"ซีเอ๋อร์" โม่จุนพุ่งทยานเข้ามาหา เขาเห็นเซวียนหยวนเชาพาลูกน้องชายชุดดำหนีไปแล้ว ทว่าเขาไม่ได้ตามไปแต่กลับรีบตามหามู่จิ่วซี เขาก้มมองจากยอดอาคารก็เห็นเงาคนกำลังลงมือสังหารคนอยู่ภายในเรือนเลือดสดๆ ย้อมเป็นสีแดงไปทั่วทั้งเรือนขนาดใหญ่ ด้านในมีชายชุดดำจำนวนนับไม่ถ้วน โม่จุนลองนับดูคร่าวๆ มีอยู่ประมาน 30-40 คน ทั้งหน้าทั้งตัวทั้งแขนของมู่จิ่วซีล้วนเต็มไปด้วยเลือด ราวกับว่าคลานออกมาจากนรกนางยังคงเข่นฆ่าไม่หยุด นางกำลังจะฆ่าพวกชุดดำที่เหลืออยู่ทิ้งให้หมดราวกับว่าไม่อาจหยุดได้เสียงเรียกซีเอ๋อร์ไม่อาจทำให้นางหยุดยอมแพ้จากเป้าหมายพวกชุดดำต้องการจะหนีแต่ก็ล้วนหนีไม่รอด ทั้งมีดบิน กริช ดาบวงพระจันทร์และแส้ ราวกับว่ามู่จิ่วซีมีวิธีในการใช้หยุดรั้งพวกเขาไม่ให้หนีได้"ซีเอ๋อร์!" โม่จุนรีบกระโจนเข้าไปพร้อมกับสังหารพวกชุดดำที่ตกใจและต้องการจะหนี จากนั้นก็หันมองมู่จิ่วซีอย่างกังวลและเป็นห่วงมู่จิ่วซียืนนิ่งพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมา ในแววตาทั้งสองข้างล้วนเป็นสีเลือด กลิ่นอายดำมืดรอบตัวอันครุกรุ่นทำเอาหัวใจของโม่จุนต้องสั่นสะท้านเหมือนกับตอนนั้นที่เขาถูกศัตรูล้อมเอาไว้ ตอนทุ่มกำลังฝ่าวงล้อม ด
"เกรงว่าจะหมดบุญไม่รอดเสียมากกว่า...""ถุย ปากเสีย คุณหนูใหญ่มู่เป็นถึงความภาคภูมิใจของแคว้นเกาอวิ๋น อย่าพูดซี้ซั้ว! ระวังข้าจะตบปากเจ้าให้""ใช่ๆๆ คุณหนูใหญ่มู่จะต้องไม่เป็นอะไร เรื่องที่เกิดกับนางล้วนเป็นปาฏิหาริย์ ครั้งนี้ก็จะต้องมีปาฏิหาริย์เช่นกัน"ทุกคนของแคว้นเกาอวิ๋นต่างรู้ชื่อเสียงเรียงนามของมู่จิ่วซี ไม่สิ ต้องบอกว่าตำนานมากกว่า!ทางด้านของโม่จุนก็อุ้มมู่จิ่วซีทะยานกลับไปยังพระราชวังโดยตรง เพราะหมอที่เก่งกาจนอกจากมู่จิ่วซีแล้ว ก็คือแพทย์หลวงของราชวงศ์ส่วนโม่จุนตอนนี้ไม่กล้าจะใช้รถม้าเพราะกลัวว่าความเร็วจะช้า เขาตอนนี้เหมือนม้าป่าที่ปลดบังเหียนออกและกำลังทะยานท่ามกลางยอดอาคารในพระนครตลอดทางถูกทหารตรวจตราของกรมพระราชวังนครบาลพบเข้าพร้อมกับตามเข้ามาต่อว่า แต่ก็ถูกโม่จุนปรามไปคำและถอยออกไปจากนั้นใต้เท้าโจวเหยาแห่งกรมพระราชวังนครบาลก็ทราบอย่างรวดเร็วว่ามู่จิ่วซีบาดเจ็บสาหัส สลบไม่รู้สึกตัวอยู่ในสถานการณ์ขั้นวิกฤติ ทำเอาเขาตกใจหน้าซีดพร้อมกับรีบให้คนไปรายงานมู่เทียนซิง เย่อู๋เหิงและคนอื่นๆพร้อมกับสั่งให้คนไปรายงานแจ้งฮั้วอวิ๋นเทียนเจ้าสำนักแห่งหอดาราจันทราโจวเหยาเห็นว
โม่จุนมองฮั้วอวิ๋นเทียนที่กระวนกระวายจนเหงื่อไหลออกมาเต็ม ในใจถึงขั้นเรียกได้ว่าปวดร้าว"ไม่ต้อง ในวังล้วนมีของทุกอย่าง ต่อให้ไม่มี ข้าเองก็มี" โม่จุนไม่อยากให้มู่จิ่วซีใช้ของฮั้วอวิ๋นเทียนชายคนนี้เป็นห่วงมู่จิ่วซีมากเกินไปแล้วไหม?หรือว่าชอบมู่จิ่วซีเข้าให้แล้ว?ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เขามีผู้หญิงที่ชอบชื่อว่าเยียนเอ๋อร์ แม้ว่าจะตายไปแล้ว แต่คงจะไม่ตกหลุมรักครั้งใหม่เร็วขนาดนี้หรอกใช่ไหม?โม่จุนคิดในใจ ฮั้วอวิ๋นเทียนกลับพูดออกมาอย่างเย็นชา : "ตอนนี้ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้งั้นเหรอ? จิ่วซีเป็นยังไงบ้าง? ทำไมถึงได้บาดเจ็บสาหัส? อันตรายไหม?"โม่จุนไอออกมาเบาๆ พอเห็นใบหน้ามากมายที่กำลังกังวลมู่จิ่วซียิ่งกว่าอะไร ในใจของเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีตอนเขาเองบาดเจ็บสาหัสก็แทบไม่เคยเห็นคนพวกนี้มาเยี่ยมเขาเลย!"เรื่องในคืนนี้เดิมทีถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด" โม่จุนเริ่มเล่าตั้งแต่พระมเหสีเลี่ยวมาที่กรมพระราชวังนครบาลเพื่อขอร้อง"อะไรนะ! ทำไมถึงต้องเอาซีเอ๋อร์ของข้าไปแลกกับท่านอ๋องหกด้วย!" มู่เทียนซิงพอได้ยินก็โมโหขึ้นมา ชีวิตของท่านอ๋องนั้นสำคัญ แล้วชีวิตลูกสาวสุดที่รักของเขาไม่สำคัญ
"บาดแผลทั่วร่างกาย?" ในแววตาของเย่อู่เหิงล้วนคือความปวดใจ"ใช่ ตอนข้าไปรับนาง ทั่วตัวของนางเต็มไปด้วยเลือด ไม่มีสภาพตรงไหนดีเลย แต่นางก็ยังยิ้มให้ข้า" โม่จุนพอพูดถึงตรงนี้ก็ระคายเคืองจมูกขึ้นมาทุกคนต่างมองหน้ากัน อารมณ์กังวลหนักใจยิ่งกว่าอะไร"แล้วเป็นฝีมือใครกันแน่!" ทันใดนั้นฮั้วอวิ๋นเทียนก็แผ่จิตสังหารออกมาโม่จุนเหลือบมองเขาและหันมองดูรอบๆ พอเห็นว่าทุกคนเป็นคนของเขาก็เลยไม่ปิดบัง"มกุฎราชกุมารแคว้นเป่ยจิ้นเซวียนหยวนเชา""อะไรนะ!" มู่เทียนซิงถลึงตาโตจนแทบจะหลุดออกจากเบ้า"เรื่องนี้หากต้องพูดก็คงจะยืดยาว ในเมื่อทุกคนกำลังรอซีเอ๋อร์ให้พื้นขึ้นมา งั้นเราเข้าไปค่อยๆ คุยกันดีกว่า" โม่จุนคิดอยู่ครู่ก่อนจะพูดขึ้นมาแต่ว่าในตอนท้ายก็ยังหันมองฮั้วอวิ๋นเทียน"จิ่วซีเป็นเพื่อนของข้า นางต้องทนทุกข์ขนาดนั้น ข้าแน่นอนว่าไม่สามารถนิ่งดูดายได้ อีกอย่าง ระหว่างข้ากับมกุฎราชกุมารแคว้นเป่ยจิ้นก็มีเรื่องกันมาก่อน" ฮั้วอวิ๋นเทียนเข้าใจความหมายของโม่จุน เลยแสดงจุดยืนออกไปตรงๆโม่จุนเลิกคิ้วและพยักหน้า พวกเขาทั้งหมดเดินเข้ามานั่งยังข้างๆ ห้องผู้ป่วยของมู่จิ่วซีเย่ฮานและอานเย่ทำหน้าที่เป็นบ่าว
โจวเหยาชะงัก ทุกคนเองก็นิ่งไป ชั่วขณะนั้น ทุกคนก็เข้าใจในทันทีว่าตำแหน่งของมู่จิ่วซีในใจของท่านผู้สำเร็จราชการแทนสำคัญมากแค่ไหน"รับสั่งไปว่าให้เอาเห็ดหลินจือเก้าโคจรไปต้ม รอจนจิ่วซีฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยให้นางดื่ม" ฮั้วอวิ๋นเทียนเอากล่องให้กับเย่ฮานเย่ฮานหันมองท่านผู้สำเร็จราชการแทน มู่เทียนซิงก็รีบพูดขึ้นมา : "ยังไม่ไปอีก! ของดีขนาดนี้ ซีเอ๋อร์ดื่มแล้วจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ ทำไมถึงยังไม่ออกมาอีก! นานขนาดนี้แล้ว ร้อนใจจะตายแล้วเนี่ย"บังเอิญจังหวะพอดีที่เสียงประตูห้องข้างๆ เปิดออก อานเย่รีบคว้าแพทย์หลวงอู๋เอาไว้"แพทย์หลวงอู๋ ซีเอ๋อร์ล่ะ?" โม่จุนรีบถามขึ้นมา คนอื่นๆ ก็ทยอยลุกขึ้นพร้อมกับมองเขาอย่างกระวนกระวายแพทย์หลวงอู๋น้อมเคารพและกล่าว : "ทุกท่าน คุณหนูใหญ่มู่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต ทุกท่านวางใจได้ แต่แค่มีบาดแผลภายนอกไปทั้งตัว คงต้องใช้เวลาในการจัดการแผล ผนวกกับการเสียเลือดไปมากและเหนื่อยมากเกินไเลยหมดสติไม่ฟื้น แต่ไม่เป็นอะไรแน่นอน วางใจเถอะ""บาดแผลภายนอกทั้งตัว งั้นผิวคงจะไม่..." สีหน้าของมู่เทียนซิงแย่ยิ่งกว่าอะไร หญิงสาวหากมีรอยแผลเป็นไปทั่วร่าง หลังจากนี้จะได้รับความรักโปรดปรา
โม่จุนเห็นแก่เห็ดหลินจือเก้าโคจรและยาบำรุงผิวก็เลยพยักหน้าตกลงหลังจากช่วงบ่าย ดวงอาทิตย์ได้ขึ้นสูง โม่จุนกลับมาจากเข้าเฝ้าพระพันปีหลวง ทั้งพระนครได้ตกเข้าสู่สถานะวิกฤติอีกครั้งเรื่องของท่านอ๋องสี่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันเกินไป เลยทำให้กระทรวงราชทัณฑ์ กรมพระราชวังนครบาล รวมถึงทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์และอีกหลายฝ่ายดำเนินการสืบสวนร้านค้าของท่านอ๋องสี่ที่เปิดในแคว้นเกาอวิ๋น ทรัพย์สินทั้งหมดได้ถูกยึดจวนของท่านอ๋องสี่ได้ถูกปิดล้อม แต่กลับไม่เห็นเงาของท่านอ๋องสี่และลูกชายของเขาแล้วเห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องสี่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้านานแล้ว พอเกิดเรื่องขึ้น เขาก็คงจะปกป้องลูกชายตนและไปซ่อนหรือออกจากแคว้นเกาอวิ๋นไปแต่เชื่อได้ว่าท่านอ๋องสี่เองก็ไม่คาดคิดว่าจะถูกเปิดโปงเร็วขนาดนี้ บางทีอาจรู้นานแล้วว่ามู่จิ่วซีมีความสามารถ พวกเขาไม่ควรเอาท่านอ๋องหกมาแลกเปลี่ยนมู่จิ่วซีเลย เป็นการขุดหลุมให้กับตัวเองชัดๆมู่จิ่วซีในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมา นางพอลืมตาขึ้นก็รู้สึกปวดไปทั้งตัว แต่ความเจ็บปวดนี้อยู่ในขอบเขตที่นางทนไหว"คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าฟื้นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง?" แพทย์หลวงอู๋กับแพทย์หลวงหวังไม่กล้าห่า
โม่จุนไม่คาดคิดว่าเวลานี้จะได้ยินนางพูดนึกถึงฮั้วอวิ๋นเทียน เมื่อครู่ที่อารมณ์ดีก็หม่นหมองเป็นเมฆดำในทันควัน"จนป่านนี้แล้ว เจ้ายังนึกถึงฮั้วอวิ๋นเทียนอีก?" น้ำเสียงของโม่จุนเย็นเยือกราวกับในนรกลึกขุมที่เก้าขณะเดียวกัน มู่เทียนซิงก็พูดขึ้นมา : "ซีเอ๋อร์ เจ้าสำนักฮั้วไม่เลวเลยจริงๆ เขาพอได้ยินว่าเจ้าบาดเจ็บก็รีบมาเป็นคนแรก แล้วก็ยังเอาเห็ดหลินจือเก้าโคจรให้เจ้าด้วย นั่นเป็นของดีเชียวล่ะ ยังบอกด้วยว่าจะช่วยเจ้ารวบรวมยาบำรุงผิวจากทั้ง 6 แคว้นมาให้ คงไม่อยากให้เจ้ามีรอยแผลเป็น เขาใจดีจริงๆ"คำพูดของมู่เทียนซิงกับตำพูดของโม่จุนแทบจะพูดขึ้นมาพร้อมกัน มู่จิ่วซีชะงักไป นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นางหลับไปนานแค่ไหน ทำไมเหมือนกับมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นอย่างใดอย่างนั้น?"ท่านพี่ฮั้วได้มาหาแล้ว?" มู่จิ่วซีตกใจและหันไปมองท่านพ่อของนางเอง"ใช่ ฮั้วอวิ๋นเทียนกับเย่อู่เหิงมาเยี่ยมเจ้าแล้ว แล้วก็ยังมีใต้เท้าโจวเหยาด้วย" มู่เทียนซิงกล่าวจากนั้นก็กล่าวอย่างโมโหกับโม่จุน "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าหมายความว่ายังไง ฮั้วอวิ๋นเทียนดีกับซีเอ๋อร์คงจะไม่ได้เดือดร้อนเจ้าหรอกใช่ไหม ยังไงก็ดีกว่าเจ้าที่เรียกซีเอ๋
"เจ้าคิดไปไหนของเจ้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เยียนเอ๋อร์ของเขายังมีชีวิตอยู่ต่างหาก!" มู่จิ่วซีอยากจะกรอกตาจริงๆ ผู้ชายคนนี้ยังบอกอีกว่าตัวเองไม่ได้หึง หึงจนนางเข็ดฟันแทบจะหลุดออกมาแล้วโม่จุนชะงักไปจากนั้นก็กล่าวอย่างตกใจ : "ภรรยาที่ตายไปของฮั้วอวิ๋นเทียน?""ใช่ แต่ว่าไม่ใช่ภรรยา พวกเขายังไม่ได้แต่งงานกัน ยังมีอีกเรื่อง เยียนเอ๋อร์ถูกอาจื่อลอบทำร้าย ทั้งสองเป็นพี่น้องแท้ๆ หึๆ" มู่จิ่วซีเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาโม่จุนมองนางอย่างไม่เชื่อพร้มอกับกล่าว : "เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร? เจ้าไปเจอกับเยียนเอ๋อร์มา?""ใช่ ข้าถูกกุมขังอยู่ในห้องอุโมงค์หิน ไม่คาดคิดว่าอุโมงค์หินอีกด้านจะมีคนอยู่ นางบอกข้าว่านางมีชื่อว่าฉินอวี่เยียน บอกข้าว่าหากออกไปได้ ให้ไปบอกฮั้วอวิ๋นเทียนมาช่วยด้วย โม่จุน เจ้าว่าข้าช่วยฮั้วอวิ๋นเทียนขนาดนี้จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง?"มู่จิ่วซีกล่าวอย่างดีใจ ดูไม่เหมือนผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเลย ราวกับความเจ็บปวดบนร่างกายของนางไม่ได้อยู่บนตัวนางเสียอย่างนั้นอันที่จริงมู่จิ่วซีอดทนความเจ็บปวดเก่งมาก ราชินีแห่งราตรีอย่างนางบาดเจ็บมาตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยได้หยุด แข็งแกร่งขึ้น