จื่ออวิ๋นเฟยอึ้งไป จากนั้นถึงได้หยุดและเก็บกริช : "เจ้าพูดมีเหตุผล แต่ทำไมเจ้าถึงต้องล้างออก? คุณหนูใหญ่มู่ให้เจ้าอยู่ที่นี่""คุณหนูใหญ่ให้ข้าอยู่ที่นี่ ไม่ได้บอกว่าห้ามล้างหน้า หน้าของข้าคัน ดังนั้นเลยต้องล้างออก" เย่ฮานกล่าวอย่างมีเหตุผลเขาพบว่าตัวเองอยู่กับคุณหนูใหญ่มากไป คำพูดคำจาของเขาเลยดีขึ้นงั้นเหรอ?ทว่าพอนึกถึงพวกเขาที่ออกไปจัดการภารกิจทั้งหมด ส่วนเขากลับอยู่กับวิกลจริตคนนี้ ในใจรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมอย่างมาก"งั้นเจ้าก็ไม่ต้องไปไหน ข้าจะวาดบนใบหน้าของเจ้า" จื่ออวิ๋นเฟยเห็นกล่องยาของมู่จิ่วซีที่ไม่ได้หยิบไปด้วย ทันใดนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมาเย่ฮานทันใดนั้นก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยากทางด้านนั้นทั้งสามคนรวมถึงชิงเฟิงและคนอื่นๆ แน่นอนว่าข้างกายโม่จุนก็ยังมีอานเย่และจี๋เฟิงรวมถึงคนอื่นๆ และมีทหารมังกรดำซ่อนตัวอยู่ด้วย พอรวมฮั้วอวิ๋นเทียน พวกเขาทั้งหมดก็มี 20 คนได้ไม่นานก็มาถึงจวนท่านอ๋องสามพร้อมกับปิดล้อมเอาไว้ โม่จุนลงจากม้า มู่จิ่วซีและฮั้วอวิ๋นเทียนก็ลงจากมาตามมา ทั้งสามรวมกลุ่มกัน"ก็คงมีแค่ท่านอ๋องสี่ที่สามารถใช้ทองคำหมื่นตำลึงในการสั่งทำหน้ากากหนังมนุษย์ ท่านอ๋องสี่คงสั่ง
เซียวหลิงเย่ว์สีหน้าหวาดกลัวมาก ซิวเซียงบ่าวรับใช้อีกคนของนางก็รีบกล่าว : "พระชายา ท่านกลับจวนเถอะเพคะ เรื่องคราวนี้เหมือนว่าจะใหญ่มาก""เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ข้าต้องดูให้ได้" เซียวหลิงเย่ว์ถกชายกระโปรงขึ้นและวิ่งไปที่เรือนท่านอ๋องสามถึงอย่างไรหลังจากท่านอ๋องสามถูกปราบกบฏ เขาก็ดูดุร้ายผิดปกติ ทั้งสองแยกเรือนกันตั้งนานแล้ว นางต้องดูแลอู่เอ๋อร์ลูกสาวของนาง เลยขี้เกียจะใส่ใจท่านอ๋องสามที่ลากนางลงเหวพอคิดว่าลิขิตชะตาของตนได้เป็นผู้สูงศักดิ์ร่ำรวยแล้วแท้ๆ เดิมทีก็ควรจะได้แต่งกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนและได้เป็นพระชายาของท่านผู้สำเร็จราชการแทน ทว่ากลับได้เป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้ก่อกบฎ ในใจของนางก็ยากเกินจะสงบอารมณ์ได้แต่ว่าเรื่องก่อกบฏก็ผ่านไป 3 ปีแล้ว ตอนนี้ยังจะมีเรื่องอะไรอีก?พอเห็นใบหน้าเคร่งขรึมของโม่จุนและมู่จิ่วซี ราวกับว่าท่านอ๋องสามทำเรื่องชั่วร้ายอะไรอย่างนั้นทว่าขออย่าให้พัวพันมาถึงนางและลูกสาวเลย หากเป็นไปได้ นางก็อยากจะกลับแคว้นซีเย่ว์จริงๆ เสด็จพี่เฟิ่งหล่าวคนหกคงจะรักเอ็นดูนางมากแน่นอนส่วนทางด้านนี้ โม่จุนและมู่จิ่วซีก็บุกเข้าไปภายในเรือนท่านอ๋องสามโม่ส่างอู่
"จื่ออวิ๋นเฟยคนนี้ทำหน้ากากได้เก่งกาจมากเสียจริง" มู่จิ่วซีอุทาน "น่าเสียดายที่ยาสำหรับดองแช่ไม่อาจลบกลิ่นออกไปได้ แค่ดมก็รู้แล้วว่าเป็นกลิ่ของคนตาย"มู่จิ่วซีพูดจบก็เอากริชกรีดผิวหนังตรงโคนผมของท่านอ๋องสาม ทว่ากลับไม่มีเลือดไหล ทำเอามุมปากของนางเผยยิ้มและยักคิ้วมองโม่จุน"ท่านอ๋องสี่ เลิกเสแสร้งเถอะ จนมุมแล้วก็ยอมเถอะ พูดตามตรง วิธีนี้ช่างฉลาดอย่างมาก หากข้าไม่ได้ไปพบจื่ออวิ๋นเฟย บางทีอาจไม่ได้รู้ไปตลอดกาลว่าเจ้าปลอมตัวเข้ามาแทนท่านอ๋องสาม โม่จุนต่อให้สงสัยแค่ไหน ก็คงไม่มีทางสงสัยคนพิการอย่างท่านอ๋องสามได้แน่ ฉลาดมาก ฉลาดมากจริงๆ!"มู่จิ่วซียอมใจนับถือเลย แผนการดั่งภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ (ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ หมายถึง แยบยล มองไม่ออก)มือของนางกระชากหน้ากากออกในทันใด ท่านอ๋องสามตะโกนร้องเสียงดัง หน้ากากหนังมนุษย์อันหนึ่งได้ถูกลอกออกมาจากใบหน้าของเขาปกติจะต้องใช้น้ำแช่ให้นุ่มก่อนแล้วค่อยลอกออก แต่มู่จิ่วซีกลับดึงออกมาตรงๆ ดังนั้นความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนลอกหนังทั้งเป็นทำเอาท่านอ๋องสี่ทนไม่ได้จนร้องโอดครวญเสียงดังทันใดนั้นเสียงดังแหวกอากาศก็ดังขึ้นมา มู่จิ่วซีและโม่จุนสีหน้าเปลี่ยนทันที พ
สายตาของมู่จิ่วซีซึ่งล้มลงกับพื้นก็มองไปทางฮั้วอวิ๋นเทียนและตะโกน : "ไปจับอาจื่อ!" ขณะพูด มือของนางก็สกัดจุดชีพจรตรงอกหลายจุดฮั้วอวิ๋นเทียนไม่ได้ตามไป เขาลงมาหามู่จิ่วซีโดยตรงพร้อมกับใบหน้าเกรี้ยวกราด : "ทำไมเจ้าโง่ขนาดนี้ เจ้าอาจตายก็ได้!"ฮั้วอวิ๋นเทียนมองรอยเลือดตรงอกของมู่จิ่วซี ดอกธนูไม่ได้ปักลึก เขารู้สึกหัวใจแทบจะหยุดเต้นทั้งที่หัวธนูก็ไม่ได้แทงเข้าไป"รีบตามไปสิ! ข้าไม่เป็นไร เจ้ารีบไป!" มู่จิ่วซีโกรธจนถลึงตามองเขา จากนั้นก็หันไปยิ้มให้กับท่านอ๋องสี่ที่จมกองเลือดท่านอ๋องสี่หน้าซีดขาวราวกับกระดาษ สายตาที่มองมู่จิ่วซีได้เปลี่ยนไป ดวงตามีความหวาดกลัวขึ้นมา"เจ้า เจ้ามันนังบ้า" จากนั้นคอก็ล้มพับกับพื้นและหมดสติไป"ท่านพี่ฮั้ว รีบไปสิ ข้ากลัวโม่จุนจะเป็นอันตราย!" มู่จิ่วซีผลักมือของฮั้วอวิ๋นเทียนที่ต้องการจะช่วยพยุงนาง"เขาไม่ได้อ่อนแอ! เจ้าต่างหากเป็นอันตราย!" ฮั้วอวิ๋นเทียนทันใดนั้นรู้สึกว่าไม่มีอะไรสำคัญ เขาไม่อาจมองมู่จิ่วซีในสภาพนี้ได้ หน้าเริ่มถอดสี ริมฝีปากเริ่มซีดขาวเขาอุ้มมู่จิ่วซีขึ้นมา จากนั้นก็ทะยานออกจากจวนอ๋องสาม ทว่าชิงเฟิงก็ได้เข้ามาและรีบออกคำสั่ง "รีบพาท
ผู้หญิงคนนี้จงใจงั้นหรือ?เย่ฮานคว้าฮั้วอวิ๋นเทียนและเดินออกไปพร้อมพูดกับจื่ออวิ๋นเฟย : "รบกวนหมอเทวดาด้วย"ออกมาเสร็จเขาก็รีบถาม : "เจ้าสำนักฮั้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านผู้สำเร็จราชการแทนล่ะ?""เรื่องมันยาว เจ้ารีบไปเรียกคนมาเฝ้าเถอะ เดี๋ยวค่อยเปลี่ยนที่คุยกัน" ฮั้วอวิ๋นเทียนมองที่ประตูอย่างวิตกกังวลมากและกล่าวเย่ฮานเห็นเขาเหงื่อท่วมหัวก็เลยไม่ถามอะไรอีก เขารู้ว่าต้องเกิดเรื่องอันตรายขึ้น ดังนั้นก็เลยรีบออกจากหอชมจันทร์อีกด้านหนึ่ง เพื่อที่ไม่ให้มู่จิ่วซีได้ตกเป็นเป้าของเซวียนหยวนเชา โม่จุนก็ไล่ตามทิศการยิงธนูของเซวียนหยวนเชาไป จนมาถึงเรือนในสุดของจวนอ๋อง เห็นเซวียนหยวนเชายืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ธนูเต็มไปด้วยไอเย็นลึกล้ำเล็งมาทางเขาเสียง "ฟิ้ว!" ดังขึ้น ธนูยิงเข้ามา โม่จุนคราวนี้ไม่หลบและตวัดกระบี่ออกไปเบี่ยงวิธีธนู เขาทะยานออกไปอีกครั้งเซวียนหยวนเชายิงธนูอีกดอกก่อนจะโดดหนี โม่จุนทะยานอย่างรวดเร็วไล่ตามจากนั้นทหารมังกรดำก็ปรากฎตัวขึ้นมาอีกด้านหนึ่ง คันธนูเล็งยิงศรมาหาเซวียนหยวนเชาเซวียนหยวนเชารีบป้องกันและเข้ามาในเรือน โม่จุนก็มาถึงเช่นกัน ทั้งสองเผชิญหน้ากันภายในเร
เซียวหลิงเย่ว์ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะไล่ตามและได้มาเห็นภาพเหตุการณ์อันตราย นางเห็นธนูซึ่งวางอยู่ตรงพื้นห่างออกไปไม่ไกล นางทั้งตัวตอนนี้อ่อนยวบไปหมดยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉากที่มู่จิ่วซีและท่านอ๋องสี่ล้มลงไปพร้อมกัน"นาง นางถูกยิง ถูก ถูกอุ้มไปแล้ว" เซียวหลิงเย่ว์สะอึกสะอื้น "โม่จุน ท่านอ๋องสามทำไมถึงกลายเป็นท่านอ๋องสี่ไปได้? แล้วท่านอ๋องสามล่ะ?""เจ้าพูดว่าอะไรนะ? ซีเอ๋อร์ถูกธนูยิง? ใครอุ้มนางไป?" โม่จุนฟังประโยคสุดท้ายของนางไม่ชัด แค่รู้สึกว่าหัวใจหยุดเต้นไปชั่วครู่ หายใจได้อย่างยากลำบาก"มู่จิ่วซีถูกธนูยิง หลังของท่านอ๋องสี่ถูกดาบแทงและถูกเอาตัวไปส่งสถาบันแพทย์หลวงแล้ว ส่วนคนที่ช่วยมู่จิ่วซีคือชายในชุดแดง" เซียวหลิงเย่ว์คราวนี้ให้ความร่วมมือตอบ"ฮั้วอวิ๋นเทียน!" โม่จุนหรี่ตาลง"คุณท่าน! ทางนี้ยังมีคน!" ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนเสียงดัง"ไฟไหม้แล้ว เร็ว รีบดับไฟ!" มีคนตะโกนอีกครั้งโม่จุนทันใดนั้นก็ทะยานออกไป เพราะว่าเขาได้ยินเสียงหลิวฮั่วเป็นเสียงแรก หลายเรือนด้านนอกล้วนวุ่นวายโกลาหลขณะรอโม่จุนจะมาถึงชั้นสามของหอชมจันทร์ ฮั้วอวิ๋นเทียนก็มีสีหน้าขมขื่นนั่งรอตรงปากบันไดโม่จุนเห็นสภาพของ
"อีกไม่นานก็รู้แล้ว" ยังไม่ทันสิ้นเสียงโม่จุน ชั้นล่างก็มีคนวิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วชิงเฟิงพอมาถึงก็คุกเข่าลง โม่จุนเลยรีบถาม : "ทางด้านนั้นเป็นไงบ้าง?""ทูลท่านผู้สำเร็จราชการแทน เราจับอาจื่อคนนั้นไว้ไม่ได้ แต่ได้ตรวจค้นเรือนของบรรดาบุตรและธิดาคนหนึ่งของท่านอ๋องสี่แล้ว นางบอกว่านางชื่อฉินอวี่เยียนพะยะค่ะ"ฮั้วอวิ๋นเทียนลุกขึ้นมาในทันทีและกล่าว : "ช่วยเยียนเอ๋อร์ไว้ได้แล้ว?"ชิงเฟิงพยักหน้าและกล่าว : "เจ้าสำนักฮั้ว แม่นางฉินบอกว่าอยากพบท่านขอรับ""นางอยู่ที่ไหน?" ฮั้วอวิ๋นเทียนถาม"ทั้งหมดอยู่ที่กรมพระราชวังนครบาล ทว่าใต้เท้าโจวเหยาไม่ได้ทำอะไรแม่นางฉินขอรับ" ชิงเฟิงกล่าว จากนั้นก็หันบานประตูที่ปิดอยู่ฮั้วอวิ๋นเทียนชะงักไป จากนั้นก็หันมองบานประตูที่ปิดอยู่เช่นกัน ในตอนท้ายก็กล่าวออกมา : "ข้าจะรอจิ่วซีฟื้นก่อนค่อยไปหา""ซีเอ๋อร์มีข้าคอยเฝ้าอยู่แล้ว เจ้ารีบไปเถอะ ฉินอวี่เยียนรอเจ้ามาสามปีแล้ว" โม่จุนหลังจากขมวดคิ้วก็กล่าวออกมาเขามองออกว่าฮั้วอวิ๋นเทียนไม่ได้รู้สึกแบบทั่วไปกับมู่จิ่วซี ทำไมไม่ไปดูแม่นวลจันทร์คนรักของตนเองก่อน แต่กลับมาเฝ้าอยู่ที่นี่?มู่จิ่วซีบอกเขา ฉินอวี่เยีย
ทุกคนตกใจตะลึงที่โม่จุนคุกเข่ากล่าวโทษกับตัวเอง จนทุกคนต้องคุกเข่าตามมู่เทียนซิงไม่คาดคิดว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนจะทำแบบนี้ เพลิงความโกรธอันเปี่ยมล้นดับลงในทันที จากนั้นก็คุกเข่าลงต่อหน้าของโม่จุนเขาเป็นผู้น้อยล่วงเกินเบื้องสูง ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง"ซีเอ๋อร์ของข้าชีวิตช่างลำบากจริงๆ" มู่เทียนซิงร้องให้ออกมาพร้อมกับมองบานประตูด้วยน้ำตาที่อาบใบหน้าชิงเฟิงรีบห้ามท่านผู้สำเร็จราชการแทนกล่าวโทษตัวเองและรีบพูด : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน คุณท่าน พวกท่านอย่าทำแบบนี้ คุณหนูใหญ่ดวงแข็ง นางจะต้องไม่เป็นไร นางเมื่อก่อนสอนพวกเราให้ยอมบาดเจ็บเพื่อยอมแลก ซึ่งนั่นคือการหลีกเลี่ยงโดนอวัยวะสำคัญ"โม่จุนชะงักไป จากนั้นก็พยักหน้ากล่าว : "ชิงเฟิง เจ้าพูดถูกแล้ว นางคงจะหลีกโดนตำแหน่งสำคัญ นายเคยบอกว่าจะไม่ยอมตายง่ายๆ"โม่จุนเหมือนกำลังจะพูดโน้มน้าวกับตัวเองผู้คนด้านนอกประตูร้อนใจเหมือนไฟสุม จื่ออวิ๋นเฟยด้านในประตูก็ไม่ง่ายเช่นกันเขาหวาดกลัวเป็นห่วงมู่จิ่วซี ตอนตัดเสื้อผ้าของนางออก เขาเดิมคิดว่าร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องงดงามอย่างมากถึงอย่างไรหน้าตาก็สวยขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาเป็นหมอ ไม่ได้ม