Share

บทที่ 538

Author: หูเทียนเสี่ยว
นางกระทั่งเหมือนไม่เห็นพวกเขาด้วยซ้ำ ยังคงเดินต่อไป

สีหน้าท่าทางของจั๋วซือหรานที่ดูเรียบเฉย เวลานี้กลายเป็นเหตุผลที่พวกเขาโกรธแค้นขึ้นมา

จากนั้น ก็มีเสียงแผละดังขึ้น!

กองผักกาดเน่าหนึ่งกอง ถูกเทลงไปตรงหน้าใต้เท้าจั๋วซือหราน

เท้าของจั๋วซือหรานหยุดลง มองไปทางคนที่โยนขยะนี้เข้ามา

สายตาไม่มีคลื่นอารมณ์ใด นิ่งเงียบไปทั้งผืน

คนที่โยนผักกาดเน่ากองนี้มา ถูกสายตาของนางจ้องจนขนลุกขึ้นในใจ

ปากแข็งเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าทำเรื่องเช่นนี้! แล้วยังกล้าทำตัวไม่เกรงกลัวเช่นนี้อีก! จั๋วซือหรานเจ้ามันหน้าไม่อาย!”

“ใช่! หน้าไม่อาย! หน้าไม่อาย!”

“คนอย่างเจ้าไม่คู่ควรจะอยู่ในเมืองหลวง!”

เรื่องการโห่ประจานก็เป็บแบบนี้ ขอแค่มีคนแรกเอ่ยขึ้นมา คนอื่นๆ ก็จะสอดประสานเข้ามาง่ายเป็นพิเศษ

ยิ่งไปกว่านั้นเพราะมีคนเยอะ ก็มักจะรู้สึกกันว่า ตนเองขอแค่หลบอยู่ในกลุ่มคนก็จะปลอดภัย

ต่อในใจพวกเขาจะไม่เข้าใจคำพูดที่ว่ากฎหมายไม่ลงโทษคนหมู่มาก แต่กลับเข้าใจแนวคิดนี้อย่างชัดเจน

จั๋วซือหรานต่อให้เก่งกาจสักแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจเปิดฉากเข่นฆ่าคนมากขนาดนี้ได้กระมัง?

หลายครั้ง ที่ความกำเริบเสิบสานของคนหมู่มากใช้ประโยชน์จากขีดจำก
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 539

    “ช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่อัศจรรย์เสียจริง จั๋วจิ่วคนนี้ตอนนั้นไม่ใช่ว่าถอนหมั้นกับซื่อจื่อเฟิงเพราะคนจนๆ คนหนึ่งหรอกหรือ? ไปผิดใจกับตระกูลเขาเข้าเต็มเปาเลยนี่...”“ตอนนี้ซื่อจื่อเฟิง กลับมาผิดใจกับตระกูลเพื่อหญิงสาวที่ชื่อเสียงเน่าเหม็นแล้วยังทอดทิ้งตนเองคนนี้อีก”จั๋วซือหรานเองก็ประสาทสัมผัสไว ได้ยินเสียงเหล่านี้ลอดเข้าหูจนหมดนางเลิกคิ้ว อารมณ์เองก็ดีขึ้นไม่น้อยใช่สิ ถ้าตระกูลเฟิงรู้เข้าไม่โมโหตายเลยหรือ?ถ้าตระกูลเฟิงอกแตกตาย อารมณ์ของจั๋วซือหรานจะดีมากเลยนางยกมุมปากเล็กน้อย หัวเราะออกมาแต่คนรอบๆ ที่เห็น กลับรู้สึกเหมือนถูกดูดวิญญาณไป“ก็จริง ด้วยใบหน้านี้ของนาง ใครก็ถูกล่อลวงจนศิโรราบกันทั้งนั้น...”จั๋วซือหรานกวาดสายตาไปบนหน้าพวกเขา มุมปากยกขึ้น ดวงตากลับเย็นชา “พวกเจ้าน่าจะมองข้าดีเกินไปแล้ว ซ้ำยังคิดว่า...กฏหมายไม่เอาผิดคนหมู่มากสินะ แค่คิดว่าพวกเจ้ามีคนมากหน่อย ข้าไม่มีทางจะรับมือพวกเจ้าทุกคนได้”คำพูดของนางเหมือนจะพูดตรงกับความคิดคนบางส่วน ในกลุ่มคนก็มีคนทีสีหน้าเหยเกไปบ้างแล้ว“ยิ่งไปกว่านั้นคนมากขนาดนี้ พยานก็ยิ่งมากด้วย ข้าไม่มีทางลงมือกับพวกเจ้าได้สินะ”ทุก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 540

    และคนเหล่านี้ ในใจก็หวาดผวา ทั้งยังยืนยันไม่ได้ว่าจั๋วซ์อหรานวางยาพิษอะไรใส่พวกเขา และไม่สนใจด้วยว่าอันตรายหรือไม่อันตราย ถึงอย่างไรวิกฤตก็มาอยู่บนหัวแล้วพวกเขาพุ่งไปทางด้านหลังจั๋วซือหรานหนึ่งก้าวสองก้าวสามก้าว“อ่อก...!”แค่สามก้าว ก็ไม่อาจเดินหน้าต่อได้แล้ว ความเจ็บปวดมหาศาลแล่นเข้าสู่อวัยวะทั้งหมดของพวกเขา ราวกับว่านอกจากความเจ็บปวดแล้ว ก็ไม่รู้สึกถึงอะไรอีกเลยทำได้แค่ถลึงตามองนิ้วของตนเอง ที่ห่างจากชายเสื้อของจั๋วซือหรานเพียงแค่เอื้อมหลังจากนั้น ทั่วทั้งร่างก็เจ็บปวดเหมือนร่างถูกแยกออกจากกันพริบตาที่ถูกความเจ็บปวดรุนแรงนี้เข้ารุกรานพวกเขาก็เหมือนกับ จู่ๆ เพิ่งได้สติกลับมา คิดออกพึงความจริงที่น่ากลัวหนึ่งนั่นก็คือ...พวกเขาเหมือนจะลืมไปแล้ว บางทีอาจจะมองข้ามไป...คุณหนูจั๋วจิ่วคนนี้ ไม่ใช่ว่านางเลื่องชื่อไปทั้งเมืองหลวงด้วยการสังหารคนหรอกหรือส่วนเรื่องการหลอมยา ที่ตบฉาดหน้าเหยียนชางไปอย่างจัง ทำให้เหยียนจางต้องอัปยศอดสู่ต่อหน้าต่อตาคนทุกคนจนป่นปี้...พวกเขาตอนนี้ ตระหนักขึ้นมาได้ทันทีว่าตนเองกำลังเจอกับความเจ็บปวดอะไรอยู่ และพริบตาที่ตระหนักได้ว่า เพราะอะไรกระท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 541

    “ตอนนี้ท่านเป็นตัวประกันของข้าแล้วนะ” จั๋วซือหรานเอ่ยความคิดตนเองอย่างตรงไปตรงมาทั้งสองคนสบตากันเงียบๆ ซึ่งคั่นบังด้วยผ้าบางเฟิงเหยียนไม่ได้ปฏิเสธ มองนางอยู่เงียบๆจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “พวกเขาก็แค่กลัวว่าข้าจะเอาเปรียบเพราะขโมยพลังท่านมา ดังนั้นจึงมาเพ่งเล็งข้านี่ไง”“อืม” เฟิงเหยียนพยักหน้า “พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าขโมยมา เป็นสิ่งของที่เดิมทีควรเป็นของพวกเขา”“ข้าจะขโมยซะอย่าง” เสียงของจั๋วซ์อหรานฟังแล้วเหมือนมีความเอาแต่ใจกับเกเรอยู่หน่อยๆ “ข้าขโมยมาแล้วด้วย”เฟิงเหยียนมองคางนางที่อยู่ในท่าทีประมาณว่า “ข้าไม่สนข้าไม่สนข้าจะเอา” หางตาก็เหมือนจะยกโค้งขึ้นมาหน่อยจั๋วซือหรานหยุดไปครู่หนึ่ง จึงหัวเราะเย็นชาเอ่ยขึ้นว่า “พวกเขายังดี ทั้งคิดจะรักษาท่าน ทั้งไม่อยากให้พลังที่ทำร้ายท่านได้ต้องสิ้นเปลือง นั่นก็จะเอานี่ก็จะเอา มีเรื่องที่ดีขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน?”จั๋วซือหรานเดินพาเฟิงเหยียนออกมาพอเห็นภาพถนนรอบๆ ที่คุ้นเคยขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ผ้าบาง ริมฝีปากบางของชายหนุ่มก็เม้มขึ้นเบาๆเพียงแค่เป็นคนในเมืองหลวง ก็จะจำภาพถนนรอบๆ นี้ได้ไม่ยากนัก ถนนที่เงียบสงัดเช่นนี้จะตรงไปที่ใดกันนะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 542

    เฟิงเหยียนถามขึ้น “หน่วยสืบสวนพิเศษถ้ามีการรับประกันจริง แล้วเจ้าทำไมถึงต้องไปทนทุกข์ทรมานอยู่ในนั้นด้วยล่ะ?”เขามองตาจั๋วซือหราน “การลงโทษของหน่วยสืบสวนพิเศษทรมานแค่ไหน มีใครบ้างที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ ต่อให้ไม่เคยต้องประสบ แต่แค่ได้ยิน ก็เพียงพอที่จะทำให้ขลาดเขลาได้แล้ว แล้วเจ้าก็ผ่านมันมาด้วยตนเองเลย นี่ลืมไปแล้วหรือ?”จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ เงยหน้าเหลือบมองเฟิงเหยียนผาดหนึ่งริมฝีปากโค้งเผยรอยยิ้มเข้ามา “เช่นนั้นก็ทำเป็นไม่เคยรู้จักมันเสียสิ”จั๋วซือหรานพูดพลางดึงแขนเสื้อเฟิงเหยียน ไม่ให้โอกาสเขาปฏิเสธสายตาของเฟิงเหยียน มองไปบนผนึกต้องห้ามที่อยู่บนประตูใหญ่หน่วยสืบสวนพิเศษอีกครั้งริมฝีปากบ้างเม้มแน่น ราวกับกำลังพิจารณาอะไรอยู่แต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ จั๋วซือหรานไม่ได้คิดจะดึงเขาเข้าไปทางประตูใหญ่สายตาชายหนุ่มงงงันเล็กน้อย ถูกนางเดินตรงไปด้านหน้าหลังจากเดินมาพักหนึ่ง ก็ยืนนิ่งอยู่ที่กำแพงด้านหน้าช่วงหนึ่งของเรือนหน่วยสืบสวนพิเศษประตูลับบนกำแพงเรือนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ประตูลับที่ตรงไปยังตำหนักฝานเทียนซือก็เปิดออกตรงหน้าพวกเขา“รีบเข้าไปเร็ว” จั๋วซือหรานดึงแขนเสื้อเฟิง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 543

    “เพียงแต่ว่า เพราะนายท่านคนนี้สมองอาจจะไม่ดี แล้วยังแข็งกระด้างน่าเบื่อ ไม่มีความเมตตาอีก”จั๋วซือหรานเอ่ยต่อ “ดังนั้นถ้าหากประตูลับของน้องชิงถูกพบเข้า ก็ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เขาลำบาก ดังนั้นพวกเราต้องไวหน่อย ระวังตัวเอาไว้ก่อน”จั๋วซือหราน รู้สึกว่าความดันอากาศไม่ค่อยจะปกตินางหันไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังและก็เห็นว่าท่านอ๋องเดินออกมาครึ่งตัวแล้ว อีกครึ่งตัวยังอยู่ในประตูลับครึ่งสว่างครึ่งมืด ความดันอากาศต่ำเหล่านี้ เหมือนจะแผ่ออกมาจากบนตัวเขาจั๋วซือหรานยังยื่นมือมาตบเบาๆ ที่แขนของเขา เอ่ยขึ้นว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องเครียด ที่นี่แม้จะเป็นหน่วยสืบสวนพิเศษ แต่ก็ไม่น่ากลัว”“พี่สาว!” เสียงของจั๋วหวายดังลอดเข้ามากะทันหันจากที่ไม่ไกลนัก มีความยินดีเข้ามาด้วย “พี่สาวท่านกลับมาแล้ว!”ชายหนุ่มเพียงไม่นานก็เข้ามาต้อนรับ พิจารณาตัวจั๋วซือหรานทั้งบนทังล่าง ในสายตาล้วนเป็นความกังวลและเป็นห่วงจั๋วซือหรานสังเกตสายตาเขา ปากโค้งยิ้มละไม “ทำไม? กลัวว่าข้าจะถูกรังแกหรือ?”พอได้ยินคำของจั๋วซือหราน จั๋วหวายก็ผ่อนลมหายใจออกมา “ไม่กลัวได้หรือ?”จั๋วหวายเบ้ปาก “พวกเขาอยากจะรังแกท่านกันทั้งนั้น”จั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 544

    เขาดูร้อนรนขึ้นแล้ว ปลายจมูกมีเหงื่อผุดเขาชอบจั๋วซือหรานมากจริงๆ ความคิดของเขาบริสุทธิ์ ชอบหรือเกลียดคนผ่านลางสังหรณ์ราวกับว่า...มีสัญชาตญาณของสัตว์ตัวเล็ก เหมือนว่าสามารถดมกลิ่นคนดีหรือคนไม่ดีจากบนตัวของอีกฝ่ายได้อย่างไรอย่างนั้นชิ่งหมิงรีบเข้ามาขวางตรงหน้าจั๋วซือหราน พูดติดอ่างขึ้นมา แต่เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ร้อนรนขึ้นแล้ว “ไม่ ไม่ใช่นะ..ข้าไม่ได้ต้อง..ต้องการเงื่อน เงื่อนไข...”ชิ่งหมิงขมวดคิ้ว เขาเอ่ยกับจั๋วซือหรานอย่างตั้งใจ “ซือหราน ข้ามองเจ้าเป็นเพื่อน ถ้าช่วยเจ้าได้ ข้าก็จะช่วยเจ้า...”จั๋วซือหรานมองดวงตาสุกใสของชิ่งหมิงในดวงตาเผยรอยยิ้ม “ก็เพราะแบบนี้ไง ข้าจึงจะรักษาเจ้าให้หายดี”และก็เพราะเขามองนางเป็นเพื่อนอย่างจริงใจ“เอาล่ะ เรื่องรักษาเจ้าอีกเดี๋ยวค่อยคุยกัน คนนี้คือท่านอ๋องเฟิง ...ของข้า” จั๋วซือรหานคิดอยู่ว่าควรจะแนะนำเฟิงหรานอย่างไรดี หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงยิ้มตาโค้ง เอ่ยขึ้นว่า “เป็นตัวประกันของข้า”“ตัวประกัน?” ชิ่งหมิงไม่ค่อยเข้าใจ สายตาสงสัย“อืม ตอนนี้ข้างนอกมีเรื่องที่คนสาดน้ำสกปรกใส่ข้า พวกเจ้าก็น่าจะไดยินมาบ้างแล้ว” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ข้าต้องเอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 545

    “ข้า ข้าเชื่อ...เชื่อเจ้า!” ชิ่งหมิงพอเครียด คำพูดคำจาก็จะเริ่มติดอ่างเขาเป็นคนที่มีความคิดบริสุทธิ์ พอเชื่อใจกับคนแล้ว ก็แทบจะเชื่อสนิทใจจนไม่สร้างการป้องกัน“เจ้าบอกว่าได้ ก็คือได้” ชิ่งหมิงเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ขั้นตอนง่ายมาก ส่วนประสิทธิภาพ ข้ายังต้องค่อยๆ ตรวจสอบในภายหลัง แต่จากความเข้าใจในปัจจุบันของข้า น่าจะสามารถยืนยันได้ว่ามีผลแน่นอน”สายตาของชิ่งหมิงเหลือบไปอยู่บนก้อนกลมๆ นุ่มๆ ขาวๆ ในมือนางที่ดูเหมือนจะไม่มีพลังโจมตีใดแม้ว่าเจ้าก้อนกลมนี้ดูแล้วเหมือนยังไม่ปนเปื้อนไม่เป็นอันตราย ให้ใครมาดู ก็คงจะจินตนาการไปถึงพิษกู่ที่น่ากลัวอะไรนั่นได้ยาก!แต่สายตาของชิ่งหมิงก็ยังกระวนกระวายเพราะเขาเกิดที่แคว้นเหยี่ยน เป็นคนแคว้นเหยี่ยนอย่างแท้จริง ในสามแคว้นใหญ่แดนใต้และในแดนใต้ เนื่องจากสภาพอากาศและสภาพภูมิศาสตร์และระบบนิเวศเอื้ออำนวยเป็นอย่างดี ทั้งแดนใต้จึงมีการบำเพ็ญด้านกู่พิษเป็นหลักชิ่งหมิงเติบโตที่แคว้นเหยี่ยนตั้งแต่เล็ก จึงเข้าใจเรื่องพิษกู่เป็นอย่างดีดังนั้นเพียงแค่มองก็รู้ว่าเจ้าก้อนกลมในมือจั๋วซือหรานนี้ไม่ธรรมดาชิ่งหมิงรีบเก็บสายตาลงมา ไม่อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 546

    พอสังเกตเห็นสายตาแหลมคมของเวินป๋อยวน ชิ่งหมิงก็รู้ว่าเขาน่าจะเข้าใจผิดเสียแล้ว “ซือหรานแค่คิด คิดจะรักษาข้า...”เวินป๋อยวนเหลือบมองจั๋วซือหรานเย็นชาผาดหนึ่ง “ใช้แมลงกู่หรือ? ข้ากับชิ่งหมิงล้วนมาจากแดนใต้กันทังนั้น จั๋วจิ่ว เรื่องนี้เอาไปหลอกคนอื่นก็พอได้ แต่มาใช้กับพวกข้านี่มันดูไม่ค่อยเหมาะเลยนะ”จั๋วซือหรานเม้มริมฝีปาก ไม่ส่งเสียงด เพียงเอียงตาไปกำชับกับจั๋วหวาย “เสี่ยวหวาย พาท่านแม่กลับบ้านไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องหารือกับสองคนนี้”จั๋วหวายแม้จะกังวลพี่สาวอยู่ แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าพี่สาวจะสามารถจัดการเรื่องของตนเองได้ จึงพาท่านแม่กลับไปที่บ้านจั๋วซือหรานมองไปทางเวินป๋อยวน “นายท่านซือหลี่ตันติง เพราะคนที่ข้ารับปากไว้คือชิงหมิง ดังนั้นข้าจะรักษาเขาให้หาย ว่าตามหลักการแล้ว ข้าก็ไม่มีหน้าที่ต้องมาอธิบายอะไรกับท่านด้วย”เสียงของจั๋วซือหรานราบเรียบ เนื้อหาในคำพูด ทำเอาเวินป๋อหยวนถึงกับหรี่ตาลง“แต่พิจารณาถึงนายท่านที่เป็นห่วงจนว้าวุ่น บวกกับที่นายท่านได้รับของที่ข้าต้องการมา” จั๋วซือหรานชี้ไปยังยาที่ทำให้คนเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด “ดังนั้น ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะอธิบายให้นายท่านฟังเสียหน่

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1074

    เพียงแต่ว่า ถ้าจะให้พูดจริงๆ เฟิงเหยียนเองก็อาจจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากออกเมืองหลวงมาก็อยากจะติดตามหญิงสาวคนนั้นทั้งที่จำไม่ได้แล้วแท้ๆ ทั้งที่ตัดสินใจจะขีดเส้นคั่นแล้วแท้ๆแต่ก็ยังตามนางมาเพราะรู้ว่านางระแวดระวังแค่ไหน ก็เลยใช้วิะีการแปลงโฉมที่เป็นเอกลักษณ์ และไม่เข้าใกล้นางอยู่ตลอด จนกระทั่งนางเข้ามาในป่าทวนแสงนี้พอมาถึงพื้นที่ป่าที่หมอกพิษหนาทึบ สัมผัสของคนเราก็จะอ่อนแอลง ตอนนี้จึงร่นระยะเข้าใกล้ขึ้นมาและเพราะเหตุนี้ จึงได้มองออกถึงหลงเฉิน...ภาชนะมังกรหนามม่วงตั้งแต่แรกเห็นหลงเฉินเป็นอาจารย์ของเขา หนึ่งในภาชนะสัตว์เทพที่สภาผู้อาวุโสรวบรวมเข้ามาตอนนั้นที่สภาผู้อาวุโสให้หลงเฉินได้เจอกับเขา สั่งสอนเขา ให้เขาพึ่งพาศรัทธาเป็นอาจารย์ เป้าหมายหลักๆ แล้ว อันที่จริงก็คือแบบนั้นสภาผู้อาวุโสหวังจะรวบรวมภาชนะหงส์แดงเข้ามา เพียงแต่เนื่องจากตระกูลเฟิงเจ้าเล่ห์เกินไป เพื่อรับประกันว่าตระกูลตนเองยังสามารถใช้ประโยชน์พลังของสัตว์เทพได้ จึงใช้มันออกมาแทบทุกวิถีทางไม่ว่าจะพันธนาการดวงวิญญาณของสัตว์เทพ หรือลงมือกับภาชนะสัตว์เทพอย่างเขาดังนั้นสภาผู้อาวุโสจึงทำไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงทำ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1073

    เหล่าสัตว์ประหลาดในใจก็บริสุทธิ์มากๆ ความเชื่อมั่นและการพึ่งพาต่อจั๋วซือหรานของพวกมันดังนั้นพอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน จึงรู้สึกว่าจั๋วซือหรานเหมือนน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรอย่างนั้นขนมถั่วแดงเอ่ยขึ้นฮึดฮัด "ใครกล้ามารังแกนายท่านของข้า? ข้าจะไปจัดการเขาคนแรกเลย!""ข้าคนที่สอง..." ขนมมะม่วงเอ่ยขึ้นเสียงอ่อย"ข้าคนที่สาม...""ข้าคนที่สี่...""..."อารมณ์จั๋วซือหราน เหมือนถูกเจ้าก้อนเนื้อพวกนี้แหย่ให้ดีขึ้นมาพอควรนางยื่นมือไปจับสองตัวเข้ามา นวดคลึงไว้ในมือเหมือนกับคนแก่คลึงบอลเพื่อสุขภาพนวดไปด้วยก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ "มีพวกเจ้าอยู่ข้าก็อารมณ์ดีแล้ว ถ้าอารมณ์ไม่ดี พวกเราก็ไปหาคนกับหาเรื่องระบายให้ดีก็พอแล้ว"ราชาแมงมุมหน้าผีได้ยินน้ำเสียงของจั๋วซือหรานเหมือนดีขึ้นมาไม่น้อย จึงผ่อนลมลงมา "ได้ ข้าจะไปสั่งสอนเจ้าพวกตระกูลเหอนั่นพร้อมนายท่านเลย""ใช่เลย" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "พูดถึงตระกูลเหอ...ไอ้ของที่ข้าโยนเข้ามาในมิติเมื่อครู่ล่ะ?"เดิมทีน่าจะเป็นของที่น่าสนใจอยู่ แต่ดันถูกเจ้ามนุษย์กิ้งก่านั่นมาขัด นางจึงลืมไปเลย ตอนนี้เพิ่งจะนึกออกหุ่นเชิดตัวนั้นล่ะ?ราชาแมงมุมหน้าผียื

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1072

    จั๋วซือหรานคิดๆ "ไม่รู้ว่าจะเรียกอย่างไรดี?" นางยิ้มตาโค้ง "ในอนาคตข้าจะหาวิธีตอบแทนเจ้าแน่"ชายหนุ่มนิ่งงันไปครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงต่ำออกมาคำหนึ่ง "เยี่ยนหราน""เยี่ยนหราน?" จั๋วซือหรานรู้สึกไม่ค่อยเหมาะสม ตนเองทำแบบนี้ก็ไม่ค่อยมีมารยาท จึงยื่นมือไปตรงหน้าเขา "สองตัวอักษรไหนหรือ?"ชายหนุ่มเห็นนางยื่นฝ่ามือขาวนวลมาตรงหน้า สายตานิ่งงันไปครู่หนึ่งมุมปากยกขึ้น ค่อยๆ ยกมือขึ้นมา มือข้างหนึ่งประคองหลังมือนาง นิ้วของมืออีกข้างก็วาดลงไปเบาๆ บนฝ่ามือนาง"คำว่าเยี่ยนที่แปลว่าสงบ หรานที่แปลว่าเผาไหม้" ชายหนุ่มเอ่ยตอบเขาชะงักไป เหมือนนึกอะไรออกขึ้นมา ถามว่า "แม่นางชื่อว่าอะไรหรือ?"จั๋วซือหรานมองเขาอย่างครุนคิด ดวงตาลึกซึ้งขึ้นมาแต่ว่าสีหน้าของชายคนนี้ ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักจั๋วซือหรานจึงตอบว่า "สกุลจั๋ว จั๋วซือหราน ยินดีที่ได้รู้จัก" ในดวงตาของนางมีรอยยิ้มที่ดูลึกลับ "เช่นนั้นพวกเราก็มีวาสนากันสินะ มีชื่อหรานด้วยกันทั้งคู่"ชายหนุ่มไม่พูดอะไรมาก เพียงเอ่ยขึ้นว่า "ในป่านี้อันตราย เจ้ารีบออกจากที่นี่จะดีที่สุด ไม่รู้ว่าเจ้านั้นถ้าตั้งตัวแล้วหาที่นี่เจอ คงได้วุ่นวายกันพอดี"จั๋วซือหราน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1071

    "ความหมายของเจ้าคือ มนุษย์กิ้งก่าเมื่อครู่นี้..." จั๋วซือหรานเรียกว่าคำว่า 'มนุษย์มังกร' ออกมาไม่ได้จริงๆ นางเอ่ยต่อว่า "บนตัวถูกปิดผนึกพลังของมังกรหนามม่วงไว้หรือ?"และเหมือนเพราะนางตอบสนองได้รวดเร็ซ สายตาของชายหนุ่มที่มองไปทางนาง ก็พยักหน้าให้อย่างชื่นชม"พวกองค์กร...ที่มีพลังค่อนข้างลึกล้ำบางส่วน จะรวบรวมพลังพวกนี้ไว้" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น "เลี้ยงคนแบบนี้เอาไว้ในองค์กร เหมือนกับชุบเลี้ยงอาวุธไว้นั่นล่ะ เป็นดาบที่ใช้การได้ดีเลยทีเดียว"พริบตาที่ได้ยินคำนี้ จั๋วซือหรานก็อดคิดไปถึงสภาผู้อาวุโสนั่นไม่ได้นางขมวดคิ้ว ครุ่นคิด แล้วก็ยังถามขึ้นว่า "ถ้าพลังแข็งแกร่งพอล่ะก็ ยังถูกพวกองค์กรพวกนี้ควบคุมได้อีกหรือ?"ชายหนุ่มไม่ได้พยักหน้าและส่ายหัวให้กับคำพูดนี้ของจั๋วซือหราน หลังจากที่ชะงักไปเล็กน้อย จึงเอ่ยขึ้นว่า "องค์กรที่พลังลึกล้ำเช่นนี้ ก่อนที่จะทำให้คนเหล่านี้เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ ก็น่าจะเตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่มีทางที่จะให้ดาบที่ตนเองตีไว้ ต้องหันมาเฉือนมือตนเองแน่นอน..."ในน้ำเสียงเขามีอาการทอดถอนใจอยู่ "และหนทางเดียวของคนเหล่านี้ ก็คือการตื่นขึ้น แต่การตื่นนั้นก็ยังยากยิ่งกว่าข

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1070

    จากนั้นจึงได้ยินเขาเสริมมาให้คำหนึ่ง "ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ไม่ใช่กิ้งก่าด้วย"จั๋วซือหรานมองเขา "ไม่ใช่กิ้งก่า? แต่เกล็ดหนังทั้งตัวนั่น...แล้วนิสัยเป็นศัตรูกับพวกแมลง ก็ไม่น่าจะเป็นของพวกจระเข้หรือเปล่า..."จั๋วซือหรานพูด น่าจะเพราะรู้สึกว่าคำพูดต่อจากนี้มันน่าขำ ดังนั้นจึงหัวเราะขึ้นมา เอ่ยต่อว่า "คงไม่ได้เป็นมังกรหรอกนะ..."จากนั้น นางจึงเห็นว่า...ชายหนุ่มคนนี้ หลังจากได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็จ้องมาที่นาง ไม่พูดอะไรจั๋วซือหรานตกตะลึงไป นางกัดริมฝีปาก "หรือว่าเป็นจริงๆ...?"แม้จะยอมรับโลกแฟนตาซีนี้ได้นานแล้ว กระทั่งหงส์แดงก็ยังมีเลย นางเองก็ยังยอมรับได้ แต่ว่า...มังกรหรือ?แม้จะบอกว่าพลังของคนเมื่อครู่ทำให้นางเกิดความรู้สึกอันตรายขึ้นา แต่...มังกรเนี่ยนะ?!ชาติที่แล้วนางมาจากแผ่นดินใหญ่ แนวคิดเรื่องมังกร มันไม่ใช่แค่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่ฝังรากลึกใจเชิงวัฒนธรรม เป็นคำที่สื่อถึงความหมายดีดีมีศิริมงคลแต่เมื่อกี้นี้มัน...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว "มังกรดีดีที่ไหนที่หน้าตาเป็นแบบนั้นกัน...ดูแล้วอย่างกับถูกดองเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น"ชายหนุ่มเดิมทีที่มีสีหน้าเคร่งขรึ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1069

    เพราะก่อนหน้านี้ที่แล่นผ่านไป ลมหายใจร้อนที่คุ้นเคยจั๋วซือหรานคิดถึงสิ่งนั้นขึ้นมาในพริบตา...ใช่ ผู้ชายที่สมองกลวงไปแล้ว จำนางไม่ได้แล้วคนนั้นเพียงแต่รู้สึกตกตะลึงหน่อยๆ ในใจรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อแต่พอแหงนตาขึ้นมอง...ไม่ใช่เขาที่เข้ามาในสายตาเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง แปลกหน้าอย่างสิ้นเชิงเลย แม้ดูแล้วหน้าตาจะหล่อเหลา ถือได้ว่าเป็นใบหน้าคมคายคนหนึ่งแต่ในคิ้วตาไม่มีส่วนไหนทีคล้ายกันเลยแต่ให้พูดตรงๆ ใบหน้าของเจ้าคนสมองพังนั่นก็สวนทางกับธรรมชาติจริงๆ พอคิดว่าจะมีคนที่มีใบหน้าคล้ายกับการสวนทางธรรมชาตินั่นแล้ว ก็เหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากอยู่จั๋วซือหรานตอนแรกก็ค่อนข้างหลงใหลใบหน้านั้นอยู่ พอได้เห็นใบหน้านั่นก็รู้สึกอารมณ์จะดีขึ้นมาเลย"เจ้า..." จั๋วซือหรานมองชายหนุ่มตรงหน้า เดิมทียังคิดจะพูดอีกคำสองคำ แต่ก็ตระหนักได้ ว่าตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะคุยกันนางเหลือบมองไปทางเจ้า 'ร่างสัตว์' ที่มีเกล็ดหนังของสัตว์ประหลาดคนนั้น แต่ก็พบว่า...หายไปแล้ว?แม้ไม่รู้ว่าหายไปได้อย่างไรแต่อันตรายยังคงอยู่ จั๋วซือหรานมีเวลาพิจารณาสถานการณ์รอบๆ อย่างละเอียด จากนั้นก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา...ไม่ใช่ว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1068

    แต่คิดไม่ถึงว่า...!จั๋วซือหรานกระทั่งไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเองเห็ฯ มันคืออะไรมนุษย์หรือ? หรือว่า...สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์อะไร?ถ้าเป็นข้อหลังจริง สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ลึกลับที่ตนเองเห็นวันนี้มันจะมากไปหน่อยไหม?ผิวหนังส่วนหนึ่งของเขา ดูแล้วมีสีม่วงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ถูกระเบิดมือทำร้ายเอาแล้ว!เพราะกางเกงกว่าครึ่งของเขา กับเสื้อผ้ากว่าครึ่งของเขา ล้วนถูกระเบิดไปหมดแล้ว ส่วนขอบเสื้อผ้าที่ขาดรุ่ยยังมองเห็นคราบเลือดอยู่แทบจะยืนยันได้ ว่าเขาก่อนหน้านี้ถูกระเบิดมือทำร้ายเข้าไปแล้วและผิวหนังส่วนที่ควรถูกระเบิดจนบาดเจ็บไปแล้ว ตอนนี้กลับมีสีม่วงขึ้นมาเล็กน้อยดูแล้ว กระทั่งยังมีความรู้สึกแข็งแกร่งบางอย่างอีกด้วย!เหมือนจะเป็น...เกล็ดหนัง?จุดที่ถูกระเบิดทำร้ายจนบาดเจ็บบางส่วนบนหน้าเขา น่าจะเป็ฯจุดที่ถูกสะเก็บระเบิดสาดเข้าไป เวลานี้ก็กลายเป็นเกล็ดหนังสีม่วงเข้มไปแล้วไม่เพียงเท่านั้น กระทั่งตาซ้ายก็ยังเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเป็น ดวงตาแนวตั้งที่เย็นชา คล้ายกับสัตว์เลือดเย็นอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานเองก็พูดไม่ถูก ว่าตอนนี้ ปฏิกิริยาแรกของนางคือ...คนผู้นี้อาจจะเป็นนักค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1067

    ตอนนี้เอง เขาจึงเห็นเจ้าสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรลักษณะวงรีนั่นอยู่ที่ใต้เท้าตนเองขณะเดียวกัน เขาก็เห็นว่าร่างของหญิงสาวตรงหน้าถอยฉากไปอย่างรวดเร็วเขาขมวดคิ้ว "นี่มันคืออะ..."เสียงยังไม่ทันขาดเสียงสนั่นก็ดังขึ้น!"ตูม...!"เสียงระเบิดดังลั่น แทบจะดังก้องไปทั้งป่า!ทำเอานกนับไม่ถ้วนบินกันแตกตื่น!จั๋วซือหรานไม่รีรอ หมุนตัวหนีออกไปอย่างไม่ลังเลวิชาร่างเปิดออกทั้งหมด ความเร็วเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดและไม่รู้ว่าเมื่อครู่ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอะไร รู้สึกเหมือนเป็นศัตรูแข็งแกร่งที่จับตัวได้ยากจริงๆดังนั้น ปกตินางจะไม่ค่อยใช้ของอย่างระเบิดมือเท่าไรนัก เพราะเสียงมันดังเกินไป ดึงดูดสายตาคนมากไปแต่เมื่อครู่คิดแล้ว เหมือนมีแค่สิ่งนี้ที่เหมาะสมที่สุด และให้ผลไม่คาดคิดมากที่สุดแล้วก็ตามคาด ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่คาดคิดขึ้นมาได้แต่จั๋วซือหรานก็ไม่ได้ประมาท นางไม่รู้สึกว่าระเบิดมือลูกนั้นจะทำให้อีกฝ่ายตายได้แต่ก็น่าจะทำให้อีกฝ่ายลำบากพอควร ส่วนตนเองก็ถือโอกาสนี้ฉากหลบออกมาเสีย จึงเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดเพียงแต่ว่า สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ...ปฏิกิริยาและความเร็วของอีกฝ่าย เร็วได

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1066

    นางมองไปยังศัตรูที่อยู่ตรงหน้ากระทั่งสายตายังไม่ทันจับหน้าตาของคนผู้นี้ได้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของอีกฝ่ายดังขึ้นมาฟังแล้วก็ไม่ได้มีอารมณ์เชิงลบอย่างเย็นชาหรือโกรธแค้นเลยถ้าให้พูดขึ้นมาจริงๆ จั๋วซือหรานกระทั่งรู้สึกว่า เสียงหัวเราะนี้ฟังแล้วดูอบอุ่นอ่อนโยนเสียด้วยซ้ำคล้ายกับสายลมสายฝน แสงตะวันยามบ่ายอย่างไรอย่างนั้นเหมือนกับว่า นี่ไม่ใช่การโจมตีเพื่อช่วงชิงชีวิต แต่เป็นแค่ใช้กิ่งไม้หรือข้าวฟ่างหางหมามาแย่เจ้าเล่นเท่านั้นและเพราะความรู้สึกนี้ การโจมตีถึงตายบวกกับรอยยิ้มที่อบอุ่นอ่อนโยน จึงเกิดความแตกต่างขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดหลังจากนั้น จั๋วซือหรานจึงได้ยินเส้นเสียงที่อบอุ่นอ่อนโยนของอีกฝ่าย ทุ้มต่ำ ในน้ำเสียงกระทั่งไม่มีความเป็นศัตรูเลยด้วยซ้ำเอ่ยขึ้นมาว่า "กันได้ดี ลองกันอีกครั้งดูไหม?"ในใจจั๋วซือหรานสั่นกึกเพราะน้ำเสียงเช่นนี้...นางคุ้นเคยมาก มั่นใจในตนเอง ไม่เร่งไม่ร้อน ดังนั้นพอได้ยินในหูของฝั่งตรงข้าม กระทั่งทำให้เกิดความรู้สึกหยิ่งผยองหน่อยๆ...นี่เป็นน้ำเสียงที่นางเคยใช้กับศัตรูและคู่ต่อสู้ตอนนี้พอได้ยินจากปากคนอื่น เอาจริงๆ ก็รู้สึกเป็นเอกลักษณ์อยู่เหม

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status