มาเฟียจ้าวชีวิต
Writer : Aile'N
ตอนที่ 5
กว่าห้าวันแล้วที่ของขวัญมาอยู่ที่ตึกสูงแห่งนี้.. ชีวิตในแต่ละวันของเธอดำเนินไปแบบวนลูป ตื่นเช้า อาบน้ำแต่งตัว ทานข้าวและของบำรุงสารพัดอย่างที่องศาจัดมาให้ จากนั้นก็ว่าง.. ไม่มีอะไรให้ทำ ได้แต่นั่งๆ นอนๆ หายใจทิ้งไปวันๆ ดีหน่อยที่องศาหอบหนังสือจากห้องสมุดชั้นล่างมาให้เธออ่านแก้เบื่อบ้าง.. หรืออาจจะทำให้เบื่อหนักกว่าเดิม เพราะส่วนใหญ่มีแต่หนังสือวิชาการ ศาสตร์ต่างๆ กับพวกปรัชญาชีวิต มีนวนิยายบ้างแต่ก็ล้วนเป็นภาษาต่างประเทศทั้งสิ้น
เที่ยงตรง.. ได้เวลายัดอาหารลงท้องอีกครั้ง พอเริ่มย่อยหนังตาก็เริ่มหย่อน ช่วงบ่ายเลยกลายมาเป็นเวลานอนกลางวัน เมื่อตื่นก็มานั่งโง่ๆ มองวิวทิวทัศน์ตรงโซฟาริมกำแพงกระจกที่มันเคยสวยมากในครั้งแรกที่เห็น แต่พอมองบ่อยๆ ความสวยงามของมันก็ค่อยๆ ลดลงไป.. จากนั้นก็ได้เวลาทานมื้อเย็น อาบน้ำและเข้านอน วนอยู่แค่นี้ตลอดห้าวันที่ผ่านมา นี่มันไม่ได้ต่างจากการถูกพามาขังเลยสักนิด..
หลังจากวันแรกที่เจ้าของตึกแห่งนี้พาของขวัญเข้ามา เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย องศาบอกว่าโทโมยะมีงานมากมายที่ต้องสะสาง เธอก็เลยยังไม่รู้ว่าบทสรุปของอนาคตตัวเองจะเป็นยังไงต่อไป เธออยากคุยเรื่องนี้กับเขาเพราะไม่อยากอยู่แต่ในห้องเฉยๆ งานอะไรที่พอจะช่วยได้เธอก็อยากจะทำ.. แต่ถามถึงใครคนนั้นทีไรองศาก็เอาแต่พร่ำบอกว่าให้เธอรักษาตัวให้หายดีก่อน เมื่อนั้นคงถึงเวลาสมควรที่เจ้านายเขาจะเข้ามาคุยด้วย ไม่ว่าเธอจะบอกกี่ครั้งว่าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเชื่อ เอาแต่คัดสรรอาหารหรูคุณภาพดีมาขุนเธอจนแน่นโต๊ะไปหมด
ก๊อกๆ
แกรก..
ร่างบางที่กำลังนอนคว่ำหน้าลงกับหนังสือเล่มโตอย่างเบื่อๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะ ก่อนจะพบว่าเป็นคนสนิทที่เปิดประตูเข้ามา เท่านั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งมองไปยังกล่องอะไรบางอย่างที่อีกฝ่ายถือติดมือมาด้วย
"นี่คือโทรศัพท์เครื่องใหม่ นายใหญ่ซื้อให้น้องขวัญ เอาไว้เล่นแก้เบื่อ แต่อย่าเล่นบ่อยนะครับเดี๋ยวสายตาเสีย ข้างในมีเบอร์นาย คุณอากิ คุณเซย์โนะ และเบอร์พี่ถูกเมมไว้แล้ว ให้โทรเฉพาะยามจำเป็นเท่านั้นนะครับ" องศาตอบคำถามของคนตัวเล็กที่แสดงออกมาทางสีหน้าแววตา ก่อนยื่นกล่องใส่โทรศัพท์ยี่ห้อดังอันมีค่าตัวแพงลิ่วมาให้ ด้านในมีตัวเครื่องและอุปกรณ์เสริมครบครัน ใหม่เอี่ยมเพราะเพิ่งถอยจากร้านมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
"เอ่อ ขอบคุณนะคะ แต่นี่.. ไม่แพงไปหรอ ให้ขวัญใช้ธรรมดาๆ ก็พอ" ร่างบางขอบคุณแต่ไม่กล้ารับ เธอไม่เคยใช้โทรศัพท์ยี่ห้อนี้มาก่อนเพราะมันแพงมาก แค่เห็นราคาก็ขยาดแล้ว แต่คนส่วนใหญ่กลับนิยมซื้อมาใช้เพื่ออวดรวยแข่งกัน เธอไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าอวดแล้วได้อะไรเพราะบางคนใช้เงินพ่อแม่ซื้อ บางคนซื้อเงินผ่อน แต่ถือโชว์ประหนึ่งว่าไม่มีกระเป๋าให้ใส่โทรศัพท์ =_="
"รับไปเถอะครับ นายใหญ่ชอบคนว่าง่าย" ร่างสูงยิ้มบาง คำพูดนั้นทำคนฟังขมวดคิ้วฉับจนหน้ายุ่ง
"แล้วขวัญพูดยากตรงไหน" ร่างบางท้วงอย่างไม่ค่อยชอบใจ เธอก็แค่เกรงใจที่เจ้านายเขาดูแลเธอดีเกินความจำเป็น ญาติฝ่ายไหนก็ไม่ใช่แถมยังติดหนี้บุญคุณเขาเป็นสิบๆ ล้านอีก
"ตรงไม่ยอมรับไปดีๆ นี่แหละครับ.. เวลานายให้อะไร น้องขวัญก็แค่รับไป เพราะนายต้องการให้ ถ้าไม่ยอมรับหรือมีข้อแม้นายจะไม่พอใจ" องศาอธิบายเพิ่มเพื่อให้คนฟังเข้าใจ โทโมยะชอบคนพูดง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องหรือใครหน้าไหน เขาไม่ชอบคนมากความหรือชอบขัดใจ อยากให้ก็คือให้ ไม่ต้องถามว่าทำไม
"อะไรล่ะนั่น.. เอาแต่ใจชะมัด" ของขวัญบ่นอุบ ทำปากยื่นขณะนึกไปถึงหน้าตาไร้อารมณ์ของใครคนนั้น เธอสนิทกับองศาแล้วเลยคุยเล่นกันได้ ประจวบกับที่ไม่พอใจเจ้านายเขาเรื่องหายหัวไปไม่มาหาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยบ่นให้เขาฟังซะเลย ซึ่งองศาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงหัวเราะขำเบาๆ เท่านั้น
"แล้วนี่.. เจ้านายพี่ไม่คิดจะมาพูดอะไรกับขวัญหน่อยหรอคะ อย่างน้อยๆ หางานให้ขวัญทำหน่อยก็ได้ ขวัญทำงานบ้านเป็นนะ ทำข้าวผัดหมูอร่อยด้วย" มือบางยอมรับโทรศัพท์เครื่องใหม่มาอย่างว่างง่าย ก่อนจะชวนคุยต่อและอวดเมนูถนัดที่มั่นใจว่าทำอร่อย ตอนแรกเธอก็ทำงานบ้านงานครัวไม่เป็นหรอกเพราะแม่มักจะทำให้ทั้งหมด เพิ่งมาเริ่มหัดทำก็ตอนที่แม่ทรุดเข้าโรงพยาบาลนั่นแหละ ช่วงเวลานั้นมันเป็นจุดพลิกผันอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ ปัญหาต่างๆ นานาที่ถาโถมทำให้อ่อนแอเพราะไร้ที่พึ่งพิง แต่เมื่อปรับตัวได้มันก็ทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น แม้จะไม่เหลือใคร.. ก็ยังมีตัวเองให้พึ่งพา
"เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันเอง ร่างกายน้องขวัญก็ยังดูไม่แข็งแรงดีเลยนะ" องศาบอกกลั้วเสียงขำ เพราะรู้สึกเอ็นดูตอนที่อีกฝ่ายพูดถึงฝีมือการทำข้าวผัดด้วยดวงตาเปล่งประกาย
"ไม่แข็งแรงอะไรล่ะคะ ให้แบกหนังสือทั้งหมดนี้ยังได้" คนตัวเล็กคุยโวพร้อมทำปากยื่นใส่กองหนังสือเล่มใหญ่ที่กระจัดกระจายอยู่รอบตัว แต่คนฟังกลับส่ายหน้าเหนื่อยๆ ไม่ว่าใครก็มองว่าเธออ่อนแอเกินไปทั้งองศาและแพรว ถึงรูปร่างเธอจะให้ก็เถอะ แต่หลายเดือนที่ทำงานมาเธอแข็งแรงและมีความอดทนขึ้นเยอะนะบอกเลย
"เฮ้อ.. ไว้ถ้านายพี่เริ่มว่าง พี่จะลองพูดกับท่านให้นะ" องศาถอนหายใจก่อนรับปากว่าจะช่วยพูดกับนายให้ คำพูดของเขาไม่วายทำคนฟังกรอกตามองเพดานด้วยความหมั่นไส้ นี่มาเฟียหรือสายลับ หาตัวยากจริงๆ!
"ขอบคุณค่ะ ตอนนี้พี่ไปพักเถอะ" ของขวัญตัดบทเพราะคุยต่อก็คงไม่ได้อะไร
เมื่อองศาออกไป เธอก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่มาเรียนรู้วิธีการใช้งานจนเข้าใจ ก็นึกอยากเข้าไปส่องโลกโซเชียลที่ห่างหายมานาน แต่ลืมขอรหัสไวไฟจากคนสนิทไว้ ครั้นจะเรียกเข้ามาใหม่ก็เกรงใจเลยลองเปิดไวไฟดูก่อนเพราะเห็นเขาเมมเบอร์ใส่ซิมอะไรไว้ให้เสร็จสรรพพร้อมใช้งาน เลยอยากรู้ว่าได้เชื่อมต่อไวไฟของที่นี่ไว้ให้ด้วยไหม ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าตึกลึกลับแห่งนี้จะมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้เล่นหรือเปล่าแต่ก็คิดไปก่อนแล้วว่ามี!
พอเปิดไวไฟก็ปรากฏว่ามันเชื่อมต่อและจำรหัสอัตโนมัติให้แล้วร่างบางเลยยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ แอบชื่นชมคนดูแลโทรศัพท์เครื่องนี้ก่อนจะมาถึงเธออยู่นะเนี่ยว่าเตรียมพร้อมซะรอบคอบเชียว สบายแกล่ะของขวัญ..
แอพพลิเคชันสีฟ้าคือแอพที่ร่างบางล็อกอินเข้าไปใช้ก่อนอย่างอื่น เธอเห็นแพรวทักมาหาหลายข้อความมาก ใจความประมาณว่าไปหาที่บ้านแล้วไม่เจอเลยเป็นห่วง จึงพิมพ์ตอบกลับไปว่าสบายดี ตอนนี้ขอหนีไปพักใจที่ต่างจังหวัดชั่วคราว.. เลี่ยงที่จะบอกความจริงเพราะไม่อยากให้แพรวเป็นห่วงหรือคิดว่าเธอถูกล่อลวงมาที่นี่..
เมื่อเบื่อ.. โทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ว่าตื่นเต้นในตอนได้จับแรกๆ ตอนนี้ก็ไร้ความหมาย สุดท้ายของขวัญก็เลยตัดสินใจหอบหมอนกับผ้าห่มไปนอนที่โซฟาตัวยาวริมกำแพงกระจกที่ตอนกลางวันจะเลื่อนม่านปิดไว้กันแสงแดดส่องเข้ามารบกวน ตั้งแต่ที่แม่เข้าโรงพยาบาลเธอก็ติดนอนโซฟาเพราะพื้นที่มันแคบกว่าเตียง ไม่ทำให้เหงาและอ้างว้างจนเกินไป เนื่องจากตอนแม่อยู่เธอนอนกับแม่ทุกคืน..
เวลาเดียวกันโทโมยะกลับมาจากไปดูความเรียบร้อยของธุรกิจอโคจรหลายแห่งที่อยู่ภายใต้การปกครอง เมื่อลิฟต์เปิดออกที่ชั้นบนสุดก็เห็นองศายืนโค้งทำความเคารพอยู่หน้าลิฟต์เหมือนทุกครั้ง เจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งกับดวงตาเฉื่อยชาเหลือบมองร่างนั้นเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามถึงคนที่สั่งให้คอยดูแล
"เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง" หลายวันแล้วที่ไม่ได้เจอ หวังว่าจะดีขึ้น..
"ร่างกายกำลังฟื้นตัวครับ ได้ยินบ่นว่าเบื่อๆ ที่ต้องอยู่แต่ในห้อง แล้วก็.. อยากคุยกับนายด้วยครับ" องศารายงานด้วยท่าทางสุขุม คนฟังขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วออกตัวเดินไปยังห้องที่ใครคนนั้นพักอยู่ พร้อมกับยกมือห้ามคนสนิทที่ทำท่าจะเดินตามเข้าไปด้วย
ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วห้อง เห็นก็แต่กองหนังสือที่มีทั้งเปิดค้างไว้และไม่ได้เปิดกระจัดกระจายอยู่บนเตียง ข้างๆ กันนั้นเป็นโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เขาให้องศาไปซื้อมาให้ถูกวางทิ้งไว้ ส่วนเจ้าของมันหายไป.. เดินไปดูที่ห้องน้ำไม่มี เลยหันไปมองที่โซฟาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่มันสะกิดใจ ครั้นเดินไปดูก็เห็นคนที่กำลังตามหานอนขดตัวอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว..
ของขวัญตื่นขึ้นมาอีกทีในตอนเกือบเย็น และได้แต่นั่งงงว่ามาอยู่บนเตียงได้ยังไงในเมื่อตั้งใจไปนอนโซฟา หนังสือที่เคยวางเกลื่อนถูกเก็บ โทรศัพท์ก็วางผิดที่กับที่เคยวาง เป็นใครไปไม่ได้นอกจากองศาที่คงเข้ามาเห็นแล้วกลัวว่าเธอจะนอนไม่สบายเลยพามานอนที่เตียง.. ร่างบางสรุปกับตัวเองแบบนั้นจึงไม่ติดใจอะไร รีบลุกไปอาบน้ำและมารอทานมื้อค่ำ แต่เมื่อเห็นเชฟเข็นอาหารมากหน้าหลายตาเข้ามาก็ถึงกับอ้าปากค้างเพราะมันเยอะมาก.. เยอะกว่าปกติ! นี่กะจะขุนให้เป็นหมูเลยหรือยังไง =_="
"เอ่อ คุณเชฟคะ ขวัญต้องกินหมดนี่เลยหรอคะ ปกติก็กินไม่หมดอยู่แล้วนะคะ" ร่างบางโอดครวญ ทำหน้าตาเลิกลั่กเหรอหราจนเชฟหลุดยิ้มบางก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
"เปล่าครับ แต่วันนี้นายใหญ่จะมาทานด้วย" คนฟังฉงนระคนตกใจ ไม่ทันได้ถามอะไรคนที่กำลังพูดถึงก็เดินเข้ามาโดยไม่มีสัญญาณใดบอกกล่าว เนื่องจากเวลามาเสิร์ฟอาหารเชฟจะไม่ปิดประตูเพราะเดี๋ยวจะลำบากเวลาเข็ญออกไป
"นั่งสิ" เสียงทุ้มเอ่ยบอกเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่ยืนมองหน้าเขาเหมือนเห็นสิ่งมหัศจรรย์..
สิ้นคำคนเหม่อก็เหมือนจะได้สติรีบทรุดตัวนั่งลงอีกฝั่ง ตากลมลอบมองใบหน้าหล่อคมที่ดูแปลกตาไปของผู้มาใหม่อย่างเผลอไผล ไรหนวดประปรายขึ้นประดับกรอบหน้าขับให้ลุคของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปนิดๆ ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น.. น่าขันใครบางคนที่เคยปากกล้าลับหลัง พอมาอยู่ต่อหน้ากลับไม่กล้าแม้แต่จะหายในแรง..
"องศาบอกว่าเธออยากคุยกับฉัน? " ร่างสูงตรงเข้าประเด็นขณะเปิดไวน์ชั้นดีเทลงแก้วด้วยท่วงท่าสบายๆ ทว่าสง่าผ่าเผยเหมือนทุกครั้งที่พบเจอ
"เอ่อ ก็ใช่ค่ะ คือ.. ขวัญแข็งแรงแล้ว และไม่อยากอยู่แต่ในห้อง ขวัญอยากทำงานตอบแทนคุณค่ะ" ของขวัญละล่ำละลักพูดเหมือนกลัวจะไม่มีโอกาสได้พูด
"ไหนว่าสิ่งที่ทำเป็นมาสิ.." โทโมยะมองคนตรงหน้าด้วยสายตาประเมิน ไวน์ชั้นเยี่ยมที่ตั้งใจจะยกขึ้นจิบเป็นอันต้องวางลง ก่อนเปลี่ยนท่าทีประสานมือไว้บนตัก แอนตัวพิงพนักรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
"ขวัญทำงานบ้านเป็นค่ะ พวกปัดกวาดเช็ดถู แล้วก็ทำอาหารง่ายๆ ได้ โดยเฉพาะข้าวผัดหมู ขวัญทำอร่อย" คนพูดฉีกยิ้มอย่างภูมิใจนำเสนอ
"หึ.." คนฟังเค้นเสียงในลำคออย่างขบขัน..
"ของแบบนั้นไม่จำเป็นหรอก.. ที่นี่มีพนักงานทำความสะอาดและมีเชฟฝีมือระดับภัตตาคารอยู่แล้ว" เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจในสิ่งที่คนตัวเล็กบอก รอยยิ้มกว้างขวางนั้นเลยเป็นอันต้องหุบ หมดสิ้นความภาคภูมิใจเหลือเพียงใบหน้าเจื่อนๆ นั่นสินะ.. ดูอาหารตรงหน้าพวกนี้สิ น่ากินกว่าข้าวผัดหมูพื้นๆ ของเธอหลายเท่าเลย
"แต่บางที.. ฉันอาจจะอยากกินอะไรง่ายๆ ก็ได้" ของขวัญได้แต่มองหน้าคนพูดตาปริบๆ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ..
"...ไว้ถ้าอยากกินข้าวผัดหมูเมื่อไรจะเรียก" ร่างสูงเอ่ยตรงเมื่อประโยคก่อนหน้าไม่ได้ทำให้คนฟังเข้าใจ ร่างบางมองสบตาคมอย่างอึ้งๆ ก่อนหลบตามองต่ำ พยายามกลั้นยิ้มและพยักหน้ารับหงึกๆ เมื่อเขาไม่พูดอะไรต่อเธอก็ไม่กล้าชวนคุย นั่งทานข้าวไปพร้อมกันอย่างเงียบๆ
"ถ้าเบื่อ เธอจะออกไปข้างนอกก็ได้ แต่บอกฉันก่อนและเอาการ์ดไปด้วย" โทโมยะพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจบมื้ออาหารค่ำ เขายังไม่ลุกไปไหนแม้จานชามจะถูกเก็บออกไปแล้ว
"ไม่มีงานอะไรให้ขวัญทำจริงๆ หรอคะ" ร่างบางเลียบๆ เคียงๆ ถามดูอีกครั้ง เธออยากทำงานอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้อง เธอยังมีหนี้บุญคุณก้อนใหญ่ที่อยากจะชดใช้คืน..
"ทุกคนที่นี่ต่างมีหน้าที่ของตัวเองหมด ฉันมีอากิกับเซย์โนะอยู่แล้ว.. สองคนนั้นทำได้ทุกอย่าง ยกเว้น.. เรื่องบนเตียง" น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน แม้ท้ายประโยคจะทำคนฟังหน้าขึ้นสี ใจสั่นไปกับสายตาคนพูดที่มองจ้องมาอย่างเที่ยงตรง
คนเรียกร้องจะทำงานเป็นอันต้องคิดหนัก.. เมื่ออีกฝ่ายบอกเป็นนัยว่านั่นคือสิ่งเดียวที่เธอทำได้ เธอเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการและยังไม่ลืมด้วยว่าตัวเองได้ยกชีวิตที่เหลืออยู่ให้เขาไปแล้ว แต่ความไม่เคยกำลังทำให้เธอหวาดกลัว..
"เอ่อ.. คะ ครั้งเดียวได้มั้ยคะ" เสียงหวานต่อรองออกไปอย่างติดขัด เธอไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกในตอนทำเรื่องพรรค์นั้นมันเป็นยังไง แต่กลัวจะรับไม่ไหว
"เธอกำลังต่อรอง? " คนฟังเลิกคิ้วสูงขณะถามกลับ ดวงตาคมมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ ก่อนกระตุกยิ้มเยาะบางๆ ไม่คิดว่าเธอจะกล้าต่อรอง..
"......." คนถูกถามนั่งเงียบ เม้มปากแน่นด้วยความประหม่า มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวที่เธอยังมีหน้าไปต่อรองกับเขา แต่จะให้ทำยังไง.. แค่ครั้งเดียวยังไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าทำเลย! T^T
"ครั้งเดียว.. แลกกับเงินสิบล้าน? " รังสีกดดันโจมตีใส่คนตัวเล็กทางคำพูดและสายตา น้ำเสียงที่เอ่ยดูแคลนคำขอต่อรองของอีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบัง
"ไม่ถึง.. ไม่ถึงสิบสักหน่อย ก็.. ขวัญบอกว่าเงินเหลือ แต่คุณก็ไม่เอา.." ของขวัญไม่วายแย้งออกมาทั้งที่หวาดหวั่นกับสายตาคม เธอใช้เงินที่เขาให้มาไม่หมดเสียหน่อย บอกให้เอาคืนไปแล้วไม่ยอมเอาเองก็อย่ามาคิดจำนวนเต็มสิ!
"หึ.. ฉันให้แล้วให้เลย ไม่รับคืน" โทโมยะเค้นเสียงขบขันเมื่อคนตัวเล็กกล้าแย้งออกมาทั้งที่นั่งตัวสั่น เขาไม่สนเงินเท่ายิบมือนั้นหรอก ให้คือให้ไม่คิดเอาคืน แต่ที่แสร้งทวงบุญคุณอยู่ในตอนนี้ก็แค่อยาก 'แกล้ง'
"ก็แล้วแต่เธอ.. ฉันไม่ชอบบังคับใครนักหรอก แต่ถ้าฉันไม่ช่วยมา เธอก็คงจะผ่านมือผู้ชายนับไม่ถ้วน.." ปากบอกแล้วแต่.. แต่ทุกถ้อยคำที่พูดล้วนบาดลึกถึงใจคนฟังจนอยากจะค้อนใส่สักร้อยวง! หมั่นไส้.. แต่สถานการณ์ในตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งทำหน้าเป็นหมาหงอยให้อีกฝ่ายพ่นคำพูดแทงใจ
"......." ของขวัญไม่มีคำตอบให้เพราะนึกคำพูดใดไม่ออก ที่เขาพูดมันจริงทุกอย่างจนเธอเจ็บใจ
"แต่ใครเคยบอกนะ.. ว่ายกชีวิตที่เหลืออยู่ให้ฉัน ถ้าชีวิตเป็นของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้สิ จริงมั้ย? " โทโมยะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างคนเป็นต่อ ยิ่งเห็นคนฟังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ก็ยิ่งสนุก..
"...กะ ก็ได้ค่ะ! ขวัญจะทำ!! " ของขวัญตัดสินใจจบคำพูดดูแคลนต่างๆ ของเขาอย่างไม่มีทางเลือก เธอพยายามจะนึกถึงความรู้สึกในวันนั้นที่ตัดสินใจทำงานอย่างว่า เผื่อความกล้าในวันนั้นจะส่งผลมาถึงวันนี้บ้าง..
"หึหึ ก็ดี.." ร่างสูงเหยียดยิ้มเต็มปาก ก่อนหัวเราะในลำคออย่างขบขัน สิ้นคำก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซนฯ กระชับสูทเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไร.. ทิ้งคนข้างหลังไว้กับความมึนงง พยายามคิดหาเหตุผลว่าเขาอาจจะไปหยิบของหรือทำธุระบางอย่างแล้วคงจะกลับเข้ามาเลยนั่งทำใจรอ คิดว่าคืนนี้ยังไงก็ไม่รอดแน่.. ครั้งแรกได้ยินมาว่ามันเจ็บมากเลยนะ พอจะมีวิธีไหนทำให้เจ็บน้อยลงบ้างไหมอ่ะ แล้ว.. เขาจะใส่ถุงยางหรือให้เธอกินยาคุม ถ้าเขาให้กินต้องกินแบบไหนถึงจะไม่ท้อง โอ้ย กังวลไปหมด!
"พี่องศา คุณโทโมยะล่ะคะ" รอแล้วรอเล่าอีกฝ่ายก็ไม่มา.. กระทั่งองศากลับเข้ามาในห้องอีกครั้งเลยอดไม่ได้ที่จะถาม
"นายก็ไปทำงานสิครับ น้องขวัญก็น่าจะได้คุยแล้วหนิ"
"อ้าว! ? "
..
..
..
..
โถ่ คนอุตส่าห์เตรียมใจ พอเขาแกล้งจนพอใจก็ทิ้งไว้กลางทางซะงั้น 555555
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 6"เป็นอะไร อาหารไม่อร่อย? " บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้านี้ไม่สดใสเท่าที่ควร เพราะใครบางคนที่แกล้งให้ร่างบางรอเก้อเมื่อคืนดันโผล่มานั่งร่วมโต๊ะทานข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"เปล่าค่ะ.." เสียงเบาตอบออกไปโดยไม่มองหน้า และไม่รู้ตัวเลยว่าหัวคิ้วกำลังขมวดเข้าหากันซึ่งเป็นกิริยาที่ขัดกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง"หรืออารมณ์เสียเรื่องเมื่อคืน? " ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ แต่หากดวงตาเปล่งประกายอะไรบางอย่างที่ทำคนมองรู้สึกไม่ชอบใจ"เปล่านี่คะ ดีใจซะอีก" คนพูดลอยหน้าเหมือนไม่ใส่ใจกับเรื่องนั้น จริงๆ ถึงเธอจะโกรธที่ถูกแกล้งให้รอเก้อ แต่มันก็ยังมีแง่ดีเพราะยังไม่เสียความบริสุทธิ์ให้ใคร"หึ..." โทโมยะเค้นเสียงในลำคอเหมือนมีอะไรน่าขบขัน ทำคนฟังได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้เพราะเธอเกลียดเสียงในลำคอแบบนั้นของเขา ปกติของขวัญเป็นเด็กขี้อายและมีมารยาทมากกว่านี้แต่คนตรงหน้ามักทำให้เธอปั่นป่วนและหลุดการควบคุมอยู่หลายครั้ง"เธอยังเรียนไม่จบใช่มั้ย.. อยากกลับไปเรียนหรือเปล่า" เงียบไปสักพักร่างสูงก็ถามขึ้นมาอย่างจริงจัง เขาไม่เคยมีความคิดที่จะรับของขวัญมาอยู่ด้วยแต่แรก มันเกิดจากการต
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 7"คิดอะไรอยู่หรอครับ คิ้วขมวดเชียว" องศาถามขึ้นในตอนที่ยกของว่างมาให้ของขวัญ แล้วเห็นว่าร่างนั้นเอาแต่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังคิดอะไรที่มันสำคัญอยู่"ขวัญ.. ถ้าขวัญอยากทำงานให้คุณโทโมยะเหมือนพี่ พอจะมีโอกาสเป็นไปได้มั้ยคะ" คนถูกทักเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างชั่งใจ อึกอักเล็กน้อยก่อนจะยอมพูดในสิ่งที่คิดออกมา นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องที่อยากจะทำงานให้นายเขาอยู่อีกหรอเนี่ย.."อย่าเลยครับ นอกจากนายจะไม่ให้ทำแล้ว น้องขวัญยังไม่เหมาะที่จะทำอะไรแบบนี้ด้วย" องศาตอบย้ำว่าไม่มีทางที่ของขวัญจะมายืนอยู่ในจุดเดียวกับเขาได้ ต่อให้อยากทำแค่ไหนนายใหญ่คงไม่อนุญาตเพราะผู้หญิงจะเป็น 'จุดอ่อน' ของแก๊ง ไม่ว่าฝีมือจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่จิตใจก็ยังอ่อนไหวง่ายกว่าผู้ชายอยู่ดี"แล้วขวัญพอจะทำอะไรได้บ้างคะ ขวัญไม่อยากนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องนะ" ร่างบางเริ่มเครียดจริงจัง เธอนั่งคิดมาร่วมสองชั่วโมงแล้วว่าเธอพอจะทำอะไรเพื่อโทโมยะได้บ้าง ที่คิดว่าทำได้ก็เสนอไปหมดแล้วแต่เขาก็ไม่ต้องการ"พี่ว่าน้องขวัญน่าจะกลับไปเรียนนะ ถ้าเรียนจบนายอาจจะให้มาช่วยเรื่องบัญชีหรือเอกสารก็ได้
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'N- INTRO -ตึก...ตึก...ตึก...ในวันที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดภายในบ้านแม้เจ้าของบ้านจะไม่ได้ออกไปไหน พลันมีเสียงรองเท้าหนังราคาแพงเหยียบลงบนพื้นกระเบื้อง ก้าวเดินเป็นจังหวะ และเสียงนั้นก็กำลังตรงมายังห้องนอนที่ประตูปิดสนิทอยู่..แกรก"ดูไม่จืดเลยนะ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคนที่เปิดประตูเข้ามาเอ่ยราบเรียบในขณะที่สายตาจับจ้องร่างผอมบางบนเตียงนิ่งๆ"ค...คุณ..." ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาของใครคนนั้นค่อยๆ เปิดขึ้นมองร่างสูงตรงหน้าอย่างอ่อนแรง เมื่อรู้ว่าเป็นใครแววตาที่เคยเฉื่อยชาก็เริ่มสั่นระริกก่อนเอ่อคลอน้ำตาและปล่อยให้มันหยดลงเปียกที่นอนอีกครั้ง ร้องเท่าไรก็ไม่เคยพอ..ร่างสูงไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้บอกด้วยว่ารู้จักบ้านเธอได้ยังไง สองเท้าที่ถูกโอบหุ้มด้วยรองเท้าหนังมันปลาบก้าวเดินอย่างสุขุมไปรูดผ้าม่านเปิดออก เพื่อให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาขับไล่ความมืดมิดและบรรยากาศสีเทาๆ ออกไป ถึงได้เห็นเต็มตาว่าไม่ใช่แค่คนที่ทรุดโทรมย่ำแย่ สภาพแวดล้อมภายในห้องก็ไม่ได้รับการดูแลเช่นกันร่างบางนอนหลับตาแน่น...เพราะไม่ได้เจอแสงสว่างมาเป็นเวลานาน ดวงตาจึงไม่สามารถปรับโฟกัสได้ในทั
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 1"เอ้า ข้าวเย็นหมดแล้วขวัญ มัวแต่เหม่อ เป็นอะไรหื้ม? "เสียงหนึ่งทักขึ้น ดึงสติคนเหม่อที่กำลังนั่งถือช้อนส้อมค้างอยู่กลางอากาศนานหลายนาที ดวงตากลมสวยเหม่อลอยเศร้าสร้อยแปลกๆ จน 'พราว' อดเดินเข้ามาทักไม่ได้เพราะ 'ของขวัญ' เป็นลูกค้าประจำของร้านอาหารตามสั่งของเธอ ด้วยวัยไม่ห่างกันมากและได้พูดคุยกันทุกครั้งที่มาก็เลยทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันไปโดยปริยาย เธอเองก็เอ็นดูเด็กคนนี้เหมือนน้องเหมือนนุ่งเพราะหน้าตาน่ารักและท่าทางซื่อๆ ไม่ทันคนของเจ้าตัว"เอ่อ...เปล่าค่ะพี่พราว พอดี...คิดอะไรนิดหน่อย" คนตัวเล็กหันมายิ้มฝืดๆ และตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ใบหน้าขาวที่เคยเปล่งปลั่งสดใสมาวันนี้กลับซีดเซียวไร้ชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด"ไม่นิดแล้วมั้งพี่ว่า...หน้าตาดูไม่สู้ดีเลย เป็นอะไรหรือเปล่า มีเรื่องอะไรระบายให้พี่ฟังได้นะ" พราวไม่สามารถปล่อยผ่านได้เลยนั่งลงฝั่งตรงข้ามกันแล้วเอ่ยถามด้วยความห่วงใย เห็นกันมาตั้งแต่ชุดนักเรียนมอปลายจนตอนนี้เข้ามหาวิทยาลัยแล้วพอของขวัญมาเป็นแบบนี้ก็อดห่วงไม่ได้ ยิ่งรู้ว่าอยู่กับแม่แค่สองคนเพราะพ่อเสียไปนานแล้วและไม่มีญาติที่ไหนความห่
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 2วันต่อมาของขวัญก็ยังไปทำงานตามปกติ เธอยังไม่ได้ลาออกเพราะยังเหลืออีกตั้งสี่วันกว่าจะถึงวันศุกร์เลยตัดสินใจทำงานต่อด้วยความเสียดายค่าแรงวันที่เหลือ แต่ก็ได้เกริ่นๆ บอกผู้จัดการไว้แล้วว่าจะขอลาออกวันพฤหัสฯ นี้ อีกฝ่ายตกอกตกใจเสียยกใหญ่เพราะรู้สึกเสียดายคนขยันทำงานอย่างเธอจึงไม่อยากให้ออก ซึ่งของขวัญก็ทำได้แค่ขอโทษและให้เหตุผลที่ลาออกว่าต้องการออกไปดูแลแม่ที่ป่วยเท่านั้น ผู้จัดการเลยเลิกเซ้าซี้..แต่ถึงจะตั้งใจอย่างแน่วแน่ไว้แล้วแต่เวลาที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่วันก็ทำให้เธอเครียดจนนอนไม่ค่อยหลับ เวลาทำงานก็ไม่ค่อยมีสติ ไปเยี่ยมแม่ก็เอาแต่จะร้องไห้ จนบางทีก็แอบตัดพ้อชะตาชีวิตที่พรากพ่อไปจากเธอแล้วยังจะพรากแม่ไปจากเธออีก...ใจร้ายจริงๆวันเวลาในแต่ละวันช่างเดินเร็วนัก เผลอแป๊บเดียววันศุกร์ก็มาถึง...ร่างบางมาหาพราวที่ร้านด้วยท่าทางเศร้าซึม ใบหน้าที่เคยขาวใสหมองคล้ำและซีดเซียวจนโดนดุไปยกใหญ่ว่าไม่ดูแลตัวเองให้ดี พอบ่นเสร็จก็ถูกจับแปลงโฉม เปลี่ยนจากเธอคนเดิมให้กลายเป็นอีกคนที่ไม่รู้จัก...เวลาประมาณหนึ่งทุ่มกว่าๆ พราวก็พาของขวัญไปยังผับที่เธอทำงานลับๆ อยู
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 3ของขวัญถูกพามาส่งถึงหน้าบ้านตามคำสั่งของใครคนนั้น สิ่งแรกที่ทำหลังจากเข้าบ้านมาก็คือเปิดประเป๋าดูเงินสิบล้านด้วยความกระอักกระอ่วนระคนดีใจ เพราะมันเยอะมากจริงๆ แถมได้มาโดยที่ไม่ได้ทำอะไรตอบแทนคนให้เลยสักอย่าง เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากๆ เธอได้แต่นิ่งอึ้งผสมปนเปกับความตื้นตันใจ นอกจากจะไม่ได้ทำอะไรตอบแทนแล้วเธอยังไม่ทันได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็ไม่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของเธอ ได้ฟังแต่คำบอกเล่าเรื่องแม่ผ่านลมปาก แต่ก็ยังใจดียื่นมือเข้ามาช่วยโดยไม่คิดจะเอาอะไรตอบแทน แม้จะดูเหมือนช่วยแบบตัดความรำคาญก็เถอะ..มือบางปิดกระเป๋าลงก่อนนั่งเหม่อ เสื้อที่อีกฝ่ายคลุมให้ก็ลืมคืนไปกับลูกน้องของเขา เลยลุกขึ้นถอดเอาไปแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วนั่งมองอย่างหลงใหล กลิ่นของผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าไม่รู้ แต่กลิ่นของเขาเธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหน กลิ่นของความดุดันอันตรายหากแต่เจือจางความอบอุ่นเล็กๆ ให้ความรู้สึกลึกลับแปลกๆ แต่เธอกลับรู้สึกชอบมาก..นั่งเพ้อถึงใครคนนั้นอยู่พักใหญ่ ของขวัญก็สลัดความคิดทุกอย่างทิ้งชั่วคราวแล้วลุกไ
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 4ร่างบางถูกพามาที่ตึกสูงแห่งหนึ่ง.. มองเผินๆ ก็เหมือนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วไป ต่างกันตรงที่มันตั้งอยู่ในซอยลึก พื้นที่โดยรอบเงียบสงบแม้แต่หมาแมวสักตัวก็ยังไม่ผ่านมาให้เห็นบางบริษัทอาจจะมีป้อมยามรักษาการเฝ้าอยู่ข้างหน้าคอยตรวจคนเข้าออก แต่ที่นี่ไม่มี.. ด้านนอกไม่มีใครเลยแต่พอเข้าไปข้างในกลับมีคนยืนเรียงแถวกันเต็มไปหมด ทุกคนใส่ชุดดำล้วนและยืนทำหน้าทะมึนทึงเหมือนลูกสมุนของพวกเจ้าพ่อที่เคยเห็นในหนังอย่างกับเลียนแบบกันมาร่างสูงใหญ่ผู้เป็นนายเหนือหัวอุ้มคนตัวเล็กที่น้ำหนักเบาหวิวเหมือนปุยนุ่นเดินผ่านคนพวกนั้นที่กำลังยืนก้มหัวให้ไปที่ลิฟต์อย่างเงียบๆ คนสนิทที่ตามมาด้วยสองคนรับหน้าที่กดลิฟต์ขึ้นชั้นบนสุด ก่อนจะผละออกมายืนสงบนิ่งประกบผู้เป็นนายคนละฝั่งในท่าทางสง่าผ่าเผยไม่แพ้กันสภาพแวดล้อมกับผู้คนที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทำของขวัญเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ ได้แต่นอนห่อตัวอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวใหญ่ ก้มหน้าก้มตาไม่มองใคร.. กลิ่นกายของเขาที่เธอชอบอบอวลอยู่รอบตัว ให้ความรู้สึกไม่โดดเดี่ยวเหมือนหลายวันที่ผ่านมาจนเผลอซุกเข้าหามากขึ้น นึกอยากจะให้เส้นทาง