แชร์

ตอนที่ 4

มาเฟียจ้าวชีวิต

Writer : Aile'N

ตอนที่ 4

ร่างบางถูกพามาที่ตึกสูงแห่งหนึ่ง.. มองเผินๆ ก็เหมือนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วไป ต่างกันตรงที่มันตั้งอยู่ในซอยลึก พื้นที่โดยรอบเงียบสงบแม้แต่หมาแมวสักตัวก็ยังไม่ผ่านมาให้เห็น

บางบริษัทอาจจะมีป้อมยามรักษาการเฝ้าอยู่ข้างหน้าคอยตรวจคนเข้าออก แต่ที่นี่ไม่มี.. ด้านนอกไม่มีใครเลยแต่พอเข้าไปข้างในกลับมีคนยืนเรียงแถวกันเต็มไปหมด ทุกคนใส่ชุดดำล้วนและยืนทำหน้าทะมึนทึงเหมือนลูกสมุนของพวกเจ้าพ่อที่เคยเห็นในหนังอย่างกับเลียนแบบกันมา

ร่างสูงใหญ่ผู้เป็นนายเหนือหัวอุ้มคนตัวเล็กที่น้ำหนักเบาหวิวเหมือนปุยนุ่นเดินผ่านคนพวกนั้นที่กำลังยืนก้มหัวให้ไปที่ลิฟต์อย่างเงียบๆ คนสนิทที่ตามมาด้วยสองคนรับหน้าที่กดลิฟต์ขึ้นชั้นบนสุด ก่อนจะผละออกมายืนสงบนิ่งประกบผู้เป็นนายคนละฝั่งในท่าทางสง่าผ่าเผยไม่แพ้กัน

สภาพแวดล้อมกับผู้คนที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทำของขวัญเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ ได้แต่นอนห่อตัวอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวใหญ่ ก้มหน้าก้มตาไม่มองใคร.. กลิ่นกายของเขาที่เธอชอบอบอวลอยู่รอบตัว ให้ความรู้สึกไม่โดดเดี่ยวเหมือนหลายวันที่ผ่านมาจนเผลอซุกเข้าหามากขึ้น นึกอยากจะให้เส้นทางข้างหน้าไกลขึ้นกว่าเดิมอีกนิดเพื่อจะได้ตักตวงช่วงเวลาตรงนี้ไว้ให้นานที่สุด..

แต่ก็ได้แค่อยากเมื่อลิฟต์เปิดออกที่ชั้นบนสุด ตากลมหวาดมองไปรอบตัวอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะตกตะลึงกับความใหญ่โตหรูหราของทุกสรรพสิ่งที่เห็น แม้ภายนอกจะเป็นตึกสูงทันสมัยแต่ภายในกลับตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ของบางชิ้นเช่นดาบซามูไรที่ถูกแขวนโชว์ไว้ข้างผนังกับแจกันใบใหญ่สลักลวดลายมังกรตรงมุมทางเดินอายุท่าจะไม่ใช่น้อยๆ สำรวจไม่ทันหนำใจของขวัญก็ถูกพาเข้าไปในห้องๆ หนึ่งโดยมีคนสนิทที่ตามมาคอยอำนวยความสะดวกเปิดปิดประตูให้

"อาบน้ำ..." เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกเพียงเท่านั้นหลังจากวางคนในอ้อมแขนลงหน้าห้องน้ำ สิ้นคำเขาก็เดินออกไป ปล่อยให้เธอยืนเคว้งอยู่ตรงนั้น ครั้นก้มลงดูสภาพตัวเองแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมา เพราะชุดที่ใส่ยังเป็นชุดนอนอยู่แถมลายเป็ดสีเหลืองอ๋อยอีกต่างหาก น้ำท่าก็ไม่ได้อาบมาหลายวันไม่รู้ว่าเขาจะได้กลิ่นตุๆ จากเธอไปหรือเปล่า น่าอายจริงๆ!

ของขวัญก้มหน้างุด รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างอายๆ พอเข้ามาก็ยืนตะลึงอยู่หลายนาที เพราะความหรูหราสวยงามของห้องน้ำมีไม่น้อยไปกว่าด้านนอกถึงจะไม่กว้างเท่าแต่ก็กินพื้นที่ไปไม่น้อย มีแบ่งโซนเปียกโซนแห้งไว้อย่างชัดเจน โซนแห้งมีตู้เก็บทั้งผ้าเช็ดตัวและชุดคลุมอาบน้ำ รวมทั้งพวกของใช้จำเป็นเช่น ครีมอาบน้ำ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน แชมพู ฯลฯ ที่ยังไม่แกะใช้สำรองไว้เต็มตู้ เธอเลยถือวิสาสะขอใช้ของทุกอย่างในใจ..

พออาบน้ำเสร็จร่างบางก็ใส่แค่ชุดคลุมออกมาเพราะไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน สองขาเล็กก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ กระทั่งมาเจอเจ้าของห้องนั่งไขว้ห้างอยู่ตรงโซฟาริมกำแพงกระจก ใบหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์เหม่อมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกอย่างไร้จุดหมาย จนคงจะรู้สึกว่ามีใครบางคนแอบมองเลยหันมาสบตากัน ก่อนจะส่งซิกทางสายตาว่าให้มานั่งโซฟาฝั่งตรงข้าม

"คนของฉันกำลังจัดการพวกเสื้อผ้าและของใช้ให้ ตอนนี้กินข้าวก่อน" บอกเท่านั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ผู้มาใหม่จะเปิดประตูและเข็ญอาหารชุดใหญ่มาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเธอแล้วก็กลับออกไปโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ

"เอ่อ ขอบคุณนะคะ.." ของขวัญไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำนี้ คนฟังไม่ตอบรับแต่ระยะห่างเพียงโต๊ะกั้นเธอคิดว่าเขาได้ยิน เลยเริ่มลงมือทานอาหารตรงหน้าโดยมีเขานั่งนิ่งเป็นรูปปั้นแกะสลักอยู่ฝั่งตรงข้าม

"เอ่อ คุณชื่ออะไรหรอคะ" ความเงียบไม่ได้ทำให้อึดอัด แต่เพราะมีโอกาสได้เจอร่างสูงอีกครั้งเธอเลยอยากทำความรู้จัก...

"โทโมยะ...ทานากะ โทโมยะ" คนถูกถามหันมามองหน้าเธอเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ชื่อญี่ปุ่นจ๋าของเขาทำคนฟังรู้สึกอึ้งๆ แต่ไม่ได้แปลกใจนักเพราะรูปร่างหน้าตาเขามันบอกยี่ห้อชัดเจนว่าไม่ใช่เมดอินไทยแลนด์อย่างแน่นอน..

"ทำไม...ถึงชวนขวัญมาอยู่ด้วยล่ะคะ" เสียงหวานถามต่อในสิ่งที่นึกสงสัย เรื่องให้เงินมารักษาแม่ว่าน่าฉงนแล้ว เรื่องนี้น่ามึนงงกว่าเป็นไหนๆ

"...สงสารล่ะมั้ง" โทโมยะทำหน้านึกคิดเล็กน้อย ก่อนบอกอย่างไม่ใส่ใจ สิ่งที่ของขวัญไม่รู้คือหลังจากวันนั้นเขาก็สืบประวัติและคอยติดตามชีวิตของเธออยู่ห่างๆ นั่นคงทำให้หายสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าแม่เธอเสีย ส่วนคนเป็นลูกก็เอาแต่นอนร้องไห้จนกลัวจะตรอมใจตายตามแม่ไป ซึ่งเขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่ายื่นมือเข้าไปฉุดอีกฝ่ายขึ้นมาทำไมทั้งที่ต่างกันเหมือนอยู่คนละโลก

อาจเป็นเพราะ 'ความสงสาร' ที่มีเบื้องลึกเบื้องหลังจากการสืบประวัติของเธอล่ะมั้ง.. ที่ทำให้ได้รู้ว่าตอนนี้เหลือตัวคนเดียว ซ้ำยังนึกสภาพไม่ออกว่าคนแบบนี้จะใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปในโลกอันโหดร้ายนี้ได้ยังไง ซึ่งรู้ตัวอีกทีก็ชวนมาอยู่ด้วยกันเสียแล้ว..

ร่างบางพยักหน้าเข้าใจก่อนนั่งซึม.. เขาเก็บเธอมาเพราะสงสาร ที่เธอยอมมาก็เพราะไม่เหลือใครแล้วเช่นกัน ไม่ใช่เหตุผลเดียวกันแต่ก็ใกล้เคียง.. พอได้เจอเขาอีกครั้งเกิดเสี้ยววินาทีที่เธอคิดอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยคิด เธอมีหนี้ติดค้างที่ยังไม่ได้ชำระถึงตายก็คงไม่สงบ แต่ถึงไม่ตายก็ยังคิดไม่ออกว่าจะตอบแทนบุญคุณของเขายังไงอยู่ดี

เธอไม่มีของมีค่าเทียบกับเงินที่เขาเสียไปจะให้ ไม่มีอะไรเลยกระทั่งเสื้อผ้าติดกาย ข้าวของทุกอย่างถูกทิ้งไว้ในบ้านที่จากมา สิ่งที่เหลืออยู่คือลมหายใจและร่างกายนี้.. 'ชีวิตของเธอ' ไม่รู้เขาจะอยากได้หรือเปล่าเพราะได้มาก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร เอาไปจับปืนสู้รบกับใครก็ไม่ได้..

"กินให้หมด ภายในหนึ่งอาทิตย์เธอต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผอมแห้งแบบนี้ไม่เอา" เสียงเข้มเรียกสติคนเหม่อที่กำลังนั่งเขี่ยผักในจานเล่นเหมือนไม่อยากจะกินอีกทั้งที่เพิ่งกินได้ไม่กี่คำ

"ขอบคุณนะคะ.. เรื่องเงินที่ช่วยเหลือมา ขวัญเป็นหนี้บุญคุณของคุณ และไม่รู้จะตอบแทนยังไง.. ถ้าชีวิตที่เหลืออยู่ของขวัญมีค่าพอ ขวัญยินดียกให้" ร่างบางบอกออกไปเสียงเบาหวิว เธอกล้าพูดแต่ไม่ค่อยกล้ามองสบตาคมนักเพราะความต้านทานต่ำเหลือเกิน..

"ไม่กลัวฉันหรือไง" โทโมยะถามลองเชิง เขาคิดว่าอีกฝ่ายขี้อายเอามากๆ แต่กลับกล้าที่จะยกชีวิตของตัวเองให้ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ใช่คนดี เห็นทีคงจะต้องคิดใหม่..

"คุณดูน่ากลัว แต่ลึกๆ แล้วใจดี..." เธอบอกพลางช้อนดวงตาขึ้นมองร่างสูงเล็กน้อย ก่อนหลุบต่ำลงอีกครั้งเมื่อเจอเข้ากับดวงตาคมกริบ.. การที่เขายื่นมือเข้ามาช่วยเธอถึงสองครั้งสองครามันทำให้ของขวัญไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงมาเฟีย แต่หากรู้สึกยำเกรงและประหม่าอายมากกว่าเวลาอยู่ต่อหน้าเขา มันเป็นความรู้สึกของหญิงสาวแทบจะทุกคนเป็นเวลาที่อยู่ต่อหน้าชายหนุ่มรูปงาม เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น..

"รู้จักฉันดีขนาดนั้น? " คิ้วเรียวเข้มยกขึ้นสูงนิดๆ ขณะมองมาที่คนตัวเล็กด้วยสายตาประเมิน

"เปล่าค่ะ ขวัญแค่พูดไปตามที่รู้สึก" ร่างบางส่ายหน้าน้อยๆ พลางฉีกยิ้มแห้ง เธอไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ ชื่อก็เพิ่งจะรู้วันนี้ แต่เธอเชื่อในสัญชาตญาณบวกกับสิ่งที่เขาทำ

ก๊อกๆ

"นายครับ เสื้อผ้าที่สั่งได้แล้วครับ" ไม่ทันได้พูดอะไรต่อเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำของคนสนิทที่ใช้ให้ไปจัดการเรื่องเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้สำหรับผู้หญิง

"เข้ามา" แม้เสียงเมื่อครู่จะฟังดูน่าเกรงขาม แต่หากน้ำเสียงที่ตอบรับออกไปกลับก้องกังวานทรงพลังอำนาจมากกว่ากันหลายเท่า

สิ้นคำอนุญาตชายชุดดำรูปร่างสูงใหญ่สามคนก็เดินถือเสื้อผ้าผู้หญิงที่ถูกแขวนไว้กับไม้แขวนเสื้ออย่างดีมาเรียงเข้าตู้พร้อมด้วยข้าวของใช้ก็ถูกจัดเข้าที่เข้าทาง เสร็จจากตรงนั้นพวกเขาก็มายืนเรียงหน้ากระดานอยู่ข้างๆ ผู้เป็นนาย

"อากิ เซย์โนะ คนสนิทของฉัน ส่วนนี่องศา จะมาเป็นคนสนิทของเธอ ขาดเหลืออะไรก็บอกมัน" โทโมยะแนะนำคนทั้งสามให้ของขวัญรู้จักไล่จากคนที่ยืนอยู่ใกล้ตัวที่สุด

คำว่า 'คนสนิทของฉัน' ทำเธอจ้องมองอากิกับเซย์โนะอย่างพิจารณา ก่อนจะพบว่าทั้งคู่มีบุคลิกท่าทางที่คล้ายคลึงกับเขาไม่ใช่น้อย ใบหน้าเรียบเฉยยังไงก็ยังงั้นตั้งแต่ที่เห็นในผับวันนั้น และคนที่ไปส่งเธอที่บ้านก็คืออากิ.. จำได้เลยว่าเขาไม่ได้พูดหรือชวนเธอคุยสักคำ พอส่งเสร็จก็กลับทันที

"ที่นี่มีแต่ผู้ชาย ลำบากหน่อยแต่เดี๋ยวก็ชิน" เสียงทุ้มจากร่างสูงดึงสติเธอกลับคืนมาอีกครั้งหลังเผลอหลุดลอยไปไกล

"เอ่อ สวัสดีค่ะ หนูชื่อของขวัญ เรียกขวัญเฉยๆ ก็ได้ค่ะ" ของขวัญยกมือไหว้คนอายุมากกว่าทั้งสามพร้อมกับส่งยิ้มให้นิดๆ องศายกมือประนมรับไหว้อย่างนอบน้อม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถือสัญชาติอะไร ส่วนอากิกับเซย์โนะเพียงก้มศีรษะให้เธอเล็กน้อยเท่านั้น

"นายครับ.." อากิโน้มศีรษะลงพูดกับนายเหมือนต้องการจะบอกอะไรบางอย่างที่ไม่ต้องพูดให้จบโทโมยะก็เข้าใจ เพราะมือขวาคนนี้มันบ้างานพอๆ กับเขา เปิดปากพูดทีไรเห็นจะเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้

พรึ่บ

"เอ่อ จะไปแล้วหรอคะ? " ร่างบางละล่ำละลักถามเมื่อคนตัวใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเหมือนจะออกไปแล้ว แต่เธอยังมีเรื่องอยากจะคุยด้วยเยอะแยะไปหมดโดยเฉพาะเรื่องที่ถูกชวนมาอยู่ที่นี่ เธอไม่ค่อยเข้าใจ..

"อืม" ตอบรับในลำคอเพียงเท่านั้นโทโมยะก็เดินออกไปโดยมีอากิกับเซย์โนะตามไปด้วย เหลือเพียงองศาที่ยังอยู่กับร่างบาง

"คุณหนูทานข้าวต่อเถอะครับ จะได้พักผ่อน ผมจะอยู่รับใช้" ร่างสูงตรงหน้าบอกด้วยท่าทางนอบน้อม น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสุภาพน่าฟังแต่คนฟังกลับรู้สึกขนลุกแปลกๆ

"เอ่อ คุณหนูอะไรกันคะ? เรียกขวัญก็พอแล้วค่ะ ไม่ต้องเป็นทางการกับขวัญหรอก" คนตัวเล็กยิ้มแห้ง ปฏิเสธอย่างไม่ค่อยชอบใจนักที่ถูกอีกฝ่ายปฏิบัติเหมือนเธอมีศักดิ์สูงกว่า ทั้งที่เจ้านายเขาก็แค่เวทนาเธอเลยเก็บมาอยู่ด้วยเท่านั้น ชีวิตตั้งแต่เกิดก็ไม่ได้เป็นคุณหนูในคฤหาสน์ พอถูกเรียกแบบนี้แล้วมันรู้สึกแปลกพิลึก

"ไม่ได้ครับ คุณหนูเป็นแขกของนายใหญ่" องศายืนกรานอย่างหนักแน่น ถึงนายจะไม่ได้บอกเหตุผลที่พาร่างบางมาอยู่ที่นี่ แต่ยอมให้ขึ้นมาอยู่ชั้นเดียวกันและสั่งให้เขามาคอยติดตามดูแลก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะต้องให้ความสำคัญ

"แขกที่ไหนกันคะ เจ้านายพี่ก็แค่เวทนาขวัญ เลยเก็บมาเลี้ยงซะมากกว่า พี่องศาเรียกขวัญเฉยๆ ก็พอนะคะ คุณหนูอะไรนั่น.. ขวัญไม่ชิน" เธอบอกเสียงเบา ใบหน้าอิดโรยดูอึดอัดระคนอยากจะเว้าวอนอีกฝ่ายให้ยอมตามใจ

"งั้น...ผมจะเรียกน้องขวัญก็ได้ครับ แต่เฉพาะตอนอยู่ตามลำพังนะ ต่อหน้านายผมขอเรียกคุณหนูเหมือนเดิม" องศามีข้อต่อรองที่ฟังดูเป็นกลางและเข้าท่า.. คนฟังจึงทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะยอมตกลง

"อืม.. ก็ได้ค่ะ แต่ผมก็ไม่เอานะคะ แทนตัวเองว่าพี่ดีกว่า" ไม่ว่าอะไรก็ดูจะขัดใจของขวัญไปเสียหมด เธอถูกสอนให้มีสัมมาคารวะกับคนอายุมากกว่า เลยรู้สึกอึดอัดที่ต้องมาถูกอีกฝ่ายให้ความเคารพถึงขนาดนี้ จึงพยายามค้านหัวชนฝาแถมมีความกล้ามากด้วยเพราะเมื่อเทียบกันกับสามคนที่เพิ่งออกไป องศาดูเข้าหาง่ายที่สุดแล้ว เขาดูใจดีไม่ได้แผ่รังสีทะมึนๆ ออกมาเหมือนสามคนนั้น

"อ่า...ครับๆ ก็ได้" ร่างสูงพ่นลมอย่างอ่อนใจ แต่คนที่ทำให้เขาลำบากใจกลับฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่เถียงเอาชนะได้

"พี่องศามานั่งกับขวัญสิคะ ยืนทำไมมันเมื่อย" เสียงหวานติดแหบอย่างคนอ่อนแรงยังคงพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด อาหารที่ยังกินไม่หมดก็ไม่คิดจะสนใจ เอาแต่นั่งจ้องเขาเหมือนจะบีบบังคับมากกว่าเชิญชวน

"ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของพี่" องศาปฏิเสธซ้ำอีกเพราะไม่อยากละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ เดี๋ยวจะติดเป็นนิสัยและเผลอไปทำให้เจ้านายเห็นได้

"แต่ขวัญมีเรื่องอยากถามเยอะเลย..." ของขวัญมองตาอ้อน เธอเริ่มจะจับทางองศาออกว่าเขาไม่ค่อยกล้าขัดถ้าถูกเธอมองอย่างคาดหวัง สุดท้ายอีกฝ่ายก็เดินมานั่งด้วยกันจริงๆ

"ถามได้ครับ แต่บางเรื่องที่เกี่ยวกับนายพี่คงพูดมากไม่ได้" ร่างสูงดักทางไว้เพราะถึงแม้ว่าคนตัวเล็กจะได้รับอนุญาตให้มาอยู่ที่นี่และอาจจะรู้ด้วยว่านายใหญ่ของเขาทำอาชีพอะไร แต่บางเรื่องก็ไม่สมควรจะพูดให้เธอฟัง ซึ่งของขวัญก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เธอไม่ได้อยากจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของอาชีพมาเฟียเพราะรู้ว่ามันคงไม่สวยงามนัก แค่อยากรู้จักไว้บ้างตามประสาคนจะมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ไม่ใช่รู้แต่ชื่อ..

"พี่มาทำงานให้เขานานแล้วหรอคะ" เมื่อเทียบกันแล้วองศาน่าจะอายุน้อยกว่าอากิและเซย์โนะ ท่าทางก็ไม่น่ากลัวเหมือนพวกนั้น แถมยังเป็นคนไทยอีกของขวัญก็เลยอดสงสัยเรื่องของเขาด้วยไม่ได้

"ครับ ตั้งแต่อายุสิบแปด ตอนนี้ก็ยี่สิบห้าแล้ว" เสียงตอบค่อนข้างผ่อนคลายเมื่อบทสนทนามาถึงจุดที่เป็นกันเองมากขึ้น

"เขาเป็นมาเฟียจริงๆ หรอคะ ขวัญเคยเห็นแต่ในหนัง" ร่างบางถามต่อ ในหัวเธอมีเรื่องสงสัยมากมายเต็มไปหมด อยากถามจากโทโมยะเองเลยด้วยซ้ำแต่เขาก็ชิงหนีไปเสียก่อน น่าแปลกเหมือนกันที่เธอดูเหมือนจะมีความกล้ามากกว่าครั้งแรกที่เจอกัน เพราะตอนนั้นมัวแต่อายก็เลยไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากคำว่าขอบคุณทั้งที่เขาให้เงินมาตั้งสิบล้าน คุณค่ามันช่างไม่สมน้ำสมเนื้อกันเลยสักนิด จนกระทั่งเขาหายไปนั่นแหละถึงรู้สึกเสียดายว่าอย่างน้อยๆ เธอน่าจะพูดอะไรมากกว่านั้น..

"คิดว่าไงล่ะครับ" องศาถามลองเชิงกลับยิ้มๆ ตอนเข้ามาคนตัวเล็กก็น่าจะเห็นสภาพแวดล้อมและผู้คนที่อยู่ในตึกนี้แล้ว ไม่ต้องถามก็น่าจะมีคำตอบอยู่ในใจ

"ก็...คิดว่าน่าจะใช่ค่ะ มีแต่ผู้ชายหน้าตาน่ากลัวเต็มไปหมดเลย" ของขวัญบอกพลางทำหน้าหวาดๆ เรียกเสียงหัวเราะขำเบาๆ จากคนฟัง

"หึหึ...เพราะฉะนั้นห้ามออกไปเพ่นพ่านที่ไหนนะครับ นายสั่งไว้ว่าให้น้องขวัญอยู่แค่ชั้นนี้เท่านั้น ห้องนายใหญ่ก็อยู่ข้างๆ นี่แหละ แต่พี่ไม่แนะนำให้เข้าไปพบสุ่มสี่สุ่มห้า นายเป็นคนหวงพื้นที่ส่วนตัวมาก มีแต่นาย คุณอากิและคุณเซย์โนะเท่านั้นที่จะเข้าห้องนายได้" องศาบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่กลับทำคนฟังรู้สึกเสียวหลังวูบวาบเพราะสัมผัสได้ถึงอันตรายถ้าเธอฝ่าฝืนคำเตือนนั้นที่เป็นคำสั่งตรงมาจากผู้เป็นนายของเขา..

คนตัวเล็กพยักหน้ารับ ก่อนฉีกยิ้มแห้งๆ กลบเกลื่อน.. เล็งเห็นอนาคตอันมืดมิดของตัวเองเนิ่นๆ แล้วว่าอิสระไม่มี เหมือนนกน้อยถูกพามาขังกรง..

ทั้งคู่พูดคุยกันต่ออีกพักใหญ่ ส่วนมากก็เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ผลัดกันแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตเพื่อทำความรู้จักกันไว้ ที่จริงของขวัญก็อยากรู้อะไรที่มันลึกๆ กว่านี้ในบางเรื่องแต่ไม่กล้าถามมากเพราะเพิ่งมาอยู่ได้ไม่ถึงวัน (แต่ก็พูดไปเยอะแล้วน่ะนะ)

"นอนได้แล้วครับ อย่าเพิ่งคิดอะไร ตอนนี้รักษาตัวให้ดีก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง มีอะไรก็เรียกนะ พี่อยู่หน้าห้อง" องศาเอ่ยบอกหลังจากที่ร่างบางทานอาหารอิ่มและได้เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว มือใหญ่เลื่อนผ้าม่านเข้าหากันจนปิดสนิท เพื่ิอบดบังแสงสว่างจากดวงไฟหลากสียามค่ำคืนในเมืองหลวงไม่ให้เล็ดลอดเข้ามากวนใจคนนอน เปิดทิ้งไว้เพียงโคมไฟสีส้มตรงหัวเตียงและถือถาดใส่จานอาหารเตรียมจะเอาออกไปเก็บ

"ขอบคุณนะคะ" คนบนเตียงเอ่ยบอกเสียงเบา เท่านั้นร่างสูงก็ออกไป..

ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่ม จะให้หลับแต่หัววันเห็นทีของขวัญจะทำไม่ได้ แม้ร่างกายจะอ่อนเพลียมากก็ตาม เธอยังคงมีเรื่องให้คิดมากมายในหัว จากที่ล้มตัวลงนอนแล้วก็เลยลุกขึ้น เดินไปเปิดม่านออกและนั่งลงบนโซฟาตัวยาว มองดูวิวยามค่ำคืนผ่านกำแพงกระจกใสที่กินพื้นที่ไปด้านหนึ่งของห้องขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้านี้อย่างเงียบๆ

เพียงไม่นานดวงตากลมสวยก็เหม่อลอยไปข้างหน้าอย่างไร้จุดโฟกัส เธอกำลังคิดถึงอนาคตของตัวเองที่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป และไม่รู้ด้วยว่าคิดถูกหรือผิดที่ตัดสินใจมาที่นี่ แต่ให้อยู่บ้านที่มีแต่ความทรงจำของครอบครัวเพียงลำพังก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเข้มแข็งได้ไหม เธออาจจะนอนร้องไห้จนตรอมใจตายไปเลยก็ได้ถ้าโทโมยะไม่ฉุดขึ้นมา..

เขาแค่สงสาร เวทนาหรือตั้งใจไปตามตัวเธอมาทำงานใช้หนี้ก็ไม่รู้ แต่ยอมรับว่าวินาทีแรกที่เห็นหน้าเขาเธอดีใจมาก.. เขามีอิทธิพลกับเธออย่างน่าประหลาด

ตอนชวนมาที่นี่เขาไม่ได้บอกสักคำว่ามันจะสุขสบาย หรือมีอนาคตที่สดใส กลับกันเลยคือพูดไปในทางลบ.. แต่เธอก็ยังตัดสินใจมากับเขา เหตุผลมันยังคลุมเครืออยู่ในความคิด.. อย่างแรกเธออยากตอบแทนหนี้บุญคุณของเขาถ้าทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้บ้าง อีกอย่างตอนนี้เธอก็เหลือตัวคนเดียวแล้วและไม่มีกะจิตกะใจจะก้าวเดินต่อไปอย่างเข้มแข็ง เธอไม่อยากอยู่คนเดียว เธออยากพึ่งพาใครสักคน คนที่ดูแลเธอได้..

ของขวัญนั่งอยู่ตรงนั้นนานมากจนกระทั่งเผลอหลับไป ในเวลาเดียวกันนั้น.. โทโมยะเดินออกมาจากห้องทำงานหลังทำงานเสร็จพอดี ยามดึกแบบนี้เหลือเขาอยู่เพียงคนเดียวเพราะไล่ลูกน้องไปนอนหมดแล้ว และก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องนอนบ้าง..

จังหวะที่กำลังจะเดินเข้าห้องพลันสายตากลับเหลือบไปมองประตูห้องข้างๆ ที่ปิดสนิท ยืนนิ่งชั่วอึดใจคนตัวสูงก็เปลี่ยนเป้าหมายไปเปิดประตูห้องข้างๆ ออกแล้วเดินเข้าไป ก่อนจะขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อไม่เห็นคนในห้องอยู่บนเตียงนอนอย่างที่ควรจะเป็น เหลือบไปเห็นม่านเปิดออกเลยเดินไปดูที่โซฟาจนเห็นร่างเล็กๆ นอนขดตัวอยู่ตรงนั้น ยืนมองสักพักก็หย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ทอดสายตามองวิวด้านหน้าเล็กน้อย ก่อนก้มลงมองคนนอนอีกครั้ง...แล้ววางมือลงบนศีรษะพร้อมกับลูบเบาๆ

..

..

..

..

มาเงียบๆ แต่ความละมุนเพียบนะจ๊ะ 55555 

อ่านแบบไม่ขาดตอนได้ที่ MEB ค้นหานามปากกา Aile'N ได้เลยจ้า

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status