มู่จิ่วซีก็หัวเราะออกมาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง จากนั้นนางก็ฉีกผ้าผืนที่สองนั้นออกและพูดขึ้นมา : "องค์หญิงสือ เจ้าลองเทียบดูที ว่าผ้าสองผืนนี้ขาดได้ใกล้เคียงกันหรือไม่"ใบหน้างดงามของเฟิงสือหย่าแดงขึ้นมา ราวกับว่าถูกจับได้ว่าแอบมองเย่อู่เหิงนางรีบรับผ้ามาดูและกล่าวขึ้นมา : "ใกล้เคียงกันแล้ว""เจ้ามั่นใจที่พวกเราจะแข่งเย็บผ้าสองผืนนี้?" มู่จิ่วซียืนยันอีกครั้ง "นี่ไม่ใช่เป็นงานเย็บปักถักร้อยลวดลายนะ"เฟิงสือหย่ายิ้มขึ้นมาอย่างมีเลศนัย : "อันที่จริงจะเย็บปักลวดลายหรือเย็บซ่อมปะแก้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ขอเพียงเป็นงานเย็บปัก ก็ล้วนเหมือนกันทั้งนั้น แค่งานเย็บปักลวดลายยากกว่าเท่านั้น"ส่วนคนอื่นๆ กำลังพูดคุยซุบซิบ"แค่เย็บปะก็ง่ายมากแล้ว เหมาะกับคุณหนูใหญ่มู่แล้วล่ะ""แต่การจะเย็บให้ดีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย รอยเย็บต้องละเอียด ถ้าจะให้ดีต้องเย็บให้มองไม่เห็นรอย โดยเฉพาะผ้าลายดอกแบบนี้ ยิ่งยากเข้าไปอีก""คงจะลำบากคุณหนูใหญ่มู่แล้ว เย็บปักถักร้อยไม่เป็น แค่เย็บผ้าขาดๆ เป็นก็นับว่าไม่แล้ว""พวกเราเดิมพันกันมั๊ยล่ะ" มีคนพูดขึ้นมา"ไม่เดิมพัน ไม่เดิมพัน คราวที่แล้วแพ้จนเงินหายหมดบ้าน" บางคนก็
"ทุกคนพูดเสียงเบาลงหน่อย เจ้าแบบนี้จะทำให้ทุกคนขายหน้าเอานะ""ก็ใช่ไง จะเสียงดังไปทำไม กลัวคนของแคว้นซีเย่ว์ไม่ได้ยินรึไง พวกเจ้าตระกูลฉีคงมีไส้ศึกอยู่จริงสินะ ได้ยินมาว่าฉีเล่อฉี่ถูกกรมพระราชวังนครบาลจับตาอยู่ตลอดหนิ!""เจ้าเลิกพูดป้ายความผิดคนอื่นได้แล้ว!" คุณหญิงฉีสีหน้าเปลี่ยนไปมากเลยทันที"หุบปาก!" องคมนตรีคนหนึ่งหันไปด้านหลังตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด เหล่ากุลสตรีได้แต่หยิบแหยงๆ และไม่กล้าส่งเสียงอีกองค์ชายสามทางด้านแคว้นซีเย่ว์ก็มองเข็มยาวในมือของมู่จิ่วซีจนอีกนิดก็เกือบจะหลุดหัวเราะขำออกมาเจียงเหอหลิวก็ยิ้มเบาๆ และกล่าว : "คุณหนูใหญ่มู่ที่แท้ก็สมองกลับไปแล้ว แตกต่างจากคนอื่น"อามู่และชวีหย่งปินก็เผยรอยยิ้มดูถูกออกมาองค์หญิงสือชนะแล้วแน่นอนพระพันปีหลวงประทับตรงพระแท่นด้านบน ฝ่าบาทก็ตรัสออกมาโดยไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี : "เสด็จแม่ มู่จิ่วซีเย็บปักไม่เป็นใช่ไหม?""กระแอ่มๆๆ แม่เองก็ไม่รู้ เด็กคนนี้แปลกพิลึกอย่างมาก" พระพันปีหลวงทรงหันไปหาโม่จุนโม่จุนก็หันมามองนาง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มบางๆ อันราบเรียบพระพันปีหลวงทันใดนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นมา นางนั้นคุ้นชินกับสีหน้าโม่จุนเป็น
คอของทุกคนยืดยาวกันออกไป แต่ทว่าสายตาไม่ได้ดีขนาดนั้นที่จะสามารถมองด้านบนผ้าที่ห่างออกไปไกลได้ มากสุดก็เห็นแค่กำลังเย็บผ้าอยู่แต่ว่าพอเห็นสีหน้าที่จริงจังอย่างมากของมู่จิ่วซี ก็ราวกับเป็นเรื่องปาฏิหาริย์มากอย่างใดอย่างนั้น"พอเห็นท่วงท่ามือของของคุณหนูใหญ่มู่ ดูไม่เหมือนคนที่เย็บผ้าไม่เป็นเลย แต่ว่านี่มันคืองานเย็บอะไรกัน" บางคนก็เริ่มสงสัยขึ้นมา"นางจริงจังมาก หรือว่าจะสามารถชนะได้?""อย่าขำไปหน่อยเลย การแข่งขันก็ต้องจริงจังสิ แต่ว่าแค่เข็มเงินอันยาวนั้นของนาง นางก็ไม่อาจสามารถชนะได้แล้ว" บางคนอดไม่ไหวจนต้องหัวเราะกล่าวออกมา "พวกเจ้าดูองค์หญิงสือทางด้านนั้นสิ"ทุกคนหันไปดู ก็เห็นองค์หญิงสือตั้งใจอย่างมาก เข็มในมือเป็นเบอร์เล็กสุด เข็มที่แทงลงไประมัดระวังและตั้งใจมาก อีกทั้งพอผ่านไปสักระยะก็จะเปลี่ยนสีของด้ายด้วยพอกันกลับมาดูมู่จิ่วซี เพียงหนึ่งเข็ม หนึ่งด้ายขาวก็ใช้เย็บปะไปทั้งผลงานแต่ว่าผ้าปูโต๊ะนั้นมีพื้นหลังทั้หมดเป็นสีขาว พื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสีขาว มีเพียงแต่ที่ปักลายดอกเท่านั้นที่เป็นสีสันแน่นอนว่าตรงจุดที่ขาดก็มีลายดอกแดงใบเขียว ตามหลักเหตุผลแล้ว ตรงนี้ควรจะใช้สีด้
ทุกคนต่างตกใจกลัวกับคำพูดของมู่จิ่วซีจนหน้าซีดขาวนี่คือผู้หญิงใช่ไหม? เย็บผ้าขาด นางกลับเอาไปเทียบว่าเป็นการเย็บศพ?คนหลอกคนด้วยกันยังตกใจจนเกือบจะตายองค์หญิงสือก็ตกใจจนใบหน้างดงามซีดเผือด จากนั้นนางก็หันไปมององค์ชายสามอย่างสะพรึงกลัวตอนนี้องค์ชายสามและโม่จุนได้มายืนอยู่ตรงด้านหน้าของผ้าทั้งสองผืนแล้วจากนั้นเพียงกวาดตา ก็ตัดสินความต่างชั้นของผ้าทั้งสองได้ทันทีผ้าของมู่จิ่วซีเพียงเหลือบมองก็เห็นว่าเหมือนกับไม่เคยขาดมาก่อนส่วนผ้าขององค์หญิงสือถึงแม้จะดูเหมือนว่าไม่เคยขาดมาก่อน แต่ว่าเส้นด้ายที่ได้เย็ยลงไปทำให้รู้สึกว่าถึงความไม่สม่ำเสมอของเนื้อผ้า อันที่จริงต้องไปรีดสักหน่อยถึงจะมองไม่ออกสีหน้าขององค์ชายสามซีดขาวอย่างมากแม้ว่าเขาอยากจะเล่นลิ้นว่าผ้าขององค์หญิงสือนั้นดีกว่า แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์แบบนี้ เขาก็ไม่อาจสามารถกล่าวไม่ตรงกับใจออกมาได้เจียงเหอหลิวของแคว้นซีเย่ว์ก็พุ่งตัวเข้าไปดู หลังจากเขามองอย่างใกล้ชิดแล้วก็กล่าวออกมาอย่างตกใจ : "นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?"พอประโยคนี้ออกมา ทุกคนก็ทยอยมุงกันเข้ามาดูโม่จุนลากมู่จิ่วซีให้ถอยห่างออกมาหน่อย เพื่อให้ทุกคนได้มองเห็
ผู้หญิงกลุ่มก็ตกใจวิ่งหนีกับคำพูดของมู่จิ่วซีเมื่อนึกว่าต้องไปเย็บศพ พวกนางมีหรือจะกล้าสัมผัส ไม่เรียนแล้วดีกว่ามู่จิ่วซีพอเห็นพวกผู้หญิงหนีออกไปอย่างรังเกียจ นางก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆแต่คนของของแคว้นซีเย่ว์กลับยิ้มไม่ออกพอได้ยินคำพูดของมู่จิ่วซี พวกเขาก็กลับคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถทำเรื่องเย็บศพได้? อีกทั้งฝีมือยังดีขนาดนี้ด้วย?ให้ตีพวกเขาจนตายก็ยังนึกไม่ถึงแต่ก็ยอมแพ้เถอะ? ต่อให้ไม่ยอมรับ แต่พอเห็นผ้าสองผืนนี้แล้วก็ต้องยอมรับจากใจ ขนาดโอกาสจะให้เล่นลิ้นก็ยังไม่มีทางด้านมู่เทียนซิง เขากับภรรยาก็ได้เห็นแล้ว และได้ยินลูกสาวพูดแล้วเช่นกัน ทั้งสองคนก็ไม่รู้จะเดินกลับมานั่งที่เดิมอย่างไร"คุณท่าน ซีเอ๋อร์ไปเย็บศพมาตั้งแต่เมื่อไหร่?" คุณหญิงมู่รู้สึกขยลุกขนพองกับคำพูดมู่จิ่วซีลูกสาวคนนี้มู่เทียนซิงก็ยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมกับกล่าว : "ข้าขนาดแก่ปูนนี้แล้วยังไม่รู้เลย แต่ว่านางกับใต้เท้าเย่มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว หรือว่าจะเป็นเหตุผลที่นางไปศาลต้าหลี่บ่อยๆ"หลังจากองคมนตรีข้างๆ ได้ยินก็กล่าวขึ้นมา : "ก็อาจเป็นไปได้ ความสนใจของคุณหนูใหญ่มู่มักไม่เหมือนกับคนอื่นๆ เจ้าบอกว่า
"ปีก่อนมีการประลองทักษะหมาก ท่านผู้สำเร็จราชการแทนได้ชนะ พวกเราให้ท่านผู้สำเร็จราชการแทนมาประลองก็ได้!" มีคนรีบตะโกนพูดขึ้นมาใบหน้าหล่เหลาของท่านผู้สำเร็จราชการแทนโม่จุนก็นิ่งไปและหันไปมองมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีรีบเดินออกมาและกล่าว : "ประลองหมาก?" ท่าทางของนางดูเหมือนจะรู้สึกเหนือความคาดหมาย"คุณหนูมู่คงจะเล่นหมากไม่เป็นสินะ?" เจียงเหอหลิวยิ้มเบาๆ กล่าวขึ้นมา"กระแอ่มๆๆ ใครกันที่เล่นหมากไม่เป็น แต่ว่านะ..." มู่จิ่วซีเกาหัว"แต่ว่าอะไร?" เจียงเหอหลิวกล่าว "หรือว่าคุณหนูใหญ่มู่พอชนะไปแล้วตานึง ก็ไม่กล้าแล้วงั้นรึ?""ไอหยา ใต้เท้าเจียง การจี้ในดำของเจ้านี่เอาเรื่องจริงๆ ข้าหมายความว่าการประลองหมากคงจะใช้เวลานานมาก คงต้องเล่นข้ามวันข้ามคืนเลยกระมังกว่าจะทราบผล" มู่จิ่วซียักใหล่"ดูเหมือนคุณหนูใหญ่มู่จะมองทักษะหมากของตัวเองไว้ดีมาก" เจียงเหอหลิวก็คิดในใจว่าระดับอย่างเจ้าจะประลองหมากข้ามวันข้ามคืนกบัเขาได้สักกี่วันกันเชียว?"กระแอ่มๆๆ ก็พอใช้ได้" ขณะพูดนางก็รีบคว้าแขนของโม่จุนและกล่าว "ถ้าข้าแพ้ ก็คือธัญพืช 50,000 ตันใช่ไหม?"โม่จุนตกใจกับการที่นางจู่ๆ ก็มาคว้าเขา จากนั้นอุณหภูมิตรงแขน
เมื่อเห็นบุคคลสำคัญทั้งสองทะเลาะ ทุกคนก็รีบไปห้ามจนตรงนั้นสงบลงทางด้านเจียงเหอหลิวเมื่อเข้าใจสิ่งที่มู่จิ่วซีพูดก็ยิ้มหัวเราะออกมา"พูดตรงๆ พวกเราแคว้นซีเย่ว์ไม่ได้เก่งกาจอะไร ข้ามาเพื่อประลองแค่รายการเดียวเท่านั้น นอกจากหมากแล้ว ข้าก็ไม่ได้มีอะไรดีเลย รบกวนคุณหนูใหญ่มู่ออมมือด้วย""แคว้นซีเย่ว์ช่างน่าสงสาร" มู่จิ่วซีก็เผยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ "เอาเถอะ ประลองหมากก็ย่อมได้ แต่ว่าพวกเราไม่ต้องแข่งกันนานขนาดนั้นได้ไหม?""คุณหนูใหญ่มู่ ข้าไม่คิดว่าจะใช้เวลานานขนาดนั้น" เจียงเหอหลิวดูถูกมู่จิ่วซีในใจ"งั้นแบบนี้ ถ้าข้าจัดวางหมากเอาไว้และเจ้าสามารถแก้หมากข้าได้ถือว่าเจ้่าชนะล่ะเป็นไง?" มู่จิ่วซีกล่าวเจียงเหอหลิวตะลึงไปครู่หนึ่ง องค์ชายสามถึงกับต้องดึงชายเสื้อของเขา"แล้วถ้าหากข้าไม่สามารถแก้ได้ล่ะ? คุณหนูใหญ่มู่จะสามารถแก้ได้ไหม?" เจียงเหอหลิวคิดว่าคุณหนูใหญ่มู่อาศัยประโยชน์จากโอกาส เขาแก้ไม่ได้เป็นฝ่ายแพ้ แบบนี้มันไม่ยุติธรรม หรือว่านางเองก็ยังแก้ไม่ได้?"แน่นอนสิ ข้าเป็นคนวางหมาก ข้าก็ต้องแก้หมากของตัวเองได้ แต่ว่าหากใต้เท้าเจียงแก้ได้ก็จะถือว่าชนะข้า หากแก้ไม่ได้ ข้าจะแก้หมากให้ท่า
องค์ชายสามก็ยิ้มขึ้นที่มุมปากในทันที คุณหนูใหญ่มู่คนนี้เกรงว่าคงยังไม่รู้ว่าตัวเองแก้หมากของตัวเองก็ไม่ได้"งั้นทักษะหมากของเจ้าคงแย่มาก" มู่จิ่วซีพูดแหย่โม่จุน ถึงกับทำให้ทุกคนหายใจเฮือกไม่ใช่เพราะประโยคนี้ของนางที่บอกโม่จุน แต่หมายถึงความหมายแฝงในประโยคนี้ทักษะหมากของท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นหนึ่งในแคว้นเกาอวิ๋น คุณหนูใหญ่มู่กลับบอกว่าเขาแย่มาก?สวรรค์จะทรงเบิกทางเรียกสายฟ้ากำราบคุณหนูใหญ่มู่ผู้หยิ่งผยองคนนี้แน่โม่จุนยิ้มขึ้นที่มุมปากและกล่าวด้วยใบหน้าหล่อเหลาอันเคร่งครึม : "เจ้าแก้ได้จริงๆ หรอ?""ไม่ใช่ว่าข้าแก้ได้หรือไม่ได้ แต่ต้องถามใต้เท้าเจียง ว่าเขาแก้ได้หรือเปล่า" มู่จิ่วซีกลอกตาเจียงเหอหลิวทันใดนั้นก็ประสานมือและกล่าว : "คุณหนูใหญ่มู่ ข้าไม่สามารถแก้ได้จริงๆ หากคุณหนูใหญ่มู่สามารถแก้ได้ แคว้นซีเย่ว์ขอยอมแพ้""หากคุณหนูใหญ่มู่แก้ไม่ได้ นั่นหมายถึงแคว้นเกาอวิ๋นแพ้" องค์ชายสามกล่าว เขาไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าโอกาสชนะจากการที่นางแก้ไม่ได้มีมากกว่าการแข่งของมู่จิ่วซีรอบนี้ คงถือซะว่ามอบธัญพืชให้กับพวกเขาแล้วกันทุกคนตรงนั้นก็ล้วนรู้สึกว่าหมากที่แก้ยากสุดนับพันปีล้วนไ