"ซีเอ๋อร์เป็นไงบ้าง?" โม่จุนลุกขึ้นมาเป็นคนแรกและเงยหน้ามองไปด้านในจื่ออวิ๋นเฟยตอนนี้ทุกลักทุเลไปทั้งตัว ผมบนหัวยุ่งเหยิงเล็กน้อย เขาหันมามองโม่จุนครู่หนึ่งและกล่าว : "หมอเทวดาอย่างข้าออกโรง คุณหนูใหญ่มู่ย่อมไม่เป็นอะไรแน่นอน เตรียมย้ายนางไปพักเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะกับการพักฟื้น"เย่ฮานและชิงเฟิงได้เตรียมเปลขนย้ายและรถม้าไว้ล่วงหน้าแล้วโม่จุนตอนฝ่าเข้ามาเห็นมู่จิ่วซีใบหน้าซีดขาวนอนหมดสติยังไม่ฟื้นบนโต๊ะ หัวใจก็เจ็บปวดจนไม่อาจเต้นต่อไปได้บาดแผลของมู่จิ่วซีถูกปิดเอาไว้ เศษผ้าที่มีเลือดสดๆ กองเต็มไปทั่วพื้น กลิ่นคาวเลือดอบอวล"ซีเอ๋อร์ ซีเอ๋อร์" โม่จุนเรียกมู่จิ่วซีเบาๆ"ตอนนี้เรียกนางไปก็ไม่มีประโยชน์ กลางคืนนางถึงจะฟื้น ตอนนี้ให้ย้ายไปจวนแม่ทัพใหญ่มู่ใช่ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยต้องการทำให้สุดความสามารถ เขาต้องดูแลมู่จิ่วซีผู้ป่วยคนนี้แน่นอนอันที่จริงเขาก็มีความเห็นแก่ตัว เขาอยากรู้เรื่องของมู่จิ่วซี เขาอยากจะร่ำเรียนกับนาง นี่ก็ช่วยชีวิตนางเอาไว้ นางก็ควรยอมจะสอนอะไรเขาบ้างจื่ออวิ๋นเฟยภูมิใจตัวเองมาก"ไม่ ให้ไปที่จวนท่านผู้สำเร็จราชการแทน!" โม่จุนรีบกล่าวออกมา"โม่จุน เจ้าพูดอะไร?
โม่จุนมาสถาบันแพทย์หลวงไม่ใช่เพื่อช่วยท่านอ๋องสี่ ท่านอ๋องสี่เกือบจะสังหารมู่จิ่วซี เขาคราวนี้ไม่ได้เห็นถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องทว่าตอนนี้ไม่ทราบว่าท่านอ๋องสามถูกท่านอ๋องสี่เอาไปไว้ที่ไหน นี่คือสิ่งที่โม่จุนกังวลใจครั้นมาถึงก็พบว่าทั้งสองบาดเจ็บสาหัสหมดสติ เขาเลยไปเข้าเฝ้าพระพันปีหลวง จากนั้นก็นำโสมพันปีที่พระพันปีหลวงพระราชทานให้มู่จิ่วซีรีบเอากลับไปยังจวนท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระพันปีหลวงทรงพอใจอย่างมาก มู่จิ่วซีเกือบจะฆ่าท่านอ๋องสี่ นี่ทำให้นางพอใจมาก แต่พอนึกได้ว่าจิ่วซีก็บาดเจ็บสาหัส นางเลยรู้สึกผิดในใจอยู่บ้าง สิ่งของที่มีประโยชน์ถูกรีบเอาไปส่งที่จวนมู่กลางดึก มู่จิ่วซีค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นสถานที่แปลกตา ทว่าเตียงหลังนี้หรูหราอย่างมาก แกะสลักมังกรหงษ์ไว้อย่างวิจิตร"คุณหนูใหญ่ ท่านตื่นแล้ว?" แม่นมคนหนึ่งรีบกล่าวอย่างดีใจ จากนั้นก็รีบออกไปเรียกคนจื่ออวิ๋นเฟยรีบเข้ามาหา โม่จุนก็มาหาอย่างเร็ว ยังมีเย่อู่เหิงพอได้ทราบข่าวก็รีบมาหา แน่นอนฮั้วอวิ๋นเทียนหลังจัดที่พักให้ฉินอวี่เยียนแล้วก็มาหาเช่นกันเย่อู๋เหิงหลังจากได้ทราบข่าวตอนอยู่ที่ศาลต้าหลี่ก็ไม่กล้าที่จะเชื่อ ขณะเด
โม่จุนส่ายหน้าพร้อมกับกล่าว: "ข้าก็เคยคิดมาก่อน แต่พอคิดไปคิดมาก็คงเป็นไปไม่ได้ พวกเขาสองคนสนิทกันอยู่บ้าง อีกอย่าง ท่านอ๋องสามก็พิการไปแล้ว เขาคงไม่คิดฆ่า คงเอาไปซ่อนมากกว่า""ทั้งจวนอ๋องสามหาไม่เจอเลยหรอ? ทางลับล่ะ?" มู่จิ่วซีถามอีกครั้ง"หาทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอ ข้าว่าคงไม่อยู่ที่จวนอ๋องสาม" โม่จุนขมวดคิ้ว "ตอนนี้นอกจากค้นหาต่อไปแล้ว ก็รอท่านอ๋องสี่ฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยถาม บางทีอาจไม่ฟื้นแล้ว"มู่จิ่วซีพรุบสายตาต่ำลง นางเจตนาจะฆ่าท่านอ๋องสี่ แต่ว่าเขาฉลาดมาก เขาเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย ดังนั้นนางเลยไม่ได้แทงโดนหัวใจเขาในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ปล่อยเขาเป็นไปตามชะตากรรม"ไม่ต้องกังวล ขอเพียงยังไม่ตาย ยังไงก็ต้องหาจนเจอ" มู่จิ่วซียิ้มจางๆฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าวอย่างเจ็บใจทันใด : "เอาล่ะ เลิกถามได้แล้ว ให้จิ่วซีไปพักผ่อนเถอะ""ท่านพี่ฮั้วช่วยพี่สาวเยียนเอ๋อร์ออกมาได้แล้วใช่ไหม?" มู่จิ่วซีสนใจเรื่องนี้อย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้นางพลาดไป"ช่วยออกมาแล้ว เยียนเอ๋อร์สบายดี นางตอนนี้อยู่ที่หอดาราจันทรา ขอบคุณเจ้ามาก" ฮั้วอวิ๋นเทียนพยักหน้าให้ทันที "น่าเสียดาย อาจื่อหนีไปแล้ว""แล้วก็หมอผีด้ว
จื่ออวิ๋นเฟยรีบกล่าวอย่างดีใจ: "เงื่อนไขอะไร?""ไปหาเจ้าหมอผีนั่นมาให้ข้า" มู่จิ่วซีหันพูดกับเขาจื่ออวิ๋นเฟยหลังจากชะงักก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก : "ข้าไม่ค่อยญาติดีกับเขา ข้าจะไปหาเขาเจอได้ยังไง?""เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ขอเพียงประกาศออกไปว่าเจ้าหมอเทวดาจื่ออวิ๋นเฟยมาที่แคว้นเกาอวิ๋นและช่วยข้ามู่จิ่วซีเอาไว้ หมอผีหลังจากทราบเรื่องก็จะต้องมาหาเจ้าแน่""เจ้าทำไมมั่นใจขนาดนั้น?" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างไม่มั่นใจ"ลองดูเดี๋ยวก็รู้แล้วปะ? เขาตอนนี้เหมือนหนูตามถนน อยากจะหนีหรืออยากจะซ่อน จะมีใครเก่งไปกว่าศิษย์พี่อย่างเจ้าอีก? ต่อให้ความสัมพันธ์แย่กว่านี้ ก็คงไม่ถึงขนาดไล่เขาไปตายปะ?" มู่จิ่วซียักคิ้วจื่ออวิ๋นเฟยเกาหัวและพูดอย่างเอือมๆ : "แบบนี้เจ้ากำลังให้ข้าหมดความชอบธรรมไม่ใช่หรือไง? ขนาดศิษย์น้องตัวเองยังทำร้าย?""แล้วจะเรียนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งมั๊ยล่ะ?" มู่จิ่วซีดูถูกเขาจื่ออวิ๋นเฟยยิ้มอย่างแหยงๆ เผยสีหน้าลำบากใจ"อันที่จริงไม่ต้องการเจ้าก็ได้ แค่ยืมชื่อของเจ้าก็พอ" มู่จิ่วซีส่วเสียงเรียกดัง "เย่ฮาน!"พวกของเย่ฮานทั้งสี่ในเรือนได้รีบเข้ามาจื่ออวิ๋นเฟยมุมปากกระตุก มู่จิ่วซีพ
"หมอเทวดา เจ้าบอกพวกเขาทีว่าข้าไม่เป็นไรแล้ว" มู่จิ่วซีเห็นจื่ออวิ๋นเฟยออกมาก็รีบพูด"คุณหนูใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรก็จริง แต่ท่านก็ต้องพักผ่อนให้มาก ข้าทำซุปบำรุงหม้อใหญ่เอาไว้ เจ้าควรจะค่อยๆ ดื่มสิ" จื่ออวิ๋นเฟยรีบยิ้มอย่างขมขื่น"ดื่มสิ ดื่มแน่นอน แต่ว่าพอนอนมากเข้า ร่างกายมันปวดเมื่อย ออกมาเดินสบายกว่าหน่อย ท่านผู้สำเร็จราชการแทนไปเข้าราชสำนักช่วงเช้าหรอ?" มู่จิ่วซีเปลี่ยนหัวข้อสนทนา"ซีเอ๋อร์!" พอสิ้นเสียง โม่จุนก็เดินอาดๆ เข้ามา "เจ้าลุกมาทำไม รีบกลับไปนอน""ข้าบอกแล้วว่าไม่เป็นไร" มู่จิ่วซีกล่าว "คิดว่าข้าไม่เป็นห่วงชีวิตของตัวเองหรือไง?""งั้นเจ้าก็ต้องไปนอนพักผ่อน หากข้าบอกว่ายังไม่หาย เจ้าก็อย่าลงมาเดิน แล้วก็อย่าคิดฟุ้งซ่านด้วย พักผ่อนฟื้นฟูอาการ เจ้าก็เห็นว่าเจ้าบาดเจ็บ 2 ครั้งนี้ทำเอาผอมไปมาก""ผอมที่ไหน? ข้าไม่ได้ผอมลงเลย?" มู่จิ่วซีเถียงกลับ"ผอม" โม่จุนเดินเข้ามาหาแล้วโอบเอวของมู่จิ่วซีอุ้มขึ้นทันทีและเดินเข้าไปข้างใน"เห้ยๆๆ เจ้าจะทำอะไร แอบตีเนียนล่วงเกินข้าหรอ!" มู่จิ่วซีถูกจอมเผด็จการโม่จุนทำเอานางไปไม่ถูก"ถ้าข้าอยากล่วงเกินรอเจ้าหายดีก่อนค่อยว่ากัน" โม่จุนวาง
มู่จิ่วซีมองหนุ่มหล่อสาวงามเดิมเข้ามา รู้สึกสบายตาจนอารมณ์ดีขึ้นมาทันที"จิ่วซี เจ้าพยุงตัวขึ้นมาเองได้ไง รีบนอนลงเถอะ" ฮั้วอวิ๋นเทียนเข้ามาก็เห็นมู่จิ่วซีกำลังจะลงจากเตียง เลยรีบเดินเข้าไปหาห้ามมู่จิ่วซี"ท่านพี่ฮั้ว ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องกังวล" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว จากนั้นก็เหลือบมองฉินอวี่เยียนรูปร่างผอมบางแต่กลับคงไว้ซึ่งความงามและกล่าว "พี่สาวเยียนเอ๋อร์ ทำไมเจ้ามาเยี่ยมข้า ไม่ไปพักผ่อน""จิ่วซี ขอบคุณเจ้ามาก ถ้าไม่ใช่เจ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าต้องถูกขังอีกนานเท่าไหร่" ฉินอวี่เยียนนั่งตรงขอบเตียงและมองมู่จิ่วซีด้วยความตื้นตันใจมู่จิ่วซีมองใบหน้าของนางอย่างละเอียดซึ่งเหมือนกับอาจื่อมากจริงๆ เพียงแต่ตรงมุมปากของอาจื่อมีไฝสีแดงเม็ดหนึ่ง ดูไปแล้วก็มีเสน่ห์เย้ายวน ทว่าฉินอวี่เยียนกลับงดงามแบบพื้นบ้านดั้งเดิม ใบหน้าดูมีความกล้าหาญ"ออกมาได้ก็ดีแล้ว เจ้าก็ควรพักผ่อนให้ดี ท่านพี่ฮั้ว เจ้าต้องซื้อของอร่อยๆ ให้นางทาน เลี้ยงดูพี่สาวเยียนเอ๋อร์ให้สมบูรณ์ด้วย" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวกับฮั้วอวิ๋นเทียนฮั้วอวิ๋นเทียนพยักหน้าและกล่าว : "แน่อยู่แล้ว เยียนเอ๋อร์ลำบากมา 3 ปี ควรต้องโทษข้าที่ถูกอาจื่อหลอก
"นางมีโรคหัวใจที่ไหน หลอกอวิ๋นเทียนทั้งนั้น หลังจากข้าถูกจับตัวไป นางบอกว่านางทนไม่ไหว เลยจงใจแกล้งป่วยโรคหัวใจ อวิ๋นเทียนก็ดันกลับเชื่อ"ฉินอวี่เยียนฟังฮั้วอวิ๋นเทียนเล่าว่าฉินหลานจื่ออยู่กับเขามาตลอดสามปี นางบอกว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิด นางรู้สึกว่ามันไร้สาระมู่จิ่วซีเห็นใบหน้ากระอักกระอ่วนของฮั้วอวิ๋นเทียนก็อยากจะหัวเราะ"นางไม่ใช่ว่าบอกหรอกหรือว่าเจ้าให้ท่านพี่ฮั้วดูแลน้องสาวเพียงคนเดียวของเจ้า?" มู่จิ่วซีถามอีกครั้งฉินอวี่เยียนเหลือบมองฮั้วอวิ๋นเทียน ฮั้วอวิ๋นเทียนก็เผยสีหน้าทุเรศยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา : "จิ่วซี เจ้าเมื่อก่อนบอกว่าข้าตาบอด ข้าตอนนี้คิดดูแล้วคงไม่ใช่แค่ตาที่บอด แต่หัวใจก็บอดด้วย""พรูด!" มู่จิ่วซีหลุดขำออกมาฉินอวี่เยียนมองฮั้วอวิ๋นเทียนด้วยความตกใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรในความทรงจำของนาง ฮั้วอวิ๋นเทียนก็ไม่ใช่คนที่ซุกซนช่างเจรจาดูเหมือนเขากับมู่จิ่วซีจะสนิทกันดี คุ้นเคยเหมือนกับคนในครอบครัว"ตอนนั้นหอดาราจันทราก่อตั้งขึ้นที่แคว้นตงเฉิน ข้าพาพวกนางพี่น้องทั้งสองไปด้วยจนยุ่งพะวังหน้าพะวังหลัง มีวันหนึ่ง ข้าถูกศัตรูตามล่า พวกนางทั้งสองและข้าร่วมกันต่อสู้ ตอนนั้นพวก
ดวงตาโฉบเฉี่ยวทั้งสองข้างของฮั้วอวิ๋นเทียนหรี่ลง ภายในแววตาแฝงด้วยความโกรธา"ตอนแรกเป็นพวกศัตรูจริงๆ ข้ารู้จักพวกมัน แต่พวกชุดดำหลังจากนั้น ข้าตอนนี้มาคิดดูก็คงไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นผู้พิทักษ์เงาที่ท่านอ๋องสี่ส่งมาช่วยอาจื่อ"ดังนั้นเจ้าเลยสังหารศัตรูใช่ไหม?" มู่จิ่วซีถาม"ใช่ หลังจากนั้นเพื่อแก้แค้นให้กับเยียนเอ๋อร์ ข้าเลยไล่ล่าทั้ง 5 แคว้นและฆ่าพวกมันทิ้งทั้งหมด" ฮั้วอวิ๋นเทียนเหลือบมองฉินอวี่เยียนครู่หนึ่งฉินอวี่เยียนซาบซึ้งใจอย่างมากจนตาแดงระเรื่อ"อวิ๋นเทียน ลำบากเจ้าแย่เลย""เรื่องต้องมาเกิดกับเจ้าก็เพราะข้า ในใจข้าไม่อาจสงบได้" ฮั้วอวิ๋นเทียนถอนหายใจโล่งอก อันที่จริงเขาอยากจะบอก หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเขาไม่ควรไถ่ตัวพี่น้องคู่นี้มาเลยเหมือนกับลูกพี่ลูกน้องหมอเทวดาจื่ออวิ๋นเฟยได้พูดไว้ ผู้หญิงก็คือปัญหา!"ยังดีที่ตอนนี้ไม่มีเรื่องแล้ว แค่อาจื่อไม่อยู่แล้วเท่านั้น ไม่รู้ว่าไปซ่อนอยู่ไหน" มู่จิ่วซียิ้มเจื่อนๆ "นิสัยของนาง นางไม่ยอมรามือแน่นอน ข้าทำลายแผนการของนาง คงแค้นจนอยากสับข้าเป็นหมื่นๆ ชิ้นแล้วล่ะ"ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป : "จิ่วซี มันก็อาจจะเป