เขาเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ขอเพียงฟื้นฟูพละกำลังกลับคืนมาได้ นางจะไม่มีทางนั่งรอความตายเฉยๆ แน่ พอถึงตอนนั้นนางจะต้องมาหาเขาเองแน่นอนก็แค่เขาไม่คาดคิดว่าวิธีที่มู่จิ่วซีใช้ในการตามหาเขาจะไม่เหมือนกับคนอื่น นี่ไม่ใช่เป็นการตามหาเขา แต่มันเป็นการหาคนทั้งพระนครแล้วเสียงดังขนาดนี้ อย่างกับฟ้าผ่า กลัวทุกคนไม่รู้หรือไงว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนโม่จุนอยู่ที่นี่?ทว่าในใจของเขากลับรู้สึกมีความสุข นี่เป็นการแสดงว่าผู้หญิงคนนี้เชื่อมั่นในตัวเขา เชื่อว่าเขาจะตามมาถึงที่นี่ เชื่อว่าเขากำลังรอนางการรู้ใจกันระหว่างของคนทั้งสองฝ่ายก็มาถึงขั้นที่ใจตรงกันโม่จุนทันใดนั้นก็ส่งเสียงผิวปากยาวออกไป เสียงก้องยิ่งกว่าอะไร ราวกับเสียงพลุไฟสัญญาณเซวียนหยวนเชาซึ่งอยู่ในตำหนักพอได้ยินเสียงผิวปากก็สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ส่วนมู่จิ่วซีก็หัวเราะเฮฮาเสียงดังขึ้นมา"เซวียนหยวนเชา เจ้าแพ้แล้ว!" มู่จิ่วซีพอพูดจบก็พุ่งทะยานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว"ยิง ยิงนางให้ตาย!" เซวียนหยวนเชาตะโกนเสียงดังในทันที ส่วนเขาก็ทะยานขึ้นไปกลางอากาศทั้งตัวขึ้นไปยังยอดอาคาร ธนูในมือถูกง้างจนสุดสายในพริบตาแน่นอนว่าเขาเล็งไปยังทิศของโม่จุน
"ซีเอ๋อร์" โม่จุนพุ่งทยานเข้ามาหา เขาเห็นเซวียนหยวนเชาพาลูกน้องชายชุดดำหนีไปแล้ว ทว่าเขาไม่ได้ตามไปแต่กลับรีบตามหามู่จิ่วซี เขาก้มมองจากยอดอาคารก็เห็นเงาคนกำลังลงมือสังหารคนอยู่ภายในเรือนเลือดสดๆ ย้อมเป็นสีแดงไปทั่วทั้งเรือนขนาดใหญ่ ด้านในมีชายชุดดำจำนวนนับไม่ถ้วน โม่จุนลองนับดูคร่าวๆ มีอยู่ประมาน 30-40 คน ทั้งหน้าทั้งตัวทั้งแขนของมู่จิ่วซีล้วนเต็มไปด้วยเลือด ราวกับว่าคลานออกมาจากนรกนางยังคงเข่นฆ่าไม่หยุด นางกำลังจะฆ่าพวกชุดดำที่เหลืออยู่ทิ้งให้หมดราวกับว่าไม่อาจหยุดได้เสียงเรียกซีเอ๋อร์ไม่อาจทำให้นางหยุดยอมแพ้จากเป้าหมายพวกชุดดำต้องการจะหนีแต่ก็ล้วนหนีไม่รอด ทั้งมีดบิน กริช ดาบวงพระจันทร์และแส้ ราวกับว่ามู่จิ่วซีมีวิธีในการใช้หยุดรั้งพวกเขาไม่ให้หนีได้"ซีเอ๋อร์!" โม่จุนรีบกระโจนเข้าไปพร้อมกับสังหารพวกชุดดำที่ตกใจและต้องการจะหนี จากนั้นก็หันมองมู่จิ่วซีอย่างกังวลและเป็นห่วงมู่จิ่วซียืนนิ่งพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมา ในแววตาทั้งสองข้างล้วนเป็นสีเลือด กลิ่นอายดำมืดรอบตัวอันครุกรุ่นทำเอาหัวใจของโม่จุนต้องสั่นสะท้านเหมือนกับตอนนั้นที่เขาถูกศัตรูล้อมเอาไว้ ตอนทุ่มกำลังฝ่าวงล้อม ด
"เกรงว่าจะหมดบุญไม่รอดเสียมากกว่า...""ถุย ปากเสีย คุณหนูใหญ่มู่เป็นถึงความภาคภูมิใจของแคว้นเกาอวิ๋น อย่าพูดซี้ซั้ว! ระวังข้าจะตบปากเจ้าให้""ใช่ๆๆ คุณหนูใหญ่มู่จะต้องไม่เป็นอะไร เรื่องที่เกิดกับนางล้วนเป็นปาฏิหาริย์ ครั้งนี้ก็จะต้องมีปาฏิหาริย์เช่นกัน"ทุกคนของแคว้นเกาอวิ๋นต่างรู้ชื่อเสียงเรียงนามของมู่จิ่วซี ไม่สิ ต้องบอกว่าตำนานมากกว่า!ทางด้านของโม่จุนก็อุ้มมู่จิ่วซีทะยานกลับไปยังพระราชวังโดยตรง เพราะหมอที่เก่งกาจนอกจากมู่จิ่วซีแล้ว ก็คือแพทย์หลวงของราชวงศ์ส่วนโม่จุนตอนนี้ไม่กล้าจะใช้รถม้าเพราะกลัวว่าความเร็วจะช้า เขาตอนนี้เหมือนม้าป่าที่ปลดบังเหียนออกและกำลังทะยานท่ามกลางยอดอาคารในพระนครตลอดทางถูกทหารตรวจตราของกรมพระราชวังนครบาลพบเข้าพร้อมกับตามเข้ามาต่อว่า แต่ก็ถูกโม่จุนปรามไปคำและถอยออกไปจากนั้นใต้เท้าโจวเหยาแห่งกรมพระราชวังนครบาลก็ทราบอย่างรวดเร็วว่ามู่จิ่วซีบาดเจ็บสาหัส สลบไม่รู้สึกตัวอยู่ในสถานการณ์ขั้นวิกฤติ ทำเอาเขาตกใจหน้าซีดพร้อมกับรีบให้คนไปรายงานมู่เทียนซิง เย่อู๋เหิงและคนอื่นๆพร้อมกับสั่งให้คนไปรายงานแจ้งฮั้วอวิ๋นเทียนเจ้าสำนักแห่งหอดาราจันทราโจวเหยาเห็นว
โม่จุนมองฮั้วอวิ๋นเทียนที่กระวนกระวายจนเหงื่อไหลออกมาเต็ม ในใจถึงขั้นเรียกได้ว่าปวดร้าว"ไม่ต้อง ในวังล้วนมีของทุกอย่าง ต่อให้ไม่มี ข้าเองก็มี" โม่จุนไม่อยากให้มู่จิ่วซีใช้ของฮั้วอวิ๋นเทียนชายคนนี้เป็นห่วงมู่จิ่วซีมากเกินไปแล้วไหม?หรือว่าชอบมู่จิ่วซีเข้าให้แล้ว?ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เขามีผู้หญิงที่ชอบชื่อว่าเยียนเอ๋อร์ แม้ว่าจะตายไปแล้ว แต่คงจะไม่ตกหลุมรักครั้งใหม่เร็วขนาดนี้หรอกใช่ไหม?โม่จุนคิดในใจ ฮั้วอวิ๋นเทียนกลับพูดออกมาอย่างเย็นชา : "ตอนนี้ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้งั้นเหรอ? จิ่วซีเป็นยังไงบ้าง? ทำไมถึงได้บาดเจ็บสาหัส? อันตรายไหม?"โม่จุนไอออกมาเบาๆ พอเห็นใบหน้ามากมายที่กำลังกังวลมู่จิ่วซียิ่งกว่าอะไร ในใจของเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีตอนเขาเองบาดเจ็บสาหัสก็แทบไม่เคยเห็นคนพวกนี้มาเยี่ยมเขาเลย!"เรื่องในคืนนี้เดิมทีถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด" โม่จุนเริ่มเล่าตั้งแต่พระมเหสีเลี่ยวมาที่กรมพระราชวังนครบาลเพื่อขอร้อง"อะไรนะ! ทำไมถึงต้องเอาซีเอ๋อร์ของข้าไปแลกกับท่านอ๋องหกด้วย!" มู่เทียนซิงพอได้ยินก็โมโหขึ้นมา ชีวิตของท่านอ๋องนั้นสำคัญ แล้วชีวิตลูกสาวสุดที่รักของเขาไม่สำคัญ
"บาดแผลทั่วร่างกาย?" ในแววตาของเย่อู่เหิงล้วนคือความปวดใจ"ใช่ ตอนข้าไปรับนาง ทั่วตัวของนางเต็มไปด้วยเลือด ไม่มีสภาพตรงไหนดีเลย แต่นางก็ยังยิ้มให้ข้า" โม่จุนพอพูดถึงตรงนี้ก็ระคายเคืองจมูกขึ้นมาทุกคนต่างมองหน้ากัน อารมณ์กังวลหนักใจยิ่งกว่าอะไร"แล้วเป็นฝีมือใครกันแน่!" ทันใดนั้นฮั้วอวิ๋นเทียนก็แผ่จิตสังหารออกมาโม่จุนเหลือบมองเขาและหันมองดูรอบๆ พอเห็นว่าทุกคนเป็นคนของเขาก็เลยไม่ปิดบัง"มกุฎราชกุมารแคว้นเป่ยจิ้นเซวียนหยวนเชา""อะไรนะ!" มู่เทียนซิงถลึงตาโตจนแทบจะหลุดออกจากเบ้า"เรื่องนี้หากต้องพูดก็คงจะยืดยาว ในเมื่อทุกคนกำลังรอซีเอ๋อร์ให้พื้นขึ้นมา งั้นเราเข้าไปค่อยๆ คุยกันดีกว่า" โม่จุนคิดอยู่ครู่ก่อนจะพูดขึ้นมาแต่ว่าในตอนท้ายก็ยังหันมองฮั้วอวิ๋นเทียน"จิ่วซีเป็นเพื่อนของข้า นางต้องทนทุกข์ขนาดนั้น ข้าแน่นอนว่าไม่สามารถนิ่งดูดายได้ อีกอย่าง ระหว่างข้ากับมกุฎราชกุมารแคว้นเป่ยจิ้นก็มีเรื่องกันมาก่อน" ฮั้วอวิ๋นเทียนเข้าใจความหมายของโม่จุน เลยแสดงจุดยืนออกไปตรงๆโม่จุนเลิกคิ้วและพยักหน้า พวกเขาทั้งหมดเดินเข้ามานั่งยังข้างๆ ห้องผู้ป่วยของมู่จิ่วซีเย่ฮานและอานเย่ทำหน้าที่เป็นบ่าว
โจวเหยาชะงัก ทุกคนเองก็นิ่งไป ชั่วขณะนั้น ทุกคนก็เข้าใจในทันทีว่าตำแหน่งของมู่จิ่วซีในใจของท่านผู้สำเร็จราชการแทนสำคัญมากแค่ไหน"รับสั่งไปว่าให้เอาเห็ดหลินจือเก้าโคจรไปต้ม รอจนจิ่วซีฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยให้นางดื่ม" ฮั้วอวิ๋นเทียนเอากล่องให้กับเย่ฮานเย่ฮานหันมองท่านผู้สำเร็จราชการแทน มู่เทียนซิงก็รีบพูดขึ้นมา : "ยังไม่ไปอีก! ของดีขนาดนี้ ซีเอ๋อร์ดื่มแล้วจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ ทำไมถึงยังไม่ออกมาอีก! นานขนาดนี้แล้ว ร้อนใจจะตายแล้วเนี่ย"บังเอิญจังหวะพอดีที่เสียงประตูห้องข้างๆ เปิดออก อานเย่รีบคว้าแพทย์หลวงอู๋เอาไว้"แพทย์หลวงอู๋ ซีเอ๋อร์ล่ะ?" โม่จุนรีบถามขึ้นมา คนอื่นๆ ก็ทยอยลุกขึ้นพร้อมกับมองเขาอย่างกระวนกระวายแพทย์หลวงอู๋น้อมเคารพและกล่าว : "ทุกท่าน คุณหนูใหญ่มู่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต ทุกท่านวางใจได้ แต่แค่มีบาดแผลภายนอกไปทั้งตัว คงต้องใช้เวลาในการจัดการแผล ผนวกกับการเสียเลือดไปมากและเหนื่อยมากเกินไเลยหมดสติไม่ฟื้น แต่ไม่เป็นอะไรแน่นอน วางใจเถอะ""บาดแผลภายนอกทั้งตัว งั้นผิวคงจะไม่..." สีหน้าของมู่เทียนซิงแย่ยิ่งกว่าอะไร หญิงสาวหากมีรอยแผลเป็นไปทั่วร่าง หลังจากนี้จะได้รับความรักโปรดปรา
โม่จุนเห็นแก่เห็ดหลินจือเก้าโคจรและยาบำรุงผิวก็เลยพยักหน้าตกลงหลังจากช่วงบ่าย ดวงอาทิตย์ได้ขึ้นสูง โม่จุนกลับมาจากเข้าเฝ้าพระพันปีหลวง ทั้งพระนครได้ตกเข้าสู่สถานะวิกฤติอีกครั้งเรื่องของท่านอ๋องสี่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันเกินไป เลยทำให้กระทรวงราชทัณฑ์ กรมพระราชวังนครบาล รวมถึงทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์และอีกหลายฝ่ายดำเนินการสืบสวนร้านค้าของท่านอ๋องสี่ที่เปิดในแคว้นเกาอวิ๋น ทรัพย์สินทั้งหมดได้ถูกยึดจวนของท่านอ๋องสี่ได้ถูกปิดล้อม แต่กลับไม่เห็นเงาของท่านอ๋องสี่และลูกชายของเขาแล้วเห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องสี่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้านานแล้ว พอเกิดเรื่องขึ้น เขาก็คงจะปกป้องลูกชายตนและไปซ่อนหรือออกจากแคว้นเกาอวิ๋นไปแต่เชื่อได้ว่าท่านอ๋องสี่เองก็ไม่คาดคิดว่าจะถูกเปิดโปงเร็วขนาดนี้ บางทีอาจรู้นานแล้วว่ามู่จิ่วซีมีความสามารถ พวกเขาไม่ควรเอาท่านอ๋องหกมาแลกเปลี่ยนมู่จิ่วซีเลย เป็นการขุดหลุมให้กับตัวเองชัดๆมู่จิ่วซีในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมา นางพอลืมตาขึ้นก็รู้สึกปวดไปทั้งตัว แต่ความเจ็บปวดนี้อยู่ในขอบเขตที่นางทนไหว"คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าฟื้นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง?" แพทย์หลวงอู๋กับแพทย์หลวงหวังไม่กล้าห่า
โม่จุนไม่คาดคิดว่าเวลานี้จะได้ยินนางพูดนึกถึงฮั้วอวิ๋นเทียน เมื่อครู่ที่อารมณ์ดีก็หม่นหมองเป็นเมฆดำในทันควัน"จนป่านนี้แล้ว เจ้ายังนึกถึงฮั้วอวิ๋นเทียนอีก?" น้ำเสียงของโม่จุนเย็นเยือกราวกับในนรกลึกขุมที่เก้าขณะเดียวกัน มู่เทียนซิงก็พูดขึ้นมา : "ซีเอ๋อร์ เจ้าสำนักฮั้วไม่เลวเลยจริงๆ เขาพอได้ยินว่าเจ้าบาดเจ็บก็รีบมาเป็นคนแรก แล้วก็ยังเอาเห็ดหลินจือเก้าโคจรให้เจ้าด้วย นั่นเป็นของดีเชียวล่ะ ยังบอกด้วยว่าจะช่วยเจ้ารวบรวมยาบำรุงผิวจากทั้ง 6 แคว้นมาให้ คงไม่อยากให้เจ้ามีรอยแผลเป็น เขาใจดีจริงๆ"คำพูดของมู่เทียนซิงกับตำพูดของโม่จุนแทบจะพูดขึ้นมาพร้อมกัน มู่จิ่วซีชะงักไป นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นางหลับไปนานแค่ไหน ทำไมเหมือนกับมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นอย่างใดอย่างนั้น?"ท่านพี่ฮั้วได้มาหาแล้ว?" มู่จิ่วซีตกใจและหันไปมองท่านพ่อของนางเอง"ใช่ ฮั้วอวิ๋นเทียนกับเย่อู่เหิงมาเยี่ยมเจ้าแล้ว แล้วก็ยังมีใต้เท้าโจวเหยาด้วย" มู่เทียนซิงกล่าวจากนั้นก็กล่าวอย่างโมโหกับโม่จุน "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าหมายความว่ายังไง ฮั้วอวิ๋นเทียนดีกับซีเอ๋อร์คงจะไม่ได้เดือดร้อนเจ้าหรอกใช่ไหม ยังไงก็ดีกว่าเจ้าที่เรียกซีเอ๋
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่