มู่จิ่วซีกลั้นขำและพยักหน้า ใบหน้าหล่อเหลาของเย่อู๋เหิงจนดวงตาเบิกกว้างอ้าปากค้าง"เดิมทีวางแผนว่าจะปลดผนึกช้ากว่านี้ แต่วันนี้ไม่ใช่ว่าต้องประลองหรอกเหรอ ดังนั้นเมื่อวานก็ปลดผนึกไปแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าหลังจากปลดผนึกลมปราณสองสายแล้วจะเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้ ลู่เอ๋อร์ยังพูดเลยว่าข้าเปลี่ยนไปงามมากขึ้น"เย่อู๋เหิงได้สติกลับมา เขาอยากทั้งหัวเราะและร้องไห้นางปลดผนึกเส้นลมปราณสองสายง่ายเหมือนกับทานข้าวเนี่ยนะ?แค่คืนเดียวก็ปลดผนึกได้แล้ว? นี่คนหรือเปล่าเนี่ย?เขาจำได้เมื่อห้าปีก่อนตอนที่เขาปลดผนึก ใช้เวลาตั้งเจ็ดวันเจ็ดคืน นี่ถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์แล้วนี่นางแค่คืนเดียวจะเรียกว่าอะไร?เรียกนางว่ามีพรสวรรค์ก็ไม่ได้แล้วปะ นี่มันเรียกว่าปีศาจแล้ว"การปลดผนึกเส้นลมปราณทั้งสองคือการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน พิษและสสารที่แฝงในร่างค่อยๆ ถูกกำจัดออกมา ยิ่งความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น การถ่ายเทก็จะยิ่งละเอียดมากขึ้น ดังนั้นผิวพรรณจึงมีการเปลี่ยนแปลง" เย่อู๋เหิงกล่าวอธิบาย"เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่แปลกเลยเจ้าถึงได้เหล่อเหลาขนาดนี้ บรรยากาศออร่าก็ดีมาก" มู่จิ่วซีรีบชมเย่อู่เหิงจากนั้นก็นึกถึงโม่
ความแข็งแกร่งของนางเองตอนนี้คงจะสามารถทัดเทียบกับอาจื่อได้ หรืออาจจะสูงกว่านิดหน่อยก็ได้?นางไม่ต้องกลัวคนที่มีฝีมือสูงส่งแข็งแกร่งอีกแล้วมู่จิ่วซีสูดหายใจเข้าลึก ความแข็งแกร่งของนางทำให้รู้สึกปลอดภัยเต็มที่ นี่คือความมั่นใจ"ยินดีกับเจ้าด้วย ตอนนี้ท่านผู้สำเร็จราชการแทนคงทำอะไรเจ้าไม่ได้แล้ว" เย่อู่เหิงยิ้มหัวเราะมู่จิ่วซีทันใดนั้นก็หัวเราะกล่าวออกมา : "นั่นก็จริง แต่ว่า ความสามารถที่แท้จริงของชายคนนั้นสูงส่งแค่ไหน ข้าก็ยังไม่กระจ่างชัด""คราวที่แล้วไม่ใช่ว่าเขาถูกหกคนรุมทำร้ายไม่ใช่หรอ? เจ้าเอายังช่วยเขาไว้ได้ บ่งบอกว่าเจ้าไม่ได้อ่อนแอน้อยกว่าเขา" เย่อู่เหิงอันที่จริงก็ไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของโม่จุน"ไม่ อู่เหิง เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เขาทำให้ข้ารู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าข้า เรื่องคราวก่อนที่ถูกหกคนรุมทำร้าย เกิดขึ้นเพราะเขาคงประมาทศัตรู หรืออาจมีเหตุผลอื่น"มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็จริงจังขึ้นมา เพราะประโยคของเย่อู่เหิงทำให้นางเคลือบแคลงบางอย่างชายชุดดำหกคนล้วนเป็นผู้พิทักษ์เงาของแคว้นเป่ยจิ้น งั้นภายใต้สถานการณ์ที่โม่จุนไม่ได้บาดเจ็บ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีไม่พ้น อีกอย่างยังถ
มู่จิ่วซีหันไปมองไป๋ชินเตี่ยน จากนั้นก็หรี่ตาลงและกล่าวขึ้นมา : "ไอผู้ชายชาติหมาคนนั้นพูดแบบนี้จริงเหรอ?""แค่กๆๆ คุณหนูใหญ่มู่ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเข้าใจคุณหนูขอรับ" อัครมหาเสนาบดีไป๋สะดุ้งกับคำว่าผู้ชายชาติหมาสามคำนี้ความกล้าของผู้หญิงคนนี้ไม่มีคนธรรมดาคนไหนเทียบได้เลยจริงๆปัญหาคือขนาดโม่จุนยังทำอะไรนางไม่ได้เลย นี่คือจุดที่สุดยอดของมู่จิ่วซีเป็นครั้งแรกของเย่อู่เหิงที่ได้ยินมู่จิ่วซีด่าโม่จุนว่าผู้ชายชาติหมา เขาเองก็มีสีหน้าตกใจ แต่จากนั้นก็คิดว่าน่าขำขันไม่รู้ว่าโม่จุนพอได้ยินสามคำนี้เข้าจะรู้สึกอย่างไรเย่อู่เหิงไม่รู้ว่าโม่จุนโมโหตั้งนานแล้ว อีกทั้งเมื่อเห็นแบบนี้แล้ว พวกเขาสองคนคงเป็นศัตรูคู่รักคู่แค้นจริงๆ ดูเหมือนเรื่องการถอนหมั้นคงทำให้ในใจของมู่จิ่วซีแยแสเป็นอย่างมากแต่ว่าถอนหมั้นก็ดีแล้ว ไม่งั้นมู่จิ่วซีคงกลายเป็นชายาของท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่ต้องถูกขังไว้แน่ เขาเองก็คงไม่มีโอกาสได้พบเจอคนน่าสนใจแบบนี้ความสุขบนความทุกข์ของเย่อู่เหิงไม่มีใครได้รู้ เพียงแต่ในใจของเขารู้สึกมีความสุขนิดหน่อยเท่านั้น ใบหน้าแต่เดิมที่สง่างามและเรียบเฉยของเขาก็ปรากฎรอยยิ้มจางๆ ขึ
มู่จิ่วซีรู้สึกว่าองค์หญิงสือท่านนี้งดงามมากจริงๆ รอยยิ้มอรชรนุ่มนวลงดงาม ดั่งนวลจันทร์ในใจของชายหลายคนที่ชื่นชอบเมื่อนึดถึงนวลจันทร์ นางก็นึกถึงเซียวหลิงเย่ว์ขึ้นมาได้ นางกล่าวทักทายเสร็จก็หันหน้าไปมองและก็เห็นเซียวหลิงเย่ว์นั่งอยู่ในกลุ่มองคมนตรีผู้สูงศักดิ์อย่างที่คาดไว้ข้างกายนางก็ได้พาสาวใช้มาด้วยคนหนึ่ง สาวใช้คนนั้นมู่จิ่วซีรู้จัก ก็คือคนที่คอยตามรอยนางก่อนหน้านี้ ในตอนท้ายก็ได้เข้าไปในเครื่องประดับฮัวคายชี่ไหลคนนั้นในใจของมู่จิ่วซีก็คือว่าก่อนหน้านี้เซียวหลิงเย่ว์มักล้วนจะไม่พอสาวใช้ไปด้วย ทำไมคราวนี้ถึงพามาด้วยล่ะ?ทันใดนั้นในสนามก็มีลูกบอลสีแดงลูกหนึ่งปรากฎขึ้นมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงขององคมนตรีทางด้านนั้นตะโกน"อาหยวน รนหาที่ตายรึไง ทำไมถึงได้เตะซี้ซั้วแบบนั้น"ทุกคนก็เห็นคุณหญิงฉีได้พาลูกชายตัวน้อยของนางมาชมการแข่งด้วย ขณะที่ตะโกนก็มีเสียงเขกดังขึ้นมาด้วย เด็กคนนั้นร้องไห้ขึ้นมาทันที"อย่าร้อง ถ้าร้องก็กลับไปเลย!" คุณหญิงฉีกล่าวดุเขามู่จิ่วซีก็เลิกคิ้วก่อนเป็นอย่างแรก อาการบาดเจ็บของคุณหญิงฉีท่านนี้หายดีแล้วลูกชายของนางอายุราว 12 ปีก็ยังซุกซนมาก เขาไม่ทันระวังเผ
มู่จิ่วซีในที่สุดหลังจากเดินวนไปรอบก็หาที่นั่งลงได้ นั่งนั่งตำแหน่งข้างพระวรกายของพระพันปีหลวง อีกด้านของพระพันปีหลวงคือท่านผู้สำเร็จราชการแทนโม่จุน ซึ่งนางนั่งชิดกับพระพันปีหลวงมากกว่านั่นยิ่งทำให้คนของแคว้นซีเย่ว์มั่นใจได้ว่าพระพันปีหลวงทรงรักเอ็นดูคุณหนูใหญ่มู่พระพันปีหลวงหันไปยิ้มกับการทักทายของมู่จิ่วซี อีกทั้งยังให้มู่จิ่วซีทานของหวานตรงหน้าของนางสตรีผู้สูงศักดิ์ขององคมนตรีต่างล้วนอิจฉาตาร้อน ทำไมพวกนางตอนนั้นไม่ได้มีโอกาสช่วยชีวิตของพระพันปีหลวงสายพระเนตรของฝ่าบาทที่ทรงหันมองมู่จิ่วซีเต็มไปด้วยความนับถือ เขาทรงตรัสให้มู่จิ่วซีสอนเรื่องอื่นๆ ให้กับเขา แต่ทว่ากลับถูกสายตาของพระพันปีหลวงห้ามปรามเอาไว้ใต้เท้าเฟิงเลขาธิการกระทรวงพิธีการของแคว้นเกาอวิ๋นจะเป็นผู้ดำเนินรายการการประลองทุกปี รอยยิ้มอันสว่างไสวของเขาได้กล่าวถึงมิตรภาพระหว่างสองแคว้น วาทกรรมของเขาทำให้มู่จิ่วซีถึงกับต้องหยุดมองอย่างน่าทึ่งบอกได้เลยว่ามีครึ่งหนึ่งที่มู่จิ่วซีฟังไม่เข้าใจ วาทกรรมนั้นช่างลึกซึ้งเกินไป มู่จิ่วซีในใจก็คิดว่าถ้าต้องแข่งวาทกรรมนี้ นางได้แพ้แน่นอนเสียงปรมมือของพิธีเปิดดังขึ้น หลังจากพ
คุณหญิงมู่กล่าวอย่างตกใจ : "ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีทำไมถึงได้มองซีเอ๋อร์ดีขนาดนี้""คุณหญิงมู่ ลูกสาวของเจ้าโดเด่นมาก คนแก่อย่างข้าอิจฉาจริงๆ" ไป๋ชินเตี่ยนรีบกล่าวขึ้นมา"ข้าทำไมถึงได้รู้สึกว่าซีเอ๋อร์คือลูกของเจ้าอย่างใดอย่างนั้น ถึงได้เชื่อใจนางขนาดนี้" มู่เทียนซิงล้วนรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อ อัครมหาเสนาบดีไป๋เชื่อว่ามู่จิ่วซีจะชนะอย่างไม่มีเหตุผลนี่มันคือความเชื่ออะไร?"รอบแรก พวกเราจะประลองเย็บปัก! พวกเราให้องค์หญิงสือและคุณหนูใหญ่มู่แข่งกันเป็นไง?" องค์ชายสามทางด้านนั้นกล่าวเสียงดังขึ้นมา"ให้าตายเถอะ!" ทันใดนั้นทุกคนก็ระเบิดคำสบถออกมา"แข่งเย็บปัก! ล้อกันเล่นหรือเปล่า คุณหนูใหญ่มู่จะไปเย็บปักเป็นได้อย่างไร!""ก็ใช่น่ะสิ ประลองกระบี่กระบองยังพอจะลองสู้ดูได้""แคว้นซีเย่ว์ชั่วร้ายจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะแข่งอันนี้!""แบบนี้ต้องพูดว่า พวกมันสืบเรื่องคุณหนูใหญ่มู่มาแล้วแน่""จะแข่งงานเย็บปักไม่ได้ ขายหน้าเกินไปแล้ว""ก็ใข่น่ะสิ คุณหนูใหญ่มู่จะต้องแพ้แน่..." ผู้คนในสนามราวกับหม้อที่ระเบิดมุมปากของมู่จิ่วซีกระตุก สีหน้าของนางมืดหม่น ทุกคนต่างคิดว่านางกำลังโกรธมู่เทียนซิงและคุณห
มู่จิ่วซีก็หัวเราะออกมาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง จากนั้นนางก็ฉีกผ้าผืนที่สองนั้นออกและพูดขึ้นมา : "องค์หญิงสือ เจ้าลองเทียบดูที ว่าผ้าสองผืนนี้ขาดได้ใกล้เคียงกันหรือไม่"ใบหน้างดงามของเฟิงสือหย่าแดงขึ้นมา ราวกับว่าถูกจับได้ว่าแอบมองเย่อู่เหิงนางรีบรับผ้ามาดูและกล่าวขึ้นมา : "ใกล้เคียงกันแล้ว""เจ้ามั่นใจที่พวกเราจะแข่งเย็บผ้าสองผืนนี้?" มู่จิ่วซียืนยันอีกครั้ง "นี่ไม่ใช่เป็นงานเย็บปักถักร้อยลวดลายนะ"เฟิงสือหย่ายิ้มขึ้นมาอย่างมีเลศนัย : "อันที่จริงจะเย็บปักลวดลายหรือเย็บซ่อมปะแก้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ขอเพียงเป็นงานเย็บปัก ก็ล้วนเหมือนกันทั้งนั้น แค่งานเย็บปักลวดลายยากกว่าเท่านั้น"ส่วนคนอื่นๆ กำลังพูดคุยซุบซิบ"แค่เย็บปะก็ง่ายมากแล้ว เหมาะกับคุณหนูใหญ่มู่แล้วล่ะ""แต่การจะเย็บให้ดีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย รอยเย็บต้องละเอียด ถ้าจะให้ดีต้องเย็บให้มองไม่เห็นรอย โดยเฉพาะผ้าลายดอกแบบนี้ ยิ่งยากเข้าไปอีก""คงจะลำบากคุณหนูใหญ่มู่แล้ว เย็บปักถักร้อยไม่เป็น แค่เย็บผ้าขาดๆ เป็นก็นับว่าไม่แล้ว""พวกเราเดิมพันกันมั๊ยล่ะ" มีคนพูดขึ้นมา"ไม่เดิมพัน ไม่เดิมพัน คราวที่แล้วแพ้จนเงินหายหมดบ้าน" บางคนก็
"ทุกคนพูดเสียงเบาลงหน่อย เจ้าแบบนี้จะทำให้ทุกคนขายหน้าเอานะ""ก็ใช่ไง จะเสียงดังไปทำไม กลัวคนของแคว้นซีเย่ว์ไม่ได้ยินรึไง พวกเจ้าตระกูลฉีคงมีไส้ศึกอยู่จริงสินะ ได้ยินมาว่าฉีเล่อฉี่ถูกกรมพระราชวังนครบาลจับตาอยู่ตลอดหนิ!""เจ้าเลิกพูดป้ายความผิดคนอื่นได้แล้ว!" คุณหญิงฉีสีหน้าเปลี่ยนไปมากเลยทันที"หุบปาก!" องคมนตรีคนหนึ่งหันไปด้านหลังตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด เหล่ากุลสตรีได้แต่หยิบแหยงๆ และไม่กล้าส่งเสียงอีกองค์ชายสามทางด้านแคว้นซีเย่ว์ก็มองเข็มยาวในมือของมู่จิ่วซีจนอีกนิดก็เกือบจะหลุดหัวเราะขำออกมาเจียงเหอหลิวก็ยิ้มเบาๆ และกล่าว : "คุณหนูใหญ่มู่ที่แท้ก็สมองกลับไปแล้ว แตกต่างจากคนอื่น"อามู่และชวีหย่งปินก็เผยรอยยิ้มดูถูกออกมาองค์หญิงสือชนะแล้วแน่นอนพระพันปีหลวงประทับตรงพระแท่นด้านบน ฝ่าบาทก็ตรัสออกมาโดยไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี : "เสด็จแม่ มู่จิ่วซีเย็บปักไม่เป็นใช่ไหม?""กระแอ่มๆๆ แม่เองก็ไม่รู้ เด็กคนนี้แปลกพิลึกอย่างมาก" พระพันปีหลวงทรงหันไปหาโม่จุนโม่จุนก็หันมามองนาง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มบางๆ อันราบเรียบพระพันปีหลวงทันใดนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นมา นางนั้นคุ้นชินกับสีหน้าโม่จุนเป็น
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่