แชร์

บทที่ 756

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
เมื่อมหาราชครูได้ยินบทสนทนาระหว่างฮองเฮากับเฟิ่งชูอิ่ง เขาก็ขมวดคิ้วแน่นทันที เพราะฮองเฮาแทบจะตกเป็นรองเฟิ่งชูอิ่งอยู่ตลอด

ถ้าเขาไม่เข้าไปแทรกแซง ฮองเฮาต้องแพ้แน่

ทันใดนั้น เขาก็เอ่ยเสียงเข้มว่า “พระสนมสวี่เป็นฮองเฮาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน นางประพฤติผิดในกาม ลักลอบมีชู้แล้วยังแอบตั้งครรภ์ นี่ถือเป็นการไม่เคารพต่อฮ่องเต้พระองค์ก่อน”

“เพื่อรักษาเกียรติของราชวงศ์ จับพระสนมสวี่ไปประหารเดี๋ยวนี้!”

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีทหารวิ่งเข้าหาพระสนมสวี่

แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ถูกทหารของจิ่งโม่เยี่ยขวางไว้

ทั้งสองฝ่ายชักกระบี่ออกมา บรรยากาศตึงเครียดขึ้นในทันที

ผู้ว่าราชการแทบจะตกใจตาย รีบเข้ามาไกล่เกลี่ย “ท่านอ๋อง ท่านมหาราชครู ใกล้วันปีใหม่แล้ว มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกันเถอะ”

“กระบี่ไม่มีตา อย่าให้เกิดการบาดเจ็บเลย”

มหาราชครูมองไปที่จิ่งโม่เยี่ยแล้วถามว่า “ท่านอ๋องจะปกป้องหญิงแพศยานี่หรือ?”

จิ่งโม่เยี่ยพูดอย่างใจเย็นว่า “ตามกฎหมายของราชวงศ์เรา หากมีผู้ใดล่วงประเวณี ทั้งชายและหญิงจะต้องได้รับโทษเท่าเทียมกัน”

“เมื่อครู่พระสนมสวี่บอกว่าชู้ของนางคือฮ่องเต้เจาหยวน ท่านมหาราชครูอยากประหารทั้งชายและหญิ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 757

    ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกคู่นี้จะเลวร้ายเพียงใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าพวกเขาเป็นแม่ลูกกันได้เสนาบดีฝ่ายซ้ายที่เงียบอยู่นาน เอ่ยถามอย่างใจเย็นว่า “ขอถามพระสนมสวี่ สิ่งที่ท่านเรียกว่าความลับเหล่านั้นหมายถึงอะไร”พระสนมสวี่มองเสนาบดีฝ่ายซ้าย แล้วยื่นกระดาษออกมาจากอกเสื้อ พูดเสียงดังว่า “แน่นอนว่าเป็นสิ่งเหล่านี้!”“นี่คือรายละเอียดการกระทำของตระกูลมหาราชครูที่แสวงหาผลประโยชน์ ฆ่าคน ยึดครองทรัพย์สินของประชาชน และข่มขู่ขุนนางในราชสำนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งหลักฐานและพยาน”เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางก็หันมองไปที่ผู้ว่าราชการ “ข้าต้องการฟ้องมหาราชครู!”นางต่อสู้กับฮองเฮามาหลายปี ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากความแตกต่างทางสถานะ นางจึงถูกฮองเฮากดขี่อยู่เสมอฮองเฮามีครอบครัวที่ทรงอำนาจคอยหนุนหลัง ส่วนครอบครัวของนางถูกทำลายไปหมดแล้วเมื่อหลายปีก่อนและฮ่องเต้เจาหยวนก็เตือนนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าไปหาเรื่องฮองเฮา เพราะมันจะทำให้เขาลำบากใจไปด้วยในตอนนั้นพระสนมสวี่รักฮ่องเต้เจาหยวนมาก จึงเชื่อฟังเขาทุกอย่างแต่นางก็ยังแค้นใจ จึงแอบรวบรวมหลักฐานของมหาราชครูอยู่เงียบๆนางมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 758

    สีหน้าของเฟิ่งชูอิ่งก็เปลี่ยนไปเช่นกัน หากเขาจะปิดเมือง ตอนนี้นางจะกลับออกไปได้อย่างไร?ในใจนางรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าการตัดสินใจของจิ่งโม่เยี่ยเป็นเพราะเรื่องส่วนตัว หรือเพราะคำฟ้องนั้นมีอานุภาพร้ายแรงกันแน่?เดิมทีนางก็อยู่ข้างๆ เขาอยู่แล้ว ตอนนี้ก็เลยขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้นอีกหน่อย เหลือบมองเนื้อหาข้างบนเอกสาร จากนั้นนางก็ขยับไปยืนด้านข้างเหมือนเดิมเอาเถอะ ช่วงเวลานี้เขาปิดเมืองตรวจสอบ ถือว่าจำเป็นอย่างยิ่งเพียงแต่นางแย่แล้วล่ะ ตอนนี้แม้แต่ออกไปข้างนอกก็ออกไปไม่ได้มหาราชครูและฮองเฮาเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปมหาราชครูกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พระสนมสวี่เพ้อเจ้อ นางไม่ถูกกับฮองเฮามาโดยตลอด เกรงว่าจะใส่ร้ายป้ายสี!”แม้เขาจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจกลับไม่มั่นใจนักเพราะเขารู้ดีว่าตลอดหลายปีมานี้ เขาได้ทำอะไรลงไปบ้างเขาก็ไม่รู้ว่าคำฟ้องของพระสนมสวี่เขียนอะไรไว้เขาอยากจะแย่งคำฟ้องนั้นมา แต่คำฟ้องอยู่ในมือของจิ่งโม่เยี่ย เขาไม่คิดว่าตนเองจะมีความสามารถเช่นนั้นจิ่งโม่เยี่ยกล่าวกับมหาราชครูว่า “ใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่ ตรวจสอบดูก็รู้”“ข้าให้ความเคารพมหาราชครูมาโดยตลอ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 759

    ฮองเฮาอยากจะกลับไปฉีกหน้าพระสนมสวี่ใจจะขาด แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้พระสนมสวี่เห็นท่าทางฮองเฮาก็หัวเราะชอบใจ คิดว่าจิ่งโม่เยี่ยก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้างหลังจากฮองเฮาและมหาราชครูเดินไปไกลแล้ว พระสนมสวี่ก็พูดกับจิ่งโม่เยี่ยว่า "ถ้าเจ้าฆ่าเฟิ่งชูอิ่งนังตัวร้ายนี่ได้ ต่อไปข้าก็ยังเป็นแม่ของเจ้าเหมือนเดิม"จิ่งโม่เยี่ยได้ยินก็หัวเราะ "เจ้ากล้าพูดแบบนี้กับข้าได้อย่างไร?""ตอนข้ายังเด็ก เจ้าพูดแบบนี้อาจจะทำให้ข้าหวั่นไหวได้บ้าง แต่ตอนนี้ข้าฟังแล้วรู้สึกขำมากกว่า"พระสนมสวี่มองไปที่จิ่งโม่เยี่ย เขาไม่ใช่เด็กน้อยที่ค่อยแต่จ้องมองนางอย่างที่นางจำได้อีกต่อไปแล้วตอนนี้เขาเติบโตเป็นหนุ่มรูปงามสง่านี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่นางได้มองจิ่งโม่เยี่ยอย่างจริงจัง และเพิ่งสังเกตว่าเขามีเค้าโครงหน้าเหมือนฮ่องเต้องค์ก่อนมากขึ้นแต่จิตวิญญาณในดวงตากลับคล้ายนางอยู่บ้าง ทำให้ดูมีอารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้งอยู่บ้างนางเพิ่งค้นพบว่าจิ่งโม่เยี่ยไม่เพียงแต่สุขภาพแข็งแรงกว่าองค์ชายสิบสามเท่านั้น แต่ความสามารถและรูปร่างหน้าตาก็ดีกว่ามากด้วยไม่ว่าจะด้านไหน จิ่งโม่เยี่ยก็เหนือกว่าองค์ชายสิบสามอยู่มากนางรู

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 760

    เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของพระสนมสวี่แบบนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดเสียงดังว่า “หากวันใดพระสนมสวี่เปลี่ยนใจ ก็สามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”พอพระสนมสวี่ได้ยินคำนี้ ก็ยิ่งมั่นใจว่าเฟิ่งชูอิ่งรู้เรื่องระหว่างนางกับเทียนซือนางแค่นเสียงฮึดฮัด ไม่หันหลังกลับไปมองเฟิ่งชูอิ่งนานๆ ทีอยากทำความดี พระสนมสวี่กลับไม่ให้โอกาสนาง นางก็รู้สึกเสียดายอยู่บ้างณ เวลานี้ ผู้คนในจวนผู้ว่าราชการก็เริ่มสลายตัวไปเสนาบดีฝ่ายซ้ายเดินมาข้างๆ เฟิ่งชูอิ่งแล้วพูดว่า “วันนี้ข้าช่วยเหลือเจ้าแล้วนะ”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วพูดว่า “ข้อขอให้ท่านช่วยหรือ?”เสนาบดีฝ่ายซ้าย “......”เขารู้สึกว่านิสัยแบบนี้ของนางไม่เป็นที่ชื่นชอบจริงๆเขามองนางแล้วพูดว่า “การเป็นคนต้องรู้จักตอบแทนกัน เจ้าไม่ได้ขอให้ช่วยก็จริง แต่ข้าช่วยเจ้าเอง เจ้าก็ช่วยข้าสักครั้งได้หรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่งกำลังจะพูด จิ่งโม่เยี่ยก็คว้ามือของนางไว้แล้วพูดว่า “ในเมืองหลวงอันตราย เจ้ากลับจวนกับข้าก่อนเถอะ”“ส่วนเรื่องของเสนาบดีฝ่ายซ้าย ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร รออีกสักพักค่อยจัดการก็ได้”ตอนที่เฟิ่งชูอิ่งหลอกเสนาบดีฝ่ายซ้าย จิ่งโม่เยี่ยบังเอิญอยู่ที่นั่นพอ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 761

    ความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามาในใจนางในชั่วพริบตานั้น นางจึงตัดสินใจพูดความจริงออกมา “ท่านอ๋อง ตั้งแต่วินาทีที่ท่านผลักข้าตกลงมาจากกำแพง ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็จบลงแล้ว”“ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจาคลุมเครือเช่นนี้กับข้า ข้าไม่หลงกลหรอก”ผู้ว่าราชการแห่งเมืองหลวงที่กำลังจะออกไปได้ยินประโยคนี้ก็หูผึ่งขึ้นมาทันทีเขาทั้งกลัวที่จะได้ยินและอยากรู้อยากเห็นอย่างมากเขารู้สึกว่าวันนี้เขาได้ยินความลับมากพอแล้ว คงไม่เป็นไรที่จะได้ยินเพิ่มอีกสักหน่อย...สายตาของจิ่งโม่เยี่ยหรี่ลงเล็กน้อย เขาก็พอจะเข้าใจนิสัยของนาง นางดูเหมือนจะร่าเริงแจ่มใสทุกวัน แต่จริงๆ แล้วนางมีความคิดเป็นของตัวเองอย่างมากเมื่อนางตัดสินใจอะไรแล้ว นางก็จะไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆเขาพูดเบาๆ ว่า “ข้ารู้ แต่ข้าอยากขอโอกาสจากเจ้า ให้เราเริ่มต้นใหม่”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มจางๆ “การเริ่มต้นใหม่อาจจะใช้ได้กับคนอื่น แต่ใช้ไม่ได้กับข้า”“สำหรับข้าแล้ว คนที่เคยทำร้าย ข้าสามารถปล่อยวางได้ แต่จะไม่ให้อภัย”“ดังนั้นต่อไปท่านอ๋องไม่ต้องเสียเวลากับข้าอีก ข้าไม่คู่ควรให้ท่านอ๋องเสียเวลาด้วยหรอก”นางออกแรงอีกครั้งเพื่อจะดึงมือออกจากมือข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 762

    พูดถึงตรงนี้ปู๋เยี่ยโหวก็ยื่นนิ้วห้านิ้วมาทางจิ่งโม่เยี่ย “แค้นอะไรกันนักหนา! ไล่ตามมาตั้งห้าถนน!”เขาไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนทำ แต่ความหมายนั้นชัดเจนมากเขารู้ดีว่าทำไมจิ่งโม่เยี่ยถึงทำแบบนี้กับเขา ก็เพราะวันนี้เฟิ่งชูอิ่งขึ้นศาล จิ่งโม่เยี่ยก็เลยอยากแสดงตัวต่อหน้าเฟิ่งชูอิ่ง เลยแกล้งกักตัวเขาไว้ถ้าไม่ใช่วันนี้ฮองเฮาเกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน ทำให้เสียเวลาไป จิ่งโม่เยี่ยคงจะพาเฟิ่งชูอิ่งหนีไปแล้วจิ่งโม่เยี่ยพูดเสียงเรียบว่า “ทั้งหมดนี้เป็นเวรกรรมที่เจ้าก่อไว้เอง อย่าโทษคนอื่น”ปู๋เยี่ยโหวแค่นเสียงใส่เขาอย่างแรง ไม่สนใจเขาและหันไปพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ไปเถอะ ชูชู ไปที่จวนของข้ากัน!”“ข้าเตรียมของอร่อยๆ ไว้ให้เจ้าเยอะแยะ ของเล่นก็มีเพียบ รับรองว่าเจ้าจะอยู่สบาย กินอิ่มแน่นอน”เฟิ่งชูอิ่งตอบรับด้วยรอยยิ้ม “ตกลง”นางไม่แม้แต่จะมองจิ่งโม่เยี่ยแม้แต่ครั้งเดียวก็เดินตามปู๋เยี่ยโหวไปทันทีในตอนนั้น จิ่งโม่เยี่ยรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เฟิ่งชูอิ่งสนิทกับปู๋เยี่ยโหวมากกว่าเขามากนางอยู่ที่จวนนอกเมืองมานาน ย่อมต้องมีความรู้สึกดีๆ ให้กับปู๋เยี่ยโหวบ้างในตอนนั้น จิ่งโม่เยี่ยอยากจะปรี่เข้าไ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 763

    จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เขาสำนึกได้ว่าตนเองพูดผิดไป จึงพูดต่อว่า “ความรู้สึกที่ปู๋เยี่ยโหวมีต่อพระชายา แม้แต่คนตาบอดยังมองออก”“ท่านอ๋องให้ปู๋เยี่ยโหวพาพระชายาไปด้วย เขาคงไม่ประสงค์ดีแน่”จิ่งโม่เยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปช่วยไปพานางกลับมาเป็นอย่างไร”ฉินจื๋อเจี้ยน “...…”เรื่องที่แม้แต่จิ่งโม่เยี่ยยังทำไม่ได้ เขายิ่งทำไม่ได้เข้าไปใหญ่เขาจึงก้มหน้าด้วยความหดหู่ “ข้าน้อยผิดไปแล้ว”จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าเขาหวังดี เพียงแต่ใจร้อนเกินไป จึงพูดว่า “สักวันข้าจะพานางกลับจวนอ๋องให้ได้”ฉินจื๋อเจี้ยนคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยจะพาเฟิ่งชูอิ่งกลับมา จึงเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อย แถมยังให้ห้องครัวทำอาหารที่นางชอบมากมายเขาดูหดหู่และผิดหวังยิ่งกว่าจิ่งโม่เยี่ยเสียอีกอารมณ์ของจิ่งโม่เยี่ยก็ไม่ดีเช่นกัน หลังจากสั่งการเรื่องที่ต้องทำในคืนนี้เสร็จ เขาก็ยืนเหม่ออยู่หน้าโรงเก็บฟืนที่ถูกไฟไหม้ตั้งแต่เฟิ่งชูอิ่งเกิดเรื่อง เขาก็ไม่ได้ให้ใครมาทำความสะอาดที่นี่ ตอนนี้ยังคงเป็นสภาพที่ถูกไฟไหม้อยู่ทุกครั้งที่ถูกเฟิ่งชูอิ่งปฏิเสธ เขาก็จะมาอยู่ที่นี่ทุกครั้งที่เขามองซากปรักหักพัง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 764

    เหมยตงยวนมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ในใจเขาอีกฝ่ายก็เหมือนญาติคนหนึ่งส่วนเฟิ่งชูอิ่ง ถึงแม้จะไม่มีความสัมพันธ์รักใคร่แบบชายหญิง แต่ก็มีความเป็นสหายต่อกันก่อนหน้านี้ปู๋เยี่ยโหวสถานการณ์ย่ำแย่มาก ชื่อเสียงก็เหลวแหลก เขาแทบจะไม่มีเพื่อนในเมืองหลวงตอนนี้เขามีญาติและสหายแล้ว ปีใหม่ครั้งนี้ก็เลยค่อนข้างจะไม่ธรรมดาดังนั้นตอนนี้เขาจึงอารมณ์ดีมาก เขาสามารถฉลองปีใหม่เหมือนคนปกติได้เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางตื่นเต้นของเขาก็อดขำไม่ได้ ปู๋เยี่ยโหวแบบนี้ดูเหมือนเด็กที่ตั้งตารอปีใหม่เลยนี่เป็นปีใหม่ครั้งแรกของนางหลังจากมาที่โลกใบนี้ นางก็ตั้งตารอเช่นกันปู๋เยี่ยโหวได้เตรียมตัวสำหรับปีใหม่มาสักพักแล้ว จวนตากอากาศได้เตรียมวัตถุดิบมากมายไว้แล้วเขาเป็นคนที่รู้จักใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า พ่อครัวแม่ครัวในจวนตากอากาศต่างก็มีฝีมือดีเยี่ยมพอตกเย็น เขาก็สั่งให้พ่อครัวทำอาหารมากมายเฟิ่งชูอิ่งถึงแม้จะเล่นสนุกอยู่ในคุก แต่อาหารที่นั่นย่อมแย่กว่าอยู่บ้างนางก็ถือว่ากินแบบเรียบง่ายมาหลายวัน พอได้กินอาหารอร่อยๆ ตอนนี้ก็รู้สึกสบายทั้งกายสบายทั้งใจแต่ความสุขของนางอยู่ได้ไม่นานก็ถูกคนทำลายลงพูดให้ถูกคือไ

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status