ผู้หญิงกลุ่มก็ตกใจวิ่งหนีกับคำพูดของมู่จิ่วซีเมื่อนึกว่าต้องไปเย็บศพ พวกนางมีหรือจะกล้าสัมผัส ไม่เรียนแล้วดีกว่ามู่จิ่วซีพอเห็นพวกผู้หญิงหนีออกไปอย่างรังเกียจ นางก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆแต่คนของของแคว้นซีเย่ว์กลับยิ้มไม่ออกพอได้ยินคำพูดของมู่จิ่วซี พวกเขาก็กลับคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถทำเรื่องเย็บศพได้? อีกทั้งฝีมือยังดีขนาดนี้ด้วย?ให้ตีพวกเขาจนตายก็ยังนึกไม่ถึงแต่ก็ยอมแพ้เถอะ? ต่อให้ไม่ยอมรับ แต่พอเห็นผ้าสองผืนนี้แล้วก็ต้องยอมรับจากใจ ขนาดโอกาสจะให้เล่นลิ้นก็ยังไม่มีทางด้านมู่เทียนซิง เขากับภรรยาก็ได้เห็นแล้ว และได้ยินลูกสาวพูดแล้วเช่นกัน ทั้งสองคนก็ไม่รู้จะเดินกลับมานั่งที่เดิมอย่างไร"คุณท่าน ซีเอ๋อร์ไปเย็บศพมาตั้งแต่เมื่อไหร่?" คุณหญิงมู่รู้สึกขยลุกขนพองกับคำพูดมู่จิ่วซีลูกสาวคนนี้มู่เทียนซิงก็ยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมกับกล่าว : "ข้าขนาดแก่ปูนนี้แล้วยังไม่รู้เลย แต่ว่านางกับใต้เท้าเย่มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว หรือว่าจะเป็นเหตุผลที่นางไปศาลต้าหลี่บ่อยๆ"หลังจากองคมนตรีข้างๆ ได้ยินก็กล่าวขึ้นมา : "ก็อาจเป็นไปได้ ความสนใจของคุณหนูใหญ่มู่มักไม่เหมือนกับคนอื่นๆ เจ้าบอกว่า
"ปีก่อนมีการประลองทักษะหมาก ท่านผู้สำเร็จราชการแทนได้ชนะ พวกเราให้ท่านผู้สำเร็จราชการแทนมาประลองก็ได้!" มีคนรีบตะโกนพูดขึ้นมาใบหน้าหล่เหลาของท่านผู้สำเร็จราชการแทนโม่จุนก็นิ่งไปและหันไปมองมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีรีบเดินออกมาและกล่าว : "ประลองหมาก?" ท่าทางของนางดูเหมือนจะรู้สึกเหนือความคาดหมาย"คุณหนูมู่คงจะเล่นหมากไม่เป็นสินะ?" เจียงเหอหลิวยิ้มเบาๆ กล่าวขึ้นมา"กระแอ่มๆๆ ใครกันที่เล่นหมากไม่เป็น แต่ว่านะ..." มู่จิ่วซีเกาหัว"แต่ว่าอะไร?" เจียงเหอหลิวกล่าว "หรือว่าคุณหนูใหญ่มู่พอชนะไปแล้วตานึง ก็ไม่กล้าแล้วงั้นรึ?""ไอหยา ใต้เท้าเจียง การจี้ในดำของเจ้านี่เอาเรื่องจริงๆ ข้าหมายความว่าการประลองหมากคงจะใช้เวลานานมาก คงต้องเล่นข้ามวันข้ามคืนเลยกระมังกว่าจะทราบผล" มู่จิ่วซียักใหล่"ดูเหมือนคุณหนูใหญ่มู่จะมองทักษะหมากของตัวเองไว้ดีมาก" เจียงเหอหลิวก็คิดในใจว่าระดับอย่างเจ้าจะประลองหมากข้ามวันข้ามคืนกบัเขาได้สักกี่วันกันเชียว?"กระแอ่มๆๆ ก็พอใช้ได้" ขณะพูดนางก็รีบคว้าแขนของโม่จุนและกล่าว "ถ้าข้าแพ้ ก็คือธัญพืช 50,000 ตันใช่ไหม?"โม่จุนตกใจกับการที่นางจู่ๆ ก็มาคว้าเขา จากนั้นอุณหภูมิตรงแขน
เมื่อเห็นบุคคลสำคัญทั้งสองทะเลาะ ทุกคนก็รีบไปห้ามจนตรงนั้นสงบลงทางด้านเจียงเหอหลิวเมื่อเข้าใจสิ่งที่มู่จิ่วซีพูดก็ยิ้มหัวเราะออกมา"พูดตรงๆ พวกเราแคว้นซีเย่ว์ไม่ได้เก่งกาจอะไร ข้ามาเพื่อประลองแค่รายการเดียวเท่านั้น นอกจากหมากแล้ว ข้าก็ไม่ได้มีอะไรดีเลย รบกวนคุณหนูใหญ่มู่ออมมือด้วย""แคว้นซีเย่ว์ช่างน่าสงสาร" มู่จิ่วซีก็เผยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ "เอาเถอะ ประลองหมากก็ย่อมได้ แต่ว่าพวกเราไม่ต้องแข่งกันนานขนาดนั้นได้ไหม?""คุณหนูใหญ่มู่ ข้าไม่คิดว่าจะใช้เวลานานขนาดนั้น" เจียงเหอหลิวดูถูกมู่จิ่วซีในใจ"งั้นแบบนี้ ถ้าข้าจัดวางหมากเอาไว้และเจ้าสามารถแก้หมากข้าได้ถือว่าเจ้่าชนะล่ะเป็นไง?" มู่จิ่วซีกล่าวเจียงเหอหลิวตะลึงไปครู่หนึ่ง องค์ชายสามถึงกับต้องดึงชายเสื้อของเขา"แล้วถ้าหากข้าไม่สามารถแก้ได้ล่ะ? คุณหนูใหญ่มู่จะสามารถแก้ได้ไหม?" เจียงเหอหลิวคิดว่าคุณหนูใหญ่มู่อาศัยประโยชน์จากโอกาส เขาแก้ไม่ได้เป็นฝ่ายแพ้ แบบนี้มันไม่ยุติธรรม หรือว่านางเองก็ยังแก้ไม่ได้?"แน่นอนสิ ข้าเป็นคนวางหมาก ข้าก็ต้องแก้หมากของตัวเองได้ แต่ว่าหากใต้เท้าเจียงแก้ได้ก็จะถือว่าชนะข้า หากแก้ไม่ได้ ข้าจะแก้หมากให้ท่า
องค์ชายสามก็ยิ้มขึ้นที่มุมปากในทันที คุณหนูใหญ่มู่คนนี้เกรงว่าคงยังไม่รู้ว่าตัวเองแก้หมากของตัวเองก็ไม่ได้"งั้นทักษะหมากของเจ้าคงแย่มาก" มู่จิ่วซีพูดแหย่โม่จุน ถึงกับทำให้ทุกคนหายใจเฮือกไม่ใช่เพราะประโยคนี้ของนางที่บอกโม่จุน แต่หมายถึงความหมายแฝงในประโยคนี้ทักษะหมากของท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นหนึ่งในแคว้นเกาอวิ๋น คุณหนูใหญ่มู่กลับบอกว่าเขาแย่มาก?สวรรค์จะทรงเบิกทางเรียกสายฟ้ากำราบคุณหนูใหญ่มู่ผู้หยิ่งผยองคนนี้แน่โม่จุนยิ้มขึ้นที่มุมปากและกล่าวด้วยใบหน้าหล่อเหลาอันเคร่งครึม : "เจ้าแก้ได้จริงๆ หรอ?""ไม่ใช่ว่าข้าแก้ได้หรือไม่ได้ แต่ต้องถามใต้เท้าเจียง ว่าเขาแก้ได้หรือเปล่า" มู่จิ่วซีกลอกตาเจียงเหอหลิวทันใดนั้นก็ประสานมือและกล่าว : "คุณหนูใหญ่มู่ ข้าไม่สามารถแก้ได้จริงๆ หากคุณหนูใหญ่มู่สามารถแก้ได้ แคว้นซีเย่ว์ขอยอมแพ้""หากคุณหนูใหญ่มู่แก้ไม่ได้ นั่นหมายถึงแคว้นเกาอวิ๋นแพ้" องค์ชายสามกล่าว เขาไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าโอกาสชนะจากการที่นางแก้ไม่ได้มีมากกว่าการแข่งของมู่จิ่วซีรอบนี้ คงถือซะว่ามอบธัญพืชให้กับพวกเขาแล้วกันทุกคนตรงนั้นก็ล้วนรู้สึกว่าหมากที่แก้ยากสุดนับพันปีล้วนไ
โม่จุนหลังจากมองเข้าใจ เขาก็เบือนสายตาออกจากกระดานหมากและกันไปมองใบหน้างดงามของมู่จิ่วซีพอได้เห็นก็ยากที่จะละสายตาออกมา ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้ฉลาดขนาดนั้น สวยมากอีกด้วยชนะขาดลอยขนาดนี้ งดงามที่สุด ไม่มีแม้แต่ความสงสัยแคว้นซีเย่ว์ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้แก้ตัวการประลองสองรอบ ชนะจนเรียกได้ว่าทิ้งไม่เห็นฝุ่น ไม่มีใครหยุดยั้งได้"ใต้เท้าเจียง ข้าถือว่าแก้ได้แล้วสินะ?" มู่จิ่วซีแหงนหน้ากันไปมองเจียงเหอหลิวเจียงเหอหลิวกำลังหลงใหลกับหมากบนกระดาน พอได้ยินเสียงก็รีบเงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็เผยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้และกล่าวออกมา : "คุณหนูใหญ่มู่ ท่านช่างมีความสามารถ! ข้ายอมแพ้จากใจจริง เจ้าคือคนแรกในรอบพันปี""ฮิอิ ใต้เท้าเจียงชมเกินไปแล้ว ข้าก็แค่บังเอิญแก้ได้ก็เท่านั้น โดยทั่วไปแล้ว หากไม่สามารถแก้ได้ ข้าคงยอมไม่ได้ที่จะล้มเลิก แต่มีคำพูดในศาสาตร์แห่งสงครามบรรพบุรุษกล่าวว่า ทหารเคลื่อนไหวอย่างอันตราย หลีกพ้นความตายเพื่ออยู่รอด ใช้การล่าถอยเพื่อรุกคืบ เพื่อผลลัพธ์ที่แตกต่าง ข้าคิดถึงสิ่งเหล่านี้และพยายามแก้อยู่หลายครั้ง"มู่จิ่วซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ถ้าไม่ใช่เพราะนางทะลุมิติมา
"ไม่ใช่ๆ จิ่วซี เจ้านี่มันฉลาดกว่าคนอื่นหลายเท่าเลย" เย่อู่เหิงรีบยิ้มกล่าวขึ้นมา สายตาอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัดคุณหญิงมู่ก็หันมองและชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปหาสามีใต้เท้ามู่ของนางและก็เห็นเขากำลังคุยโวกับคนอื่น ในใจนางก็รู้สึกปลาบปลิ้มมากในปัจจุบันลูกสาวโดดเด่นขนาดนี้ แม้ว่าจะพถูกท่านผู้สำเร็จราชการแทนถอนหมั้น แต่ก็ไม่จะไม่มีใครไม่ต้องการนาง"คุณหนูใหญ่มู่ การประลองรอบที่สามก็ต้องชนะให้ได้ล่ะ เพื่อปากท้องของแคว้นเกาอวิ๋น!""ใช่แล้วล่ะ แต่ก่อนท่านผู้สำเร็จราชการแทนชนะได้แค่การประลองเดียว ตอนนี้จะต้องทำให้แคว้นซีเย่ว์รู้ซึ้งซะบ้าง คิดจริงหรอว่าแคว้นเกาอวิ๋นของพวกเราสู้พวกเขาไม่ได้น่ะ!""ใช่ๆๆ ขอเพียงคุณหนูใหญ่มู่และท่านผู้สำเร็จราชการแทนร่วมมือกัน ไอหยา ถ้าพวกเจ้าได้เป็นสามีภรรยากัน แบบนี้ไม่ไร้เทียมทานหรอกเหรอ?""ใช่น่ะสิ ทำไมท่านผู้สำเร็จราชการแทนถึงได้ถอนหมั้นได้! ดวงตาหามีแววไม่จริงๆ""ท่านผู้สำเร็จราชการแทนก่อนจะถอนหมั้นคงไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่มู่เก่งกาจแค่ไหน ตอนนี้รู้แล้ว คงจะเจ็บใจเสียดายอยู่สินะ!""พอเถอะ ผู้ชายล้วนชอบผู้หญิงอ่อนโยนสง่างาม คุณหนูใหญ่มู่ไม่เหมาะกับท่านผ
มู่จิ่วซีก็มองย้อนกลับและยิ้มกล่าวออกมา : "ชอบสิ ใต้เท้าเย่เป็นหนุ่มรูปงามขนาดนั้น ใครบ้างไม่ชอบ ข้าไม่ได้ตาบอดเสียหน่อย"จากนั้นนางก็หันมากล่าวกับโม่จุน : "เจ้าเรียกข้าทำไม? ยังไม่เริ่มแข่งประลองรอบ 3 เลย" ขณะพูดนางก็หย่อนก้นนั่งลงโม่จุนโกรธจนใบหน้าบึ้งตึงและกัดฟันพูดออกมา : "เจ้าสำรวมหน่อยไม่ได้หรือยังไง! คนตั้งเยอะแยะ พูดจาอย่างกับอะไร?""ข้าทำไม? ข้าพูดอะไรผิด?" มู่จิ่วซีตกตะลึงในสายตา "โม่จุน อาการป่วยเจ้ากำเริบหรือไง? ข้าแข่งชนะให้กับแคว้นเกาอวิ๋นไปสองรอบ เจ้ายังจะดุข้าอีก?"โม่จุนก็กล่าวอย่างหัวเสีย : "นี่มันคนละเรื่อง เจ้าเป็นผู้หญิง พูดจาอย่างโผงผาง อยากขายหน้าแคว้นซีเย่ว์รึไง?""อะไรของเจ้า? โม่จุน เจ้าจะฟื้นฝอยหาตะเข็บหรอ หลังจากนี้แคว้นซีเย่ว์จะต้องพูดว่าคุณหนูใหญ่มู่เก่งกาจ ใครจะมาสนว่าข้าโผงผางหรือไม่โผงผาง พระพันปีหลวง ท่านว่าใช่ไหมล่ะ" มู่จิ่วซีขี้เกียจจะเหน็บแหนบทะเลาะกับโม่จุน นางก็เลยออดอ้อนพระพันปีหลวงพระพันปีหลวงทรงลูบไปที่ผมหางม้าของนางและกล่าว : "เจ้าพูดไม่ผิด แต่โม่จุนก็คิดถึงชื่อเสียงของเจ้า ดูอย่างใต้เท้าเย่ ถ้าเพราะเจ้าชอบเขา แล้วเขามาสู่ขอเจ้า เจ้าจะ
"ท่านแม่ ไม่มีอะไร ก็แค่ถูกหมาบ้ากัด" มู่จิ่วซีกล่าวอัครมหาเสนาบดีไป๋ทันใดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา โม่จุนกลายเป็นหมาบ้าไปแล้วสินะพอหันไปทางโม่จุนด้านนั้น ท่านผู้สำเร็จราชการแทนคนนี้ผู้ไม่เคยสติหลุดมาก่อน แต่พออยู่กับมู่จิ่วซี ผู้ชายคนนี้ก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้แต่น่าเสียดาย ตัวเขาเองกลับไม่รู้ว่าตัวเองได้ชอบมู่จิ่วซีเข้าแล้วไม่งั้นเขาจะโมโหขนาดนี้และขาดสติขนาดนี้หรอผู้คนได้เฝ้าสังเกตคาดเดาอยู่รอบ อัครมหาเสนาบดีไป๋เป็นคนที่มองออก พระพันปีหลวงก็มองออก รวมถึงเซียวหลิงเย่ว์ที่นั่งอยู่ในกลุ่มสตรีผู้สูงศักดิ์ก็มองออกเช่นกันสายตาของนางมองโม่จุนอย่างเคียดแค้น จากนั้นก็หันมองมู่จิ่วซีอย่างแค้นเคืองเย่อู่เหิงไม่ได้ยินที่พวกเขาคุยกัน แต่พอเห็นท่าทีโมโหของมู่จิ่วซี และหันไปมองโม่จุน เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแคว้นซีเย่ว์ทางอีกด้านหนึ่งก็เจรจาถึงการประลองรอบที่สาม แต่ในตอนสุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกว่ายิงธนู 100 เมตรโอกาสชนะมากกว่า สำหรับมู่จิ่วซีที่ผู้หญิงคนนี้ พวกเขาแถบเดาไม่ออกเลยพวกเขารู้สึกแค่ว่าต่อให้ผู้หญิงคนนี้เก่งกาจ นางก็ยังเป็นแค่ผู้หญิง การยิงธนู 100 เมตรส