Share

บทที่ 484

Author: ดอกถังร่วงหล่น
หัวใจที่โดดเดี่ยวของจิ่งโม่เยี่ยพลันไม่รู้สึกถึงความว่างเปล่าอีกต่อไป เขาพยักหน้าเบาๆ "ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย และยังจะร่วมหอกับเจ้าด้วย"

เขากล่าวจบก็หันหลังเดินจากไป

ตอนนี้เขาเดินฝ่าแสงแดด ละอองแสงเย็นกระจ่างที่ส่องกระทบลงบนตัวเขา ทำให้เขาคล้ายมีรัศมีปกคลุมรอบร่างกาย ผสมผสานจิตสังหารและความมุ่งมั่นอันเต็มเปี่ยม

เฟิ่งชูอิ่งมองตามแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกเหม่อลอยเล็กน้อย

ปู๋เยี่ยโหวขยับมายืนอยู่ข้างนางกล่าวว่า "เฮ้อ การไปครั้งนี้ของเขา เกรงว่าคงจะอันตรายมาก"

"วันนี้เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้น ข้าว่าไม่ใช่เขาเป็นดาวหายนะหรอก แต่เป็นดวงชะตาของเขาแข็งเกินไปมากกว่า"

เฟิ่งชูอิ่งเอียงศีรษะไปมองเขา ใบหน้าของเขาไม่มีท่าทางหยอกล้อเหมือนในยามปกติ ออกจะติดเย็นชาเล็กน้อยด้วยซ้ำ

นางกล่าวเสียงเรียบ ว่า "เขาเป็นดาวหายนะจริงหรือไม่ ข้าย่อมรู้ดีที่สุด"

"อย่ากล่าวว่าเขาไม่ใช่เลย ต่อให้เขาเป็นจริงๆ ข้าก็สามารถลบล้างความโชคร้ายทั้งหมดของเขา จนกลายเป็นสามีที่ดีของข้าได้"

ปู๋เยี่ยโหวฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาหันมองนาง เห็นว่าสีหน้าแววตาของนางเย็นชา ไม่เหมือนในยามปกตินัก

เขาม
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 485

    แต่เรื่องของความรู้สึก หาใช่สิ่งที่นางจะควบคุมได้เสียเมื่อไหร่?นางถอนหายใจเบาๆ "ข้าคงจะหวั่นไหวกับเขาแล้วกระมัง เมื่อครู่นี้พอเห็นเขาต้องเจ็บปวดแบบนั้น ข้าก็รู้สึกเจ็บปวดตามเขาไปด้วย""แต่สติสัมปชัญญะของข้าบอกว่า ถ้ายังฝืนอยู่ตรงนี้ต่อไป ข้าจะต้องมีชีวิตลำบากไม่มีที่สิ้นสุด""ดังนั้นแม้ว่าข้าจะสงสารเขา ไม่อยากจากเขาไปสักแค่ไหน แต่ก็ต้องไปอยู่ดี"เฉี่ยวหลิงเท้าคางด้วยมือทั้งสองข้าง กล่าวว่า "ถึงข้าจะไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร แต่ข้าก็อ่านนิยายประโลมโลกมามาก คนที่ตกหลุมรักแล้วมักจะไม่มีเหตุผลเลย"เฟิ่งชูอิ่งยิ้มและลูบหัวนาง "พวกเขาก็เป็นพวกเขา ข้าก็เป็นข้า ข้ารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร"นางรู้ว่าตัวเองคงจะเผลอใจไปชอบจิ่งโม่เยี่ยแล้ว ในเมื่อตอนนี้ความรู้สึกของพวกเขายังไม่ลึกซึ้งนัก ก็ควรรีบตัดใจจากไปเสียถ้ารอจนวันหน้าที่นางรักเขาลึกซึ้งแล้ว อาจจะไม่กล้าตัดใจลาจากเฉี่ยวหลิงมองนางแล้วกล่าวว่า "ไม่ว่าคุณหนูจะไปหรืออยู่ ข้าจะอยู่เคียงข้างคุณหนูตลอดไป"เฟิ่งชูอิ่งถอนหายใจเบาๆ ไม่กล่าวอะไรอีกเฉี่ยวหลิงเป็นวิญญาณร้าย ไม่สามารถอยู่ในโลกมนุษย์ได้ตลอดไป ในอนาคตถ้ามีโอกาส นางก็ต้องส่งเฉี่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 486

    เฟิ่งชูอิ่งยกมือนวดขมับ ศีรษะปวดร้าวไปหมดเฉี่ยวหลิงเห็นสีหน้าซีดเซียวของนางก็กล่าวด้วยความเป็นห่วง "คุณหนู ถ้ารู้สึกไม่สบาย ก็พักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ"เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกเหนื่อยจริงๆ สมองนางก็สับสนไปหมด ต้องพักผ่อนสักหน่อยจริงๆ นั่นแหละแต่พอเอนตัวนอนลงก็รู้สึกว่าเตียงขรุขระไม่สบายตัว นางเรียกเฉี่ยวหลิงมาเปิดผ้าปูที่นอนดู พบว่าข้างใต้เต็มไปด้วยพุทรา ถั่วลิสง และลำไยเฟิ่งชูอิ่ง “......”นางรู้ว่านี่เป็นของจำเป็นในห้องหอของคู่แต่งงานในยุคสมัยนี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งความสิริมงคลแต่ระหว่างนางกับจิ่งโม่เยี่ย......นางสูดหายใจลึกๆ ยกมือกดระหว่างคิ้วการตายของไทเฮาวันนี้ เป็นเรื่องที่อยู่เกินความคาดหมายของนางนางรู้ว่าไทเฮาเป็นญาติคนสุดท้ายที่จิ่งโม่เยี่ยยอมรับนับถือในใจ การที่ไทเฮาถูกฆ่าตายแบบนี้ จิ่งโม่เยี่ยจะต้องเสียใจมากแน่ๆและการที่ฮ่องเต้เจาหยวนกล้าลงมือฆ่าแม้แต่ไทเฮาเพียงเพื่อกำจัดจิ่งโม่เยี่ย แสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมสุดขีดและความมุ่งมั่นที่จะฆ่าจิ่งโม่เยี่ยให้ได้ดังนั้น การก่อกบฏครั้งนี้จะต้องอันตรายมาก เลือดจะต้องนองแผ่นดินแน่วันนี้ตอนที่จิ่งโม่เยี่ยมารับตัวเจ้าสาวก็ไม่ได

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 487

    ดังนั้นแม้วันนี้ใจนางจะสับสนปั่นป่วน แต่นางรู้ว่านางช่วยอะไรไม่ได้มาก จึงช่วยดูแลจวนอ๋องฉู่และคอยดูแลเฟิ่งชูอิ่งแทนเฟิ่งชูอิ่งรู้ว่านางเป็นหญิงสาวที่เข้มแข็งและเฉลียวฉลาด จึงหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย "ดีแล้วล่ะ"เจิ้งเนี่ยนซินจัดอาหารให้นาง ตอนนี้นางหิวพอดีจึงกินข้าวไปสองชามเต็มๆนางเพิ่งกินเสร็จ ก็ได้ยินเสียงตะโกนให้ฆ่าดังมาจากข้างนอกสีหน้าของเจิ้งเนี่ยนซินซีดลงเล็กน้อย เฟิ่งชูอิ่งกล่าวกับเฉี่ยวหลิงว่า "เจ้าไปดูทีว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก"เฉี่ยวหลิงรับคำและรีบออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วย้อนกลับมาเร็วมาก "มีคนนำทหารมาโจมตีจวนอ๋องฉู่เจ้าค่ะ"เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้แปลกใจมากนัก จิ่งโม่เยี่ยยกพลไปก่อกบฏในวัง จวนอ๋องฉู่ย่อมต้องกลายเป็นเป้าโจมตีอยู่แล้วช่วงหลังมานี้จิ่งโม่เยี่ยปกป้องนางแทบทุกอย่าง แถมยังปักใจจะแต่งงานกับนางโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ในสายตาคนอื่น เขาต้องเห็นนางเป็นคนสำคัญแน่นอนวันนี้ทหารองครักษ์หลวงที่ฮ่องเต้เจาหยวนส่งมาก็อ้างเรื่องของนาง คงหวังจะใช้ชีวิตนางข่มขู่จิ่งโม่เยี่ยคนที่มาโจมตีวังตอนนี้ เกรงว่าจะมีความคิดเช่นเดียวกันแต่เฟิ่งชูอิ่งไม่เคยเป็นดอกไม้บอบบาง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 488

    ฉินจื๋อเจี้ยนกล่าวต่อว่า "ตามกฎระเบียบแล้ว จวนของอ๋องสามารถมีทหารรักษาจวนได้เพียงแปดร้อยนาย จวนของอ๋องฉู่มีทหารรักษาความปลอดภัยแปดร้อยนาย และองครักษ์อีกหนึ่งร้อยนาย""ดังนั้นตอนนี้ในจวนจึงมีทหารรักษาจวนทั้งหมดประมาณหกร้อยกว่านาย คนเหล่านี้ล้วนจงรักภักดีต่อจวนอ๋องอย่างยิ่ง และทุกคนล้วนถูกคัดเลือกโดยท่านอ๋อง""แม้จำนวนคนจะไม่มากนัก แต่ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือที่สามารถสู้คนได้หนึ่งต่อสิบ""แม้คนข้างนอกจะมีจำนวนมากกว่าเรามาก แต่เราก็ยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้"เฟิ่งชูอิ่งมองประตูวังที่กำลังโยกคลอนอย่างรุนแรง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย "อย่างนั้นหรือ! งั้นก็ฆ่าพวกเขาให้หมดเลย!"ฉินจื๋อเจี้ยน “......”เขามองไปที่นาง นางวางมือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง สายตาจ้องมองไปทางประตูใหญ่ในขณะนั้น ฉินจื๋อเจี้ยนรู้สึกอย่างประหลาดว่าเฟิ่งชูอิ่งดูคล้ายกับจิ่งโม่เยี่ยมากพวกเขามีความเยือกเย็นและความสงบนิ่งเหมือนกัน เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงมือฆ่า ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยเขาถามออกไปโดยไม่รู้ตัว "จะฆ่าอย่างไร?"มุมปากของเฟิ่งชูอิ่งยกขึ้นเล็กน้อย แต่แทนที่จะตอบ นางกลับถามว่า "ข้าสามารถสั่งการองครักษ์ของจวนอ๋องได้ไหม?"ฉิ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 489

    จิ่งสือเฟิงคิดว่าการพังประตูเข้าไปในจวนจะเป็นเรื่องที่ยากมากแต่เรื่องนี้กลับผิดจากความคาดหมายของเขาไปมาก เพราะประตูบานนั้นเปิดออกได้ง่ายกว่าที่คิดไว้มากจิ่งสือเฟิงเพียงแค่สั่งให้คนบุกกระแทกเข้าไปหนึ่งครั้ง ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกแล้วจิ่งสือเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในดวงตาฉายแววดูถูกเหยียดหยาม จวนของอ๋องฉู่ก็แค่นี้เองแต่เพื่อความปลอดภัย เขาจึงไม่ได้บุกเข้าไปเอง แต่สั่งให้คนบุกเข้าไปแทนจากนั้นเขาก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิตคนที่บุกเข้าไปเหล่านั้น พอเข้าไปด้านในได้ก็มีสายฟ้าหลายสายฟาดลงมาจากด้านบน เผาพวกเขาเป็นเถ้าถ่านในทันทีจิ่งสือเฟิง "!!!!!!!"นี่มันอะไรกัน?หรือว่าคนของเขาถูกสวรรค์ลงโทษ?จิ่งสือเฟิงไม่ใช่คนกล้าหาญนัก เมื่อเห็นสายฟ้าหลายสายฟาดลงมา เขาก็ตกใจจนล้มนั่งลงกับพื้นประตูใหญ่ถูกเปิดออกกว้าง เขาจึงเห็นเฟิ่งชูอิ่งที่ยืนอยู่ข้างใน ทั้งสองคนมองจ้องตากันผ่านประตูใหญ่เฟิ่งชูอิ่งไพล่มือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง ใช้นิ้วกระดิกเรียกเขาขณะคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อยสีหน้าของนางแตกต่างจากท่าทางขี้ขลาดที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิงในดวงตาของนางเจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 490

    เพียงชั่วพริบตาเดียว พื้นที่รอบๆ ก็เกิดฟ้าผ่า เพลิงไหม้ ลมพายุ พุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างบ้าคลั่งบรรดาทหารในจวนไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ทุกคนจึงตกตะลึงไปหมด!พวกเขาร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัว พยายามหลบหลีกการโจมตีที่เหมือนภัยธรรมชาติซึ่งตกลงมาจากฟ้า แต่ก็ไม่อาจหลบพ้นคนในยุคสมัยนี้ส่วนใหญ่มีความเชื่อเรื่องงมงายไสยศาสตร์อยู่บ้าง เมื่อเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ พวกเขาจึงคิดไปเองโดยไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังถูกสวรรค์ลงโทษหรือไม่หลังจากเหตุการณ์มหันตภัยนี้ผ่านพ้นไป แม้พวกเขาจะไม่ถึงกับตกตายกันหมด แต่ผู้ที่รอดมาได้หากอาภรณ์ไม่ถูกเผาวอดก็เปียกโชกสภาพของพวกเขาสะบักสะบอมในพริบตาเดียวทันใดนั้นก็มีองครักษ์ของจวนอ๋องฉู่ตะโกนขึ้นว่า "อ๋องฉู่ได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์ ผู้ใดรังแกหรือดูหมิ่นพระองค์ย่อมถูกสวรรค์ลงโทษ!"เมื่อคำกล่าวนี้ลอยไปเข้าหูของทหารเหล่านั้น ก็ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกทันทีเพราะเหตุการณ์เหล่านี้ ในสายตาของพวกเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจาฝีมือของมนุษย์นี่คือความโกรธแค้นของสวรรค์ จึงบันดาลให้เกิดสายฟ้าและลูกไฟตกลงมาจากเบื้องบนพวกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก และคิดจะหลบหนีโดยสัญชาตญา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 491

    เฟิ่งชูอิ่งยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย หัวคิ้วของนางยกสูงขึ้น แล้วกางนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ออก แล้วงอนิ้วที่เหลืออีกสามนิ้วในตอนนั้น จิ่งสือเฟิงได้ยินเสียงนางกล่าวคำว่า "ปัง" อย่างเลือนรางเขาไม่รู้ว่าคำนี้หมายความว่าอะไร แต่รู้ว่ามันเป็นท่าทางที่ยั่วยุท้าทายและดูอันตรายมากครั้งนี้จิ่งสือเฟิงตกใจจนปัสสาวะราดอุจจาระเล็ด สองขาอ่อนแรงจนยืนไม่อยู่โชคดีที่องครักษ์ของเขาทำงานอย่างเต็มความสามารถ แบกเขาขึ้นหลังแล้วรีบพุ่งตัวออกจากตรอกไปอย่างรวดเร็วฉินจื๋อเจี้ยนมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดจนมึนงงไปหมดเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบอกว่านางจะเป็นคนสั่งการองครักษ์ของจวนเอง เขาก็เห็นด้วยโดยไม่มีเงื่อนไข แต่หลังจากตกลง เขาก็ยังแอบรู้สึกกังวลอยู่บ้างเขารู้ว่านางเชี่ยวชาญด้านศาสตร์ลี้ลับ และมีความสามารถในการก่อเรื่องเป็นอันดับหนึ่ง แต่การบัญชาการต่อสู้ของคนหลายร้อยคนแบบนี้ นางอาจจะไม่ชำนาญนักแต่การจัดการและบัญชาการของนางวันนี้กลับคล่องแคล่วมากวันนี้นางควบคุมสั่งการคนจำนวนน้อย แม้จะไม่สามารถบ่งบอกได้ว่านางมีความสามารถทางทหาร แต่ความสามารถนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่สตรีในห้องหอจะมีกันได้เขาไม่ได้คิดว่าความผิดปกติของนาง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 492

    เฟิ่งชูอิ่งกล่าวกับเฉี่ยวหลิงว่า "เรามาทำท่าเมื่อสักครู่ซ้ำอีกครั้งเถอะ"เฉี่ยวหลิงพยักหน้า นางหยิบลูกธนูขึ้นมาและยืนอยู่ตรงหน้าเฟิ่งชูอิ่ง เฟิ่งชูอิ่งแตะลูกธนูเบาๆ แล้วเฉี่ยวหลิงก็พลิกทิศทางของลูกธนูในทันทีจากนั้นนางก็ขว้างลูกธนูออกไปอย่างแรง ลูกธนูปักเข้าไปในลำต้นของต้นไม้ข้างๆ อย่างรุนแรงฉินจื๋อเจี้ยน “......”เอาล่ะ เขาเข้าใจแล้ว!แล้วก็ได้เปิดหูเปิดตาด้วย!มันเป็นเพียงการใช้ประโยชน์จากการที่คนอื่นมองไม่เห็นเฉี่ยวหลิง แล้วใช้กลวิธีดึงดูดความสนใจทางสายตาอย่างแยบยลเฟิ่งชูอิ่งถามว่า "ท่านฉินจ๋างสื่อมีคำถามอื่นอีกไหม?"เฉี่ยวหลิงยิ้มให้เขาแล้วดวงตาของนางก็หลุดออกมาจากเบ้าตา ก่อนนางจะกดมันกลับเข้าไปอย่างใจเย็นฉินจื๋อเจี้ยน "...ไม่มีแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"เฟิ่งชูอิ่งจึงพาเฉี่ยวหลิงกลับห้องฉินจื๋อเจี้ยนรู้ว่าเฉี่ยวหลิงไม่ใช่มนุษย์ และรู้ว่านางมักจะทำคางและลูกตาหลุดบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่เขาเห็น เขาก็ยังรู้สึกขวัญผวาทุกครั้งไปหลังจากเฟิ่งชูอิ่งกลับห้องแล้ว เฉี่ยวหลิงกล่าวอย่างมีความสุขว่า "วันนี้คุณหนูดูยิ่งใหญ่สุดๆ ไปเลย ทำให้คนพวกนั้นตกอกตกใจกันหมด!""คุณหนูไม่รู้หรอกว่า ข้านั่ง

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status