"หาเจ้าแพ้ ข้าก็จะต้องสอนเจ้าเย็บชันสูตรศพเหมือนกันปะ? เจ้าจะยอมบอกข้าไหม? ข้ารับรองว่าจะไม่เอาไปพูด ขอเพียงไม่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของข้า ข้าก็คงจะไม่ว่างไปเปิดโปงพวกเขา" มู่จิ่วซียิ้มอย่างกับคุณยายหมาป่าในเรื่องหนูน้อยหมวกแดงจื่ออวิ๋นเฟยเกาหัว จากนั้นก็คลี่พัดหยกในมือและสะบัดพัดอยากจะดูสภาพของเย่ฮาน แต่เย่ฮานไม่ได้หันกลับมา เขาเลยมองไม่เห็น ในใจก็รู้สึกกระวนกระวายมากคิ้วสองข้างของโม่จุนแทบจะขมวดพันกัน ปัญหานี้ของมู่จิ่วซีทำเอาพอคิดไปแล้วก็กลัวขึ้นมา ดังนั้นหากแคว้นเกาอวิ๋นมีหน้ากากหนังมนุษย์ เขาก็จะจำเป็นต้องทราบ"งั้นแบบนี้ เจ้าบอกข้ามาว่ามีหน้ากากทั้งหมดเท่าไหร่ มีคนของแคว้นเกาอวิ๋นเคยซื้อไปหรือไม่?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยคงจะลำบากใจจริงๆทันใดนั้นเขาก็หุบเก็บพัดและยิ้มกล่าว : "ได้ อันนี้ข้าบอกเจ้าได้ ต่อให้ข้าชนะข้าก็จะบอกเจ้า ข้าทำหน้ากากหนังมนุษย์สำเร็จมาทั้งหมด 8 อัน 2 อันข้าเก็บไว้ใช้เอง ส่วนที่เหลือก็แคว้นละ 1 อัน"คนของแคว้นเกาอวิ๋นเป็นคนซื้อ?" ทันใดนั้นเสียงของโม่จุนก็เย็นเยือกเหมือนน้ำแข็ง"แคว้นละ 1 อัน เจ้าฟังไม่เข้าใจหรือไง?" จื่ออวิ๋นเฟยสบประมาทโม่จุน
มู่จิ่วซีหลังจากชะงักไปก็ยิ้มกล่าว : "เจ้ามีอะไรต้องโมโห ข้าแต่งวาดออกมาเป็นใบหน้าเจ้าจนเหมือนถึงเก้าส่วน แสดงว่าศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งของเก่งกาจ" ความหมายก็คือวาดออกมาเป็นหน้าของโม่จุนยากมาก"อันที่จริง ต่อให้ข้าทำหน้ากากหนังมนุษย์ออกมา ก็ต้องหาคนใบหน้าไม่ต่างกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนมากนักซึ่งค่อนข้างยากอยู่บ้าง ปกติแล้ว หญิงงามหนุ่มหล่อล้วนยากที่จะคัดลอกทำหน้ากากออกมา" จื่ออวิ๋นเฟยพยักหน้าเห็นด้วยอย่างลึกซึ้ง"ยอมแพ้แล้วสินะ" มู่จิ่วซียิ้มขึ้นเบาๆ และกันมองจื่ออวิ๋นเฟยและกล่าว"ยอมแพ้ ยอมแพ้ นี่มันงานละเอียดประณีตเกินไปแล้ว เจ้าช่วยสอนข้าได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยเอาแต่วนรอบเย่ฮานไม่ยอมหยุด ทำเอาเย่ฮานขนพองสยองเกล้า"เจ้าจะฝันหวานเกินไปแล้ว" มู่จิ่วซีสบประมาทเขา "บอกข้ามาก่อน คนของแคว้นเกาอวิ๋นที่ซื้อหน้ากากหนังมนุษย์ของเจ้าไปเป็นใคร?""ข้าไม่รู้ว่าคนที่ซื้อไปเป็นใคร คนมาซื้อเป็นเพียงแค่ลูกน้อง แต่ใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ที่ข้าทำ พวกเจ้าทุกคนรู้จัก" ขณะพูดก็หันไปมองโม่จุนโม่จุนกล่าวอย่างตกใจ : "หรือว่าจะเป็นข้า ?""ไม่ ไม่ใช่ แต่เป็น เป็น ฮึฮึ เป็นท่านอ๋องสามโม่ส่างอู่" จื่ออวิ๋น
จื่ออวิ๋นเฟยอึ้งไป จากนั้นถึงได้หยุดและเก็บกริช : "เจ้าพูดมีเหตุผล แต่ทำไมเจ้าถึงต้องล้างออก? คุณหนูใหญ่มู่ให้เจ้าอยู่ที่นี่""คุณหนูใหญ่ให้ข้าอยู่ที่นี่ ไม่ได้บอกว่าห้ามล้างหน้า หน้าของข้าคัน ดังนั้นเลยต้องล้างออก" เย่ฮานกล่าวอย่างมีเหตุผลเขาพบว่าตัวเองอยู่กับคุณหนูใหญ่มากไป คำพูดคำจาของเขาเลยดีขึ้นงั้นเหรอ?ทว่าพอนึกถึงพวกเขาที่ออกไปจัดการภารกิจทั้งหมด ส่วนเขากลับอยู่กับวิกลจริตคนนี้ ในใจรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมอย่างมาก"งั้นเจ้าก็ไม่ต้องไปไหน ข้าจะวาดบนใบหน้าของเจ้า" จื่ออวิ๋นเฟยเห็นกล่องยาของมู่จิ่วซีที่ไม่ได้หยิบไปด้วย ทันใดนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมาเย่ฮานทันใดนั้นก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยากทางด้านนั้นทั้งสามคนรวมถึงชิงเฟิงและคนอื่นๆ แน่นอนว่าข้างกายโม่จุนก็ยังมีอานเย่และจี๋เฟิงรวมถึงคนอื่นๆ และมีทหารมังกรดำซ่อนตัวอยู่ด้วย พอรวมฮั้วอวิ๋นเทียน พวกเขาทั้งหมดก็มี 20 คนได้ไม่นานก็มาถึงจวนท่านอ๋องสามพร้อมกับปิดล้อมเอาไว้ โม่จุนลงจากม้า มู่จิ่วซีและฮั้วอวิ๋นเทียนก็ลงจากมาตามมา ทั้งสามรวมกลุ่มกัน"ก็คงมีแค่ท่านอ๋องสี่ที่สามารถใช้ทองคำหมื่นตำลึงในการสั่งทำหน้ากากหนังมนุษย์ ท่านอ๋องสี่คงสั่ง
เซียวหลิงเย่ว์สีหน้าหวาดกลัวมาก ซิวเซียงบ่าวรับใช้อีกคนของนางก็รีบกล่าว : "พระชายา ท่านกลับจวนเถอะเพคะ เรื่องคราวนี้เหมือนว่าจะใหญ่มาก""เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ข้าต้องดูให้ได้" เซียวหลิงเย่ว์ถกชายกระโปรงขึ้นและวิ่งไปที่เรือนท่านอ๋องสามถึงอย่างไรหลังจากท่านอ๋องสามถูกปราบกบฏ เขาก็ดูดุร้ายผิดปกติ ทั้งสองแยกเรือนกันตั้งนานแล้ว นางต้องดูแลอู่เอ๋อร์ลูกสาวของนาง เลยขี้เกียจะใส่ใจท่านอ๋องสามที่ลากนางลงเหวพอคิดว่าลิขิตชะตาของตนได้เป็นผู้สูงศักดิ์ร่ำรวยแล้วแท้ๆ เดิมทีก็ควรจะได้แต่งกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนและได้เป็นพระชายาของท่านผู้สำเร็จราชการแทน ทว่ากลับได้เป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้ก่อกบฎ ในใจของนางก็ยากเกินจะสงบอารมณ์ได้แต่ว่าเรื่องก่อกบฏก็ผ่านไป 3 ปีแล้ว ตอนนี้ยังจะมีเรื่องอะไรอีก?พอเห็นใบหน้าเคร่งขรึมของโม่จุนและมู่จิ่วซี ราวกับว่าท่านอ๋องสามทำเรื่องชั่วร้ายอะไรอย่างนั้นทว่าขออย่าให้พัวพันมาถึงนางและลูกสาวเลย หากเป็นไปได้ นางก็อยากจะกลับแคว้นซีเย่ว์จริงๆ เสด็จพี่เฟิ่งหล่าวคนหกคงจะรักเอ็นดูนางมากแน่นอนส่วนทางด้านนี้ โม่จุนและมู่จิ่วซีก็บุกเข้าไปภายในเรือนท่านอ๋องสามโม่ส่างอู่
"จื่ออวิ๋นเฟยคนนี้ทำหน้ากากได้เก่งกาจมากเสียจริง" มู่จิ่วซีอุทาน "น่าเสียดายที่ยาสำหรับดองแช่ไม่อาจลบกลิ่นออกไปได้ แค่ดมก็รู้แล้วว่าเป็นกลิ่ของคนตาย"มู่จิ่วซีพูดจบก็เอากริชกรีดผิวหนังตรงโคนผมของท่านอ๋องสาม ทว่ากลับไม่มีเลือดไหล ทำเอามุมปากของนางเผยยิ้มและยักคิ้วมองโม่จุน"ท่านอ๋องสี่ เลิกเสแสร้งเถอะ จนมุมแล้วก็ยอมเถอะ พูดตามตรง วิธีนี้ช่างฉลาดอย่างมาก หากข้าไม่ได้ไปพบจื่ออวิ๋นเฟย บางทีอาจไม่ได้รู้ไปตลอดกาลว่าเจ้าปลอมตัวเข้ามาแทนท่านอ๋องสาม โม่จุนต่อให้สงสัยแค่ไหน ก็คงไม่มีทางสงสัยคนพิการอย่างท่านอ๋องสามได้แน่ ฉลาดมาก ฉลาดมากจริงๆ!"มู่จิ่วซียอมใจนับถือเลย แผนการดั่งภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ (ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ หมายถึง แยบยล มองไม่ออก)มือของนางกระชากหน้ากากออกในทันใด ท่านอ๋องสามตะโกนร้องเสียงดัง หน้ากากหนังมนุษย์อันหนึ่งได้ถูกลอกออกมาจากใบหน้าของเขาปกติจะต้องใช้น้ำแช่ให้นุ่มก่อนแล้วค่อยลอกออก แต่มู่จิ่วซีกลับดึงออกมาตรงๆ ดังนั้นความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนลอกหนังทั้งเป็นทำเอาท่านอ๋องสี่ทนไม่ได้จนร้องโอดครวญเสียงดังทันใดนั้นเสียงดังแหวกอากาศก็ดังขึ้นมา มู่จิ่วซีและโม่จุนสีหน้าเปลี่ยนทันที พ
สายตาของมู่จิ่วซีซึ่งล้มลงกับพื้นก็มองไปทางฮั้วอวิ๋นเทียนและตะโกน : "ไปจับอาจื่อ!" ขณะพูด มือของนางก็สกัดจุดชีพจรตรงอกหลายจุดฮั้วอวิ๋นเทียนไม่ได้ตามไป เขาลงมาหามู่จิ่วซีโดยตรงพร้อมกับใบหน้าเกรี้ยวกราด : "ทำไมเจ้าโง่ขนาดนี้ เจ้าอาจตายก็ได้!"ฮั้วอวิ๋นเทียนมองรอยเลือดตรงอกของมู่จิ่วซี ดอกธนูไม่ได้ปักลึก เขารู้สึกหัวใจแทบจะหยุดเต้นทั้งที่หัวธนูก็ไม่ได้แทงเข้าไป"รีบตามไปสิ! ข้าไม่เป็นไร เจ้ารีบไป!" มู่จิ่วซีโกรธจนถลึงตามองเขา จากนั้นก็หันไปยิ้มให้กับท่านอ๋องสี่ที่จมกองเลือดท่านอ๋องสี่หน้าซีดขาวราวกับกระดาษ สายตาที่มองมู่จิ่วซีได้เปลี่ยนไป ดวงตามีความหวาดกลัวขึ้นมา"เจ้า เจ้ามันนังบ้า" จากนั้นคอก็ล้มพับกับพื้นและหมดสติไป"ท่านพี่ฮั้ว รีบไปสิ ข้ากลัวโม่จุนจะเป็นอันตราย!" มู่จิ่วซีผลักมือของฮั้วอวิ๋นเทียนที่ต้องการจะช่วยพยุงนาง"เขาไม่ได้อ่อนแอ! เจ้าต่างหากเป็นอันตราย!" ฮั้วอวิ๋นเทียนทันใดนั้นรู้สึกว่าไม่มีอะไรสำคัญ เขาไม่อาจมองมู่จิ่วซีในสภาพนี้ได้ หน้าเริ่มถอดสี ริมฝีปากเริ่มซีดขาวเขาอุ้มมู่จิ่วซีขึ้นมา จากนั้นก็ทะยานออกจากจวนอ๋องสาม ทว่าชิงเฟิงก็ได้เข้ามาและรีบออกคำสั่ง "รีบพาท
ผู้หญิงคนนี้จงใจงั้นหรือ?เย่ฮานคว้าฮั้วอวิ๋นเทียนและเดินออกไปพร้อมพูดกับจื่ออวิ๋นเฟย : "รบกวนหมอเทวดาด้วย"ออกมาเสร็จเขาก็รีบถาม : "เจ้าสำนักฮั้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านผู้สำเร็จราชการแทนล่ะ?""เรื่องมันยาว เจ้ารีบไปเรียกคนมาเฝ้าเถอะ เดี๋ยวค่อยเปลี่ยนที่คุยกัน" ฮั้วอวิ๋นเทียนมองที่ประตูอย่างวิตกกังวลมากและกล่าวเย่ฮานเห็นเขาเหงื่อท่วมหัวก็เลยไม่ถามอะไรอีก เขารู้ว่าต้องเกิดเรื่องอันตรายขึ้น ดังนั้นก็เลยรีบออกจากหอชมจันทร์อีกด้านหนึ่ง เพื่อที่ไม่ให้มู่จิ่วซีได้ตกเป็นเป้าของเซวียนหยวนเชา โม่จุนก็ไล่ตามทิศการยิงธนูของเซวียนหยวนเชาไป จนมาถึงเรือนในสุดของจวนอ๋อง เห็นเซวียนหยวนเชายืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ธนูเต็มไปด้วยไอเย็นลึกล้ำเล็งมาทางเขาเสียง "ฟิ้ว!" ดังขึ้น ธนูยิงเข้ามา โม่จุนคราวนี้ไม่หลบและตวัดกระบี่ออกไปเบี่ยงวิธีธนู เขาทะยานออกไปอีกครั้งเซวียนหยวนเชายิงธนูอีกดอกก่อนจะโดดหนี โม่จุนทะยานอย่างรวดเร็วไล่ตามจากนั้นทหารมังกรดำก็ปรากฎตัวขึ้นมาอีกด้านหนึ่ง คันธนูเล็งยิงศรมาหาเซวียนหยวนเชาเซวียนหยวนเชารีบป้องกันและเข้ามาในเรือน โม่จุนก็มาถึงเช่นกัน ทั้งสองเผชิญหน้ากันภายในเร
เซียวหลิงเย่ว์ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะไล่ตามและได้มาเห็นภาพเหตุการณ์อันตราย นางเห็นธนูซึ่งวางอยู่ตรงพื้นห่างออกไปไม่ไกล นางทั้งตัวตอนนี้อ่อนยวบไปหมดยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉากที่มู่จิ่วซีและท่านอ๋องสี่ล้มลงไปพร้อมกัน"นาง นางถูกยิง ถูก ถูกอุ้มไปแล้ว" เซียวหลิงเย่ว์สะอึกสะอื้น "โม่จุน ท่านอ๋องสามทำไมถึงกลายเป็นท่านอ๋องสี่ไปได้? แล้วท่านอ๋องสามล่ะ?""เจ้าพูดว่าอะไรนะ? ซีเอ๋อร์ถูกธนูยิง? ใครอุ้มนางไป?" โม่จุนฟังประโยคสุดท้ายของนางไม่ชัด แค่รู้สึกว่าหัวใจหยุดเต้นไปชั่วครู่ หายใจได้อย่างยากลำบาก"มู่จิ่วซีถูกธนูยิง หลังของท่านอ๋องสี่ถูกดาบแทงและถูกเอาตัวไปส่งสถาบันแพทย์หลวงแล้ว ส่วนคนที่ช่วยมู่จิ่วซีคือชายในชุดแดง" เซียวหลิงเย่ว์คราวนี้ให้ความร่วมมือตอบ"ฮั้วอวิ๋นเทียน!" โม่จุนหรี่ตาลง"คุณท่าน! ทางนี้ยังมีคน!" ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนเสียงดัง"ไฟไหม้แล้ว เร็ว รีบดับไฟ!" มีคนตะโกนอีกครั้งโม่จุนทันใดนั้นก็ทะยานออกไป เพราะว่าเขาได้ยินเสียงหลิวฮั่วเป็นเสียงแรก หลายเรือนด้านนอกล้วนวุ่นวายโกลาหลขณะรอโม่จุนจะมาถึงชั้นสามของหอชมจันทร์ ฮั้วอวิ๋นเทียนก็มีสีหน้าขมขื่นนั่งรอตรงปากบันไดโม่จุนเห็นสภาพของ