"อีกไม่นานก็รู้แล้ว" ยังไม่ทันสิ้นเสียงโม่จุน ชั้นล่างก็มีคนวิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วชิงเฟิงพอมาถึงก็คุกเข่าลง โม่จุนเลยรีบถาม : "ทางด้านนั้นเป็นไงบ้าง?""ทูลท่านผู้สำเร็จราชการแทน เราจับอาจื่อคนนั้นไว้ไม่ได้ แต่ได้ตรวจค้นเรือนของบรรดาบุตรและธิดาคนหนึ่งของท่านอ๋องสี่แล้ว นางบอกว่านางชื่อฉินอวี่เยียนพะยะค่ะ"ฮั้วอวิ๋นเทียนลุกขึ้นมาในทันทีและกล่าว : "ช่วยเยียนเอ๋อร์ไว้ได้แล้ว?"ชิงเฟิงพยักหน้าและกล่าว : "เจ้าสำนักฮั้ว แม่นางฉินบอกว่าอยากพบท่านขอรับ""นางอยู่ที่ไหน?" ฮั้วอวิ๋นเทียนถาม"ทั้งหมดอยู่ที่กรมพระราชวังนครบาล ทว่าใต้เท้าโจวเหยาไม่ได้ทำอะไรแม่นางฉินขอรับ" ชิงเฟิงกล่าว จากนั้นก็หันบานประตูที่ปิดอยู่ฮั้วอวิ๋นเทียนชะงักไป จากนั้นก็หันมองบานประตูที่ปิดอยู่เช่นกัน ในตอนท้ายก็กล่าวออกมา : "ข้าจะรอจิ่วซีฟื้นก่อนค่อยไปหา""ซีเอ๋อร์มีข้าคอยเฝ้าอยู่แล้ว เจ้ารีบไปเถอะ ฉินอวี่เยียนรอเจ้ามาสามปีแล้ว" โม่จุนหลังจากขมวดคิ้วก็กล่าวออกมาเขามองออกว่าฮั้วอวิ๋นเทียนไม่ได้รู้สึกแบบทั่วไปกับมู่จิ่วซี ทำไมไม่ไปดูแม่นวลจันทร์คนรักของตนเองก่อน แต่กลับมาเฝ้าอยู่ที่นี่?มู่จิ่วซีบอกเขา ฉินอวี่เยีย
ทุกคนตกใจตะลึงที่โม่จุนคุกเข่ากล่าวโทษกับตัวเอง จนทุกคนต้องคุกเข่าตามมู่เทียนซิงไม่คาดคิดว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนจะทำแบบนี้ เพลิงความโกรธอันเปี่ยมล้นดับลงในทันที จากนั้นก็คุกเข่าลงต่อหน้าของโม่จุนเขาเป็นผู้น้อยล่วงเกินเบื้องสูง ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง"ซีเอ๋อร์ของข้าชีวิตช่างลำบากจริงๆ" มู่เทียนซิงร้องให้ออกมาพร้อมกับมองบานประตูด้วยน้ำตาที่อาบใบหน้าชิงเฟิงรีบห้ามท่านผู้สำเร็จราชการแทนกล่าวโทษตัวเองและรีบพูด : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน คุณท่าน พวกท่านอย่าทำแบบนี้ คุณหนูใหญ่ดวงแข็ง นางจะต้องไม่เป็นไร นางเมื่อก่อนสอนพวกเราให้ยอมบาดเจ็บเพื่อยอมแลก ซึ่งนั่นคือการหลีกเลี่ยงโดนอวัยวะสำคัญ"โม่จุนชะงักไป จากนั้นก็พยักหน้ากล่าว : "ชิงเฟิง เจ้าพูดถูกแล้ว นางคงจะหลีกโดนตำแหน่งสำคัญ นายเคยบอกว่าจะไม่ยอมตายง่ายๆ"โม่จุนเหมือนกำลังจะพูดโน้มน้าวกับตัวเองผู้คนด้านนอกประตูร้อนใจเหมือนไฟสุม จื่ออวิ๋นเฟยด้านในประตูก็ไม่ง่ายเช่นกันเขาหวาดกลัวเป็นห่วงมู่จิ่วซี ตอนตัดเสื้อผ้าของนางออก เขาเดิมคิดว่าร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องงดงามอย่างมากถึงอย่างไรหน้าตาก็สวยขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาเป็นหมอ ไม่ได้ม
"ซีเอ๋อร์เป็นไงบ้าง?" โม่จุนลุกขึ้นมาเป็นคนแรกและเงยหน้ามองไปด้านในจื่ออวิ๋นเฟยตอนนี้ทุกลักทุเลไปทั้งตัว ผมบนหัวยุ่งเหยิงเล็กน้อย เขาหันมามองโม่จุนครู่หนึ่งและกล่าว : "หมอเทวดาอย่างข้าออกโรง คุณหนูใหญ่มู่ย่อมไม่เป็นอะไรแน่นอน เตรียมย้ายนางไปพักเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะกับการพักฟื้น"เย่ฮานและชิงเฟิงได้เตรียมเปลขนย้ายและรถม้าไว้ล่วงหน้าแล้วโม่จุนตอนฝ่าเข้ามาเห็นมู่จิ่วซีใบหน้าซีดขาวนอนหมดสติยังไม่ฟื้นบนโต๊ะ หัวใจก็เจ็บปวดจนไม่อาจเต้นต่อไปได้บาดแผลของมู่จิ่วซีถูกปิดเอาไว้ เศษผ้าที่มีเลือดสดๆ กองเต็มไปทั่วพื้น กลิ่นคาวเลือดอบอวล"ซีเอ๋อร์ ซีเอ๋อร์" โม่จุนเรียกมู่จิ่วซีเบาๆ"ตอนนี้เรียกนางไปก็ไม่มีประโยชน์ กลางคืนนางถึงจะฟื้น ตอนนี้ให้ย้ายไปจวนแม่ทัพใหญ่มู่ใช่ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยต้องการทำให้สุดความสามารถ เขาต้องดูแลมู่จิ่วซีผู้ป่วยคนนี้แน่นอนอันที่จริงเขาก็มีความเห็นแก่ตัว เขาอยากรู้เรื่องของมู่จิ่วซี เขาอยากจะร่ำเรียนกับนาง นี่ก็ช่วยชีวิตนางเอาไว้ นางก็ควรยอมจะสอนอะไรเขาบ้างจื่ออวิ๋นเฟยภูมิใจตัวเองมาก"ไม่ ให้ไปที่จวนท่านผู้สำเร็จราชการแทน!" โม่จุนรีบกล่าวออกมา"โม่จุน เจ้าพูดอะไร?
โม่จุนมาสถาบันแพทย์หลวงไม่ใช่เพื่อช่วยท่านอ๋องสี่ ท่านอ๋องสี่เกือบจะสังหารมู่จิ่วซี เขาคราวนี้ไม่ได้เห็นถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องทว่าตอนนี้ไม่ทราบว่าท่านอ๋องสามถูกท่านอ๋องสี่เอาไปไว้ที่ไหน นี่คือสิ่งที่โม่จุนกังวลใจครั้นมาถึงก็พบว่าทั้งสองบาดเจ็บสาหัสหมดสติ เขาเลยไปเข้าเฝ้าพระพันปีหลวง จากนั้นก็นำโสมพันปีที่พระพันปีหลวงพระราชทานให้มู่จิ่วซีรีบเอากลับไปยังจวนท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระพันปีหลวงทรงพอใจอย่างมาก มู่จิ่วซีเกือบจะฆ่าท่านอ๋องสี่ นี่ทำให้นางพอใจมาก แต่พอนึกได้ว่าจิ่วซีก็บาดเจ็บสาหัส นางเลยรู้สึกผิดในใจอยู่บ้าง สิ่งของที่มีประโยชน์ถูกรีบเอาไปส่งที่จวนมู่กลางดึก มู่จิ่วซีค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นสถานที่แปลกตา ทว่าเตียงหลังนี้หรูหราอย่างมาก แกะสลักมังกรหงษ์ไว้อย่างวิจิตร"คุณหนูใหญ่ ท่านตื่นแล้ว?" แม่นมคนหนึ่งรีบกล่าวอย่างดีใจ จากนั้นก็รีบออกไปเรียกคนจื่ออวิ๋นเฟยรีบเข้ามาหา โม่จุนก็มาหาอย่างเร็ว ยังมีเย่อู่เหิงพอได้ทราบข่าวก็รีบมาหา แน่นอนฮั้วอวิ๋นเทียนหลังจัดที่พักให้ฉินอวี่เยียนแล้วก็มาหาเช่นกันเย่อู๋เหิงหลังจากได้ทราบข่าวตอนอยู่ที่ศาลต้าหลี่ก็ไม่กล้าที่จะเชื่อ ขณะเด
โม่จุนส่ายหน้าพร้อมกับกล่าว: "ข้าก็เคยคิดมาก่อน แต่พอคิดไปคิดมาก็คงเป็นไปไม่ได้ พวกเขาสองคนสนิทกันอยู่บ้าง อีกอย่าง ท่านอ๋องสามก็พิการไปแล้ว เขาคงไม่คิดฆ่า คงเอาไปซ่อนมากกว่า""ทั้งจวนอ๋องสามหาไม่เจอเลยหรอ? ทางลับล่ะ?" มู่จิ่วซีถามอีกครั้ง"หาทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอ ข้าว่าคงไม่อยู่ที่จวนอ๋องสาม" โม่จุนขมวดคิ้ว "ตอนนี้นอกจากค้นหาต่อไปแล้ว ก็รอท่านอ๋องสี่ฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยถาม บางทีอาจไม่ฟื้นแล้ว"มู่จิ่วซีพรุบสายตาต่ำลง นางเจตนาจะฆ่าท่านอ๋องสี่ แต่ว่าเขาฉลาดมาก เขาเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย ดังนั้นนางเลยไม่ได้แทงโดนหัวใจเขาในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ปล่อยเขาเป็นไปตามชะตากรรม"ไม่ต้องกังวล ขอเพียงยังไม่ตาย ยังไงก็ต้องหาจนเจอ" มู่จิ่วซียิ้มจางๆฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าวอย่างเจ็บใจทันใด : "เอาล่ะ เลิกถามได้แล้ว ให้จิ่วซีไปพักผ่อนเถอะ""ท่านพี่ฮั้วช่วยพี่สาวเยียนเอ๋อร์ออกมาได้แล้วใช่ไหม?" มู่จิ่วซีสนใจเรื่องนี้อย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้นางพลาดไป"ช่วยออกมาแล้ว เยียนเอ๋อร์สบายดี นางตอนนี้อยู่ที่หอดาราจันทรา ขอบคุณเจ้ามาก" ฮั้วอวิ๋นเทียนพยักหน้าให้ทันที "น่าเสียดาย อาจื่อหนีไปแล้ว""แล้วก็หมอผีด้ว
จื่ออวิ๋นเฟยรีบกล่าวอย่างดีใจ: "เงื่อนไขอะไร?""ไปหาเจ้าหมอผีนั่นมาให้ข้า" มู่จิ่วซีหันพูดกับเขาจื่ออวิ๋นเฟยหลังจากชะงักก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก : "ข้าไม่ค่อยญาติดีกับเขา ข้าจะไปหาเขาเจอได้ยังไง?""เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ขอเพียงประกาศออกไปว่าเจ้าหมอเทวดาจื่ออวิ๋นเฟยมาที่แคว้นเกาอวิ๋นและช่วยข้ามู่จิ่วซีเอาไว้ หมอผีหลังจากทราบเรื่องก็จะต้องมาหาเจ้าแน่""เจ้าทำไมมั่นใจขนาดนั้น?" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างไม่มั่นใจ"ลองดูเดี๋ยวก็รู้แล้วปะ? เขาตอนนี้เหมือนหนูตามถนน อยากจะหนีหรืออยากจะซ่อน จะมีใครเก่งไปกว่าศิษย์พี่อย่างเจ้าอีก? ต่อให้ความสัมพันธ์แย่กว่านี้ ก็คงไม่ถึงขนาดไล่เขาไปตายปะ?" มู่จิ่วซียักคิ้วจื่ออวิ๋นเฟยเกาหัวและพูดอย่างเอือมๆ : "แบบนี้เจ้ากำลังให้ข้าหมดความชอบธรรมไม่ใช่หรือไง? ขนาดศิษย์น้องตัวเองยังทำร้าย?""แล้วจะเรียนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งมั๊ยล่ะ?" มู่จิ่วซีดูถูกเขาจื่ออวิ๋นเฟยยิ้มอย่างแหยงๆ เผยสีหน้าลำบากใจ"อันที่จริงไม่ต้องการเจ้าก็ได้ แค่ยืมชื่อของเจ้าก็พอ" มู่จิ่วซีส่วเสียงเรียกดัง "เย่ฮาน!"พวกของเย่ฮานทั้งสี่ในเรือนได้รีบเข้ามาจื่ออวิ๋นเฟยมุมปากกระตุก มู่จิ่วซีพ
"หมอเทวดา เจ้าบอกพวกเขาทีว่าข้าไม่เป็นไรแล้ว" มู่จิ่วซีเห็นจื่ออวิ๋นเฟยออกมาก็รีบพูด"คุณหนูใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรก็จริง แต่ท่านก็ต้องพักผ่อนให้มาก ข้าทำซุปบำรุงหม้อใหญ่เอาไว้ เจ้าควรจะค่อยๆ ดื่มสิ" จื่ออวิ๋นเฟยรีบยิ้มอย่างขมขื่น"ดื่มสิ ดื่มแน่นอน แต่ว่าพอนอนมากเข้า ร่างกายมันปวดเมื่อย ออกมาเดินสบายกว่าหน่อย ท่านผู้สำเร็จราชการแทนไปเข้าราชสำนักช่วงเช้าหรอ?" มู่จิ่วซีเปลี่ยนหัวข้อสนทนา"ซีเอ๋อร์!" พอสิ้นเสียง โม่จุนก็เดินอาดๆ เข้ามา "เจ้าลุกมาทำไม รีบกลับไปนอน""ข้าบอกแล้วว่าไม่เป็นไร" มู่จิ่วซีกล่าว "คิดว่าข้าไม่เป็นห่วงชีวิตของตัวเองหรือไง?""งั้นเจ้าก็ต้องไปนอนพักผ่อน หากข้าบอกว่ายังไม่หาย เจ้าก็อย่าลงมาเดิน แล้วก็อย่าคิดฟุ้งซ่านด้วย พักผ่อนฟื้นฟูอาการ เจ้าก็เห็นว่าเจ้าบาดเจ็บ 2 ครั้งนี้ทำเอาผอมไปมาก""ผอมที่ไหน? ข้าไม่ได้ผอมลงเลย?" มู่จิ่วซีเถียงกลับ"ผอม" โม่จุนเดินเข้ามาหาแล้วโอบเอวของมู่จิ่วซีอุ้มขึ้นทันทีและเดินเข้าไปข้างใน"เห้ยๆๆ เจ้าจะทำอะไร แอบตีเนียนล่วงเกินข้าหรอ!" มู่จิ่วซีถูกจอมเผด็จการโม่จุนทำเอานางไปไม่ถูก"ถ้าข้าอยากล่วงเกินรอเจ้าหายดีก่อนค่อยว่ากัน" โม่จุนวาง
มู่จิ่วซีมองหนุ่มหล่อสาวงามเดิมเข้ามา รู้สึกสบายตาจนอารมณ์ดีขึ้นมาทันที"จิ่วซี เจ้าพยุงตัวขึ้นมาเองได้ไง รีบนอนลงเถอะ" ฮั้วอวิ๋นเทียนเข้ามาก็เห็นมู่จิ่วซีกำลังจะลงจากเตียง เลยรีบเดินเข้าไปหาห้ามมู่จิ่วซี"ท่านพี่ฮั้ว ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องกังวล" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว จากนั้นก็เหลือบมองฉินอวี่เยียนรูปร่างผอมบางแต่กลับคงไว้ซึ่งความงามและกล่าว "พี่สาวเยียนเอ๋อร์ ทำไมเจ้ามาเยี่ยมข้า ไม่ไปพักผ่อน""จิ่วซี ขอบคุณเจ้ามาก ถ้าไม่ใช่เจ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าต้องถูกขังอีกนานเท่าไหร่" ฉินอวี่เยียนนั่งตรงขอบเตียงและมองมู่จิ่วซีด้วยความตื้นตันใจมู่จิ่วซีมองใบหน้าของนางอย่างละเอียดซึ่งเหมือนกับอาจื่อมากจริงๆ เพียงแต่ตรงมุมปากของอาจื่อมีไฝสีแดงเม็ดหนึ่ง ดูไปแล้วก็มีเสน่ห์เย้ายวน ทว่าฉินอวี่เยียนกลับงดงามแบบพื้นบ้านดั้งเดิม ใบหน้าดูมีความกล้าหาญ"ออกมาได้ก็ดีแล้ว เจ้าก็ควรพักผ่อนให้ดี ท่านพี่ฮั้ว เจ้าต้องซื้อของอร่อยๆ ให้นางทาน เลี้ยงดูพี่สาวเยียนเอ๋อร์ให้สมบูรณ์ด้วย" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวกับฮั้วอวิ๋นเทียนฮั้วอวิ๋นเทียนพยักหน้าและกล่าว : "แน่อยู่แล้ว เยียนเอ๋อร์ลำบากมา 3 ปี ควรต้องโทษข้าที่ถูกอาจื่อหลอก