มาเฟียจ้าวชีวิต
Writer : Aile'N
ตอนที่ 6
"เป็นอะไร อาหารไม่อร่อย? " บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้านี้ไม่สดใสเท่าที่ควร เพราะใครบางคนที่แกล้งให้ร่างบางรอเก้อเมื่อคืนดันโผล่มานั่งร่วมโต๊ะทานข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เปล่าค่ะ.." เสียงเบาตอบออกไปโดยไม่มองหน้า และไม่รู้ตัวเลยว่าหัวคิ้วกำลังขมวดเข้าหากันซึ่งเป็นกิริยาที่ขัดกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง
"หรืออารมณ์เสียเรื่องเมื่อคืน? " ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ แต่หากดวงตาเปล่งประกายอะไรบางอย่างที่ทำคนมองรู้สึกไม่ชอบใจ
"เปล่านี่คะ ดีใจซะอีก" คนพูดลอยหน้าเหมือนไม่ใส่ใจกับเรื่องนั้น จริงๆ ถึงเธอจะโกรธที่ถูกแกล้งให้รอเก้อ แต่มันก็ยังมีแง่ดีเพราะยังไม่เสียความบริสุทธิ์ให้ใคร
"หึ..." โทโมยะเค้นเสียงในลำคอเหมือนมีอะไรน่าขบขัน ทำคนฟังได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้เพราะเธอเกลียดเสียงในลำคอแบบนั้นของเขา ปกติของขวัญเป็นเด็กขี้อายและมีมารยาทมากกว่านี้แต่คนตรงหน้ามักทำให้เธอปั่นป่วนและหลุดการควบคุมอยู่หลายครั้ง
"เธอยังเรียนไม่จบใช่มั้ย.. อยากกลับไปเรียนหรือเปล่า" เงียบไปสักพักร่างสูงก็ถามขึ้นมาอย่างจริงจัง เขาไม่เคยมีความคิดที่จะรับของขวัญมาอยู่ด้วยแต่แรก มันเกิดจากการตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีโดยไม่มีการวางแผนเลยไม่รู้จะให้อีกฝ่ายทำอะไร ให้อยู่แต่ในห้องก็คงจะเบื่ออย่างที่ว่า.. แต่คงไม่มีทางที่เขาจะให้มาทำงานเสี่ยงอันตรายกับเขาอย่างแน่นอน
"ถ้าคุณถามเพราะจะเป็นคนส่งเรียน ขวัญไม่เรียนดีกว่าค่ะ ไม่อยากรบกวนอะไรอีกแล้ว.." เสียงหวานเอ่ยเบา นั่งทำหน้าซึมเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา.. เมื่อตอนที่ชีวิตยังไม่พลิกผันเธออยากเป็นทนายก็เลยเรียนนิติศาสตร์ ตั้งใจว่าจะต้องเรียนให้จบและสอบเป็นทนายให้ได้เพื่อทำให้แม่ภูมิใจ และเมื่อฝันเป็นจริงเธอจะเป็นคนทำงานหาเลี้ยงแม่เอง.. แต่สุดท้ายเธอก็ทำได้เพียงแค่วาดฝันเพราะทุกอย่างมันพังทลายไม่เป็นท่า..
"แล้วจะเอายังไงกับอนาคตตัวเอง? " เขาถามต่อเมื่อเห็นคนตัวเล็กนั่งหน้าเครียดระคนเศร้าซึม
"นั่นเป็นสิ่งที่ขวัญจะต้องถามคุณมากกว่านะคะ ขอทำงานก็ไม่ให้ทำ ตกลงพาขวัญมาทำไมกันแน่" ร่างบางย้อนพลางบ่นอุบ อดมองค้อนใส่ไม่ได้โทษฐานที่อีกฝ่ายกล้ามาถามแบบนั้นกับเธอ
"ฉันไม่คิดว่าเธอจะทำอะไรได้ แม้กระทั่งเรื่องบนเตียง.. กระแทกแรงก็กลัวจะแตกหัก.." คำสารภาพจากคนหน้านิ่งทำคนฟังตาถลน นั่งตัวแข็งทื่อเหมือนถูกน็อคกลางอากาศ ชั่วพริบตาเลือดในกายก็สูบฉีดพุ่งพล่าน ไหลเวียนขึ้นมากองรวมกันอยู่บนใบหน้า
"หึ.." เสียงต่ำเค้นหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นร่างบางทำหน้าตาประหลาด อธิบายไม่ถูกแต่มันทั้งตลกและก็น่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน..
"..ขะ ขวัญเคยทำงานมาก่อน! ขวัญแข็งแรงกว่าที่คุณคิดอีก! " ของขวัญละล่ำละลัก พยายามหาคำพูดมาแก้ต่างคำครหาที่เขาว่าเธอไม่น่าจะทำอะไรได้ ขณะเดียวกันก็ทำหูทวนลมเมินคำพูดน่าอายบางคำไปเหมือนไม่ได้ยิน
"หมายความว่า.. กระแทกแรงๆ ก็ได้งั้นสิ? " ทั้งที่เธอพยายามจะเลี่ยงแต่ร่างสูงก็ยังวกกลับมาราวกับจงใจแกล้ง
"ละ..ลามก! ? ถ้าคุณจะมาเพื่อแกล้งขวัญอีก ทีหลังไม่ต้องมาแล้วนะคะ ขวัญยอมอยู่แบบเบื่อๆ อย่างเดิมก็ได้" ร่างบางว่าเสียงขุ่นอย่างสุดจะทน เธอรู้ว่าไม่สมควรแต่เขาแกล้งให้เธอหงุดหงิดก่อนทำไมล่ะ เธอไม่สนุกด้วยเลยนะ!
"หึหึ" คนฟังหัวเราะเสียงดังกว่าเดิมอีก มุมปากหยักลึกยกยิ้มร้ายอย่างไม่มีข้อแก้ตัวเพราะเขาจงใจแกล้งอีกฝ่ายจริงๆ
"ตลกมากมั้ยคะ! " ของขวัญกระแทกเสียงถามหน้าบึ้ง เธอหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็น และก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนขี้แกล้งแบบนี้ด้วย!
"มาก.." คนตอบยกยิ้มยียวน ดวงตาพราวระยิบระยับเหมือนสนุกมากอย่างที่บอกจริงๆ ..
เกลียดนัก! แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเก็บความขุ่นเคืองไว้และแอบด่าเขาในใจ.. กระทั่งกินข้าวอิ่มใครคนนั้นก็ออกไป ไม่นานองศาก็เข้ามาทำหน้าที่
"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ" เห็นคนตัวเล็กนั่งหน้าบูดอยู่บนโซฟา คนสนิทก็อดถามไถ่ไม่ได้
"ก็เจ้านายพี่น่ะสิคะ เขาแกล้งขวัญอีกแล้ว เมื่อวานก็แกล้ง! " ร่างบางฟ้องอย่างไม่เกรงกลัวว่าอีกฝ่ายจะเอาไปรายงานเจ้านายเลยสักนิด เธอหงุดหงิดและอยากระบายสุดๆ!
"หื้ม? นายน่ะหรอครับ" องศาทำหน้าแปลกใจมากที่ได้ยินแบบนั้นเพราะนายใหญ่ของแก๊งคาชิมะไม่เคยพูดเล่นหรือแกล้งใครไม่ว่าจะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม พอได้ยินแบบนั้นตอนนี้จึงนึกภาพไม่ออกเลยว่าคนนิ่งๆ แบบนั้นเวลาแกล้งคนอื่นจะเป็นยังไง..
"จะมีใครอีกล่ะคะ เห็นนิ่งๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีนิสัยแบบนี้" นั่นคือสิ่งที่ของขวัญสงสัยเป็นอย่างมากว่าผู้ชายนิ่งๆ ท่าทางสุขุมน่ากลัวในวันแรกที่เจอกัน.. เขาหายไปไหนแล้ว!
"แต่.. นายไม่ใช่คนแบบนั้นนะครับ" องศาปฏิเสธหัวชนฝาว่าการกระทำนั้นไม่ใช่เจ้านายเขาอย่างแน่นอน
ร่างบางเองก็เห็นด้วย.. ก็เลยมานั่งคิดว่าเพราะเหตุใดโทโมยะถึงเอาแต่แกล้งเธอ เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะเป็นเพราะตำแหน่งเลยทำให้เขาไม่เคยแสดงนิสัยด้านนี้ให้ลูกน้องเห็น เดี๋ยวพวกเขาจะไม่เคารพยำเกรง แต่เธอเป็นคนนอกเขาก็เลยกล้าทำ.. หรือเปล่า? แล้วทำไมจะต้องเป็นเธอด้วย! เธอไม่ใช่ตัวตลกนะ.. ขอความรู้สึกดีๆ ในตอนแรกเจอกลับคืนมาได้ไหม? เธอไม่น่าเผลอใจเต้นแรงไปกับเขาในวันแรกที่เจอกันเลยอ่ะ ให้ตาย!
"แล้วนายแกล้งอะไรน้องขวัญหรอครับ ทำไมหงุดหงิดขนาดนั้น" องศายังคงทำหน้าตาสงสัย อยากรู้ว่าคนอย่างเจ้านายแกล้งอีกฝ่ายด้วยเรื่องอะไรถึงทำให้อารมณ์เสียได้ขนาดนั้น
"เอ่อ.. ช่างมันเถอะค่ะ! " พอถูกย้อนถามคนที่เคยงอแงฟ้องกลับบ่ายเบี่ยงเลี่ยงที่จะบอก มีท่าทางอึกอักไม่พอใบหน้ายังเปลี่ยนสีระเรื่อ..
"ไม่สบายหรือเปล่าครับ หน้าแดงๆ " คำถามซื่อจากคนสนิททำคนฟังรีบยกมือขึ้นกุมแก้มอย่างลืมตัว ท่าทางเลิกลั่กขัดเขินที่เป็นอยู่ยิ่งทวีคูณอาการเพราะกลัวเขาจะจับได้ กลัวทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด..
"ปะ เปล่าค่ะ แค่รู้สึก.. ร้อนๆ " ช่างเป็นคำโกหกที่ไม่สมเหตุสมผลจนคนพูดอยากจะกัดลิ้นตัวเองนัก เพราะแอร์ในห้องตอนนี้เปิดอยู่ที่ยี่สิบสี่องศาซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เธอว่ามันก็เย็นจนหนาวแล้ว และสิ่งที่องศาไม่รู้คือเธอเป็นคนขี้หนาว..
"งั้นพี่เร่งแอร์ให้นะครับ เดี๋ยวจะขอตัวเลย ถ้ามีอะไรก็เรียกนะครับ" องศาบอกอย่างไม่ได้คิดอะไร แม้ลึกๆ จะแอบสงสัยท่าทางแปลกประหลาดของคนตัวเล็กอยู่บ้างก็ตาม..
"ค่ะ" ตากลมมองตามแผ่นหลังร่างสูงที่เดินไปหยิบรีโมทมาเร่งแอร์ให้ด้วยความรู้สึกผิด เธอไม่เคยโกหกใครแต่กลับต้องมาโกหกเขาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง.. เพราะโทโมยะคนเดียวเลย!
เมื่อองศาออกจากห้องไป ร่างบางก็กระโจนขึ้นเตียงซุกหน้าเข้ากับหมอนและกลิ้งไปมาด้วยความเขินอาย ทั้งนึกโกรธใครคนนั้นที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้..
น่าหงุดหงิดที่ถึงจะโกรธแต่สมองกลับเอาแต่คิดถึงคำพูดลามกของเขาซ้ำๆ สลัดยังไงก็ไม่หลุด ไม่พอยังจะไปคิดภาพตามอีก!
พรึ่บ
จู่ๆ ของขวัญก็ผงกศีรษะขึ้นมาจากหมอน หน้าแดงซ่านหนักกว่าเดิมเพราะสมองไม่รักดีเอาแต่คิดถึงคำพูดและฉากอิโรติกที่มโนขึ้นมาเอง แต่มันไม่แจ่มชัดนักเพราะไม่เคยเห็น.. คิดมาถึงตรงนี้ตากลมก็เหลือบไปมองโทรศัพท์อย่างชั่งใจ ไม่ดีๆ เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรทำ! แต่.. เธอบรรลุนิติภาวะแล้วนะ ยี่สิบแล้วต้องดูได้สิ!
เถียงกับตัวเองสักพักสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาฉุดรั้งความอยากรู้อยากเห็นไว้ได้ ร่างบางลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์พร้อมด้วยหูฟังเข้าไปในห้องน้ำ มองซ้ายมองขวาเพื่อความมั่นใจ หวังว่าจะไม่มีใครเข้ามาในเวลานี้.. เมื่อเข้าห้องน้ำมาได้ของขวัญก็ล็อกกลอนอย่างแน่นหนา ก่อนรุดไปนั่งลงบนชักโครกและชั่งใจอีกครั้ง.. แต่ก็สลัดทิ้งกดเชื่อมต่อไวไฟและเข้ากูเกิ้ล
ดวงหน้าสวยเห่อร้อนเหมือนหม้อไฟที่กำลังเดือดปุดๆ เมื่อต้องพิมพ์คำว่า 'P**n' ลงไปที่ช่องค้นหา.. เธอไม่ใช่คนลามกนะอย่าเข้าใจผิด! ก็.. ก็แค่.. อยากรู้ -///-
ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนเด็กน้อยแอบพ่อแม่ทำผิด ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะผิด.. เธอโตพอที่จะเริ่มศึกษามันได้แล้วเพราะไม่รู้โทโมยะจะเอาจริงวันไหน เขาพูดจริงแท้แค่ไหนไม่มีใครรู้.. ถึงจะเหมือนพูดเล่นแต่ที่บอกว่าเธอไม่น่าจะทำอะไรได้เลยนอกจากเรื่องบนเตียงเขาดูจริงจัง.. และถ้าวันใดวันหนึ่งเขาเอาจริงขึ้นมา การที่เธอเตรียมความพร้อมของตัวเองไว้ก่อนมันอาจจะไม่น่ากลัวมากก็ได้.. มั้งนะ!
ผลการค้นหาโผล่พรึ่บขึ้นมามากมายหลังจากตัดสินใจกดค้น เรียวนิ้วเล็กๆ สุ่มจิ้มไปที่เว็บใดเว็บหนึ่งที่ขึ้นมาอย่างไม่หยุดลังเลอีก แต่ทันทีที่วิดีโอเหล่านั้นเด้งขึ้นมาก็ต้องรีบหลับตาปี๋ เพราะแค่ภาพหน้าคลิปก็ทำเอาขนลุกชัน จนต้องกลับมาชั่งใจอีกครั้งว่าจะไปต่อหรือถอยกลับ.. แต่สุดท้ายก็อยากรู้อีกนั่นแหละว่าดูแล้วจะให้ความรู้สึกยังไง ตรวจดูหูฟังอีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าเสียงจะไม่เล็ดลอดออกไป ก่อนจะกดเพลย์..
"......!!!!? " ตากลมเบิกกว้าง ใบหน้าแดงซ่านกับสิ่งที่เห็น ลมหายใจสม่ำเสมอหยุดชะงักในขณะที่หัวใจสั่นระรัวจนกลัวหลุดกระเด็นกระดอนออกมาจากอก.. เธอนิ่งค้างเหมือนถูกสาบเพราะชายหญิงที่กำลังสอดประสานร่างกายและเสียงครวญครางในคลิปมันได้พรากสติของเธอจากไป..
แม้สมองโล่งแต่ร่างกายกลับปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก มันร้อนวูบวาบและสั่นสะท้าน.. ใบหน้ากับผิวกายขาวๆ ที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาทั้งแขนขาและลำคอแดงก่ำจนไม่เหลือพื้นที่สีขาว ดูได้ไม่นานก็อึดอัดจนทนไม่ไหว..
พรึ่บ!
ของขวัญกดออกจากหน้าเว็บนั้นอย่างเร่งด่วน รีบถอดหูฟังและทิ้งมันไว้บนตักราวจับของร้อน มือบางยกขึ้นปิดหน้าก่อนลูบไปมาแรงๆ เพื่อเรียกสติ แก้มนวลแดงปลั่ง ดวงตาตื่นตระหนกล่อกแล่กเหมือนคนทำความผิด ไรผมสีอ่อนชุ่มเหงื่อ มือไม้สั่นจนควบคุมตัวเองไม่ได้..
แม้จะปิดไปแล้วแต่ภาพและเสียงเหล่านั้นยังคงติดตาติดหู หลอกหลอนอยู่ในความคิด.. และสมองไม่รักดีก็ดันทำการเปลี่ยนภาพมโนจากสองคนในคลิปกลายเป็นเธอกับร่างสูง! ยิ่งคิดหน้ายิ่งแดงแต่ก็หยุดคิดไม่ได้.. ถ้าเกิดเขาทำอะไรแบบนั้นกับเธอจริงๆ จะเป็นยังไงนะ
แล้วเธอ.. จะต้องร้องครวญครางเหมือนผู้หญิงคนนั้นหรอ? หนะ.. น่าอายเกินไป! เธอไม่น่าดูเลยอ่ะ T^T
รวบรวมสติอยู่พักใหญ่จนเริ่มกลับมาหายใจเป็นปกติ ร่างบางก็พาตัวเองออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นใครบางคนนั่งรออยู่บนเตียง พลันได้สบตาสมองไม่รักดี (อีกแล้ว) ก็ดันคิดถึงเรื่องในห้องน้ำขึ้นมาอีก อุณหภูมิบนใบหน้าที่ลดลงไปแล้วเลยกลับมาพุ่งสูง ไม่พอยังเก็บอาการไม่อยู่จนใครคนนั้นมองมาด้วยความสงสัย
"เป็นอะไรหน้าแดงๆ " เสียงทุ้มเอ่ยถาม
"ปะ เปล่าค่ะ! ไม่มีอะไร! " คนถูกถามตอบเสียงดังอย่างลนลาน ปากพูดแต่หลบตามองปลายเท้าตัวเอง ยิ่งทำให้โทโมยะสงสัยจนต้องหรี่ตามองจับผิด
"ไปทำอะไรมา? " เสียงต่ำเพิ่มความกดดันขึ้นอีกเท่าตัว
"เปล่าค่ะ! " ร่างบางปฏิเสธเสียงแข็ง ยืนสั่นหัวแรงจนผมกระจัดกระจาย..
คนฟังนิ่งแต่สายตายังคงจับผิด พอเธอไม่ยอมปริปากและสบตา ตาคมก็มองประเมินไปเรื่อยจนเลื่อนลงมาหยุดตรงมือบางที่กำโทรศัพท์กับหูฟังไว้แน่น มองนิ่งเล็กน้อยก็กลับไปมองหน้าแดงๆ นั้นอีกครั้งแล้วกระตุกยิ้มร้ายขึ้นมาเหมือนรู้อะไร..
"แอบไปดูอะไรมา? " เสียงกดต่ำถามย้ำอีกครั้ง หลังเปลี่ยนมานั่งไขว้ห้างกอดอกจ้องคนฟังตาเขม็งเหมือนกำลังสอบสวนคนทำผิด
"เปล่านะคะ!! ไม่ได้ดู!! " คนถูกซักยิ่งร้อนรนหนักเพราะร่างสูงพูดเหมือนรู้ว่าเธอแอบไปดูอะไรมาและพยายามจะบีบบังคับให้ยอมรับสารภาพออกมาตรงๆ แต่ใครจะไปยอมกันล่ะ!
"หึหึ อยากให้ฉันทำขนาดนั้นเลยหรอ" โทโมยะหัวเราะในลำคออย่างขบขัน มั่นใจไปกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าคนตัวเล็กแอบไปดูอะไรติดเรทมาแน่ๆ
"ทะ ทำอะไร! ? เปล่านะคะ!! " การเฝ้าปฏิเสธทั้งที่คนฟังไม่คิดจะเชื่อมันเหนื่อยจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นของขวัญก็ไม่คิดจะยอมรับให้อับอายไปมากกว่านี้!
"หึ ฉันก็นึกว่าเธอเป็นคนขี้อาย.. ที่ไหนได้.." มาเฟียหนุ่มพูดเสียงเยาะ เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์มองเหยื่อตัวน้อยตาวาวอย่างนึกสนุก
"แล้วคุณเข้ามาอีกทำไมคะ! ? " ร่างบางเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อนไปแบบดื้อๆ แต่ไม่ว่าจะพยายามเลี่ยงยังไงก็เหมือนจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ไม่ได้เมื่อคนถูกถามกระตุกยิ้มร้ายเหมือนคำถามมันเข้าทาง เขาไม่ตอบในทันทีแต่ลุกขึ้นเดินมาหาอย่างช้าๆ เธอจึงรีบถอยหนี..
"มาใช้งานเธอมั้ง.." น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยทีเล่นทีจริง และยังคงสืบเท้าเข้าไปหาอีกคนเรื่อยๆ
"คุณ.. ยะ หยุดแกล้งขวัญสักทีเถอะค่ะ! ขวัญไม่ชอบ! " ร่างบางอ้อนวอนเสียงสั่น ถอยหนีจนชนประตูห้องน้ำ เลยจะหนีไปด้านข้าง แต่ช้าเกินไปเลยถูกร่างสูงใช้แขนกักตัวไว้ได้ทัน
"หึ แสดงว่า.. อยากให้ทำจริง? " ใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำลงมาเรื่อยๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวนชวนใจเต้นแรง กระทั่งปลายจมูกจวนจะแตะกันของขวัญจึงรีบเบี่ยงหน้าหนี ทำให้จมูกเขาเฉียดโดนผิวแก้มแทน ตากลมหลับปี๋ ยืนตัวสั่น ใจเต้นแรงอย่างลุ้นระทึกเพราะลมหายใจอุ่นร้อนที่มีกลิ่นหอมจางๆ ของอะไรบางอย่างเป่ารดผิวแก้ม ลำคอลงไปถึงไหปลาร้า..
ตายแน่ๆ ของขวัญ.. แกคงไม่รอดแล้วล่ะ! T^T
"หึหึ ฮ่าๆ ๆ " ท่ามกลางความเงีบบ จู่ๆ ใครคนนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ พอร่างบางลืมตาขึ้นมองก็เห็นเขาผละออกไปยืนขำเธอจนตัวโก่ง ถึงได้รู้ว่าถูกแกล้งอีกแล้ว..
ใบหน้าสวยบึ้งตึงทันที! ตากลมจ้องหน้าคนตัวใหญ่เขม็ง เผลอกำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ ไม่เหลือแล้วความอาย.. ที่ยังคงหน้าแดงอยู่เป็นเพราะความโกรธล้วนๆ! ต่อให้ใบหน้าตอนยิ้มกว้างของอีกฝ่ายจะน่ามองแค่ไหนก็ไม่อาจบรรเทาความหงุดหงิดของเธอลงได้
"หึหึ ตลกชะมัด" โทโมยะหัวเราะจนท้องแข็ง กว่าจะหยุดได้ก็หายใจหอบ เขาไม่คิดจะสะทกสะท้านอะไรกับดวงตากลมสวยที่มองค้อนมาจนตาถลนเลยสักนิด
"ขวัญไม่ตลก! คุณมันนิสัยไม่ดี! ชอบแกล้งแต่คนอื่น! ไม่คิดเลยนะคะว่าจะเป็นคนแบบนี้! " ของขวัญต่อว่าอีกฝ่ายด้วยความโกรธจัด ไม่สนว่าจะพูดอะไรที่มันไม่สมควรออกไปหรือเปล่า ตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจจะแคร์อะไรแล้ว!
"หึหึ.. ขอโทษ" เสียงนุ่มปนขำเอ่ยหลังวางมือลงบนศีรษะเล็กและลูบไปมาเบาๆ ริมฝีปากได้รูปที่เคยเหยียดยิ้มเยาะระบายยิ้มอ่อนขณะมองมาด้วยแววตาเอ็นดู.. คนตัวเล็กชะงักพลันนิ่งเงียบยืนก้มหน้าซ่อนพวงแก้มสีแดงเหมือนโดนปิดสวิตช์
"และก็ขอบใจ.. ที่ทำให้ฉันหัวเราะได้ในรอบหลายปี.." เขาพูดต่ออย่างสบายใจ สร้างความสงสัยให้กับคนฟังจนคิ้วขมวด
"คุณเป็นคนตายด้านหรือไงคะถึงไม่เคยหัวเราะเลย.." ของขวัญยู่หน้าด้วยยังคงความไม่พอใจเรื่องที่โดนแกล้งแต่ก็อดสงสัยใคร่รู้เรื่องของเขาไม่ได้
"คงใช่.. แต่ข้างล่าง.. ยังใช้งานได้ปกตินะ อยากลองเมื่อไหร่ก็บอก" โทโมยะพูดพร้อมเลื่อนสายตาลงต่ำไปตรงกลางกายสื่อเป็นนัยให้รู้ว่าหมายถึงอะไร
"คะ คุณโทโมยะ!! ? " คนตกใจแว้ดขึ้นมาเสียงดัง หน้าตาที่แสดงออกตลกขบขันจนทำใครอีกคนลงไปนอนขำบนเตียงอย่างหมดมาด
"ฮ่าๆ ๆ ๆ " ร่างบางเต้นเร่า ทั้งโกรธทั้งอายเมื่อถูกแกล้งซ้ำ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองคนบนเตียงตาถลน จนกระทั่งเขาหยุดขำ เห็นพยายามกอบโกยอากาศเข้าปอดอย่างเหนื่อยๆ แล้วรู้สึกหมั่นไส้!
"พี่องศาบอกว่าคุณไม่ใช่คนที่จะเล่นกับใคร.. ขวัญไม่เห็นว่าคุณจะเป็นแบบนั้น" คนตัวเล็กชวนคุยโดยน้ำเสียงยังห้วนและมองอีกฝ่ายตาค้อนอยู่เหมือนเดิม
"นั่นสิ.. ก็แค่เธอมันน่าแกล้ง อยู่กับเธอฉันไม่จำเป็นต้องวางมาดใดๆ และก็.. สบายใจดี" นั่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ.. เพราะเขาเองก็สงสัยว่า ตัวเองไปหลงลืมมาดไว้ตรงไหน รู้แต่ว่ามันสบายใจ.. แม้ออกจากห้องนี้ไปจะมีงานรออยู่เป็นกองแต่เขาไม่เคยคิดถึงมันเลยตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน คิดแค่ว่า.. จะแกล้งอะไรเธอดี
"เธอเองก็ไม่ได้กลัวฉันเลยนี่ วันแรกยังไม่เห็นจะกล้าคุยกล้าว่าฉันขนาดนี้เลย" ไม่ใช่แค่โทโมยะที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป แต่ของขวัญเองก็เปลี่ยนไปจากวันแรกที่เจอเหมือนกัน
"ก็คุณนั่นแหละ! กวนอารมณ์ขวัญอยู่ได้ ขวัญไม่ใช่คนแบบนี้สักหน่อย ถ้าแม่รู้.. แม่คงดุ" ร่างบางโยนความผิดที่เป็นความจริงใส่คนตัวใหญ่ และระบายยิ้มเศร้าในตอนท้ายที่พูดถึงแม่..
"ทำใจเรื่องแม่ได้หรือยัง" บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน น้ำเสียงที่ถามไถ่เจือความเห็นใจเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าเศร้า
"ยังค่ะ.. แต่ก็ดีขึ้น" เสียงเบาตอบพร้อมรอยยิ้ม ยิ้ม.. ที่ไปไม่ถึงดวงตา..
"เธอยังมีฉัน.. ชีวิตเธอเป็นของฉันแล้ว.. ของขวัญ" คนพูดยิ้มหล่ออย่างมีมาด ไม่รู้คิดไปเองหรือตาฝาดที่เห็นออร่าบางอย่างเปล่งประกายอยู่รอบตัวเขา.. น้ำเสียงทุ้มช่างฟังดูเอาแต่ใจ แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกโกรธหรือหมั่นไส้ ต่างออกไปกลับทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยืนก้มหน้า ลอบยิ้มเขิน..
..
..
..
..
เริ่มสับสนกับบุคลิกนิสัยของตัวพระ-นาง ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะแต่งออกมาแบบนี้ ม่ายยย~ 555555
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 7"คิดอะไรอยู่หรอครับ คิ้วขมวดเชียว" องศาถามขึ้นในตอนที่ยกของว่างมาให้ของขวัญ แล้วเห็นว่าร่างนั้นเอาแต่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังคิดอะไรที่มันสำคัญอยู่"ขวัญ.. ถ้าขวัญอยากทำงานให้คุณโทโมยะเหมือนพี่ พอจะมีโอกาสเป็นไปได้มั้ยคะ" คนถูกทักเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างชั่งใจ อึกอักเล็กน้อยก่อนจะยอมพูดในสิ่งที่คิดออกมา นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องที่อยากจะทำงานให้นายเขาอยู่อีกหรอเนี่ย.."อย่าเลยครับ นอกจากนายจะไม่ให้ทำแล้ว น้องขวัญยังไม่เหมาะที่จะทำอะไรแบบนี้ด้วย" องศาตอบย้ำว่าไม่มีทางที่ของขวัญจะมายืนอยู่ในจุดเดียวกับเขาได้ ต่อให้อยากทำแค่ไหนนายใหญ่คงไม่อนุญาตเพราะผู้หญิงจะเป็น 'จุดอ่อน' ของแก๊ง ไม่ว่าฝีมือจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่จิตใจก็ยังอ่อนไหวง่ายกว่าผู้ชายอยู่ดี"แล้วขวัญพอจะทำอะไรได้บ้างคะ ขวัญไม่อยากนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องนะ" ร่างบางเริ่มเครียดจริงจัง เธอนั่งคิดมาร่วมสองชั่วโมงแล้วว่าเธอพอจะทำอะไรเพื่อโทโมยะได้บ้าง ที่คิดว่าทำได้ก็เสนอไปหมดแล้วแต่เขาก็ไม่ต้องการ"พี่ว่าน้องขวัญน่าจะกลับไปเรียนนะ ถ้าเรียนจบนายอาจจะให้มาช่วยเรื่องบัญชีหรือเอกสารก็ได้
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'N- INTRO -ตึก...ตึก...ตึก...ในวันที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดภายในบ้านแม้เจ้าของบ้านจะไม่ได้ออกไปไหน พลันมีเสียงรองเท้าหนังราคาแพงเหยียบลงบนพื้นกระเบื้อง ก้าวเดินเป็นจังหวะ และเสียงนั้นก็กำลังตรงมายังห้องนอนที่ประตูปิดสนิทอยู่..แกรก"ดูไม่จืดเลยนะ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคนที่เปิดประตูเข้ามาเอ่ยราบเรียบในขณะที่สายตาจับจ้องร่างผอมบางบนเตียงนิ่งๆ"ค...คุณ..." ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาของใครคนนั้นค่อยๆ เปิดขึ้นมองร่างสูงตรงหน้าอย่างอ่อนแรง เมื่อรู้ว่าเป็นใครแววตาที่เคยเฉื่อยชาก็เริ่มสั่นระริกก่อนเอ่อคลอน้ำตาและปล่อยให้มันหยดลงเปียกที่นอนอีกครั้ง ร้องเท่าไรก็ไม่เคยพอ..ร่างสูงไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้บอกด้วยว่ารู้จักบ้านเธอได้ยังไง สองเท้าที่ถูกโอบหุ้มด้วยรองเท้าหนังมันปลาบก้าวเดินอย่างสุขุมไปรูดผ้าม่านเปิดออก เพื่อให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาขับไล่ความมืดมิดและบรรยากาศสีเทาๆ ออกไป ถึงได้เห็นเต็มตาว่าไม่ใช่แค่คนที่ทรุดโทรมย่ำแย่ สภาพแวดล้อมภายในห้องก็ไม่ได้รับการดูแลเช่นกันร่างบางนอนหลับตาแน่น...เพราะไม่ได้เจอแสงสว่างมาเป็นเวลานาน ดวงตาจึงไม่สามารถปรับโฟกัสได้ในทั
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 1"เอ้า ข้าวเย็นหมดแล้วขวัญ มัวแต่เหม่อ เป็นอะไรหื้ม? "เสียงหนึ่งทักขึ้น ดึงสติคนเหม่อที่กำลังนั่งถือช้อนส้อมค้างอยู่กลางอากาศนานหลายนาที ดวงตากลมสวยเหม่อลอยเศร้าสร้อยแปลกๆ จน 'พราว' อดเดินเข้ามาทักไม่ได้เพราะ 'ของขวัญ' เป็นลูกค้าประจำของร้านอาหารตามสั่งของเธอ ด้วยวัยไม่ห่างกันมากและได้พูดคุยกันทุกครั้งที่มาก็เลยทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันไปโดยปริยาย เธอเองก็เอ็นดูเด็กคนนี้เหมือนน้องเหมือนนุ่งเพราะหน้าตาน่ารักและท่าทางซื่อๆ ไม่ทันคนของเจ้าตัว"เอ่อ...เปล่าค่ะพี่พราว พอดี...คิดอะไรนิดหน่อย" คนตัวเล็กหันมายิ้มฝืดๆ และตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ใบหน้าขาวที่เคยเปล่งปลั่งสดใสมาวันนี้กลับซีดเซียวไร้ชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด"ไม่นิดแล้วมั้งพี่ว่า...หน้าตาดูไม่สู้ดีเลย เป็นอะไรหรือเปล่า มีเรื่องอะไรระบายให้พี่ฟังได้นะ" พราวไม่สามารถปล่อยผ่านได้เลยนั่งลงฝั่งตรงข้ามกันแล้วเอ่ยถามด้วยความห่วงใย เห็นกันมาตั้งแต่ชุดนักเรียนมอปลายจนตอนนี้เข้ามหาวิทยาลัยแล้วพอของขวัญมาเป็นแบบนี้ก็อดห่วงไม่ได้ ยิ่งรู้ว่าอยู่กับแม่แค่สองคนเพราะพ่อเสียไปนานแล้วและไม่มีญาติที่ไหนความห่
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 2วันต่อมาของขวัญก็ยังไปทำงานตามปกติ เธอยังไม่ได้ลาออกเพราะยังเหลืออีกตั้งสี่วันกว่าจะถึงวันศุกร์เลยตัดสินใจทำงานต่อด้วยความเสียดายค่าแรงวันที่เหลือ แต่ก็ได้เกริ่นๆ บอกผู้จัดการไว้แล้วว่าจะขอลาออกวันพฤหัสฯ นี้ อีกฝ่ายตกอกตกใจเสียยกใหญ่เพราะรู้สึกเสียดายคนขยันทำงานอย่างเธอจึงไม่อยากให้ออก ซึ่งของขวัญก็ทำได้แค่ขอโทษและให้เหตุผลที่ลาออกว่าต้องการออกไปดูแลแม่ที่ป่วยเท่านั้น ผู้จัดการเลยเลิกเซ้าซี้..แต่ถึงจะตั้งใจอย่างแน่วแน่ไว้แล้วแต่เวลาที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่วันก็ทำให้เธอเครียดจนนอนไม่ค่อยหลับ เวลาทำงานก็ไม่ค่อยมีสติ ไปเยี่ยมแม่ก็เอาแต่จะร้องไห้ จนบางทีก็แอบตัดพ้อชะตาชีวิตที่พรากพ่อไปจากเธอแล้วยังจะพรากแม่ไปจากเธออีก...ใจร้ายจริงๆวันเวลาในแต่ละวันช่างเดินเร็วนัก เผลอแป๊บเดียววันศุกร์ก็มาถึง...ร่างบางมาหาพราวที่ร้านด้วยท่าทางเศร้าซึม ใบหน้าที่เคยขาวใสหมองคล้ำและซีดเซียวจนโดนดุไปยกใหญ่ว่าไม่ดูแลตัวเองให้ดี พอบ่นเสร็จก็ถูกจับแปลงโฉม เปลี่ยนจากเธอคนเดิมให้กลายเป็นอีกคนที่ไม่รู้จัก...เวลาประมาณหนึ่งทุ่มกว่าๆ พราวก็พาของขวัญไปยังผับที่เธอทำงานลับๆ อยู
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 3ของขวัญถูกพามาส่งถึงหน้าบ้านตามคำสั่งของใครคนนั้น สิ่งแรกที่ทำหลังจากเข้าบ้านมาก็คือเปิดประเป๋าดูเงินสิบล้านด้วยความกระอักกระอ่วนระคนดีใจ เพราะมันเยอะมากจริงๆ แถมได้มาโดยที่ไม่ได้ทำอะไรตอบแทนคนให้เลยสักอย่าง เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากๆ เธอได้แต่นิ่งอึ้งผสมปนเปกับความตื้นตันใจ นอกจากจะไม่ได้ทำอะไรตอบแทนแล้วเธอยังไม่ทันได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็ไม่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของเธอ ได้ฟังแต่คำบอกเล่าเรื่องแม่ผ่านลมปาก แต่ก็ยังใจดียื่นมือเข้ามาช่วยโดยไม่คิดจะเอาอะไรตอบแทน แม้จะดูเหมือนช่วยแบบตัดความรำคาญก็เถอะ..มือบางปิดกระเป๋าลงก่อนนั่งเหม่อ เสื้อที่อีกฝ่ายคลุมให้ก็ลืมคืนไปกับลูกน้องของเขา เลยลุกขึ้นถอดเอาไปแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วนั่งมองอย่างหลงใหล กลิ่นของผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าไม่รู้ แต่กลิ่นของเขาเธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหน กลิ่นของความดุดันอันตรายหากแต่เจือจางความอบอุ่นเล็กๆ ให้ความรู้สึกลึกลับแปลกๆ แต่เธอกลับรู้สึกชอบมาก..นั่งเพ้อถึงใครคนนั้นอยู่พักใหญ่ ของขวัญก็สลัดความคิดทุกอย่างทิ้งชั่วคราวแล้วลุกไ
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 4ร่างบางถูกพามาที่ตึกสูงแห่งหนึ่ง.. มองเผินๆ ก็เหมือนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วไป ต่างกันตรงที่มันตั้งอยู่ในซอยลึก พื้นที่โดยรอบเงียบสงบแม้แต่หมาแมวสักตัวก็ยังไม่ผ่านมาให้เห็นบางบริษัทอาจจะมีป้อมยามรักษาการเฝ้าอยู่ข้างหน้าคอยตรวจคนเข้าออก แต่ที่นี่ไม่มี.. ด้านนอกไม่มีใครเลยแต่พอเข้าไปข้างในกลับมีคนยืนเรียงแถวกันเต็มไปหมด ทุกคนใส่ชุดดำล้วนและยืนทำหน้าทะมึนทึงเหมือนลูกสมุนของพวกเจ้าพ่อที่เคยเห็นในหนังอย่างกับเลียนแบบกันมาร่างสูงใหญ่ผู้เป็นนายเหนือหัวอุ้มคนตัวเล็กที่น้ำหนักเบาหวิวเหมือนปุยนุ่นเดินผ่านคนพวกนั้นที่กำลังยืนก้มหัวให้ไปที่ลิฟต์อย่างเงียบๆ คนสนิทที่ตามมาด้วยสองคนรับหน้าที่กดลิฟต์ขึ้นชั้นบนสุด ก่อนจะผละออกมายืนสงบนิ่งประกบผู้เป็นนายคนละฝั่งในท่าทางสง่าผ่าเผยไม่แพ้กันสภาพแวดล้อมกับผู้คนที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทำของขวัญเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ ได้แต่นอนห่อตัวอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวใหญ่ ก้มหน้าก้มตาไม่มองใคร.. กลิ่นกายของเขาที่เธอชอบอบอวลอยู่รอบตัว ให้ความรู้สึกไม่โดดเดี่ยวเหมือนหลายวันที่ผ่านมาจนเผลอซุกเข้าหามากขึ้น นึกอยากจะให้เส้นทาง
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 5กว่าห้าวันแล้วที่ของขวัญมาอยู่ที่ตึกสูงแห่งนี้.. ชีวิตในแต่ละวันของเธอดำเนินไปแบบวนลูป ตื่นเช้า อาบน้ำแต่งตัว ทานข้าวและของบำรุงสารพัดอย่างที่องศาจัดมาให้ จากนั้นก็ว่าง.. ไม่มีอะไรให้ทำ ได้แต่นั่งๆ นอนๆ หายใจทิ้งไปวันๆ ดีหน่อยที่องศาหอบหนังสือจากห้องสมุดชั้นล่างมาให้เธออ่านแก้เบื่อบ้าง.. หรืออาจจะทำให้เบื่อหนักกว่าเดิม เพราะส่วนใหญ่มีแต่หนังสือวิชาการ ศาสตร์ต่างๆ กับพวกปรัชญาชีวิต มีนวนิยายบ้างแต่ก็ล้วนเป็นภาษาต่างประเทศทั้งสิ้นเที่ยงตรง.. ได้เวลายัดอาหารลงท้องอีกครั้ง พอเริ่มย่อยหนังตาก็เริ่มหย่อน ช่วงบ่ายเลยกลายมาเป็นเวลานอนกลางวัน เมื่อตื่นก็มานั่งโง่ๆ มองวิวทิวทัศน์ตรงโซฟาริมกำแพงกระจกที่มันเคยสวยมากในครั้งแรกที่เห็น แต่พอมองบ่อยๆ ความสวยงามของมันก็ค่อยๆ ลดลงไป.. จากนั้นก็ได้เวลาทานมื้อเย็น อาบน้ำและเข้านอน วนอยู่แค่นี้ตลอดห้าวันที่ผ่านมา นี่มันไม่ได้ต่างจากการถูกพามาขังเลยสักนิด..หลังจากวันแรกที่เจ้าของตึกแห่งนี้พาของขวัญเข้ามา เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย องศาบอกว่าโทโมยะมีงานมากมายที่ต้องสะสาง เธอก็เลยยังไม่รู้ว่าบทสรุปของอนาคตตัวเองจะเป็นย