"จื่ออวิ๋นเฟยคนนี้ทำหน้ากากได้เก่งกาจมากเสียจริง" มู่จิ่วซีอุทาน "น่าเสียดายที่ยาสำหรับดองแช่ไม่อาจลบกลิ่นออกไปได้ แค่ดมก็รู้แล้วว่าเป็นกลิ่ของคนตาย"มู่จิ่วซีพูดจบก็เอากริชกรีดผิวหนังตรงโคนผมของท่านอ๋องสาม ทว่ากลับไม่มีเลือดไหล ทำเอามุมปากของนางเผยยิ้มและยักคิ้วมองโม่จุน"ท่านอ๋องสี่ เลิกเสแสร้งเถอะ จนมุมแล้วก็ยอมเถอะ พูดตามตรง วิธีนี้ช่างฉลาดอย่างมาก หากข้าไม่ได้ไปพบจื่ออวิ๋นเฟย บางทีอาจไม่ได้รู้ไปตลอดกาลว่าเจ้าปลอมตัวเข้ามาแทนท่านอ๋องสาม โม่จุนต่อให้สงสัยแค่ไหน ก็คงไม่มีทางสงสัยคนพิการอย่างท่านอ๋องสามได้แน่ ฉลาดมาก ฉลาดมากจริงๆ!"มู่จิ่วซียอมใจนับถือเลย แผนการดั่งภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ (ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ หมายถึง แยบยล มองไม่ออก)มือของนางกระชากหน้ากากออกในทันใด ท่านอ๋องสามตะโกนร้องเสียงดัง หน้ากากหนังมนุษย์อันหนึ่งได้ถูกลอกออกมาจากใบหน้าของเขาปกติจะต้องใช้น้ำแช่ให้นุ่มก่อนแล้วค่อยลอกออก แต่มู่จิ่วซีกลับดึงออกมาตรงๆ ดังนั้นความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนลอกหนังทั้งเป็นทำเอาท่านอ๋องสี่ทนไม่ได้จนร้องโอดครวญเสียงดังทันใดนั้นเสียงดังแหวกอากาศก็ดังขึ้นมา มู่จิ่วซีและโม่จุนสีหน้าเปลี่ยนทันที พ
สายตาของมู่จิ่วซีซึ่งล้มลงกับพื้นก็มองไปทางฮั้วอวิ๋นเทียนและตะโกน : "ไปจับอาจื่อ!" ขณะพูด มือของนางก็สกัดจุดชีพจรตรงอกหลายจุดฮั้วอวิ๋นเทียนไม่ได้ตามไป เขาลงมาหามู่จิ่วซีโดยตรงพร้อมกับใบหน้าเกรี้ยวกราด : "ทำไมเจ้าโง่ขนาดนี้ เจ้าอาจตายก็ได้!"ฮั้วอวิ๋นเทียนมองรอยเลือดตรงอกของมู่จิ่วซี ดอกธนูไม่ได้ปักลึก เขารู้สึกหัวใจแทบจะหยุดเต้นทั้งที่หัวธนูก็ไม่ได้แทงเข้าไป"รีบตามไปสิ! ข้าไม่เป็นไร เจ้ารีบไป!" มู่จิ่วซีโกรธจนถลึงตามองเขา จากนั้นก็หันไปยิ้มให้กับท่านอ๋องสี่ที่จมกองเลือดท่านอ๋องสี่หน้าซีดขาวราวกับกระดาษ สายตาที่มองมู่จิ่วซีได้เปลี่ยนไป ดวงตามีความหวาดกลัวขึ้นมา"เจ้า เจ้ามันนังบ้า" จากนั้นคอก็ล้มพับกับพื้นและหมดสติไป"ท่านพี่ฮั้ว รีบไปสิ ข้ากลัวโม่จุนจะเป็นอันตราย!" มู่จิ่วซีผลักมือของฮั้วอวิ๋นเทียนที่ต้องการจะช่วยพยุงนาง"เขาไม่ได้อ่อนแอ! เจ้าต่างหากเป็นอันตราย!" ฮั้วอวิ๋นเทียนทันใดนั้นรู้สึกว่าไม่มีอะไรสำคัญ เขาไม่อาจมองมู่จิ่วซีในสภาพนี้ได้ หน้าเริ่มถอดสี ริมฝีปากเริ่มซีดขาวเขาอุ้มมู่จิ่วซีขึ้นมา จากนั้นก็ทะยานออกจากจวนอ๋องสาม ทว่าชิงเฟิงก็ได้เข้ามาและรีบออกคำสั่ง "รีบพาท
ผู้หญิงคนนี้จงใจงั้นหรือ?เย่ฮานคว้าฮั้วอวิ๋นเทียนและเดินออกไปพร้อมพูดกับจื่ออวิ๋นเฟย : "รบกวนหมอเทวดาด้วย"ออกมาเสร็จเขาก็รีบถาม : "เจ้าสำนักฮั้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านผู้สำเร็จราชการแทนล่ะ?""เรื่องมันยาว เจ้ารีบไปเรียกคนมาเฝ้าเถอะ เดี๋ยวค่อยเปลี่ยนที่คุยกัน" ฮั้วอวิ๋นเทียนมองที่ประตูอย่างวิตกกังวลมากและกล่าวเย่ฮานเห็นเขาเหงื่อท่วมหัวก็เลยไม่ถามอะไรอีก เขารู้ว่าต้องเกิดเรื่องอันตรายขึ้น ดังนั้นก็เลยรีบออกจากหอชมจันทร์อีกด้านหนึ่ง เพื่อที่ไม่ให้มู่จิ่วซีได้ตกเป็นเป้าของเซวียนหยวนเชา โม่จุนก็ไล่ตามทิศการยิงธนูของเซวียนหยวนเชาไป จนมาถึงเรือนในสุดของจวนอ๋อง เห็นเซวียนหยวนเชายืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ธนูเต็มไปด้วยไอเย็นลึกล้ำเล็งมาทางเขาเสียง "ฟิ้ว!" ดังขึ้น ธนูยิงเข้ามา โม่จุนคราวนี้ไม่หลบและตวัดกระบี่ออกไปเบี่ยงวิธีธนู เขาทะยานออกไปอีกครั้งเซวียนหยวนเชายิงธนูอีกดอกก่อนจะโดดหนี โม่จุนทะยานอย่างรวดเร็วไล่ตามจากนั้นทหารมังกรดำก็ปรากฎตัวขึ้นมาอีกด้านหนึ่ง คันธนูเล็งยิงศรมาหาเซวียนหยวนเชาเซวียนหยวนเชารีบป้องกันและเข้ามาในเรือน โม่จุนก็มาถึงเช่นกัน ทั้งสองเผชิญหน้ากันภายในเร
เซียวหลิงเย่ว์ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะไล่ตามและได้มาเห็นภาพเหตุการณ์อันตราย นางเห็นธนูซึ่งวางอยู่ตรงพื้นห่างออกไปไม่ไกล นางทั้งตัวตอนนี้อ่อนยวบไปหมดยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉากที่มู่จิ่วซีและท่านอ๋องสี่ล้มลงไปพร้อมกัน"นาง นางถูกยิง ถูก ถูกอุ้มไปแล้ว" เซียวหลิงเย่ว์สะอึกสะอื้น "โม่จุน ท่านอ๋องสามทำไมถึงกลายเป็นท่านอ๋องสี่ไปได้? แล้วท่านอ๋องสามล่ะ?""เจ้าพูดว่าอะไรนะ? ซีเอ๋อร์ถูกธนูยิง? ใครอุ้มนางไป?" โม่จุนฟังประโยคสุดท้ายของนางไม่ชัด แค่รู้สึกว่าหัวใจหยุดเต้นไปชั่วครู่ หายใจได้อย่างยากลำบาก"มู่จิ่วซีถูกธนูยิง หลังของท่านอ๋องสี่ถูกดาบแทงและถูกเอาตัวไปส่งสถาบันแพทย์หลวงแล้ว ส่วนคนที่ช่วยมู่จิ่วซีคือชายในชุดแดง" เซียวหลิงเย่ว์คราวนี้ให้ความร่วมมือตอบ"ฮั้วอวิ๋นเทียน!" โม่จุนหรี่ตาลง"คุณท่าน! ทางนี้ยังมีคน!" ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนเสียงดัง"ไฟไหม้แล้ว เร็ว รีบดับไฟ!" มีคนตะโกนอีกครั้งโม่จุนทันใดนั้นก็ทะยานออกไป เพราะว่าเขาได้ยินเสียงหลิวฮั่วเป็นเสียงแรก หลายเรือนด้านนอกล้วนวุ่นวายโกลาหลขณะรอโม่จุนจะมาถึงชั้นสามของหอชมจันทร์ ฮั้วอวิ๋นเทียนก็มีสีหน้าขมขื่นนั่งรอตรงปากบันไดโม่จุนเห็นสภาพของ
"อีกไม่นานก็รู้แล้ว" ยังไม่ทันสิ้นเสียงโม่จุน ชั้นล่างก็มีคนวิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วชิงเฟิงพอมาถึงก็คุกเข่าลง โม่จุนเลยรีบถาม : "ทางด้านนั้นเป็นไงบ้าง?""ทูลท่านผู้สำเร็จราชการแทน เราจับอาจื่อคนนั้นไว้ไม่ได้ แต่ได้ตรวจค้นเรือนของบรรดาบุตรและธิดาคนหนึ่งของท่านอ๋องสี่แล้ว นางบอกว่านางชื่อฉินอวี่เยียนพะยะค่ะ"ฮั้วอวิ๋นเทียนลุกขึ้นมาในทันทีและกล่าว : "ช่วยเยียนเอ๋อร์ไว้ได้แล้ว?"ชิงเฟิงพยักหน้าและกล่าว : "เจ้าสำนักฮั้ว แม่นางฉินบอกว่าอยากพบท่านขอรับ""นางอยู่ที่ไหน?" ฮั้วอวิ๋นเทียนถาม"ทั้งหมดอยู่ที่กรมพระราชวังนครบาล ทว่าใต้เท้าโจวเหยาไม่ได้ทำอะไรแม่นางฉินขอรับ" ชิงเฟิงกล่าว จากนั้นก็หันบานประตูที่ปิดอยู่ฮั้วอวิ๋นเทียนชะงักไป จากนั้นก็หันมองบานประตูที่ปิดอยู่เช่นกัน ในตอนท้ายก็กล่าวออกมา : "ข้าจะรอจิ่วซีฟื้นก่อนค่อยไปหา""ซีเอ๋อร์มีข้าคอยเฝ้าอยู่แล้ว เจ้ารีบไปเถอะ ฉินอวี่เยียนรอเจ้ามาสามปีแล้ว" โม่จุนหลังจากขมวดคิ้วก็กล่าวออกมาเขามองออกว่าฮั้วอวิ๋นเทียนไม่ได้รู้สึกแบบทั่วไปกับมู่จิ่วซี ทำไมไม่ไปดูแม่นวลจันทร์คนรักของตนเองก่อน แต่กลับมาเฝ้าอยู่ที่นี่?มู่จิ่วซีบอกเขา ฉินอวี่เยีย
ทุกคนตกใจตะลึงที่โม่จุนคุกเข่ากล่าวโทษกับตัวเอง จนทุกคนต้องคุกเข่าตามมู่เทียนซิงไม่คาดคิดว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนจะทำแบบนี้ เพลิงความโกรธอันเปี่ยมล้นดับลงในทันที จากนั้นก็คุกเข่าลงต่อหน้าของโม่จุนเขาเป็นผู้น้อยล่วงเกินเบื้องสูง ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง"ซีเอ๋อร์ของข้าชีวิตช่างลำบากจริงๆ" มู่เทียนซิงร้องให้ออกมาพร้อมกับมองบานประตูด้วยน้ำตาที่อาบใบหน้าชิงเฟิงรีบห้ามท่านผู้สำเร็จราชการแทนกล่าวโทษตัวเองและรีบพูด : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน คุณท่าน พวกท่านอย่าทำแบบนี้ คุณหนูใหญ่ดวงแข็ง นางจะต้องไม่เป็นไร นางเมื่อก่อนสอนพวกเราให้ยอมบาดเจ็บเพื่อยอมแลก ซึ่งนั่นคือการหลีกเลี่ยงโดนอวัยวะสำคัญ"โม่จุนชะงักไป จากนั้นก็พยักหน้ากล่าว : "ชิงเฟิง เจ้าพูดถูกแล้ว นางคงจะหลีกโดนตำแหน่งสำคัญ นายเคยบอกว่าจะไม่ยอมตายง่ายๆ"โม่จุนเหมือนกำลังจะพูดโน้มน้าวกับตัวเองผู้คนด้านนอกประตูร้อนใจเหมือนไฟสุม จื่ออวิ๋นเฟยด้านในประตูก็ไม่ง่ายเช่นกันเขาหวาดกลัวเป็นห่วงมู่จิ่วซี ตอนตัดเสื้อผ้าของนางออก เขาเดิมคิดว่าร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องงดงามอย่างมากถึงอย่างไรหน้าตาก็สวยขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาเป็นหมอ ไม่ได้ม
"ซีเอ๋อร์เป็นไงบ้าง?" โม่จุนลุกขึ้นมาเป็นคนแรกและเงยหน้ามองไปด้านในจื่ออวิ๋นเฟยตอนนี้ทุกลักทุเลไปทั้งตัว ผมบนหัวยุ่งเหยิงเล็กน้อย เขาหันมามองโม่จุนครู่หนึ่งและกล่าว : "หมอเทวดาอย่างข้าออกโรง คุณหนูใหญ่มู่ย่อมไม่เป็นอะไรแน่นอน เตรียมย้ายนางไปพักเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะกับการพักฟื้น"เย่ฮานและชิงเฟิงได้เตรียมเปลขนย้ายและรถม้าไว้ล่วงหน้าแล้วโม่จุนตอนฝ่าเข้ามาเห็นมู่จิ่วซีใบหน้าซีดขาวนอนหมดสติยังไม่ฟื้นบนโต๊ะ หัวใจก็เจ็บปวดจนไม่อาจเต้นต่อไปได้บาดแผลของมู่จิ่วซีถูกปิดเอาไว้ เศษผ้าที่มีเลือดสดๆ กองเต็มไปทั่วพื้น กลิ่นคาวเลือดอบอวล"ซีเอ๋อร์ ซีเอ๋อร์" โม่จุนเรียกมู่จิ่วซีเบาๆ"ตอนนี้เรียกนางไปก็ไม่มีประโยชน์ กลางคืนนางถึงจะฟื้น ตอนนี้ให้ย้ายไปจวนแม่ทัพใหญ่มู่ใช่ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยต้องการทำให้สุดความสามารถ เขาต้องดูแลมู่จิ่วซีผู้ป่วยคนนี้แน่นอนอันที่จริงเขาก็มีความเห็นแก่ตัว เขาอยากรู้เรื่องของมู่จิ่วซี เขาอยากจะร่ำเรียนกับนาง นี่ก็ช่วยชีวิตนางเอาไว้ นางก็ควรยอมจะสอนอะไรเขาบ้างจื่ออวิ๋นเฟยภูมิใจตัวเองมาก"ไม่ ให้ไปที่จวนท่านผู้สำเร็จราชการแทน!" โม่จุนรีบกล่าวออกมา"โม่จุน เจ้าพูดอะไร?
โม่จุนมาสถาบันแพทย์หลวงไม่ใช่เพื่อช่วยท่านอ๋องสี่ ท่านอ๋องสี่เกือบจะสังหารมู่จิ่วซี เขาคราวนี้ไม่ได้เห็นถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องทว่าตอนนี้ไม่ทราบว่าท่านอ๋องสามถูกท่านอ๋องสี่เอาไปไว้ที่ไหน นี่คือสิ่งที่โม่จุนกังวลใจครั้นมาถึงก็พบว่าทั้งสองบาดเจ็บสาหัสหมดสติ เขาเลยไปเข้าเฝ้าพระพันปีหลวง จากนั้นก็นำโสมพันปีที่พระพันปีหลวงพระราชทานให้มู่จิ่วซีรีบเอากลับไปยังจวนท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระพันปีหลวงทรงพอใจอย่างมาก มู่จิ่วซีเกือบจะฆ่าท่านอ๋องสี่ นี่ทำให้นางพอใจมาก แต่พอนึกได้ว่าจิ่วซีก็บาดเจ็บสาหัส นางเลยรู้สึกผิดในใจอยู่บ้าง สิ่งของที่มีประโยชน์ถูกรีบเอาไปส่งที่จวนมู่กลางดึก มู่จิ่วซีค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นสถานที่แปลกตา ทว่าเตียงหลังนี้หรูหราอย่างมาก แกะสลักมังกรหงษ์ไว้อย่างวิจิตร"คุณหนูใหญ่ ท่านตื่นแล้ว?" แม่นมคนหนึ่งรีบกล่าวอย่างดีใจ จากนั้นก็รีบออกไปเรียกคนจื่ออวิ๋นเฟยรีบเข้ามาหา โม่จุนก็มาหาอย่างเร็ว ยังมีเย่อู่เหิงพอได้ทราบข่าวก็รีบมาหา แน่นอนฮั้วอวิ๋นเทียนหลังจัดที่พักให้ฉินอวี่เยียนแล้วก็มาหาเช่นกันเย่อู๋เหิงหลังจากได้ทราบข่าวตอนอยู่ที่ศาลต้าหลี่ก็ไม่กล้าที่จะเชื่อ ขณะเด