Share

บทที่ 761

Author: ดอกถังร่วงหล่น
ความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามาในใจนางในชั่วพริบตานั้น นางจึงตัดสินใจพูดความจริงออกมา “ท่านอ๋อง ตั้งแต่วินาทีที่ท่านผลักข้าตกลงมาจากกำแพง ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็จบลงแล้ว”

“ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจาคลุมเครือเช่นนี้กับข้า ข้าไม่หลงกลหรอก”

ผู้ว่าราชการแห่งเมืองหลวงที่กำลังจะออกไปได้ยินประโยคนี้ก็หูผึ่งขึ้นมาทันที

เขาทั้งกลัวที่จะได้ยินและอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก

เขารู้สึกว่าวันนี้เขาได้ยินความลับมากพอแล้ว คงไม่เป็นไรที่จะได้ยินเพิ่มอีกสักหน่อย...

สายตาของจิ่งโม่เยี่ยหรี่ลงเล็กน้อย เขาก็พอจะเข้าใจนิสัยของนาง นางดูเหมือนจะร่าเริงแจ่มใสทุกวัน แต่จริงๆ แล้วนางมีความคิดเป็นของตัวเองอย่างมาก

เมื่อนางตัดสินใจอะไรแล้ว นางก็จะไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ

เขาพูดเบาๆ ว่า “ข้ารู้ แต่ข้าอยากขอโอกาสจากเจ้า ให้เราเริ่มต้นใหม่”

เฟิ่งชูอิ่งยิ้มจางๆ “การเริ่มต้นใหม่อาจจะใช้ได้กับคนอื่น แต่ใช้ไม่ได้กับข้า”

“สำหรับข้าแล้ว คนที่เคยทำร้าย ข้าสามารถปล่อยวางได้ แต่จะไม่ให้อภัย”

“ดังนั้นต่อไปท่านอ๋องไม่ต้องเสียเวลากับข้าอีก ข้าไม่คู่ควรให้ท่านอ๋องเสียเวลาด้วยหรอก”

นางออกแรงอีกครั้งเพื่อจะดึงมือออกจากมือข
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 762

    พูดถึงตรงนี้ปู๋เยี่ยโหวก็ยื่นนิ้วห้านิ้วมาทางจิ่งโม่เยี่ย “แค้นอะไรกันนักหนา! ไล่ตามมาตั้งห้าถนน!”เขาไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนทำ แต่ความหมายนั้นชัดเจนมากเขารู้ดีว่าทำไมจิ่งโม่เยี่ยถึงทำแบบนี้กับเขา ก็เพราะวันนี้เฟิ่งชูอิ่งขึ้นศาล จิ่งโม่เยี่ยก็เลยอยากแสดงตัวต่อหน้าเฟิ่งชูอิ่ง เลยแกล้งกักตัวเขาไว้ถ้าไม่ใช่วันนี้ฮองเฮาเกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน ทำให้เสียเวลาไป จิ่งโม่เยี่ยคงจะพาเฟิ่งชูอิ่งหนีไปแล้วจิ่งโม่เยี่ยพูดเสียงเรียบว่า “ทั้งหมดนี้เป็นเวรกรรมที่เจ้าก่อไว้เอง อย่าโทษคนอื่น”ปู๋เยี่ยโหวแค่นเสียงใส่เขาอย่างแรง ไม่สนใจเขาและหันไปพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ไปเถอะ ชูชู ไปที่จวนของข้ากัน!”“ข้าเตรียมของอร่อยๆ ไว้ให้เจ้าเยอะแยะ ของเล่นก็มีเพียบ รับรองว่าเจ้าจะอยู่สบาย กินอิ่มแน่นอน”เฟิ่งชูอิ่งตอบรับด้วยรอยยิ้ม “ตกลง”นางไม่แม้แต่จะมองจิ่งโม่เยี่ยแม้แต่ครั้งเดียวก็เดินตามปู๋เยี่ยโหวไปทันทีในตอนนั้น จิ่งโม่เยี่ยรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เฟิ่งชูอิ่งสนิทกับปู๋เยี่ยโหวมากกว่าเขามากนางอยู่ที่จวนนอกเมืองมานาน ย่อมต้องมีความรู้สึกดีๆ ให้กับปู๋เยี่ยโหวบ้างในตอนนั้น จิ่งโม่เยี่ยอยากจะปรี่เข้าไ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 763

    จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เขาสำนึกได้ว่าตนเองพูดผิดไป จึงพูดต่อว่า “ความรู้สึกที่ปู๋เยี่ยโหวมีต่อพระชายา แม้แต่คนตาบอดยังมองออก”“ท่านอ๋องให้ปู๋เยี่ยโหวพาพระชายาไปด้วย เขาคงไม่ประสงค์ดีแน่”จิ่งโม่เยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปช่วยไปพานางกลับมาเป็นอย่างไร”ฉินจื๋อเจี้ยน “...…”เรื่องที่แม้แต่จิ่งโม่เยี่ยยังทำไม่ได้ เขายิ่งทำไม่ได้เข้าไปใหญ่เขาจึงก้มหน้าด้วยความหดหู่ “ข้าน้อยผิดไปแล้ว”จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าเขาหวังดี เพียงแต่ใจร้อนเกินไป จึงพูดว่า “สักวันข้าจะพานางกลับจวนอ๋องให้ได้”ฉินจื๋อเจี้ยนคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยจะพาเฟิ่งชูอิ่งกลับมา จึงเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อย แถมยังให้ห้องครัวทำอาหารที่นางชอบมากมายเขาดูหดหู่และผิดหวังยิ่งกว่าจิ่งโม่เยี่ยเสียอีกอารมณ์ของจิ่งโม่เยี่ยก็ไม่ดีเช่นกัน หลังจากสั่งการเรื่องที่ต้องทำในคืนนี้เสร็จ เขาก็ยืนเหม่ออยู่หน้าโรงเก็บฟืนที่ถูกไฟไหม้ตั้งแต่เฟิ่งชูอิ่งเกิดเรื่อง เขาก็ไม่ได้ให้ใครมาทำความสะอาดที่นี่ ตอนนี้ยังคงเป็นสภาพที่ถูกไฟไหม้อยู่ทุกครั้งที่ถูกเฟิ่งชูอิ่งปฏิเสธ เขาก็จะมาอยู่ที่นี่ทุกครั้งที่เขามองซากปรักหักพัง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 764

    เหมยตงยวนมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ในใจเขาอีกฝ่ายก็เหมือนญาติคนหนึ่งส่วนเฟิ่งชูอิ่ง ถึงแม้จะไม่มีความสัมพันธ์รักใคร่แบบชายหญิง แต่ก็มีความเป็นสหายต่อกันก่อนหน้านี้ปู๋เยี่ยโหวสถานการณ์ย่ำแย่มาก ชื่อเสียงก็เหลวแหลก เขาแทบจะไม่มีเพื่อนในเมืองหลวงตอนนี้เขามีญาติและสหายแล้ว ปีใหม่ครั้งนี้ก็เลยค่อนข้างจะไม่ธรรมดาดังนั้นตอนนี้เขาจึงอารมณ์ดีมาก เขาสามารถฉลองปีใหม่เหมือนคนปกติได้เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางตื่นเต้นของเขาก็อดขำไม่ได้ ปู๋เยี่ยโหวแบบนี้ดูเหมือนเด็กที่ตั้งตารอปีใหม่เลยนี่เป็นปีใหม่ครั้งแรกของนางหลังจากมาที่โลกใบนี้ นางก็ตั้งตารอเช่นกันปู๋เยี่ยโหวได้เตรียมตัวสำหรับปีใหม่มาสักพักแล้ว จวนตากอากาศได้เตรียมวัตถุดิบมากมายไว้แล้วเขาเป็นคนที่รู้จักใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า พ่อครัวแม่ครัวในจวนตากอากาศต่างก็มีฝีมือดีเยี่ยมพอตกเย็น เขาก็สั่งให้พ่อครัวทำอาหารมากมายเฟิ่งชูอิ่งถึงแม้จะเล่นสนุกอยู่ในคุก แต่อาหารที่นั่นย่อมแย่กว่าอยู่บ้างนางก็ถือว่ากินแบบเรียบง่ายมาหลายวัน พอได้กินอาหารอร่อยๆ ตอนนี้ก็รู้สึกสบายทั้งกายสบายทั้งใจแต่ความสุขของนางอยู่ได้ไม่นานก็ถูกคนทำลายลงพูดให้ถูกคือไ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 765

    ปู๋เยี่ยโหวทำหน้ารังเกียจพลางพูดว่า “เจ้าก็เป็นถึงองค์ชาย กินข้าวให้เรียบร้อยหน่อยได้ไหม”เฟิ่งชูอิ่งเปิดตาทิพย์ให้เขา เขาจึงมองเห็นจิ่งสือเฟิงได้ตอนแรกที่ปู๋เยี่ยโหวเห็นเฉี่ยวหลิงก็ตกใจมากทีเดียว แต่หลังจากที่เขาเห็นวิญญาณร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ และอยู่ด้วยกันนานขึ้น ตอนนี้เขาก็เริ่มชินชาแล้วจิ่งสือเฟิงกวาดอาหารบนจานจนหมดเกลี้ยง แล้วมองไปที่ปู๋เยี่ยโหวพร้อมพูดว่า “เจ้าลองไม่กินอะไรสักหลายเดือนดูสิ”“ถ้าเจ้าทำได้แบบนั้น ข้าจะเรียกเจ้าว่าพ่อเลยก็ได้”ปู๋เยี่ยโหวทำหน้ารังเกียจพลางพูดว่า “เจ้ายังกล้าแช่งข้าในบ้านของข้าอีกนะ เชื่อไหมว่าข้าจะไล่ตะเพิดเจ้าออกไป”จิ่งสือเฟิงหดคอไม่กล้าเถียง แต่กลับจ้องมองเฟิ่งชูอิ่งตาแป๋วปู๋เยี่ยโหวเห็นแบบนี้ก็ทนดูไม่ได้จริงๆตอนที่จิ่งสือเฟิงยังมีชีวิตอยู่ เขาทั้งรักษาหน้าตาและหยิ่งยโส แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นแบบนี้ ดูแล้วก็น่าสงสารอยู่บ้างเฟิ่งชูอิ่งกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย พอเห็นท่าทางของจิ่งสือเฟิงก็กินไม่ลง จึงเซ่นอาหารให้เขาเพิ่มอีกหลายอย่างจิ่งสือเฟิงดีใจมาก เขาชมเฟิ่งชูอิ่งว่า “แม่นางเฟิงช่างเป็นคนสวยและใจดี เป็นคนดีจริงๆ!”เฟิ่งชูอิ่งอดไม่ได้ท

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 766

    เพราะตอนนี้จิ่งสือเฟิงไม่เหลืออะไรแล้วไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เรื่องต่อสู้ เขาสู้ไม่ได้แม้แต่ผีดุร้ายไร้ประโยชน์ที่อยู่ข้างๆ เฉี่ยวหลิง นับประสาอะไรกับเหมยตงยวนและเฉี่ยวหลิงเขาสูดจมูกเบาๆ รู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์จริงๆเฟิ่งชูอิ่งมองเขาแล้วพูดว่า "พอได้แล้ว อย่าทำหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากให้ข้าเห็น""กินเสร็จก็ไปไกลๆ อย่ามารบกวนข้ากินอาหาร"จิ่งสือเฟิงรีบพูดว่า "ขออีกสามอย่างได้ไหม?"เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางมองเขาอย่างเย็นชา เขาหดคอแล้วพูดว่า "สองอย่างก็ได้!"เฉี่ยวหลิงเดินเข้ามา จับหูเขาแล้วลากออกไป ครั้งนี้แม้แต่อาหารในมือเขาก็รักษาไว้ไม่ได้ตอนที่เขากำลังถูกลากออกไป เขายังคงตะโกนว่า "อาหาร! อาหารของข้า!"เฟิ่งชูอิ่งแทบไม่อยากมองเขา!ปู๋เยี่ยโหวอดหัวเราะไม่ได้ "เขาก็มีวันนี้เหมือนกัน!"ตอนที่จิ่งสือเฟิงยังมีชีวิตอยู่ เขาอาศัยความเป็นโอรสฮองเฮา ทำตัวเย่อหยิ่งมาก ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาตอนนั้น เขาจึงได้กินอาหารชั้นเลิศแทบทุกวันแล้วดูตอนนี้สิ หลังจากตายไปแล้ว แม้แต่อาหารธรรมดาก็ยังกินไม่ได้เฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยความรู้สึกว่า "เขาก็สมควรโดนแล้วล่ะ"หลังจากพูดจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 767

    หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฟิ่งชูอิ่งจึงเอ่ยว่า “มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง คือข้าไม่ได้สนใจเจ้า ดังนั้นข้าจึงไม่สนใจเลยว่าเจ้าจะสกปรกหรือไม่”ปู๋เยี่ยโหว “......”เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “เจ้าอย่าพูดความจริงเลยดีกว่า ข้าให้โอกาสเจ้าพูดใหม่”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะเสียงดัง “ข้าพูดถูกทุกอย่าง!”ปู๋เยี่ยโหวครางเสียงเบาๆ “เจ้าพูดผิด เจ้าต้องดื่มสามจอก”วันนี้เฟิ่งชูอิ่งอารมณ์ดี จึงเอ่ยว่า “ได้ ดื่มก็ดื่ม”เหมยตงยวนมองดูพวกเขาหยอกล้อกันอยู่ข้างๆ โดยไม่เข้าไปยุ่งเฟิ่งชูอิ่งอยู่ในคุกมาหลายวัน คุกทั้งชื้นและเย็น การดื่มเหล้าในตอนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของนางเขามองออกถึงความรู้สึกของปู๋เยี่ยโหวที่มีต่อเฟิ่งชูอิ่ง และทั้งสองคนก็มีความเข้าใจกันอย่างมากเขาแค่ต้องคอยดูอยู่ข้างๆ ไม่ให้ปู๋เยี่ยโหวเอาเปรียบเฟิ่งชูอิ่งก็พอเฟิ่งชูอิ่งคิดว่านางดื่มเก่ง เพราะก่อนที่นางจะข้ามมิติเวลามา นางสามารถดื่มได้เป็นพันจอกโดยไม่เมาแต่หลังจากที่นางดื่มไปหนึ่งจอกในวันนี้ นางก็รู้ว่าตนเองคิดผิดนางมองไปที่ปู๋เยี่ยโหวซึ่งเห็นเป็นภาพซ้อนเบื้องหน้า นางจึงสะบัดหัวเบาๆ แล้วขยี้ตานางพูดด้วยความสับส

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 768

    หลังจากมหาราชครูกลับเข้าจวน จวนมหาราชครูก็ถูกกองกำลังทหารล้อมไว้หมด แม้กระทั่งยุงตัวเดียวก็บินออกไปไม่ได้เมื่อมหาราชครูกลับถึงจวน เขาก็รู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก แผนการที่วางไว้เป็นอย่างดีกลับมีปัญหาเกิดขึ้นหากเรื่องนี้จัดการไม่ดี จวนมหาราชครูอาจจะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงมหาราชครูรู้สึกไม่ยินยอมถึงแม้เขาจะไม่ได้เห็นฎีกาที่พระสนมสวี่ส่งให้จิ่งโม่เยี่ย แต่เขาก็รู้เรื่องบางเรื่องที่คนในจวนมหาราชครูทำโดยอาศัยชื่อเสียงของเขาก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แค่เป็นเรื่องของคนตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่มีความสำคัญ ถึงตายไปก็ไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะของจวนมหาราชครูแต่ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาคิดผิดเมื่อมีคนออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนตัวเล็กๆ เหล่านี้ ชีวิตและความตายของพวกเขาก็สามารถสั่นคลอนจวนมหาราชครูได้ในฐานะผู้นำความศรัทธาของเหล่านักปราชญ์ มหาราชครูรู้ดีว่าหากเรื่องนี้จัดการได้ไม่ดี จะสร้างความเสียหายได้มากเพียงใดในตอนนี้ เขาวางแผนอะไรต่อไปไม่ทันแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เป็นช่วงหยุดราชการเพื่อฉลองวันปีใหม่ เหล่าลูกศิษย์ของเขาส่วนใหญ่ก็กลับจวนไปฉลองปีใหม่แล้ว จึงไม่มีใคร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 769

    “ก็แหงละสิ พี่รองตายไปแล้ว ลูกของเขายังเด็กเกินกว่าจะแบกรับค้ำยันอะไรได้”“ในเวลานี้ การร่วมมือกับพี่ห้าถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุด”ฉินจื๋อเจี้ยนขมวดคิ้ว “พวกเขาร่วมมือกันแล้ว ครั้งนี้ที่ท่านมหาราชครูเกิดเรื่อง จิ่งสือเยี่ยนน่าจะให้ความช่วยเหลือเขา”“ถ้าจิ่งสือเยี่ยนเข้ามาแทรกแซง เรื่องนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก”จิ่งโม่เยี่ยเย้ยหยัน “จะมีปัญหายังไงกัน ก็แค่ฆ่าพวกมันทั้งหมด”ฉินจื๋อเจี้ยนถอนหายใจ “ถึงแม้ว่าการฆ่าพวกเขาจะลดปัญหาลงบ้าง แต่มันก็จะนำปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย”ตอนนี้จิ่งโม่เยี่ยเต็มไปด้วยความโกรธแค้น สิ่งที่เขาคิดในใจมีเพียงแค่ฆ่า ฆ่าและฆ่าแต่สติของเขาบอกว่าสิ่งที่ฉินจื๋อเจี้ยนพูดนั้นถูกต้อง การฆ่าคนเหล่านี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอย่างแท้จริงเขายับยั้งความปรารถนาที่จะฆ่า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “สิ่งที่อยู่ในคำฟ้องของพระสนมสวี่ไปตรวจสอบแล้วหรือยัง?”ฉินจื๋อเจี้ยนพยักหน้า “ตรวจสอบแล้ว ทุกอย่างเป็นความจริง”“เนื่องจากวันนี้เกิดเรื่องกะทันหัน และเราลงมืออย่างรวดเร็ว หลักฐานเหล่านั้นจึงยังอยู่”จิ่งโม่เยี่ยเย้ยหยัน “พระสนมสวี่ทำเรื่องดีๆ ได้สักที”คว

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status