มาเฟียจ้าวชีวิต
Writer : Aile'N
ตอนที่ 3
ของขวัญถูกพามาส่งถึงหน้าบ้านตามคำสั่งของใครคนนั้น สิ่งแรกที่ทำหลังจากเข้าบ้านมาก็คือเปิดประเป๋าดูเงินสิบล้านด้วยความกระอักกระอ่วนระคนดีใจ เพราะมันเยอะมากจริงๆ แถมได้มาโดยที่ไม่ได้ทำอะไรตอบแทนคนให้เลยสักอย่าง เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากๆ เธอได้แต่นิ่งอึ้งผสมปนเปกับความตื้นตันใจ นอกจากจะไม่ได้ทำอะไรตอบแทนแล้วเธอยังไม่ทันได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็ไม่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของเธอ ได้ฟังแต่คำบอกเล่าเรื่องแม่ผ่านลมปาก แต่ก็ยังใจดียื่นมือเข้ามาช่วยโดยไม่คิดจะเอาอะไรตอบแทน แม้จะดูเหมือนช่วยแบบตัดความรำคาญก็เถอะ..
มือบางปิดกระเป๋าลงก่อนนั่งเหม่อ เสื้อที่อีกฝ่ายคลุมให้ก็ลืมคืนไปกับลูกน้องของเขา เลยลุกขึ้นถอดเอาไปแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วนั่งมองอย่างหลงใหล กลิ่นของผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าไม่รู้ แต่กลิ่นของเขาเธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหน กลิ่นของความดุดันอันตรายหากแต่เจือจางความอบอุ่นเล็กๆ ให้ความรู้สึกลึกลับแปลกๆ แต่เธอกลับรู้สึกชอบมาก..
นั่งเพ้อถึงใครคนนั้นอยู่พักใหญ่ ของขวัญก็สลัดความคิดทุกอย่างทิ้งชั่วคราวแล้วลุกไปอาบน้ำนอน คืนนี้เป็นคืนที่เธอนอนหลับสนิทเต็มอิ่มในรอบหลายเดือน เนื่องจากพรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานที่ไหนอีกเพราะมีเงินรักษาแม่แล้ว แม้การได้มาจะไม่แฟร์เลยก็เถอะ แต่เธอสัญญากับตัวเองว่าจะหาทางตอบแทนเขาอย่างแน่นอน ถ้าได้เจออีกน่ะนะ..
วันต่อมา..
ของขวัญไปหาแม่ที่โรงพยาบาลแต่เช้า เพราะวันนี้แม่ต้องทำคีโมด้วยเลยอยากไปให้กำลังใจจากที่ปกติต้องทำงานเลยไม่ค่อยมีโอกาสอยู่ดูแลแม่หลังทำคีโมสักเท่าไร พอว่างเธอก็เลยอยู่เฝ้าแม่ตลอดทั้งวัน.. ตกตอนเย็นก็ต้องกลับบ้านทั้งที่ไม่อยากกลับ แต่เพราะแม่เธอพักห้องรวมพื้นที่เลยค่อนข้างแออัด ไม่มีที่ให้ญาตินอนนอกจากพื้น เธออยากย้ายแม่ไปอยู่ห้องพิเศษแต่ถ้าถูกถามว่าเอาเงินจากไหนมาจ่ายก็ไม่รู้จะตอบยังไง.. แม่เองก็รบเร้าให้ไปพักผ่อนที่บ้านเธอก็เลยต้องกลับ โดยได้แวะหาพราวที่ร้านอาหารตามสั่งก่อน..
"พี่ว่าจะไปหาเราพอดีเลย ว่าจะถามเรื่องเมื่อคืน ตกลงมันยังไงฮะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้" พอเจอหน้ากันพราวก็รัวคำถามใส่คนตัวเล็กทันที เธอไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะจบเป็นแบบนี้ ผู้ชายคนนั้นโคตรใจป้ำ! ไม่รู้ว่าของขวัญไปทำอีท่าไหนเขาถึงยกเงินให้ฟรีๆ ทั้งกระเป๋าแบบนั้น แถมเธอยังพลอยได้กำไรไปด้วยอีก
"ขวัญก็ยังงงเหมือนกันค่ะพี่พราว ขวัญยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ แค่เขาบังคับถามว่าทำไมถึงมาทำงานนี้ ขวัญก็จำใจเล่าเรื่องแม่ให้ฟัง เท่านั้นแหละค่ะเขาก็จัดการทุกอย่างเองหมดเลย" ร่างบางเล่าให้อีกฝ่ายฟังอย่างงงๆ ขนาดว่าอยู่ในเหตุการณ์ เห็นและรับรู้ทุกอย่างเธอยังไม่เข้าใจเลยว่ามันลงเอยแบบนี้ได้ยังไง หรือผู้ชายคนนั้นเขาชอบแจกเงินให้คนอื่นแบบนี้ประจำ?
"ไอ้ขวัญ...แกแม่งโคตรโชคดีเลยว่ะ! พี่ดีใจด้วยนะเว้ย" หลังจากนั่งอึ้งอยู่พักใหญ่พราวก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมา และร่วมยินดีกับคนตัวเล็ก ถ้าน้องบอกว่าไม่ทันได้ทำอะไร เธอก็คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกเสียจากว่าผู้ชายคนนั้นคงจะเอ็นดูหรือไม่ก็หลงเสน่ห์เด็กน่ารักอย่างของขวัญเข้าให้ แม้หน้าตาเขาจะเฉยชามากก็เถอะ..
"แต่ขวัญไม่สบายใจอ่ะพี่ ขวัญไม่ได้ตอบแทนอะไรเขาเลย ชื่ออะไรก็ไม่รู้จัก" ร่างบางบอกไปตามความรู้สึก วันนี้ทั้งวันเธออดคิดถึงผู้ชายคนนั้นไม่ได้ เธออยากรู้จักชื่อ อยากตอบแทนเขา อยากจะเจอเขาอีกสักครั้ง..
"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาไม่เคยบอกชื่อ แต่มาทีไรมีบอดี้การ์ดตามติดมาด้วยตลอดเลย น่าจะเป็นนักธุรกิจหรือคนใหญ่คนโตแน่ๆ " พราวสันนิษฐานไปตามที่เห็น ท่าทางเขาน่าจะเป็นคนต่างชาติหรือไม่ก็ลูกครึ่งเพราะสูงมาก ราวๆ ร้อยเก้าสิบเซนฯ ขึ้นไปเห็นจะได้ แต่งตัวภูมิฐานขนาดนั้นเธอนึกออกแต่พวกนักธุรกิจ ถึงมันจะขัดๆ กับรอยสักตามลำคอและหลังมือที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาก็เถอะ เขายังหนุ่มอยู่เลยนี่นาถ้าจะชอบรอยสักก็คงจะไม่แปลกมั้ง..
"เกิดเป็นคนรวยนี่มันดีจริงๆ เลยเนอะพี่" เสียงหวานเอ่ยอย่างเพ้อๆ แม้จะได้จับเงินเป็นฟ้อนๆ แล้วก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่ฝันไป
"จริง...เอ้อ ถ้าขวัญอยากตอบแทนหรืออยากเจอเขาขวัญก็มาหาเขาที่ผับพี่อีกก็ได้ เขามาทุกวันศุกร์" ร่างเพรียวสูงพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนบอกออกมาอย่างกระตือรือร้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขามาที่ผับเป็นประจำ ไม่หมดหนทางเสียทีเดียวถ้าอยากจะเจอตัว
"จริงด้วย! ขอบคุณนะคะ" คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตเปล่งประกายวิบวับอย่างมีความหวัง รอยยิ้มน่ารักๆ นั้นทำคนมองอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ นึกอยากขอบคุณโชคชะตาที่ไม่ใจร้ายกับเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่น่าสงสารอย่างของขวัญจนเกินไป..
ในที่สุดวันศุกร์ที่รอคอยก็มาถึง ของขวัญกลับไปที่ผับแห่งนั้นอีกครั้งเพื่อรอพบชายปริศนาคนนั้น แต่รอแล้วรอเล่ารอจนผับเลิกเขาก็ไม่มา.. ถึงจะผิดหวังแต่ร่างบางก็ยังไม่ท้อ อาทิตย์ถัดไปเธอก็ไปรอเขาอีกแต่ก็ลงเอยแบบเดิม.. ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหนทำไมไม่มา อาทิตย์แล้วอาทิตย์เล่าที่ไปรออย่างไร้จุดหมายจนของขวัญถอดใจ และบอกพราวไว้ว่าถ้าเห็นเขามาค่อยโทรบอกแล้วเธอจะรีบไป แต่ผ่านไปเป็นเดือนก็ไม่มีสักสายจากพราว ร่างบางก็เลยเลิกคาดหวัง หันมาทุ่มความสนใจให้กับการรักษาของแม่มากขึ้น
เงินที่ได้มาจากผู้ชายคนนั้นของขวัญได้นำมาใช้แล้วก้อนใหญ่ในช่วงที่แม่ต้องผ่าตัดสมองเพื่อระบายน้ำออก ไหนจะค่ายาและต้องทำคีโมเรื่อยๆ อีก.. ที่น่าเจ็บใจคือต่อให้พยายามรักษายังไงอาการแม่ก็ไม่ดีขึ้น ยังทรงตัว.. ได้แต่ประคับประคองอาการให้ผ่านพ้นไปวันต่อวัน
จนในที่สุดคนเป็นแม่ก็สู้โรคร้ายไม่ไหว.. จากเธอไปอย่างสงบ แต่คนที่ไม่สงบก็คือคนที่ยังอยู่.. ของขวัญเอาแต่ร้องไห้ปานจะขาดใจ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยสักอย่าง กระทั่งงานศพแม่ก็ยังเดือดร้อนถึงพราวต้องมาช่วยดูแลและคอยติดต่อประสานงานทุกอย่างให้ งานดำเนินไปอย่างเงียบเหงาเพราะของขวัญไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ได้พราวกับเด็กๆ ที่ร้านไม่กี่คนมาร่วมงาน โดยสวดพระอภิธรรมแค่สามคืนก็เผา..
ร่างบางถือรูปกับกระดูกของแม่กลับเข้าบ้านมาด้วยจิตใจห่อเหี่ยว ร้องไห้น้ำตาจะเป็นสายเลือดก็ยังไม่หยุดร้อง พราวเองก็ไม่ได้อยู่ด้วยตลอดเพราะต้องไปทำงาน หลังจากที่แม่เสียของขวัญก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเป็นอาทิตย์ เอาแต่นอนร้องไห้อยู่บนเตียง ข้าวปลาไม่ยอมกินจนร่างกายซูบผอม แก้มตอบลึก หน้าตาซีดเซียวเหมือนซอมบี้มีชีวิต..
เธออยากจะร้องให้ตายๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเสียใจอยู่แบบนี้ ในเมื่อไม่มีแม่เธอก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไม แม้มีเงินมากมายก็ไม่สามารถรักษาชีวิตคนที่รักเอาไว้ได้ เงินเหล่านั้นก็เป็นเพียงเศษกระดาษ ไม่มีความหมายสำหรับเธออีกต่อไป..
ตึก...ตึก...ตึก...
ในวันที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดภายในบ้านแม้เจ้าของบ้านจะไม่ได้ออกไปไหน พลันมีเสียงรองเท้าหนังราคาแพงเหยียบลงบนพื้นกระเบื้อง ก้าวเดินเป็นจังหวะ และเสียงนั้นก็กำลังตรงมายังห้องนอนที่ประตูปิดสนิทอยู่..
แกรก
"ดูไม่จืดเลยนะ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคนที่เปิดประตูเข้ามาเอ่ยราบเรียบในขณะที่สายตาจับจ้องร่างผอมบางบนเตียงนิ่งๆ
"ค...คุณ...?" ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาของใครคนนั้นค่อยๆ เปิดขึ้นมองร่างสูงตรงหน้าอย่างอ่อนแรง เมื่อรู้ว่าเป็นใครแววตาที่เคยเฉื่อยชาก็เริ่มสั่นระริกก่อนเอ่อคลอน้ำตาและปล่อยให้มันหยดลงเปียกที่นอนอีกครั้ง ร้องเท่าไรก็ไม่เคยพอ..
ร่างสูงไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้บอกด้วยว่ารู้จักบ้านเธอได้ยังไง สองเท้าที่ถูกโอบหุ้มด้วยรองเท้าหนังมันปลาบก้าวเดินอย่างสุขุมไปรูดผ้าม่านเปิดออก เพื่อให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาขับไล่ความมืดมิดและบรรยากาศสีเทาๆ ออกไป ถึงได้เห็นเต็มตาว่าไม่ใช่แค่คนที่ทรุดโทรมย่ำแย่ สภาพแวดล้อมภายในห้องก็ไม่ได้รับการดูแลเช่นกัน
ร่างบางนอนหลับตาแน่น...เพราะไม่ได้เจอแสงสว่างมาเป็นเวลานาน ดวงตาจึงไม่สามารถปรับโฟกัสได้ในทันที กระทั่งรู้สึกว่าผู้บุกรุกเดินกลับมายืนข้างเตียงอีกครั้ง เลยพยายามฝืนลืมตาขึ้นมอง...
"ม...แม่ ไม่อยู่แล้ว...อึก" น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยบอก พร้อมกับปล่อยน้ำตาร่วงหล่นซ้ำอีก จะว่าไปก็แทบจะไม่เคยหยุดไหลเลยตั้งแต่ที่เสียบุคคลผู้เป็นที่รักไป
"ฉันรู้...ฉันถึงมาที่นี่" ร่างสูงบอก เขายังคงยืนล้วงกระเป๋ากางเกงจ้องมองสภาพที่ดูไม่ได้ของเธอนิ่งๆ
"เงินที่คุณให้มายังเหลือ ฉันคงไม่ได้ใช้มันอีก ฉันคืนให้" ไม่คิดถามว่าอีกคนรู้เรื่องแม่ของเธอได้อย่างไร มือสั่นเทาพยายามเอื้อมไปเปิดลิ้นชักหัวเตียงออกเผยให้เห็นเงินสดจำนวนหนึ่งที่เธอไม่จำเป็นจะต้องใช้มันอีกแล้ว
"ฉันไม่ได้มาเพื่อเอาเงิน..." ดวงตาคมกริบเหลือบมองตามเล็กน้อยก่อนกลับมาจ้องใบหน้าซีดเซียวของคนบนเตียงอีกครั้ง...ระยะห่างระหว่างดวงตาทั้งสองคู่ลดน้อยลงเมื่อเขาย่อตัวนั่งยองๆ ลงข้างเตียง มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยรอยสักปริศนาและเส้นเลือดนูนเด่นตามฉบับของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าขาวออกให้
สัมผัสที่มองเผินๆ เหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษนั้นยิ่งกระตุ้นต่อมน้ำตาของอีกฝ่ายให้รินไหลลงมาไม่ขาดสาย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แต่เขากลับยื่นมือมาช่วยเธอไว้ยามลำบาก ทั้งที่จะเมินเฉยไปก็ได้...
"เธอจะไปอยู่กับฉันไหม? " จู่ๆ ร่างสูงนั้นก็ถามในสิ่งที่คนฟังไม่คาดคิด
"......." ม่านตากลมขยายกว้างด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัย ครั้นพยายามค้นหาคำตอบจากใบหน้าของเขากลับมีเพียงความนิ่งงัน ดวงตาสีรัตติกาลเรียบนิ่งเย็นเฉียบเหมือนน้ำทะเลลึกในมหาสมุทร ที่ไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าลึกลงไปในนั้นมันมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง...
"ทิ้งอดีตแล้วไปเริ่มชีวิตใหม่..." เขาพูดต่อเมื่อคนฟังยังไม่มีคำตอบให้
"......."
"แต่ก่อนจะตอบ ฟังฉันให้ดีๆ "
"......."
"ฉันเป็นมาเฟีย"
"......." อาชีพแท้จริงของเขาทำคนฟังนิ่งอึ้งอีกครั้ง เรื่องรอยสักที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาตามแขนและลำคอ อีกทั้งท่าทางสุขุมน่าเกรงขามกับเหล่าบอดี้การ์ดที่คอยตามอารักขาหลายคน ตอนนี้เธอได้คำตอบแล้วว่าทำไม...
"สังคมของฉันไม่เหมือนสังคมของเธอ เมื่อไหร่ที่ได้ไปเหยียบในที่ของฉัน เธอจะไม่สามารถกลับมาในที่ของเธอได้อีก..."
"......." ร่างบางเม้มปากแน่นด้วยความสับสน เธอเคยเห็นในละครและเคยอ่านในนิยายมาบ้างว่ามาเฟียคืออะไรและเป็นกลุ่มคนที่น่ากลัวแค่ไหน แต่กับผู้ชายคนนี้...เธอยำเกรงแต่ไม่ได้หวาดกลัว
"ไปไหม? "
"ป...ไปค่ะ! " ไม่รู้อะไรดลใจให้ตอบตกลงออกไป แต่พูดไปแล้วก็ไม่มีโอกาสได้เปลี่ยนใจเมื่อร่างสูงนั้นค่อยๆ ช้อนตัวเธอขึ้นจากเตียง แล้วพาเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างนอก
..
..
..
..
บทนำเอามาจากตอนนี้นั่นเอง ไม่งงแล้วน้าาา
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 4ร่างบางถูกพามาที่ตึกสูงแห่งหนึ่ง.. มองเผินๆ ก็เหมือนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วไป ต่างกันตรงที่มันตั้งอยู่ในซอยลึก พื้นที่โดยรอบเงียบสงบแม้แต่หมาแมวสักตัวก็ยังไม่ผ่านมาให้เห็นบางบริษัทอาจจะมีป้อมยามรักษาการเฝ้าอยู่ข้างหน้าคอยตรวจคนเข้าออก แต่ที่นี่ไม่มี.. ด้านนอกไม่มีใครเลยแต่พอเข้าไปข้างในกลับมีคนยืนเรียงแถวกันเต็มไปหมด ทุกคนใส่ชุดดำล้วนและยืนทำหน้าทะมึนทึงเหมือนลูกสมุนของพวกเจ้าพ่อที่เคยเห็นในหนังอย่างกับเลียนแบบกันมาร่างสูงใหญ่ผู้เป็นนายเหนือหัวอุ้มคนตัวเล็กที่น้ำหนักเบาหวิวเหมือนปุยนุ่นเดินผ่านคนพวกนั้นที่กำลังยืนก้มหัวให้ไปที่ลิฟต์อย่างเงียบๆ คนสนิทที่ตามมาด้วยสองคนรับหน้าที่กดลิฟต์ขึ้นชั้นบนสุด ก่อนจะผละออกมายืนสงบนิ่งประกบผู้เป็นนายคนละฝั่งในท่าทางสง่าผ่าเผยไม่แพ้กันสภาพแวดล้อมกับผู้คนที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทำของขวัญเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ ได้แต่นอนห่อตัวอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวใหญ่ ก้มหน้าก้มตาไม่มองใคร.. กลิ่นกายของเขาที่เธอชอบอบอวลอยู่รอบตัว ให้ความรู้สึกไม่โดดเดี่ยวเหมือนหลายวันที่ผ่านมาจนเผลอซุกเข้าหามากขึ้น นึกอยากจะให้เส้นทาง
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 5กว่าห้าวันแล้วที่ของขวัญมาอยู่ที่ตึกสูงแห่งนี้.. ชีวิตในแต่ละวันของเธอดำเนินไปแบบวนลูป ตื่นเช้า อาบน้ำแต่งตัว ทานข้าวและของบำรุงสารพัดอย่างที่องศาจัดมาให้ จากนั้นก็ว่าง.. ไม่มีอะไรให้ทำ ได้แต่นั่งๆ นอนๆ หายใจทิ้งไปวันๆ ดีหน่อยที่องศาหอบหนังสือจากห้องสมุดชั้นล่างมาให้เธออ่านแก้เบื่อบ้าง.. หรืออาจจะทำให้เบื่อหนักกว่าเดิม เพราะส่วนใหญ่มีแต่หนังสือวิชาการ ศาสตร์ต่างๆ กับพวกปรัชญาชีวิต มีนวนิยายบ้างแต่ก็ล้วนเป็นภาษาต่างประเทศทั้งสิ้นเที่ยงตรง.. ได้เวลายัดอาหารลงท้องอีกครั้ง พอเริ่มย่อยหนังตาก็เริ่มหย่อน ช่วงบ่ายเลยกลายมาเป็นเวลานอนกลางวัน เมื่อตื่นก็มานั่งโง่ๆ มองวิวทิวทัศน์ตรงโซฟาริมกำแพงกระจกที่มันเคยสวยมากในครั้งแรกที่เห็น แต่พอมองบ่อยๆ ความสวยงามของมันก็ค่อยๆ ลดลงไป.. จากนั้นก็ได้เวลาทานมื้อเย็น อาบน้ำและเข้านอน วนอยู่แค่นี้ตลอดห้าวันที่ผ่านมา นี่มันไม่ได้ต่างจากการถูกพามาขังเลยสักนิด..หลังจากวันแรกที่เจ้าของตึกแห่งนี้พาของขวัญเข้ามา เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย องศาบอกว่าโทโมยะมีงานมากมายที่ต้องสะสาง เธอก็เลยยังไม่รู้ว่าบทสรุปของอนาคตตัวเองจะเป็นย
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 6"เป็นอะไร อาหารไม่อร่อย? " บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้านี้ไม่สดใสเท่าที่ควร เพราะใครบางคนที่แกล้งให้ร่างบางรอเก้อเมื่อคืนดันโผล่มานั่งร่วมโต๊ะทานข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"เปล่าค่ะ.." เสียงเบาตอบออกไปโดยไม่มองหน้า และไม่รู้ตัวเลยว่าหัวคิ้วกำลังขมวดเข้าหากันซึ่งเป็นกิริยาที่ขัดกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง"หรืออารมณ์เสียเรื่องเมื่อคืน? " ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ แต่หากดวงตาเปล่งประกายอะไรบางอย่างที่ทำคนมองรู้สึกไม่ชอบใจ"เปล่านี่คะ ดีใจซะอีก" คนพูดลอยหน้าเหมือนไม่ใส่ใจกับเรื่องนั้น จริงๆ ถึงเธอจะโกรธที่ถูกแกล้งให้รอเก้อ แต่มันก็ยังมีแง่ดีเพราะยังไม่เสียความบริสุทธิ์ให้ใคร"หึ..." โทโมยะเค้นเสียงในลำคอเหมือนมีอะไรน่าขบขัน ทำคนฟังได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้เพราะเธอเกลียดเสียงในลำคอแบบนั้นของเขา ปกติของขวัญเป็นเด็กขี้อายและมีมารยาทมากกว่านี้แต่คนตรงหน้ามักทำให้เธอปั่นป่วนและหลุดการควบคุมอยู่หลายครั้ง"เธอยังเรียนไม่จบใช่มั้ย.. อยากกลับไปเรียนหรือเปล่า" เงียบไปสักพักร่างสูงก็ถามขึ้นมาอย่างจริงจัง เขาไม่เคยมีความคิดที่จะรับของขวัญมาอยู่ด้วยแต่แรก มันเกิดจากการต
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 7"คิดอะไรอยู่หรอครับ คิ้วขมวดเชียว" องศาถามขึ้นในตอนที่ยกของว่างมาให้ของขวัญ แล้วเห็นว่าร่างนั้นเอาแต่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังคิดอะไรที่มันสำคัญอยู่"ขวัญ.. ถ้าขวัญอยากทำงานให้คุณโทโมยะเหมือนพี่ พอจะมีโอกาสเป็นไปได้มั้ยคะ" คนถูกทักเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างชั่งใจ อึกอักเล็กน้อยก่อนจะยอมพูดในสิ่งที่คิดออกมา นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องที่อยากจะทำงานให้นายเขาอยู่อีกหรอเนี่ย.."อย่าเลยครับ นอกจากนายจะไม่ให้ทำแล้ว น้องขวัญยังไม่เหมาะที่จะทำอะไรแบบนี้ด้วย" องศาตอบย้ำว่าไม่มีทางที่ของขวัญจะมายืนอยู่ในจุดเดียวกับเขาได้ ต่อให้อยากทำแค่ไหนนายใหญ่คงไม่อนุญาตเพราะผู้หญิงจะเป็น 'จุดอ่อน' ของแก๊ง ไม่ว่าฝีมือจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่จิตใจก็ยังอ่อนไหวง่ายกว่าผู้ชายอยู่ดี"แล้วขวัญพอจะทำอะไรได้บ้างคะ ขวัญไม่อยากนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องนะ" ร่างบางเริ่มเครียดจริงจัง เธอนั่งคิดมาร่วมสองชั่วโมงแล้วว่าเธอพอจะทำอะไรเพื่อโทโมยะได้บ้าง ที่คิดว่าทำได้ก็เสนอไปหมดแล้วแต่เขาก็ไม่ต้องการ"พี่ว่าน้องขวัญน่าจะกลับไปเรียนนะ ถ้าเรียนจบนายอาจจะให้มาช่วยเรื่องบัญชีหรือเอกสารก็ได้
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'N- INTRO -ตึก...ตึก...ตึก...ในวันที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดภายในบ้านแม้เจ้าของบ้านจะไม่ได้ออกไปไหน พลันมีเสียงรองเท้าหนังราคาแพงเหยียบลงบนพื้นกระเบื้อง ก้าวเดินเป็นจังหวะ และเสียงนั้นก็กำลังตรงมายังห้องนอนที่ประตูปิดสนิทอยู่..แกรก"ดูไม่จืดเลยนะ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคนที่เปิดประตูเข้ามาเอ่ยราบเรียบในขณะที่สายตาจับจ้องร่างผอมบางบนเตียงนิ่งๆ"ค...คุณ..." ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาของใครคนนั้นค่อยๆ เปิดขึ้นมองร่างสูงตรงหน้าอย่างอ่อนแรง เมื่อรู้ว่าเป็นใครแววตาที่เคยเฉื่อยชาก็เริ่มสั่นระริกก่อนเอ่อคลอน้ำตาและปล่อยให้มันหยดลงเปียกที่นอนอีกครั้ง ร้องเท่าไรก็ไม่เคยพอ..ร่างสูงไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้บอกด้วยว่ารู้จักบ้านเธอได้ยังไง สองเท้าที่ถูกโอบหุ้มด้วยรองเท้าหนังมันปลาบก้าวเดินอย่างสุขุมไปรูดผ้าม่านเปิดออก เพื่อให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาขับไล่ความมืดมิดและบรรยากาศสีเทาๆ ออกไป ถึงได้เห็นเต็มตาว่าไม่ใช่แค่คนที่ทรุดโทรมย่ำแย่ สภาพแวดล้อมภายในห้องก็ไม่ได้รับการดูแลเช่นกันร่างบางนอนหลับตาแน่น...เพราะไม่ได้เจอแสงสว่างมาเป็นเวลานาน ดวงตาจึงไม่สามารถปรับโฟกัสได้ในทั
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 1"เอ้า ข้าวเย็นหมดแล้วขวัญ มัวแต่เหม่อ เป็นอะไรหื้ม? "เสียงหนึ่งทักขึ้น ดึงสติคนเหม่อที่กำลังนั่งถือช้อนส้อมค้างอยู่กลางอากาศนานหลายนาที ดวงตากลมสวยเหม่อลอยเศร้าสร้อยแปลกๆ จน 'พราว' อดเดินเข้ามาทักไม่ได้เพราะ 'ของขวัญ' เป็นลูกค้าประจำของร้านอาหารตามสั่งของเธอ ด้วยวัยไม่ห่างกันมากและได้พูดคุยกันทุกครั้งที่มาก็เลยทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันไปโดยปริยาย เธอเองก็เอ็นดูเด็กคนนี้เหมือนน้องเหมือนนุ่งเพราะหน้าตาน่ารักและท่าทางซื่อๆ ไม่ทันคนของเจ้าตัว"เอ่อ...เปล่าค่ะพี่พราว พอดี...คิดอะไรนิดหน่อย" คนตัวเล็กหันมายิ้มฝืดๆ และตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ใบหน้าขาวที่เคยเปล่งปลั่งสดใสมาวันนี้กลับซีดเซียวไร้ชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด"ไม่นิดแล้วมั้งพี่ว่า...หน้าตาดูไม่สู้ดีเลย เป็นอะไรหรือเปล่า มีเรื่องอะไรระบายให้พี่ฟังได้นะ" พราวไม่สามารถปล่อยผ่านได้เลยนั่งลงฝั่งตรงข้ามกันแล้วเอ่ยถามด้วยความห่วงใย เห็นกันมาตั้งแต่ชุดนักเรียนมอปลายจนตอนนี้เข้ามหาวิทยาลัยแล้วพอของขวัญมาเป็นแบบนี้ก็อดห่วงไม่ได้ ยิ่งรู้ว่าอยู่กับแม่แค่สองคนเพราะพ่อเสียไปนานแล้วและไม่มีญาติที่ไหนความห่
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 2วันต่อมาของขวัญก็ยังไปทำงานตามปกติ เธอยังไม่ได้ลาออกเพราะยังเหลืออีกตั้งสี่วันกว่าจะถึงวันศุกร์เลยตัดสินใจทำงานต่อด้วยความเสียดายค่าแรงวันที่เหลือ แต่ก็ได้เกริ่นๆ บอกผู้จัดการไว้แล้วว่าจะขอลาออกวันพฤหัสฯ นี้ อีกฝ่ายตกอกตกใจเสียยกใหญ่เพราะรู้สึกเสียดายคนขยันทำงานอย่างเธอจึงไม่อยากให้ออก ซึ่งของขวัญก็ทำได้แค่ขอโทษและให้เหตุผลที่ลาออกว่าต้องการออกไปดูแลแม่ที่ป่วยเท่านั้น ผู้จัดการเลยเลิกเซ้าซี้..แต่ถึงจะตั้งใจอย่างแน่วแน่ไว้แล้วแต่เวลาที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่วันก็ทำให้เธอเครียดจนนอนไม่ค่อยหลับ เวลาทำงานก็ไม่ค่อยมีสติ ไปเยี่ยมแม่ก็เอาแต่จะร้องไห้ จนบางทีก็แอบตัดพ้อชะตาชีวิตที่พรากพ่อไปจากเธอแล้วยังจะพรากแม่ไปจากเธออีก...ใจร้ายจริงๆวันเวลาในแต่ละวันช่างเดินเร็วนัก เผลอแป๊บเดียววันศุกร์ก็มาถึง...ร่างบางมาหาพราวที่ร้านด้วยท่าทางเศร้าซึม ใบหน้าที่เคยขาวใสหมองคล้ำและซีดเซียวจนโดนดุไปยกใหญ่ว่าไม่ดูแลตัวเองให้ดี พอบ่นเสร็จก็ถูกจับแปลงโฉม เปลี่ยนจากเธอคนเดิมให้กลายเป็นอีกคนที่ไม่รู้จัก...เวลาประมาณหนึ่งทุ่มกว่าๆ พราวก็พาของขวัญไปยังผับที่เธอทำงานลับๆ อยู