แต่นางก็ยิ่งเกลียดชังฮองเฮามากกว่า เป็นนางแพศยาสารเลวคนนี้ที่แย่งเอาฮ่องเต้เจาหยวนไปจากนาง ทำให้นางไม่ได้เป็นฮองเฮาอีกต่อไปนางมองไปที่ฮองเฮาแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากทำอะไร แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าสมหวัง! ฮ่าๆๆๆ!”ฮองเฮามองเห็นสีหน้าบ้าคลั่งของพระสนมสวี่แล้วหัวเราะเบาๆ “ข้าแค่อยากจะเปิดโปงเรื่องน่าอับอายของเจ้าให้คนอื่นรู้เท่านั้น”“หลังจากฮ่องเต้สวรรคต เจ้าควรจะต้องฝังตัวเองไปด้วย!”“ที่ยังให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อ ก็เพราะว่ารัชทายาทในขณะนั้นยังเด็ก ต้องการการดูแลเอาใจใส่จากมารดา”“น่าเสียดายที่เจ้าลักลอบคบชู้ ทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้!”พระสนมสวี่เกลียดฮองเฮา ฮองเฮาก็เกลียดพระสนมสวี่เข้ากระดูกดำเช่นกันฮ่องเต้เจาหยวนไร้ความรู้สึก พระสนมในวังหลังไม่มีใครทำให้เขาหวั่นไหวได้เขาก็ยังปฏิบัติต่อพระสนมสวี่และพระสนมคนอื่นๆ แตกต่างกันบ้าง เขาจะเอาใจพระสนมสวี่ และหาวิธีทำให้พระสนมสวี่พอใจแล้วเขาก็ทำให้ฮองเฮาเสียหน้าหลายครั้งเพราะเรื่องของพระสนมสวี่ ซึ่งฮองเฮาก็จดจำหนี้แค้นไว้ในใจทั้งหมดพระสนมสวี่หัวเราะเสียงดัง “ใช่แล้ว เรื่องไร้ยางอายของข้า เจ้าก็ไม่ได้เพิ่งมารู้วันนี้เสียหน่อย”“ก่อ
ฮองเฮาพบว่าวันนี้พระสนมสวี่เป็นบ้าไปแล้ว นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?พระนางกัดฟันตรัสว่า “ตอนนี้เจ้าไม่รักษาภาพลักษณ์ของสตรีผู้สูงส่งแล้ว แต่ก่อนเจ้าก็คงไม่บริสุทธิ์หรอก อ๋องผู้สำเร็จราชการคงไม่ใช่โอรสของฮ่องเต้พระองค์ก่อนกระมัง?”พระสนมสวี่ได้ยินคำนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็เข้าใจความตั้งใจของฮองเฮาในทันทีนางหัวเราะออกมา “ใช่แล้ว จิ่งโม่เยี่ยไม่ใช่โอรสของฮ่องเต้องค์ก่อน แต่เป็นโอรสของฝ่าบาท”“ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ข้าก็มีสัมพันธ์ลับๆ กับฝ่าบาทแล้ว และให้กำเนิดจิ่งโม่เยี่ยกับฝ่าบาท”ฮองเฮา “......”ทุกคน “......”นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาควรฟังหรือ?พวกเขาคิดว่าวันนี้น่าตื่นเต้นพอแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมีอะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านี้อีกเดิมทีฮองเฮาต้องการใช้เรื่องที่พระสนมสวี่ตั้งครรภ์ มาตราหน้าพระสนมสวี่ว่าเป็นหญิงสำส่อน เพื่อให้ฐานะของจิ่งโม่เยี่ยมีปัญหาเขาจะไม่สามารถใช้อำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการแผ่นดินได้อีกต่อไป เพราะจะเป็นการใช้อำนาจแบบไม่ชอบธรรมแต่พระนางไม่คิดเลยว่าพระสนมสวี่จะพูดแบบนี้ถ้าจิ่งโม่เยี่ยเป็นลูกของฮ่องเต้เจาหยวนจริงๆ พระสนมสวี่คงไม่รังเกียจเขา
ถึงแม้ว่าพระสนมสวี่จะทำอะไรสุดโต่งไปบ้าง บางครั้งก็เหมือนคนบ้า แต่สมองกลับดีกว่าฮองเฮาสีหน้าของฮองเฮาค่อนข้างดูไม่ดี พระสนมสวี่พูดเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าคนมากมาย ก็เหมือนกับตบหน้านางฮองเฮาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไม่ซื่อสัตย์ก่อน เรื่องที่เจ้าพูดตอนนี้เชื่อถือไม่ได้แม้แต่น้อย!”พระสนมสวี่มองนางแล้วพูดว่า “คำพูดของข้าเชื่อถือไม่ได้? แล้วของเจ้าล่ะเชื่อถือได้หรือ?”“เพียงเพราะเจ้าเป็นฮองเฮาอย่างนั้นหรือ? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เจ้าทำเรื่องน่าอับอายมามากแค่ไหนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จำเป็นต้องแจกแจงออกมาทีละเรื่องเลยไหม?”ฮองเฮา “!!!!!”นางกับพระสนมสวี่ต่อสู้กันมาหลายปี ทั้งสองต่างรู้ความลับของกันและกันมากมายพวกนางเคยใช้ความลับเหล่านี้โจมตีกันและกัน และเคยใช้ความลับเหล่านี้หลอกให้อีกฝ่ายตกหลุมพราง ทำร้ายผู้บริสุทธิ์มากมายถ้าจะพูดว่าใครรู้จักพวกนางมากที่สุดในโลกนี้ แน่นอนว่าคือพวกนางเองฮองเฮากัดฟันแน่นแล้วพูดว่า “หุบปาก!”พระสนมสวี่หัวเราะเสียงดัง “ทำไม? เจ้ากลัวแล้วหรือ?”“เจ้ากลัวก็ถูกแล้ว! สิบสามตายไปแล้ว ข้าไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้วในโลกฝลนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าหรื
เมื่อมหาราชครูได้ยินบทสนทนาระหว่างฮองเฮากับเฟิ่งชูอิ่ง เขาก็ขมวดคิ้วแน่นทันที เพราะฮองเฮาแทบจะตกเป็นรองเฟิ่งชูอิ่งอยู่ตลอดถ้าเขาไม่เข้าไปแทรกแซง ฮองเฮาต้องแพ้แน่ทันใดนั้น เขาก็เอ่ยเสียงเข้มว่า “พระสนมสวี่เป็นฮองเฮาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน นางประพฤติผิดในกาม ลักลอบมีชู้แล้วยังแอบตั้งครรภ์ นี่ถือเป็นการไม่เคารพต่อฮ่องเต้พระองค์ก่อน”“เพื่อรักษาเกียรติของราชวงศ์ จับพระสนมสวี่ไปประหารเดี๋ยวนี้!”ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีทหารวิ่งเข้าหาพระสนมสวี่แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ถูกทหารของจิ่งโม่เยี่ยขวางไว้ทั้งสองฝ่ายชักกระบี่ออกมา บรรยากาศตึงเครียดขึ้นในทันทีผู้ว่าราชการแทบจะตกใจตาย รีบเข้ามาไกล่เกลี่ย “ท่านอ๋อง ท่านมหาราชครู ใกล้วันปีใหม่แล้ว มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกันเถอะ”“กระบี่ไม่มีตา อย่าให้เกิดการบาดเจ็บเลย”มหาราชครูมองไปที่จิ่งโม่เยี่ยแล้วถามว่า “ท่านอ๋องจะปกป้องหญิงแพศยานี่หรือ?”จิ่งโม่เยี่ยพูดอย่างใจเย็นว่า “ตามกฎหมายของราชวงศ์เรา หากมีผู้ใดล่วงประเวณี ทั้งชายและหญิงจะต้องได้รับโทษเท่าเทียมกัน”“เมื่อครู่พระสนมสวี่บอกว่าชู้ของนางคือฮ่องเต้เจาหยวน ท่านมหาราชครูอยากประหารทั้งชายและหญิ
ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกคู่นี้จะเลวร้ายเพียงใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าพวกเขาเป็นแม่ลูกกันได้เสนาบดีฝ่ายซ้ายที่เงียบอยู่นาน เอ่ยถามอย่างใจเย็นว่า “ขอถามพระสนมสวี่ สิ่งที่ท่านเรียกว่าความลับเหล่านั้นหมายถึงอะไร”พระสนมสวี่มองเสนาบดีฝ่ายซ้าย แล้วยื่นกระดาษออกมาจากอกเสื้อ พูดเสียงดังว่า “แน่นอนว่าเป็นสิ่งเหล่านี้!”“นี่คือรายละเอียดการกระทำของตระกูลมหาราชครูที่แสวงหาผลประโยชน์ ฆ่าคน ยึดครองทรัพย์สินของประชาชน และข่มขู่ขุนนางในราชสำนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งหลักฐานและพยาน”เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางก็หันมองไปที่ผู้ว่าราชการ “ข้าต้องการฟ้องมหาราชครู!”นางต่อสู้กับฮองเฮามาหลายปี ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากความแตกต่างทางสถานะ นางจึงถูกฮองเฮากดขี่อยู่เสมอฮองเฮามีครอบครัวที่ทรงอำนาจคอยหนุนหลัง ส่วนครอบครัวของนางถูกทำลายไปหมดแล้วเมื่อหลายปีก่อนและฮ่องเต้เจาหยวนก็เตือนนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าไปหาเรื่องฮองเฮา เพราะมันจะทำให้เขาลำบากใจไปด้วยในตอนนั้นพระสนมสวี่รักฮ่องเต้เจาหยวนมาก จึงเชื่อฟังเขาทุกอย่างแต่นางก็ยังแค้นใจ จึงแอบรวบรวมหลักฐานของมหาราชครูอยู่เงียบๆนางมี
สีหน้าของเฟิ่งชูอิ่งก็เปลี่ยนไปเช่นกัน หากเขาจะปิดเมือง ตอนนี้นางจะกลับออกไปได้อย่างไร?ในใจนางรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าการตัดสินใจของจิ่งโม่เยี่ยเป็นเพราะเรื่องส่วนตัว หรือเพราะคำฟ้องนั้นมีอานุภาพร้ายแรงกันแน่?เดิมทีนางก็อยู่ข้างๆ เขาอยู่แล้ว ตอนนี้ก็เลยขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้นอีกหน่อย เหลือบมองเนื้อหาข้างบนเอกสาร จากนั้นนางก็ขยับไปยืนด้านข้างเหมือนเดิมเอาเถอะ ช่วงเวลานี้เขาปิดเมืองตรวจสอบ ถือว่าจำเป็นอย่างยิ่งเพียงแต่นางแย่แล้วล่ะ ตอนนี้แม้แต่ออกไปข้างนอกก็ออกไปไม่ได้มหาราชครูและฮองเฮาเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปมหาราชครูกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พระสนมสวี่เพ้อเจ้อ นางไม่ถูกกับฮองเฮามาโดยตลอด เกรงว่าจะใส่ร้ายป้ายสี!”แม้เขาจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจกลับไม่มั่นใจนักเพราะเขารู้ดีว่าตลอดหลายปีมานี้ เขาได้ทำอะไรลงไปบ้างเขาก็ไม่รู้ว่าคำฟ้องของพระสนมสวี่เขียนอะไรไว้เขาอยากจะแย่งคำฟ้องนั้นมา แต่คำฟ้องอยู่ในมือของจิ่งโม่เยี่ย เขาไม่คิดว่าตนเองจะมีความสามารถเช่นนั้นจิ่งโม่เยี่ยกล่าวกับมหาราชครูว่า “ใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่ ตรวจสอบดูก็รู้”“ข้าให้ความเคารพมหาราชครูมาโดยตลอ
ฮองเฮาอยากจะกลับไปฉีกหน้าพระสนมสวี่ใจจะขาด แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้พระสนมสวี่เห็นท่าทางฮองเฮาก็หัวเราะชอบใจ คิดว่าจิ่งโม่เยี่ยก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้างหลังจากฮองเฮาและมหาราชครูเดินไปไกลแล้ว พระสนมสวี่ก็พูดกับจิ่งโม่เยี่ยว่า "ถ้าเจ้าฆ่าเฟิ่งชูอิ่งนังตัวร้ายนี่ได้ ต่อไปข้าก็ยังเป็นแม่ของเจ้าเหมือนเดิม"จิ่งโม่เยี่ยได้ยินก็หัวเราะ "เจ้ากล้าพูดแบบนี้กับข้าได้อย่างไร?""ตอนข้ายังเด็ก เจ้าพูดแบบนี้อาจจะทำให้ข้าหวั่นไหวได้บ้าง แต่ตอนนี้ข้าฟังแล้วรู้สึกขำมากกว่า"พระสนมสวี่มองไปที่จิ่งโม่เยี่ย เขาไม่ใช่เด็กน้อยที่ค่อยแต่จ้องมองนางอย่างที่นางจำได้อีกต่อไปแล้วตอนนี้เขาเติบโตเป็นหนุ่มรูปงามสง่านี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่นางได้มองจิ่งโม่เยี่ยอย่างจริงจัง และเพิ่งสังเกตว่าเขามีเค้าโครงหน้าเหมือนฮ่องเต้องค์ก่อนมากขึ้นแต่จิตวิญญาณในดวงตากลับคล้ายนางอยู่บ้าง ทำให้ดูมีอารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้งอยู่บ้างนางเพิ่งค้นพบว่าจิ่งโม่เยี่ยไม่เพียงแต่สุขภาพแข็งแรงกว่าองค์ชายสิบสามเท่านั้น แต่ความสามารถและรูปร่างหน้าตาก็ดีกว่ามากด้วยไม่ว่าจะด้านไหน จิ่งโม่เยี่ยก็เหนือกว่าองค์ชายสิบสามอยู่มากนางรู
เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของพระสนมสวี่แบบนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดเสียงดังว่า “หากวันใดพระสนมสวี่เปลี่ยนใจ ก็สามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”พอพระสนมสวี่ได้ยินคำนี้ ก็ยิ่งมั่นใจว่าเฟิ่งชูอิ่งรู้เรื่องระหว่างนางกับเทียนซือนางแค่นเสียงฮึดฮัด ไม่หันหลังกลับไปมองเฟิ่งชูอิ่งนานๆ ทีอยากทำความดี พระสนมสวี่กลับไม่ให้โอกาสนาง นางก็รู้สึกเสียดายอยู่บ้างณ เวลานี้ ผู้คนในจวนผู้ว่าราชการก็เริ่มสลายตัวไปเสนาบดีฝ่ายซ้ายเดินมาข้างๆ เฟิ่งชูอิ่งแล้วพูดว่า “วันนี้ข้าช่วยเหลือเจ้าแล้วนะ”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วพูดว่า “ข้อขอให้ท่านช่วยหรือ?”เสนาบดีฝ่ายซ้าย “......”เขารู้สึกว่านิสัยแบบนี้ของนางไม่เป็นที่ชื่นชอบจริงๆเขามองนางแล้วพูดว่า “การเป็นคนต้องรู้จักตอบแทนกัน เจ้าไม่ได้ขอให้ช่วยก็จริง แต่ข้าช่วยเจ้าเอง เจ้าก็ช่วยข้าสักครั้งได้หรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่งกำลังจะพูด จิ่งโม่เยี่ยก็คว้ามือของนางไว้แล้วพูดว่า “ในเมืองหลวงอันตราย เจ้ากลับจวนกับข้าก่อนเถอะ”“ส่วนเรื่องของเสนาบดีฝ่ายซ้าย ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร รออีกสักพักค่อยจัดการก็ได้”ตอนที่เฟิ่งชูอิ่งหลอกเสนาบดีฝ่ายซ้าย จิ่งโม่เยี่ยบังเอิญอยู่ที่นั่นพอ