Share

บทที่ 756

Author: ดอกถังร่วงหล่น
last update Last Updated: 2024-11-10 18:00:01
เมื่อมหาราชครูได้ยินบทสนทนาระหว่างฮองเฮากับเฟิ่งชูอิ่ง เขาก็ขมวดคิ้วแน่นทันที เพราะฮองเฮาแทบจะตกเป็นรองเฟิ่งชูอิ่งอยู่ตลอด

ถ้าเขาไม่เข้าไปแทรกแซง ฮองเฮาต้องแพ้แน่

ทันใดนั้น เขาก็เอ่ยเสียงเข้มว่า “พระสนมสวี่เป็นฮองเฮาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน นางประพฤติผิดในกาม ลักลอบมีชู้แล้วยังแอบตั้งครรภ์ นี่ถือเป็นการไม่เคารพต่อฮ่องเต้พระองค์ก่อน”

“เพื่อรักษาเกียรติของราชวงศ์ จับพระสนมสวี่ไปประหารเดี๋ยวนี้!”

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีทหารวิ่งเข้าหาพระสนมสวี่

แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ถูกทหารของจิ่งโม่เยี่ยขวางไว้

ทั้งสองฝ่ายชักกระบี่ออกมา บรรยากาศตึงเครียดขึ้นในทันที

ผู้ว่าราชการแทบจะตกใจตาย รีบเข้ามาไกล่เกลี่ย “ท่านอ๋อง ท่านมหาราชครู ใกล้วันปีใหม่แล้ว มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกันเถอะ”

“กระบี่ไม่มีตา อย่าให้เกิดการบาดเจ็บเลย”

มหาราชครูมองไปที่จิ่งโม่เยี่ยแล้วถามว่า “ท่านอ๋องจะปกป้องหญิงแพศยานี่หรือ?”

จิ่งโม่เยี่ยพูดอย่างใจเย็นว่า “ตามกฎหมายของราชวงศ์เรา หากมีผู้ใดล่วงประเวณี ทั้งชายและหญิงจะต้องได้รับโทษเท่าเทียมกัน”

“เมื่อครู่พระสนมสวี่บอกว่าชู้ของนางคือฮ่องเต้เจาหยวน ท่านมหาราชครูอยากประหารทั้งชายและหญิ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 757

    ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกคู่นี้จะเลวร้ายเพียงใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าพวกเขาเป็นแม่ลูกกันได้เสนาบดีฝ่ายซ้ายที่เงียบอยู่นาน เอ่ยถามอย่างใจเย็นว่า “ขอถามพระสนมสวี่ สิ่งที่ท่านเรียกว่าความลับเหล่านั้นหมายถึงอะไร”พระสนมสวี่มองเสนาบดีฝ่ายซ้าย แล้วยื่นกระดาษออกมาจากอกเสื้อ พูดเสียงดังว่า “แน่นอนว่าเป็นสิ่งเหล่านี้!”“นี่คือรายละเอียดการกระทำของตระกูลมหาราชครูที่แสวงหาผลประโยชน์ ฆ่าคน ยึดครองทรัพย์สินของประชาชน และข่มขู่ขุนนางในราชสำนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งหลักฐานและพยาน”เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางก็หันมองไปที่ผู้ว่าราชการ “ข้าต้องการฟ้องมหาราชครู!”นางต่อสู้กับฮองเฮามาหลายปี ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากความแตกต่างทางสถานะ นางจึงถูกฮองเฮากดขี่อยู่เสมอฮองเฮามีครอบครัวที่ทรงอำนาจคอยหนุนหลัง ส่วนครอบครัวของนางถูกทำลายไปหมดแล้วเมื่อหลายปีก่อนและฮ่องเต้เจาหยวนก็เตือนนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าไปหาเรื่องฮองเฮา เพราะมันจะทำให้เขาลำบากใจไปด้วยในตอนนั้นพระสนมสวี่รักฮ่องเต้เจาหยวนมาก จึงเชื่อฟังเขาทุกอย่างแต่นางก็ยังแค้นใจ จึงแอบรวบรวมหลักฐานของมหาราชครูอยู่เงียบๆนางมี

    Last Updated : 2024-11-11
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 758

    สีหน้าของเฟิ่งชูอิ่งก็เปลี่ยนไปเช่นกัน หากเขาจะปิดเมือง ตอนนี้นางจะกลับออกไปได้อย่างไร?ในใจนางรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าการตัดสินใจของจิ่งโม่เยี่ยเป็นเพราะเรื่องส่วนตัว หรือเพราะคำฟ้องนั้นมีอานุภาพร้ายแรงกันแน่?เดิมทีนางก็อยู่ข้างๆ เขาอยู่แล้ว ตอนนี้ก็เลยขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้นอีกหน่อย เหลือบมองเนื้อหาข้างบนเอกสาร จากนั้นนางก็ขยับไปยืนด้านข้างเหมือนเดิมเอาเถอะ ช่วงเวลานี้เขาปิดเมืองตรวจสอบ ถือว่าจำเป็นอย่างยิ่งเพียงแต่นางแย่แล้วล่ะ ตอนนี้แม้แต่ออกไปข้างนอกก็ออกไปไม่ได้มหาราชครูและฮองเฮาเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปมหาราชครูกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พระสนมสวี่เพ้อเจ้อ นางไม่ถูกกับฮองเฮามาโดยตลอด เกรงว่าจะใส่ร้ายป้ายสี!”แม้เขาจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจกลับไม่มั่นใจนักเพราะเขารู้ดีว่าตลอดหลายปีมานี้ เขาได้ทำอะไรลงไปบ้างเขาก็ไม่รู้ว่าคำฟ้องของพระสนมสวี่เขียนอะไรไว้เขาอยากจะแย่งคำฟ้องนั้นมา แต่คำฟ้องอยู่ในมือของจิ่งโม่เยี่ย เขาไม่คิดว่าตนเองจะมีความสามารถเช่นนั้นจิ่งโม่เยี่ยกล่าวกับมหาราชครูว่า “ใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่ ตรวจสอบดูก็รู้”“ข้าให้ความเคารพมหาราชครูมาโดยตลอ

    Last Updated : 2024-11-11
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 759

    ฮองเฮาอยากจะกลับไปฉีกหน้าพระสนมสวี่ใจจะขาด แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้พระสนมสวี่เห็นท่าทางฮองเฮาก็หัวเราะชอบใจ คิดว่าจิ่งโม่เยี่ยก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้างหลังจากฮองเฮาและมหาราชครูเดินไปไกลแล้ว พระสนมสวี่ก็พูดกับจิ่งโม่เยี่ยว่า "ถ้าเจ้าฆ่าเฟิ่งชูอิ่งนังตัวร้ายนี่ได้ ต่อไปข้าก็ยังเป็นแม่ของเจ้าเหมือนเดิม"จิ่งโม่เยี่ยได้ยินก็หัวเราะ "เจ้ากล้าพูดแบบนี้กับข้าได้อย่างไร?""ตอนข้ายังเด็ก เจ้าพูดแบบนี้อาจจะทำให้ข้าหวั่นไหวได้บ้าง แต่ตอนนี้ข้าฟังแล้วรู้สึกขำมากกว่า"พระสนมสวี่มองไปที่จิ่งโม่เยี่ย เขาไม่ใช่เด็กน้อยที่ค่อยแต่จ้องมองนางอย่างที่นางจำได้อีกต่อไปแล้วตอนนี้เขาเติบโตเป็นหนุ่มรูปงามสง่านี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่นางได้มองจิ่งโม่เยี่ยอย่างจริงจัง และเพิ่งสังเกตว่าเขามีเค้าโครงหน้าเหมือนฮ่องเต้องค์ก่อนมากขึ้นแต่จิตวิญญาณในดวงตากลับคล้ายนางอยู่บ้าง ทำให้ดูมีอารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้งอยู่บ้างนางเพิ่งค้นพบว่าจิ่งโม่เยี่ยไม่เพียงแต่สุขภาพแข็งแรงกว่าองค์ชายสิบสามเท่านั้น แต่ความสามารถและรูปร่างหน้าตาก็ดีกว่ามากด้วยไม่ว่าจะด้านไหน จิ่งโม่เยี่ยก็เหนือกว่าองค์ชายสิบสามอยู่มากนางรู

    Last Updated : 2024-11-11
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 760

    เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของพระสนมสวี่แบบนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดเสียงดังว่า “หากวันใดพระสนมสวี่เปลี่ยนใจ ก็สามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”พอพระสนมสวี่ได้ยินคำนี้ ก็ยิ่งมั่นใจว่าเฟิ่งชูอิ่งรู้เรื่องระหว่างนางกับเทียนซือนางแค่นเสียงฮึดฮัด ไม่หันหลังกลับไปมองเฟิ่งชูอิ่งนานๆ ทีอยากทำความดี พระสนมสวี่กลับไม่ให้โอกาสนาง นางก็รู้สึกเสียดายอยู่บ้างณ เวลานี้ ผู้คนในจวนผู้ว่าราชการก็เริ่มสลายตัวไปเสนาบดีฝ่ายซ้ายเดินมาข้างๆ เฟิ่งชูอิ่งแล้วพูดว่า “วันนี้ข้าช่วยเหลือเจ้าแล้วนะ”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วพูดว่า “ข้อขอให้ท่านช่วยหรือ?”เสนาบดีฝ่ายซ้าย “......”เขารู้สึกว่านิสัยแบบนี้ของนางไม่เป็นที่ชื่นชอบจริงๆเขามองนางแล้วพูดว่า “การเป็นคนต้องรู้จักตอบแทนกัน เจ้าไม่ได้ขอให้ช่วยก็จริง แต่ข้าช่วยเจ้าเอง เจ้าก็ช่วยข้าสักครั้งได้หรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่งกำลังจะพูด จิ่งโม่เยี่ยก็คว้ามือของนางไว้แล้วพูดว่า “ในเมืองหลวงอันตราย เจ้ากลับจวนกับข้าก่อนเถอะ”“ส่วนเรื่องของเสนาบดีฝ่ายซ้าย ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร รออีกสักพักค่อยจัดการก็ได้”ตอนที่เฟิ่งชูอิ่งหลอกเสนาบดีฝ่ายซ้าย จิ่งโม่เยี่ยบังเอิญอยู่ที่นั่นพอ

    Last Updated : 2024-11-11
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 761

    ความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามาในใจนางในชั่วพริบตานั้น นางจึงตัดสินใจพูดความจริงออกมา “ท่านอ๋อง ตั้งแต่วินาทีที่ท่านผลักข้าตกลงมาจากกำแพง ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็จบลงแล้ว”“ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจาคลุมเครือเช่นนี้กับข้า ข้าไม่หลงกลหรอก”ผู้ว่าราชการแห่งเมืองหลวงที่กำลังจะออกไปได้ยินประโยคนี้ก็หูผึ่งขึ้นมาทันทีเขาทั้งกลัวที่จะได้ยินและอยากรู้อยากเห็นอย่างมากเขารู้สึกว่าวันนี้เขาได้ยินความลับมากพอแล้ว คงไม่เป็นไรที่จะได้ยินเพิ่มอีกสักหน่อย...สายตาของจิ่งโม่เยี่ยหรี่ลงเล็กน้อย เขาก็พอจะเข้าใจนิสัยของนาง นางดูเหมือนจะร่าเริงแจ่มใสทุกวัน แต่จริงๆ แล้วนางมีความคิดเป็นของตัวเองอย่างมากเมื่อนางตัดสินใจอะไรแล้ว นางก็จะไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆเขาพูดเบาๆ ว่า “ข้ารู้ แต่ข้าอยากขอโอกาสจากเจ้า ให้เราเริ่มต้นใหม่”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มจางๆ “การเริ่มต้นใหม่อาจจะใช้ได้กับคนอื่น แต่ใช้ไม่ได้กับข้า”“สำหรับข้าแล้ว คนที่เคยทำร้าย ข้าสามารถปล่อยวางได้ แต่จะไม่ให้อภัย”“ดังนั้นต่อไปท่านอ๋องไม่ต้องเสียเวลากับข้าอีก ข้าไม่คู่ควรให้ท่านอ๋องเสียเวลาด้วยหรอก”นางออกแรงอีกครั้งเพื่อจะดึงมือออกจากมือข

    Last Updated : 2024-11-12
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 762

    พูดถึงตรงนี้ปู๋เยี่ยโหวก็ยื่นนิ้วห้านิ้วมาทางจิ่งโม่เยี่ย “แค้นอะไรกันนักหนา! ไล่ตามมาตั้งห้าถนน!”เขาไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนทำ แต่ความหมายนั้นชัดเจนมากเขารู้ดีว่าทำไมจิ่งโม่เยี่ยถึงทำแบบนี้กับเขา ก็เพราะวันนี้เฟิ่งชูอิ่งขึ้นศาล จิ่งโม่เยี่ยก็เลยอยากแสดงตัวต่อหน้าเฟิ่งชูอิ่ง เลยแกล้งกักตัวเขาไว้ถ้าไม่ใช่วันนี้ฮองเฮาเกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน ทำให้เสียเวลาไป จิ่งโม่เยี่ยคงจะพาเฟิ่งชูอิ่งหนีไปแล้วจิ่งโม่เยี่ยพูดเสียงเรียบว่า “ทั้งหมดนี้เป็นเวรกรรมที่เจ้าก่อไว้เอง อย่าโทษคนอื่น”ปู๋เยี่ยโหวแค่นเสียงใส่เขาอย่างแรง ไม่สนใจเขาและหันไปพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ไปเถอะ ชูชู ไปที่จวนของข้ากัน!”“ข้าเตรียมของอร่อยๆ ไว้ให้เจ้าเยอะแยะ ของเล่นก็มีเพียบ รับรองว่าเจ้าจะอยู่สบาย กินอิ่มแน่นอน”เฟิ่งชูอิ่งตอบรับด้วยรอยยิ้ม “ตกลง”นางไม่แม้แต่จะมองจิ่งโม่เยี่ยแม้แต่ครั้งเดียวก็เดินตามปู๋เยี่ยโหวไปทันทีในตอนนั้น จิ่งโม่เยี่ยรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เฟิ่งชูอิ่งสนิทกับปู๋เยี่ยโหวมากกว่าเขามากนางอยู่ที่จวนนอกเมืองมานาน ย่อมต้องมีความรู้สึกดีๆ ให้กับปู๋เยี่ยโหวบ้างในตอนนั้น จิ่งโม่เยี่ยอยากจะปรี่เข้าไ

    Last Updated : 2024-11-12
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 763

    จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เขาสำนึกได้ว่าตนเองพูดผิดไป จึงพูดต่อว่า “ความรู้สึกที่ปู๋เยี่ยโหวมีต่อพระชายา แม้แต่คนตาบอดยังมองออก”“ท่านอ๋องให้ปู๋เยี่ยโหวพาพระชายาไปด้วย เขาคงไม่ประสงค์ดีแน่”จิ่งโม่เยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปช่วยไปพานางกลับมาเป็นอย่างไร”ฉินจื๋อเจี้ยน “...…”เรื่องที่แม้แต่จิ่งโม่เยี่ยยังทำไม่ได้ เขายิ่งทำไม่ได้เข้าไปใหญ่เขาจึงก้มหน้าด้วยความหดหู่ “ข้าน้อยผิดไปแล้ว”จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าเขาหวังดี เพียงแต่ใจร้อนเกินไป จึงพูดว่า “สักวันข้าจะพานางกลับจวนอ๋องให้ได้”ฉินจื๋อเจี้ยนคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยจะพาเฟิ่งชูอิ่งกลับมา จึงเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อย แถมยังให้ห้องครัวทำอาหารที่นางชอบมากมายเขาดูหดหู่และผิดหวังยิ่งกว่าจิ่งโม่เยี่ยเสียอีกอารมณ์ของจิ่งโม่เยี่ยก็ไม่ดีเช่นกัน หลังจากสั่งการเรื่องที่ต้องทำในคืนนี้เสร็จ เขาก็ยืนเหม่ออยู่หน้าโรงเก็บฟืนที่ถูกไฟไหม้ตั้งแต่เฟิ่งชูอิ่งเกิดเรื่อง เขาก็ไม่ได้ให้ใครมาทำความสะอาดที่นี่ ตอนนี้ยังคงเป็นสภาพที่ถูกไฟไหม้อยู่ทุกครั้งที่ถูกเฟิ่งชูอิ่งปฏิเสธ เขาก็จะมาอยู่ที่นี่ทุกครั้งที่เขามองซากปรักหักพัง

    Last Updated : 2024-11-12
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 764

    เหมยตงยวนมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ในใจเขาอีกฝ่ายก็เหมือนญาติคนหนึ่งส่วนเฟิ่งชูอิ่ง ถึงแม้จะไม่มีความสัมพันธ์รักใคร่แบบชายหญิง แต่ก็มีความเป็นสหายต่อกันก่อนหน้านี้ปู๋เยี่ยโหวสถานการณ์ย่ำแย่มาก ชื่อเสียงก็เหลวแหลก เขาแทบจะไม่มีเพื่อนในเมืองหลวงตอนนี้เขามีญาติและสหายแล้ว ปีใหม่ครั้งนี้ก็เลยค่อนข้างจะไม่ธรรมดาดังนั้นตอนนี้เขาจึงอารมณ์ดีมาก เขาสามารถฉลองปีใหม่เหมือนคนปกติได้เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางตื่นเต้นของเขาก็อดขำไม่ได้ ปู๋เยี่ยโหวแบบนี้ดูเหมือนเด็กที่ตั้งตารอปีใหม่เลยนี่เป็นปีใหม่ครั้งแรกของนางหลังจากมาที่โลกใบนี้ นางก็ตั้งตารอเช่นกันปู๋เยี่ยโหวได้เตรียมตัวสำหรับปีใหม่มาสักพักแล้ว จวนตากอากาศได้เตรียมวัตถุดิบมากมายไว้แล้วเขาเป็นคนที่รู้จักใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า พ่อครัวแม่ครัวในจวนตากอากาศต่างก็มีฝีมือดีเยี่ยมพอตกเย็น เขาก็สั่งให้พ่อครัวทำอาหารมากมายเฟิ่งชูอิ่งถึงแม้จะเล่นสนุกอยู่ในคุก แต่อาหารที่นั่นย่อมแย่กว่าอยู่บ้างนางก็ถือว่ากินแบบเรียบง่ายมาหลายวัน พอได้กินอาหารอร่อยๆ ตอนนี้ก็รู้สึกสบายทั้งกายสบายทั้งใจแต่ความสุขของนางอยู่ได้ไม่นานก็ถูกคนทำลายลงพูดให้ถูกคือไ

    Last Updated : 2024-11-12

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 946

    จิ่งสือเฟิงนอนกลัดกลุ้มอยู่บนพื้นแล้วจะทำอย่างไรต่อดี?ถึงแม้เขาจะหลุดพ้นจากกระจกปราบปีศาจที่ประตูเมืองได้ และย้อนกลับไปแจ้งข่าวเฟิ่งชูอิ่งก็ไม่ทันการณ์แล้วเพราะเขาเห็นจิ่งสือเยี่ยนคุยกับแม่ทัพผู้รักษาประตูเมืองเพียงไม่กี่คำ ก็สามารถเดินออกจากเมืองหลวงไปได้อย่างผ่าเผยจิ่งสือเฟิงเห็นท่าทางแบบนั้นของจิ่งสือเยี่ยนก็แอบสบถในใจและในขณะนี้เอง เขาก็รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างเขากับจิ่งสือเยี่ยนก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขารวบรวมผู้คนได้มากมาย เขาเก่งกาจมากแต่ไม่มีใครในกลุ่มคนเหล่านั้นสามารถพาเขาออกจากเมืองหลวงได้เลยเมื่อเทียบกับจิ่งสือเยี่ยน จิ่งสือเฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองโง่จริงๆ เพราะคนที่เขาซื้อตัวมานั้นไม่สามารถทำงานเป็นระบบแบบแผนเหมือนคนของจิ่งสือเยี่ยนไม่ว่าจิ่งสือเยี่ยนจะทำอะไร ก็มีคนที่สามารถใช้งานได้ตลอดจิ่งสือเฟิงก็เป็นองค์ชาย รู้ว่ากว่าจะทำได้ถึงขั้นนี้มันยากขนาดไหนเพราะการซื้อตัวขุนนางที่มีอำนาจสูงต่ำต่างกัน ต้องใช้ความพยายามที่แตกต่างกันด้วยหากจะให้สรุปง่ายๆ คือเขาไม่มีปัญญาทำเฟิ่งชูอิ่งติดยันต์ไว้บนตัวจิ่งสือเฟิง ตอนที่เขาถูกกระจกปราบปีศาจสะกด นางก็รู้สึกได้ทันที

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 945

    ต้องออกจากเมืองหลวงให้ได้ เขาถึงจะปลอดภัยอย่างแท้จริงกองกำลังของเขายังต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงเมืองหลวง ตอนนี้เขาต้องออกจากเมืองหลวงไปสมทบกับพวกเขาตราบใดที่พวกเขารวมตัวกันได้ เขาก็จะปลอดภัยเพียงแต่เรื่องนี้ พูดง่าย แต่ทำได้ยากเพราะอีกไม่นานจิ่งโม่เยี่ยก็จะรู้ตัวว่าเขาหนีออกมาแล้ว จากนั้นก็จะส่งทหารมาตามล่าเขาดังนั้นเขาต้องรีบออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด!วันนี้ตอนที่เขาเข้าวัง เขาได้เตรียมการมาอย่างรอบคอบ เขากลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น ดังนั้นจึงให้ทหารองครักษ์ของเขารอเขาอยู่นอกวังตอนนี้ทหารองครักษ์ของเขาตามหาเขาพบแล้ว เขาจึงออกคำสั่งว่า "ออกจากเมืองหลวง"ทหารองครักษ์ทำท่าลำบากใจแล้วรายงานว่า "ตอนที่ท่านอ๋องเข้าวัง พวกข้าได้ทำตามคำสั่งของท่านอ๋อง สืบดูสถานการณ์ในเมืองหลวงแล้ว""เป็นอย่างที่ท่านอ๋องคาดการณ์ไว้ อ๋องผู้สำเร็จราชการได้สั่งปิดประตูเมืองแล้ว""ตอนนี้ประตูเมืองปิดหมดทุกบาน พวกเราออกไปไม่ได้แล้ว"จิ่งสือเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ไม่เป็นไร ที่ประตูติ้งหวามีคนของข้าอยู่ พวกเราจะไปที่ประตูติ้งหวากัน"ทหารองครักษ์ตอบรับ แล้วรีบพาเขาไปทางนั้นพวกเขาไม่ท

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 944

    จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าเคยมุดนะ”ปู๋เยี่ยโหวนึกอยากจะเถียงว่าเขามุดรูหมาลอดตอนไหน แต่ก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเด็กๆ ได้ จึงเงียบปากลงทันทีจิ่งโม่เยี่ยพูดต่อ “ได้ยินว่าวันนี้เจ้าไปก่อเรื่องใหญ่ในวังหลวงอีกแล้ว?”พอเขาเข้าวัง ก็มีทหารมาเล่าเรื่องที่ศพฮ่องเต้เจาหยวนถูกทำลายจนแหลกละเอียดให้ฟังคนอื่นอาจจะโดนปู๋เยี่ยโหวหลอกได้ แต่จิ่งโม่เยี่ยไม่มีทางโดนหลอกแน่นอนเขารู้ว่าปู๋เยี่ยโหวต้องเป็นคนทำลายศพฮ่องเต้แน่ๆปู๋เยี่ยโหวเลิกคิ้ว “เรื่องนั้นข้าไม่ได้ทำจริงๆ เสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นพยานให้ข้าได้”จิ่งโม่เยี่ยได้แต่หัวเราะในใจกับคำพูดนี้ ใครบ้างไม่รู้จักนิสัยของปู๋เยี่ยโหวปู๋เยี่ยโหวก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเขา ตอนนี้ไม่มีใครอยู่รอบๆ ปู๋เยี่ยโหวจึงขยับเข้าไปใกล้เขาแล้วพูดว่า “ฮ่องเต้เจาหยวนยังไม่ตาย”จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขา ปู๋เยี่ยโหวจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบตอนแรกปู๋เยี่ยโหวคิดว่าฮ่องเต้เจาหยวนถูกผีสิง แต่เขาก็นึกถึงที่เฟิ่งชูอิ่งเคยบอกว่าวิญญาณร้ายเข้าวังหลวงไม่ได้ดังนั้น ตอนที่ฮ่องเต้เจาหยวนดีดตัวลุกขึ้นมานั่งในโลงศพ คงต้องมีแผนการบางอย่างแน่แต่ฮ่อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 943

    เฟิ่งชูอิ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป “ไม่เห็นจะปัญญาอ่อนเลย ข้าว่าเขาเป็นแบบนี้น่ารักจะตาย”เหมยตงยวนกลอกตาไปมา เขามองไม่เห็นจริงๆ ว่าจิ่งโม่เยี่ยน่ารักตรงไหนเฟิ่งชูอิ่งเห็นสีหน้าของเขาจึงพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว ข้าว่าท่านพ่อพูดถูก เขาโง่จริงๆ นั่นแหละ”“ขนาดเดินยังไม่ถูกทางเลย ไม่โง่จะเรียกว่าอะไร?”มุมปากของเหมยตงยวนกระตุกเบาๆถึงแม้เขาจะรู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งพูดแบบนี้เพื่อปลอบใจเขา แต่มันก็ปิดกั้นความรู้สึกดีของเขาไม่ได้ลูกสาวของเขายังคงเอาใจใส่เขา คอยดูแลความรู้สึกของเขาในฐานะพ่อเสมอถึงแม้ว่าเหมยตงยวนจะรู้สึกว่าจิ่งโม่เยี่ยไม่คู่ควรกับลูกสาวของเขา แต่เขาก็พอจะยอมรับจิ่งโม่เยี่ยได้อย่างมากที่สุดก็คือตอนที่จิ่งโม่เยี่ยทำไม่ดีกับเฟิ่งชูอิ่งในอนาคต เขาจะไปซ้อมจิ่งโม่เยี่ยให้หนักเองเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “มืดแล้ว เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”วันนี้นางใช้พลังทำนายมากเกินไป ร่างกายจึงอ่อนล้า ต้องพักผ่อนให้เพียงพอตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกมึนหัวจริงๆ นางเดินโซเซกลับไปที่ห้องของตัวเองแต่เมื่อนางกลับมาที่ห้อง นางกลับพบว่าตัวเองนอนไม่หลับไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 942

    แววตาของจิ่งโม่เยี่ยเยือกเย็นลงในทันที พร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขาเขาไม่ได้ยึดติดกับบัลลังก์ แต่ตอนนี้เขาต้องการมีชีวิตอยู่เขาต้องมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น ถึงจะสามารถอยู่เคียงข้างเฟิ่งชูอิ่งได้เพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างนาง เขาสามารถทำทุกอย่างได้เดิมทีเขาไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าจิ่งสือเยี่ยน แต่ในวินาทีนี้ เขากลับรู้สึกว่าจิ่งสือเยี่ยนสมควรตายได้แล้วเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ข้าจะกลับเข้าวังก่อน”กลับไปเพื่อฆ่าจิ่งสือเยี่ยนแต่เหมยตงยวนกลับรั้งเขาไว้ว่า “เจ้าช้าก่อน”จิ่งโม่เยี่ยหันไปมองเขา เหมยตงยวนจึงยื่นกระบี่ในมือให้เขา “ใช้สิ่งนี้ไปฆ่าจิ่งสือเยี่ยน”จิ่งโม่เยี่ยค่อนข้างงุนงง เหมยตงยวนอธิบายว่า “กระบี่เกล็ดน้ำค้างเหมันต์ของเจ้าถึงแม้จะคมกริบ แต่เจ้าหล่อเลี้ยงมันด้วยจิตสังหารมามากเกินไปในช่วงหลายปีมานี้”“จิตสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ เมื่อชักกระบี่ออกมา แท้จริงแล้วคนที่ได้รับความเสียหายที่สุดคือตัวเจ้าเอง มันจะส่งผลต่อโชคชะตาของเจ้า”“สำหรับเจ้าในอดีต จิตสังหารเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลเสียอะไร แต่ตอนนี้โชคชะตาของเจ้ากำลังเฟื่องฟู หากจิตสังหารหนักเกินไป มันจะส่งผลกระทบต่อโชคช

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 941

    เหมยตงยวนตอบสนองอย่างรวดเร็ว หลบสายฟ้าที่ฟาดลงมาสายนั้นได้สายฟ้านั้นเหมือนจะค้นพบอะไรบางอย่าง จึงพุ่งเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่งเหมยตงยวนกลัวว่าเฟิ่งชูอิ่งจะได้รับบาดเจ็บ จึงรีบระงับพลังแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ทำให้เฟิ่งชูอิ่งและจิ่งโม่เยี่ยตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเฟิ่งชูอิ่งนึกถึงวันที่นางได้พบกับเหมยตงยวนครั้งแรก เขาก็มาพร้อมกับอสนีบาตจากฟากฟ้าเช่นนี้แต่วันนั้นเขาหาตัวแทนรับเคราะห์ สายฟ้าจึงไม่ได้ฟาดลงมาที่เขาเมื่อครู่เขาคำนวณอะไรบางอย่าง จึงไปรบกวนพลังแห่งสวรรค์ ทำให้สวรรค์ตามล่าเขาอีกครั้ง ใช้สายฟ้าฟาดใส่เขาโดยตรงเฟิ่งชูอิ่งหันไปมองจิ่งโม่เยี่ยแล้วพูดว่า "เรื่องนี้ดูท่าจะใหญ่โตเอาการ"จิ่งโม่เยี่ยถามว่า "ท่านพ่อจะเป็นอะไรไหม?"เฟิ่งชูอิ่งมองเขาแล้วพูดว่า "ถ้าท่านพ่อเป็นอะไรไป ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!"จิ่งโม่เยี่ย “......”ข้อเท็จจริงพิสูจน์แล้วว่าความกังวลของเฟิ่งชูอิ่งนั้นมากเกินไป เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เหมยตงยวนก็กลับมาเพียงแต่อีกฟากฝั่งของเมือง ที่นั่นมีเสียงฟ้าร้องดังสนั่นเฟิ่งชูอิ่งเห็นเขาก็ถามทันทีว่า "ท่านพ่อ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้า

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 940

    ครู่ต่อมา นางก็เอาหัวโขกโต๊ะอีกครั้งเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”เอาเถอะ นางยอมแพ้แล้ว!นางสูดน้ำมูกพลางพูดว่า “สวรรค์ช่างน่าเบื่อจริงๆ จงใจกลั่นแกล้งคนชัดๆ!”จิ่งโม่เยี่ยเห็นก้อนบวมสองก้อนบนหน้าผากของนางก็รู้สึกสงสารไม่ได้ “ให้ข้าทายาให้เถอะ”เฟิ่งชูอิ่งกลับพูดว่า “เรื่องทายาไม่รีบร้อนหรอก ขอข้าตั้งสติคิดก่อนว่าเรื่องบ้าๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”จิ่งโม่เยี่ยเห็นนางสบถออกมาก็รู้ว่าครั้งนี้นางโกรธจริงๆ จึงพูดว่า “งั้นข้าทายาให้พลางๆ เจ้าก็คิดไปพลางๆ แล้วกัน”ครั้งนี้เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ปฏิเสธเพียงแต่พอเขาเข้ามาใกล้ นางก็ได้กลิ่นกายของเขา หอมสดชื่นแต่ก็ยั่วยวนอย่างมากนางอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่ง ดวงตาและคิ้วของเขาเดิมทีก็งดงามอยู่แล้ว เป็นแบบที่นางชอบที่สุดตอนนี้เขาเข้ามาใกล้ ท่าทางที่ทายาให้นางนั้นดูตั้งใจมาก มองดูแล้วเห็นความรักที่ลึกซึ้งมากขึ้นหลายส่วนขนตาที่เป็นแพยาวและโค้งงอน ดวงตาสีดำสนิท มีเสน่ห์ที่ส่งผลต่อนางอย่างร้ายกาจเดิมทีสมองของนางก็มึนงงอยู่แล้ว พอเห็นท่าทางแบบนี้ของเขา หัวสมองของนางก็หยุดทำงานไปเลยคิดคำนวณอะไรกัน ดูหนุ่มหล่อไม่ดีกว่าหรือ?ดังนั้นนางจึงเลิกคำนวณแล้ว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 939

    ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร นั่งกินหม้อไฟกันเงียบๆเมื่อจิ่งโม่เยี่ยได้นั่งอยู่เคียงข้างนาง อันตรายจากการช่วงชิงอำนาจก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไปในค่ำคืนที่แสนพิเศษนี้ เพียงมีนางอยู่เคียงข้างเขา หัวใจของเขาก็สงบอย่างยิ่งทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไร แต่บรรยากาศอบอุ่นเป็นอย่างมากเฟิ่งชูอิ่งกำลังลวกเนื้อชิ้นหนึ่งเตรียมที่จะคีบให้จิ่งโม่เยี่ย ในขณะเดียวกันเขาก็คีบเนื้อที่เพิ่งลวกเสร็จใหม่ๆ ให้นางทั้งสองคนต่างชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มให้กัน กินเนื้อที่อีกฝ่ายคีบให้เฟิ่งชูอิ่งถามว่า “ท่านตั้งใจจะขึ้นครองราชย์เมื่อไหร่?”จิ่งโม่เยี่ยตอบว่า “กรมพิธีการกำลังวางแผนอยู่ สำนักโหรหลวงกำลังคำนวณฤกษ์งามยามดี…”พูดถึงตรงนี้เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ฤกษ์ที่สำนักโหรหลวงคำนวณออกมาอาจจะไม่แม่นยำเท่าเจ้า เจ้าช่วยคำนวณให้ข้าหน่อยได้ไหม”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาอย่างพินิจ จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นมาคำนวณครู่ต่อมาเลือดกำเดาของนางก็ไหลออกมาเฟิ่งชูอิ่ง “……”จิ่งโม่เยี่ย “……”เขารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางเฟิ่งชูอิ่งสบถออกมา “มันต้องขนาดนี้เลยหรือ!”นางรู้สึกหดหู่ใจจริงๆ นางแค่จะคำนวณดวงชะตาให้เขาเท่านั้น

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 938

    เหมยตงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาอย่างฉับพลัน เจ้าลูกหมานี่พูดจาแบบนี้ได้คล่องปากขึ้นทุกวันเฟิ่งชูอิ่งมองไปยังศาลาร่มรื่นที่เต็มไปด้วยวิญญาณร้าย นางรู้สึกว่าควรจะเตือนจิ่งโม่เยี่ยสักหน่อยนางจึงเปิดเนตรทิพย์ให้เขาอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นเขาก็เห็นเหมยตงยวนทำหน้าบึ้งตึง และเหล่าวิญญาณร้ายตนอื่นๆ ที่ทำหน้าเหมือนกำลังดูละครสนุกๆจิ่งโม่เยี่ย “......”อย่างที่คิดไว้จริงๆ เรื่องน่าตกใจมันมีอยู่ทุกที่เขาไอเบาๆ แล้วคำนับเหมยตงยวน “สวัสดี ท่านอาเหมย”เหมยตงยวนพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ข้าไม่กล้ารับคำนับจากฝ่าบาทหรอก”พลังแห่งฮ่องเต้ในตัวจิ่งโม่เยี่ยเข้มข้นขึ้นมากหลังจากผ่านคืนนี้ไปนั่นหมายความว่าการเข้าวังของเขาในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่นเพียงแต่ตอนนี้ดวงดาวของฮ่องเต้ยังไม่กลับมาประจำตำแหน่ง บัลลังก์ของเขายังไม่มั่นคงจิ่งโม่เยี่ยยิ้มแห้งๆ “ท่านอาเหมยอย่าล้อข้าเลย”“ตำแหน่งฮ่องเต้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการได้มา แต่การมีตำแหน่งนี้ช่วยให้ข้าทำหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างได้”เหมยตงยวนแค่นเสียง “ปากบอกว่าไม่ต้องการ แต่ความทะเยอทะยานมันเด่นชัดขนาดนั้น เจ้าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าจิ่งสือเยี่ยนนักหรอก”

DMCA.com Protection Status