งหนีหายไปอย่างไรอย่างนั้นทั้งสองคนยืนอยู่แบบนั้นที่ท้ายกลุ่มคน ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของจั๋วซือหรานด้านในจั๋วอี้อดถอนใจขึ้นมาไม่ได้ เขากระซิบเสียงแผ่วเบาข้างหูกับจั๋วอวิ๋นฉี "ตอนนั้นถ้าเจ้ามีนิสัยแบบนางก็คงดี"จั๋วอวิ๋นฉีพอได้ยินก็ยิ้มบางๆก็ไม่มีจริงๆ นั่นล่ะคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน เหมือนแทบจะพูดออกมาตรงๆ ว่าจะกำจัดจั๋วหรูซินออกไปถ้าท่านลุงถังลงมือ ดุจากจำนวนโบยที่จั๋วหรูซินต้องโดน นางได้พิการแน่สิ่งเดียวที่จะเดิมพันได้ก็คือ...การหวดทีเดียวของจั๋วซือหราน ว่าจะเบามือกว่าหรือไม่แต่ ให้ใครมาอยู่ในมุมของจั๋วหรูซิน ที่มีความแค้นเก่ากับจั๋วซือหรานมากขนาดนั้น จะกล้าเดิมพันให้จั๋วซือหรานลงมือเบาหน่อยได้หรือ?ใครจะกล้าเดิมพันกัน? ต่อให้เป็นคนอื่น ก็คงไม่กล้าเดิมพันเช่นนี้แต่นี่ก็เป็นความหวังสุดท้ายแล้ว นี่ต่างหากที่ทรมานคนมากที่สุดจั๋วอวิ๋นฉีอดถอนใจไม่ได้ นางจับทางใจคนได้พอเหมาะพอเจาะดีจริงๆจั๋วซือหรานไม่รีบร้อนเลยสักนิด มองดูจั๋วอวิ๋นชินกับจั๋วหรูซินอย
จั๋วซือหรานมองนางเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ไม่ต้องพูดอะไร ในดวงตาเหมือนเขียนคำว่า 'เจ้ากำลังพูดบ้าอะไร? ข้าต้องจงใจอยู่แล้ว' เอาไว้จั๋วอวิ๋นชินที่อยู่ข้างๆ สูดลมหายใจลึก บอกกับผู้อาวุโสใหญ่ว่า "ผู้อาวุโสใหญ่ หรูซินทำผิด เป็นเพราะพี่ชายอย่างข้าไม่สั่งสอนนางให้ดี..."แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็คิดว่าเขาคงคิดจะทำเหมือนจั๋วเห้อหรงก่อนหน้านี้ คิดจะรับโทษแทนนาง จึงส่ายหัวเอ่ยขึ้นว่า "ไม่ต้องพูดอะไร ใครทำใครก็รับ นางทำผิด นางก็ต้องรับโทษด้วยตนเอง!"จั๋วอวิ๋นชินพอได้ยินคำนี้ ก็รู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่เข้าใจผิดแล้ว "ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้จะขอร้องแทนนาง เพียงแต่ว่า ถึงอย่างไรข้าที่ไม่ได้สั่งสอนน้องสาวให้ดี ดังนั้นถ้าหากเป็นไปได้ ข้าก็อยากจะลงมือเอง หวังว่าท่านจะเห็นด้วย"จั๋วหลานได้ยินคำนี้ ก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรในเมื่อไม่ได้ปฏิเสธทันที ก็ถือว่ายังมีหวังนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จั๋วอวิ๋นชินจะช่วยน้องสาวคนนี้แม่จะไม่สามารถใจดีหรือใจอ่อนเกินไปได้ แต่อย่างน้อยก็ยังพอจะเบามือลงในขอบเขตที่เป็นไปได้จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มข้างๆ "ในเมื่อท่านพี่รักและสงสารขนาดนี้ เช่นนั้นก็ตรงไปตรงมาหน่อย..."นาง
จั๋วอวิ๋นชินถูกน้องสาวคนนี้ทำให้โกรธมาก ชัดเจนว่า ที่นางมีวันนี้ ก็เพราะความผิดของตัวนางเองทั้งนั้นกระทั่งการกระทำลายตัวเองของจั๋วหรูซิน ไม่เพียงแต่ทำร้ายตัวนางเองเท่านั้น แต่ยังทำร้ายท่านพ่อด้วยหลังจากที่จั๋วเห้อหรงรับกฏของตระกูลแทนจั๋วหรูซินครั้งที่แล้ว สภาพก็ย่ำแย่มาตลอด เดิมทีที่อำนาจในตระกูลถูกรีบกลับไปยังไม่พอสภาพร่างกายเองก็ได้รับผลกระทบจากการถูกโบยตามกฏตระกูลด้วยด้วยเหตุนี้จึงอดพูดไม่ได้ ว่าจั๋วซือหรานคืออัจฉริยะ หลังจากถูกโบยไปเก้าครั้ง ก็ยังทนมาได้โดยไม่พิกลพิการ แล้วยังมีฝีมือความสามารถความสำเร็จแบบในตอนนี้อีกไม่ง่ายเลยจริงๆกระทั่งว่า จั๋วอวิ๋นชินมาคิดอย่างละเอียด การทำลายตัวเองของจั๋วหรูซิน ยังทำร้ายทั้งตระกูลจั๋วอีกด้วยแม้จะบอกว่า ที่จั๋วซือหรานรู้สึกย่ำแย่ต่อตระกูลจั๋วขนาดนี้ ก็เพราะวิธีการที่ตระกูลจั๋วปฏิบัติต่อนางมาตลอดแต่ว่า สาเหตุหลักยังคงเป็นเพราะจั๋วหรูซินวางแผนร้าจการเกินไปเป็นลูกหลานตระกูลเดียวกันแท้ๆ นางกลับจะเอาชีวิตของจั๋วซือหรานมาล้อเล่น...ถ้าหากไม่ใช่ด้วยฝีมือของจั๋วซือหรานเอง เช่นนั้นก็จะต้องจับคู่กันไปทั้งชีวิตเลยนะ เสน่ห์หนอนพิษกู่ไม่ใช
คนเหล่านั้นไม่กล้าอิดออดอีก ทยอยกันคุกเข่าลงหลังจากตอนที่ได้ยินเสียงหัวเข่ากระแทกหนักๆ ตึงๆๆตอนที่ผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลานรีบพุ่งไปเข้าไปขวางตรงหน้าจั๋วซือหราน นางก็ไม่ได้ตบเขาออกไปผู้อาวุโสใหญ่มองจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นว่า "ข้าลงโทษพวกเขาแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่พอใจ เจ้าไปลงโทษพวกเขาด้วยตนเองได้เลย ด้วยฝีมือของเจ้า คิดจะลงโทษพวกเขาไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว"จั๋วซือหรานพอได้ยิน มุมปากก็ยกขึ้น "ก็ไม่ยากจริงๆ"จั๋วอวิ๋นฉีถอนหายใจเงียบๆ ถอนหายใจกับการตัดสินใจของนางคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเหล่านั้น ตอนนี้ก็เพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมาจริงด้วย ด้วยฝีมือของนาง เธอแค่คนเดียวก็จัดการรับมือกับคนเถื่อนได้นับสิบ แล้วทำไมตอนที่พวกเขาพูดอะไรไม่น่าฟัง นางถึงไม่ตบพวกเขาจนคว่ำไปล่ะ?นางมีฝีมือจะตบพวกเขาจนคว่ำอยู่แล้วแท้ๆพวกเขาตอนนี้เข้าใจแล้ว นางจงใจทำ จงใจจะให้ตระกูลจั๋วมารับมือพวกเขา ให้พวกเขาตบหน้าพวกเขากันเองนางจะให้พวกเขาได้รู้:พวกเจ้าคิดจะทำให้ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียนแค่ไหน ข้าก็จะให้พวกเจ้ากินขี้ของพวกเจ้ากลับไป ลองดูสิว่าใครจะสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าถ้าหากพวกเขาไม่ญาติดีกับท่าทีของนาง เช่นนั้นนางก็จะไม่
ผู้อาวุโสเจ็ดจั๋วอี้แทบจะพุ่งเข้ามาอย่างอดไม่อยู่ในสายตาเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มองจั๋วอวิ๋นฉีอยู่เป็นระยะ"อวิ๋นฉี! อวิ๋นฉี! นั่นเจ้าจริงหรือ!" เสียงของผู้อาวุโสเจ็ดสั่นพร่าขึ้นมาจั๋วอวิ๋นฉีมองไปทางผู้อาวุโสเจ็ด เผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนน้ำตาของจั๋วอี้แทบจะร่วงลงมาแล้ว ตอนที่เขามองไปทางจั๋วซือหราน ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งเดิมทีเขายังคิดว่า ดันจั๋วซือหรานขึ้นไปนั่งตำแหน่งอาวุโสที่นางต้องการ จากนั้นก็จะขอให้นางช่วยอวิ๋นฉีกลับมาในตระกูลนางวันนี้เพิ่งจะมาถึง ก็ทำได้เสียแล้ว!ตอนนี้เอง ข้างๆ ก็เกิดเสียงที่ต่างกันขึ้นมา มีคนที่แม้จะไม่ชอบผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้า แต่ก็ไม่คิดว่าจั๋วอวิ๋นฉีที่ปรากฏตัวขึ้นอย่งกะทันหัน แล้วก็หญิงสาวที่ขนยังไม่ทันขึ้นอย่างจั๋วซือหราน จะสามารถมานั่งตำแหน่งนี้ได้ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "แต่เขาไม่ได้อยู่ในตระกูลมานานแล้วนะ จะมารับผิดชอบได้ที่ไหน...นี่เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสตระกูลเชียว ดูจะรีบร้อนเกินไปหน่อย"จั๋วซือหรานไม่สนใจกับเสียงต่างนางยักไหล่ เอ่ยขึ้นว่า "ข้ายังไงก้ได้ แต่ว่าพวกท่านต้องเข้าใจจุดนี้นะ ตอนนี้พวกท่านต้องการให้ข้ากลับมา อย
จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้านใน "ในเมื่อข้ากล้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ต้องรู้อยู่แล้ว่าเขาอยู่ทึ่ไหน"จั๋วซือหรานพูดพลางมองไปทางประตูจากนั้นนางจึงดึงไหมกู่ไร้รูปร่างในมือของตนเอง ไม่กู่ค่อยๆ เปลี่ยนจากโปร่งใสจนมีสีกึ่งโปร่งใส เชื่อมออกไปยังนอกประตูจั๋วซือหรานมองไปทางประตู เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "เชลยคนอื่นถ้าหลบหนีไปไกลแบบเจ้าเนี่ย คงจะเอาชีวิตไปทิ้งกันหมดแล้ว"ทุกคนตกตะลึงขึ้นมาจากเนื้อหาในคำพูดของนาง...เชลยหรือ?นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?จากนั้นจึงเห็นว่า พอจั๋วซือหรานดึงมือ ไหมกู่กึ่งโปร่งใสเส้นนั้นก็ดึงชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในประตูดูจากเสื้อผ้าของเขาแล้ว ทุกคนล้วนตกตะลึงกันหมด"นี่มัน...นี่ไม่ใช่เชลยจากแดนใต้ที่อยู่ข้างๆ เจ้าก่อนหน้านี้คนนั้นหรือ?""นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"จั๋วซือหรานลุกขึ้นมาจากที่นั่ง เดินตรงไปยัง 'ฮาร์วีย์'ยืนอยู่ตรงหน้าเขาชายหนุ่มก้มหน้ามองนาง เส้นผมไม่ยาวนักของเขาถักเป็นเปีย ปลายผมยังห้อยลูกปัดไว้ ผิวหนังสีคล้ำ แม้จะไม่ถึงกับดำ แต่ก็ไม่ใช่ผิวขาวนวลเบ้าตาลึก โหนกแก้มสูงเล็กน้อย จะดูอย่างไร...ก็ล้วนเป็นเอกลักษณ์หน้าตาคนแดนใต้แต่จั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงหน้าเขา
"อะไรนะ!" ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสห้าพอได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ ก็ยิ่งตกตะลึงขึ้นไปอีกแต่จั๋วซือหรานก็เหมือนจะมองไม่เห็นพวกเขาเสียอย่างนั้นนางมองผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลาน หลังจากนั้นก็เหลือบมองไปทางจั๋วอี้ผู้อาวุโสเจ็ดตอนนี้จึงเอ่ยต่อว่า "เรื่องนี้พวกท่านไม่ต้องกังวล ข้าหาตัวเลือกผู้อาวุโสที่เหมาะสมไว้แล้ว"ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสห้าทนไม่ไหวขึ้นอีกครั้ง แต่ต่อให้รู้ว่านางตอนนี้จะสำคัญมากกับตระกูลก็ทนต่อไม่ไหวแล้วจึงก่นด่าจั๋วซือหรานขึ้นมา"เจ้ากล้าดียังไง!" ผู้อาวุโสห้าเดิมทีก็มีนิสัยขี้โมโห ด่ากราดขึ้นมา "เจ้าอย่าคิดว่าตอนนี้เจ้ามีชื่อเสียงขึ้นมาในเมืองหลวง แล้วจะหลงตัวเองจนไม่มีขอบเขตนะ!"ผู้อาวุโสสามไม่ได้ฉุนเฉียวขนาดนั้น แต่ก็มองออกได้ไม่ยากถึงอารมณ์โกรธแค้น พูดจาให้ขุ่นเคืองขึ้นมา "เจ้าคิดว่าหมูหมากาไก่ที่ไหนก็จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสตระกูลได้หรือ?! ตระกูลเราไม่เคยมีผู้อาวุโสหญิงมาก่อนด้วยซ้ำ! ไม่ต้องพูดถึงเด็กสาวที่ขนยังไม่งอกแบบเจ้าเลย!"พอเทียบกับความเดือดดาลของพวกเขาสองคนจั๋วซือหรานกลับนิ่งกว่ามาก "พอเห็นคนแบบพวกท่านมาเป็นผู้อาวุโสตระกูลนี่ล่ะ ดังนั้นถูกต้อง ข้าคิดจ
ทุกคนล้วนมองออก ถ้าพูดจากด้านพลัง จั๋วซือหรานได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ต่อให้นางไม่ต้องพูดซ้ำเกรงว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของจั๋วซือหรานคงกลายเป็นตำนานมีชีวิตในเมืองหลวงแน่ๆถ้าจะให้พูดจริงๆ นางสู้กับตระกูลใหญ่ห้าตระกูลตามลำพัง แต่ก็ยัง...ไม่พ่ายแพ้แค่คิด ก็รู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจได้แล้วรถม้าแล่นมาถึงบ้านตระกูลจั๋วรู้สึกเหมือนจากไปเสียนาน แต่พอย้อนนึกดู ก็เหมือนจะไม่ได้นานเท่าไรทว่าตอนนี้ จั๋วซือหรานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนางเดินเข้าไปในโถงประชุม ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินตรงไปที่นั่งบนสุด แล้วนั่งลงทุกคนล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเหมือนมีคนรู้สึกว่าสมควรจะตำหนินาง นางขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุดได้อย่างไรกัน?! ที่นั่งสูงสุดบนโถงประชุม มีไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสนั่งแต่นางก็นั่งลงแล้ว กระทั่งมองออกไม่ยากด้วยว่านางจงใจยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นางนั่ง ก็เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสสามพอดีแต่เห็นได้ชัด ว่าประสบการณ์ในอดีต ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ดีกับผู้อาวุโสสามมากและเพราะการแสดงออกในเมืองหลวงของจั๋วซือหรานยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งโดดเด่นผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโ