แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของจิ่งสือเฟิงพลันมืดมนลงในทันทีหากถามว่าในโลกนี้เขาห่วงใยใครมากที่สุด คำตอบก็คือพระมารดาเขาคิดว่าเขากับพระมารดามีความผูกพันลึกซึ้ง พระมารดาต้องดีใจมากแน่ๆ ที่ได้เห็นหน้าเขาอีกครั้งทว่าในตอนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดและเห็นสีหน้าของพระมารดา เขาก็รู้ตัวว่าตนเองคิดผิดก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินคนพูดว่าราชวงศ์ไม่มีเยื่อใยต่อกัน เขายังคิดอยู่เลยว่าไม่ถูกต้อง อย่างน้อยพระมารดาก็รักเขาบัดนี้เขาเพิ่งรู้ว่า ถึงแม้เขาจะเป็นลูกที่พระมารดาให้กำเนิด แต่ในสายตาของพระมารดา อำนาจก็สำคัญกว่าตัวเขามากตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาสามารถสืบทอดราชบัลลังก์ นำมาซึ่งเกียรติยศให้พระมารดา เขาจึงเป็นลูกชายที่ดีของพระมารดาเมื่อเขาตายไปแล้ว ไม่มีทางได้เป็นฮ่องเต้ได้ พระมารดาจึงรังเกียจเขาเมื่อจิ่งสือเฟิงคิดเรื่องนี้ได้ เขาก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง เขาจึงหันหลังกลับไปหลังจากที่พระมารดาตำหนิเขาเสร็จ ก็ไม่สนใจเขาอีก หันไปมองจิ่งโม่เยี่ยแล้วพูดว่า “วันนี้ข้ามาที่จวนผู้ว่าราชการเพราะมีเรื่องจะประกาศอีกเรื่องหนึ่ง”เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกว่านางคงไม่หวังดี จึงพูดเสียงดังว่า “ขอถามหน่อยว่าเมื่อ
“ไม่งั้นเรื่องนี้ข้าไม่ยอมจบแน่ นอกจากฮองเฮาจะแสดงการตีลังกากลับหัวกินอุจจาระให้ดูต่อหน้าทุกคน!”มหาราชครู “!!!!!”หากฮองเฮอยอมรับว่าตัวเองต่ำช้า ก็เท่ากับยอมรับว่าตัวเองไม่คู่ควรกับตำแหน่งฮองเฮา ก็เท่ากับยอมรับว่าการอบรมสั่งสอนของจวนมหาราชครูมีปัญหาหากการอบรมสั่งสอนของจวนมหาราชครูมีปัญหา มหาราชครูก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมมหาราชครูที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมจะสามารถเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ได้อย่างไร จะสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีของคนทั่วทั้งใต้หล้าได้อย่างไรเพราะฉะนั้นฮองเฮาไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองต่ำช้าเด็ดขาดและตอนนี้ด้วยท่าทางกัดไม่ยอมปล่อยของเฟิ่งชูอิ่ง ฮองเฮาต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างตีลังกากลับหัวกินอุจจาระกับยอมรับว่าตัวเองต่ำช้า ไม่งั้นนางคงไม่ยอมเลิกราแน่เฟิ่งชูอิ่งกอดอกถามฮองเฮา “ตอนนี้เจ้าจะเลือกตีลังกากลับหัวกินอุจจาระหรือยอมรับว่าตัวเองต่ำช้า เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง!”ฮองเฮาไม่อยากเลือกสักอย่าง นางจึงเลือกที่จะเปิดเผยข่าวใหญ่แทน “พระสนมสวี่ลักลอบคบชู้!”เดิมทีนางตั้งใจจะเกริ่นนำปูทางก่อน แต่ตราบใดที่นางเริ่มเอ่ยปูทาง เฟิ่งชูอิ่งจะต้องหาทางขัดจังหวะ
สายตาของฮองเฮาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “หากพวกท่านไม่เชื่อเรื่องนี้ ก็สามารถหาหมอที่ไว้ใจมาตรวจชีพจรให้พระสนมสวี่ได้”“เอาตัวพระสนมสวี่เข้ามา!”คำพูดของพระนางหนักแน่นเช่นนี้ แสดงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเฟิ่งชูอิ่งและจิ่งโม่เยี่ยต่างก็เกลียดพระสนมสวี่ แต่พระสนมสวี่ก็เป็นพระมารดาของจิ่งโม่เยี่ยจริงๆ ดังนั้นเรื่องของพระสนมสวี่จึงเกี่ยวข้องกับจิ่งโม่เยี่ยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้พระสนมสวี่ลักลอบคบชู้ จิ่งโม่เยี่ยก็ต้องพลอยเสียหน้าไปด้วยเช่นกันนางหันไปมองจิ่งโม่เยี่ย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา เมื่อเห็นนางมองมา เขาก็ฝืนคลี่รอยยิ้มจางๆ เหมือนจะบอกนางว่าไม่ต้องกังวลเฟิ่งชูอิ่งอยากจะบอกว่านางไม่ได้กังวลเรื่องเขา แต่เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกขยะแขยงไม่มากก็น้อยผู้ว่าราชการเมืองหลวงปวดหัวมาก วันนี้เขาแค่ต้องการพิจารณาคดีของเฟิ่งชูอิ่ง ไม่ได้คิดว่าจะต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวของราชวงศ์แต่ที่นี่คือจวนผู้ว่าราชการของเขา ต่อให้เขาอยากไปก็ไปไม่ได้เขาหันไปมองท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย ก่อนจะเห็นว่าท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายนั่งลงแล้ว และกำลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์ผู้ว่าราชการเมืองหลวง “......”
แต่นางก็ยิ่งเกลียดชังฮองเฮามากกว่า เป็นนางแพศยาสารเลวคนนี้ที่แย่งเอาฮ่องเต้เจาหยวนไปจากนาง ทำให้นางไม่ได้เป็นฮองเฮาอีกต่อไปนางมองไปที่ฮองเฮาแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากทำอะไร แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าสมหวัง! ฮ่าๆๆๆ!”ฮองเฮามองเห็นสีหน้าบ้าคลั่งของพระสนมสวี่แล้วหัวเราะเบาๆ “ข้าแค่อยากจะเปิดโปงเรื่องน่าอับอายของเจ้าให้คนอื่นรู้เท่านั้น”“หลังจากฮ่องเต้สวรรคต เจ้าควรจะต้องฝังตัวเองไปด้วย!”“ที่ยังให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อ ก็เพราะว่ารัชทายาทในขณะนั้นยังเด็ก ต้องการการดูแลเอาใจใส่จากมารดา”“น่าเสียดายที่เจ้าลักลอบคบชู้ ทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้!”พระสนมสวี่เกลียดฮองเฮา ฮองเฮาก็เกลียดพระสนมสวี่เข้ากระดูกดำเช่นกันฮ่องเต้เจาหยวนไร้ความรู้สึก พระสนมในวังหลังไม่มีใครทำให้เขาหวั่นไหวได้เขาก็ยังปฏิบัติต่อพระสนมสวี่และพระสนมคนอื่นๆ แตกต่างกันบ้าง เขาจะเอาใจพระสนมสวี่ และหาวิธีทำให้พระสนมสวี่พอใจแล้วเขาก็ทำให้ฮองเฮาเสียหน้าหลายครั้งเพราะเรื่องของพระสนมสวี่ ซึ่งฮองเฮาก็จดจำหนี้แค้นไว้ในใจทั้งหมดพระสนมสวี่หัวเราะเสียงดัง “ใช่แล้ว เรื่องไร้ยางอายของข้า เจ้าก็ไม่ได้เพิ่งมารู้วันนี้เสียหน่อย”“ก่อ
ฮองเฮาพบว่าวันนี้พระสนมสวี่เป็นบ้าไปแล้ว นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?พระนางกัดฟันตรัสว่า “ตอนนี้เจ้าไม่รักษาภาพลักษณ์ของสตรีผู้สูงส่งแล้ว แต่ก่อนเจ้าก็คงไม่บริสุทธิ์หรอก อ๋องผู้สำเร็จราชการคงไม่ใช่โอรสของฮ่องเต้พระองค์ก่อนกระมัง?”พระสนมสวี่ได้ยินคำนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็เข้าใจความตั้งใจของฮองเฮาในทันทีนางหัวเราะออกมา “ใช่แล้ว จิ่งโม่เยี่ยไม่ใช่โอรสของฮ่องเต้องค์ก่อน แต่เป็นโอรสของฝ่าบาท”“ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ข้าก็มีสัมพันธ์ลับๆ กับฝ่าบาทแล้ว และให้กำเนิดจิ่งโม่เยี่ยกับฝ่าบาท”ฮองเฮา “......”ทุกคน “......”นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาควรฟังหรือ?พวกเขาคิดว่าวันนี้น่าตื่นเต้นพอแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมีอะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านี้อีกเดิมทีฮองเฮาต้องการใช้เรื่องที่พระสนมสวี่ตั้งครรภ์ มาตราหน้าพระสนมสวี่ว่าเป็นหญิงสำส่อน เพื่อให้ฐานะของจิ่งโม่เยี่ยมีปัญหาเขาจะไม่สามารถใช้อำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการแผ่นดินได้อีกต่อไป เพราะจะเป็นการใช้อำนาจแบบไม่ชอบธรรมแต่พระนางไม่คิดเลยว่าพระสนมสวี่จะพูดแบบนี้ถ้าจิ่งโม่เยี่ยเป็นลูกของฮ่องเต้เจาหยวนจริงๆ พระสนมสวี่คงไม่รังเกียจเขา
ถึงแม้ว่าพระสนมสวี่จะทำอะไรสุดโต่งไปบ้าง บางครั้งก็เหมือนคนบ้า แต่สมองกลับดีกว่าฮองเฮาสีหน้าของฮองเฮาค่อนข้างดูไม่ดี พระสนมสวี่พูดเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าคนมากมาย ก็เหมือนกับตบหน้านางฮองเฮาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไม่ซื่อสัตย์ก่อน เรื่องที่เจ้าพูดตอนนี้เชื่อถือไม่ได้แม้แต่น้อย!”พระสนมสวี่มองนางแล้วพูดว่า “คำพูดของข้าเชื่อถือไม่ได้? แล้วของเจ้าล่ะเชื่อถือได้หรือ?”“เพียงเพราะเจ้าเป็นฮองเฮาอย่างนั้นหรือ? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เจ้าทำเรื่องน่าอับอายมามากแค่ไหนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จำเป็นต้องแจกแจงออกมาทีละเรื่องเลยไหม?”ฮองเฮา “!!!!!”นางกับพระสนมสวี่ต่อสู้กันมาหลายปี ทั้งสองต่างรู้ความลับของกันและกันมากมายพวกนางเคยใช้ความลับเหล่านี้โจมตีกันและกัน และเคยใช้ความลับเหล่านี้หลอกให้อีกฝ่ายตกหลุมพราง ทำร้ายผู้บริสุทธิ์มากมายถ้าจะพูดว่าใครรู้จักพวกนางมากที่สุดในโลกนี้ แน่นอนว่าคือพวกนางเองฮองเฮากัดฟันแน่นแล้วพูดว่า “หุบปาก!”พระสนมสวี่หัวเราะเสียงดัง “ทำไม? เจ้ากลัวแล้วหรือ?”“เจ้ากลัวก็ถูกแล้ว! สิบสามตายไปแล้ว ข้าไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้วในโลกฝลนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าหรื
เมื่อมหาราชครูได้ยินบทสนทนาระหว่างฮองเฮากับเฟิ่งชูอิ่ง เขาก็ขมวดคิ้วแน่นทันที เพราะฮองเฮาแทบจะตกเป็นรองเฟิ่งชูอิ่งอยู่ตลอดถ้าเขาไม่เข้าไปแทรกแซง ฮองเฮาต้องแพ้แน่ทันใดนั้น เขาก็เอ่ยเสียงเข้มว่า “พระสนมสวี่เป็นฮองเฮาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน นางประพฤติผิดในกาม ลักลอบมีชู้แล้วยังแอบตั้งครรภ์ นี่ถือเป็นการไม่เคารพต่อฮ่องเต้พระองค์ก่อน”“เพื่อรักษาเกียรติของราชวงศ์ จับพระสนมสวี่ไปประหารเดี๋ยวนี้!”ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีทหารวิ่งเข้าหาพระสนมสวี่แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ถูกทหารของจิ่งโม่เยี่ยขวางไว้ทั้งสองฝ่ายชักกระบี่ออกมา บรรยากาศตึงเครียดขึ้นในทันทีผู้ว่าราชการแทบจะตกใจตาย รีบเข้ามาไกล่เกลี่ย “ท่านอ๋อง ท่านมหาราชครู ใกล้วันปีใหม่แล้ว มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกันเถอะ”“กระบี่ไม่มีตา อย่าให้เกิดการบาดเจ็บเลย”มหาราชครูมองไปที่จิ่งโม่เยี่ยแล้วถามว่า “ท่านอ๋องจะปกป้องหญิงแพศยานี่หรือ?”จิ่งโม่เยี่ยพูดอย่างใจเย็นว่า “ตามกฎหมายของราชวงศ์เรา หากมีผู้ใดล่วงประเวณี ทั้งชายและหญิงจะต้องได้รับโทษเท่าเทียมกัน”“เมื่อครู่พระสนมสวี่บอกว่าชู้ของนางคือฮ่องเต้เจาหยวน ท่านมหาราชครูอยากประหารทั้งชายและหญิ
ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกคู่นี้จะเลวร้ายเพียงใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าพวกเขาเป็นแม่ลูกกันได้เสนาบดีฝ่ายซ้ายที่เงียบอยู่นาน เอ่ยถามอย่างใจเย็นว่า “ขอถามพระสนมสวี่ สิ่งที่ท่านเรียกว่าความลับเหล่านั้นหมายถึงอะไร”พระสนมสวี่มองเสนาบดีฝ่ายซ้าย แล้วยื่นกระดาษออกมาจากอกเสื้อ พูดเสียงดังว่า “แน่นอนว่าเป็นสิ่งเหล่านี้!”“นี่คือรายละเอียดการกระทำของตระกูลมหาราชครูที่แสวงหาผลประโยชน์ ฆ่าคน ยึดครองทรัพย์สินของประชาชน และข่มขู่ขุนนางในราชสำนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งหลักฐานและพยาน”เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางก็หันมองไปที่ผู้ว่าราชการ “ข้าต้องการฟ้องมหาราชครู!”นางต่อสู้กับฮองเฮามาหลายปี ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากความแตกต่างทางสถานะ นางจึงถูกฮองเฮากดขี่อยู่เสมอฮองเฮามีครอบครัวที่ทรงอำนาจคอยหนุนหลัง ส่วนครอบครัวของนางถูกทำลายไปหมดแล้วเมื่อหลายปีก่อนและฮ่องเต้เจาหยวนก็เตือนนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าไปหาเรื่องฮองเฮา เพราะมันจะทำให้เขาลำบากใจไปด้วยในตอนนั้นพระสนมสวี่รักฮ่องเต้เจาหยวนมาก จึงเชื่อฟังเขาทุกอย่างแต่นางก็ยังแค้นใจ จึงแอบรวบรวมหลักฐานของมหาราชครูอยู่เงียบๆนางมี