แชร์

ตอนที่ 3

มาเฟียจ้าวชีวิต

Writer : Aile'N

ตอนที่ 3

ของขวัญถูกพามาส่งถึงหน้าบ้านตามคำสั่งของใครคนนั้น สิ่งแรกที่ทำหลังจากเข้าบ้านมาก็คือเปิดประเป๋าดูเงินสิบล้านด้วยความกระอักกระอ่วนระคนดีใจ เพราะมันเยอะมากจริงๆ แถมได้มาโดยที่ไม่ได้ทำอะไรตอบแทนคนให้เลยสักอย่าง เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากๆ เธอได้แต่นิ่งอึ้งผสมปนเปกับความตื้นตันใจ นอกจากจะไม่ได้ทำอะไรตอบแทนแล้วเธอยังไม่ทันได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็ไม่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของเธอ ได้ฟังแต่คำบอกเล่าเรื่องแม่ผ่านลมปาก แต่ก็ยังใจดียื่นมือเข้ามาช่วยโดยไม่คิดจะเอาอะไรตอบแทน แม้จะดูเหมือนช่วยแบบตัดความรำคาญก็เถอะ..

มือบางปิดกระเป๋าลงก่อนนั่งเหม่อ เสื้อที่อีกฝ่ายคลุมให้ก็ลืมคืนไปกับลูกน้องของเขา เลยลุกขึ้นถอดเอาไปแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วนั่งมองอย่างหลงใหล กลิ่นของผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าไม่รู้ แต่กลิ่นของเขาเธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหน กลิ่นของความดุดันอันตรายหากแต่เจือจางความอบอุ่นเล็กๆ ให้ความรู้สึกลึกลับแปลกๆ แต่เธอกลับรู้สึกชอบมาก..

นั่งเพ้อถึงใครคนนั้นอยู่พักใหญ่ ของขวัญก็สลัดความคิดทุกอย่างทิ้งชั่วคราวแล้วลุกไปอาบน้ำนอน คืนนี้เป็นคืนที่เธอนอนหลับสนิทเต็มอิ่มในรอบหลายเดือน เนื่องจากพรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานที่ไหนอีกเพราะมีเงินรักษาแม่แล้ว แม้การได้มาจะไม่แฟร์เลยก็เถอะ แต่เธอสัญญากับตัวเองว่าจะหาทางตอบแทนเขาอย่างแน่นอน ถ้าได้เจออีกน่ะนะ..

วันต่อมา..

ของขวัญไปหาแม่ที่โรงพยาบาลแต่เช้า เพราะวันนี้แม่ต้องทำคีโมด้วยเลยอยากไปให้กำลังใจจากที่ปกติต้องทำงานเลยไม่ค่อยมีโอกาสอยู่ดูแลแม่หลังทำคีโมสักเท่าไร พอว่างเธอก็เลยอยู่เฝ้าแม่ตลอดทั้งวัน.. ตกตอนเย็นก็ต้องกลับบ้านทั้งที่ไม่อยากกลับ แต่เพราะแม่เธอพักห้องรวมพื้นที่เลยค่อนข้างแออัด ไม่มีที่ให้ญาตินอนนอกจากพื้น เธออยากย้ายแม่ไปอยู่ห้องพิเศษแต่ถ้าถูกถามว่าเอาเงินจากไหนมาจ่ายก็ไม่รู้จะตอบยังไง.. แม่เองก็รบเร้าให้ไปพักผ่อนที่บ้านเธอก็เลยต้องกลับ โดยได้แวะหาพราวที่ร้านอาหารตามสั่งก่อน..

"พี่ว่าจะไปหาเราพอดีเลย ว่าจะถามเรื่องเมื่อคืน ตกลงมันยังไงฮะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้" พอเจอหน้ากันพราวก็รัวคำถามใส่คนตัวเล็กทันที เธอไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะจบเป็นแบบนี้ ผู้ชายคนนั้นโคตรใจป้ำ! ไม่รู้ว่าของขวัญไปทำอีท่าไหนเขาถึงยกเงินให้ฟรีๆ ทั้งกระเป๋าแบบนั้น แถมเธอยังพลอยได้กำไรไปด้วยอีก

"ขวัญก็ยังงงเหมือนกันค่ะพี่พราว ขวัญยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ แค่เขาบังคับถามว่าทำไมถึงมาทำงานนี้ ขวัญก็จำใจเล่าเรื่องแม่ให้ฟัง เท่านั้นแหละค่ะเขาก็จัดการทุกอย่างเองหมดเลย" ร่างบางเล่าให้อีกฝ่ายฟังอย่างงงๆ ขนาดว่าอยู่ในเหตุการณ์ เห็นและรับรู้ทุกอย่างเธอยังไม่เข้าใจเลยว่ามันลงเอยแบบนี้ได้ยังไง หรือผู้ชายคนนั้นเขาชอบแจกเงินให้คนอื่นแบบนี้ประจำ?

"ไอ้ขวัญ...แกแม่งโคตรโชคดีเลยว่ะ! พี่ดีใจด้วยนะเว้ย" หลังจากนั่งอึ้งอยู่พักใหญ่พราวก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมา และร่วมยินดีกับคนตัวเล็ก ถ้าน้องบอกว่าไม่ทันได้ทำอะไร เธอก็คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกเสียจากว่าผู้ชายคนนั้นคงจะเอ็นดูหรือไม่ก็หลงเสน่ห์เด็กน่ารักอย่างของขวัญเข้าให้ แม้หน้าตาเขาจะเฉยชามากก็เถอะ..

"แต่ขวัญไม่สบายใจอ่ะพี่ ขวัญไม่ได้ตอบแทนอะไรเขาเลย ชื่ออะไรก็ไม่รู้จัก" ร่างบางบอกไปตามความรู้สึก วันนี้ทั้งวันเธออดคิดถึงผู้ชายคนนั้นไม่ได้ เธออยากรู้จักชื่อ อยากตอบแทนเขา อยากจะเจอเขาอีกสักครั้ง..

"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาไม่เคยบอกชื่อ แต่มาทีไรมีบอดี้การ์ดตามติดมาด้วยตลอดเลย น่าจะเป็นนักธุรกิจหรือคนใหญ่คนโตแน่ๆ " พราวสันนิษฐานไปตามที่เห็น ท่าทางเขาน่าจะเป็นคนต่างชาติหรือไม่ก็ลูกครึ่งเพราะสูงมาก ราวๆ ร้อยเก้าสิบเซนฯ ขึ้นไปเห็นจะได้ แต่งตัวภูมิฐานขนาดนั้นเธอนึกออกแต่พวกนักธุรกิจ ถึงมันจะขัดๆ กับรอยสักตามลำคอและหลังมือที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาก็เถอะ เขายังหนุ่มอยู่เลยนี่นาถ้าจะชอบรอยสักก็คงจะไม่แปลกมั้ง..

"เกิดเป็นคนรวยนี่มันดีจริงๆ เลยเนอะพี่" เสียงหวานเอ่ยอย่างเพ้อๆ แม้จะได้จับเงินเป็นฟ้อนๆ แล้วก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่ฝันไป

"จริง...เอ้อ ถ้าขวัญอยากตอบแทนหรืออยากเจอเขาขวัญก็มาหาเขาที่ผับพี่อีกก็ได้ เขามาทุกวันศุกร์" ร่างเพรียวสูงพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนบอกออกมาอย่างกระตือรือร้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขามาที่ผับเป็นประจำ ไม่หมดหนทางเสียทีเดียวถ้าอยากจะเจอตัว

"จริงด้วย! ขอบคุณนะคะ" คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตเปล่งประกายวิบวับอย่างมีความหวัง รอยยิ้มน่ารักๆ นั้นทำคนมองอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ นึกอยากขอบคุณโชคชะตาที่ไม่ใจร้ายกับเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่น่าสงสารอย่างของขวัญจนเกินไป..

ในที่สุดวันศุกร์ที่รอคอยก็มาถึง ของขวัญกลับไปที่ผับแห่งนั้นอีกครั้งเพื่อรอพบชายปริศนาคนนั้น แต่รอแล้วรอเล่ารอจนผับเลิกเขาก็ไม่มา.. ถึงจะผิดหวังแต่ร่างบางก็ยังไม่ท้อ อาทิตย์ถัดไปเธอก็ไปรอเขาอีกแต่ก็ลงเอยแบบเดิม.. ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหนทำไมไม่มา อาทิตย์แล้วอาทิตย์เล่าที่ไปรออย่างไร้จุดหมายจนของขวัญถอดใจ และบอกพราวไว้ว่าถ้าเห็นเขามาค่อยโทรบอกแล้วเธอจะรีบไป แต่ผ่านไปเป็นเดือนก็ไม่มีสักสายจากพราว ร่างบางก็เลยเลิกคาดหวัง หันมาทุ่มความสนใจให้กับการรักษาของแม่มากขึ้น

เงินที่ได้มาจากผู้ชายคนนั้นของขวัญได้นำมาใช้แล้วก้อนใหญ่ในช่วงที่แม่ต้องผ่าตัดสมองเพื่อระบายน้ำออก ไหนจะค่ายาและต้องทำคีโมเรื่อยๆ อีก.. ที่น่าเจ็บใจคือต่อให้พยายามรักษายังไงอาการแม่ก็ไม่ดีขึ้น ยังทรงตัว.. ได้แต่ประคับประคองอาการให้ผ่านพ้นไปวันต่อวัน

จนในที่สุดคนเป็นแม่ก็สู้โรคร้ายไม่ไหว.. จากเธอไปอย่างสงบ แต่คนที่ไม่สงบก็คือคนที่ยังอยู่.. ของขวัญเอาแต่ร้องไห้ปานจะขาดใจ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยสักอย่าง กระทั่งงานศพแม่ก็ยังเดือดร้อนถึงพราวต้องมาช่วยดูแลและคอยติดต่อประสานงานทุกอย่างให้ งานดำเนินไปอย่างเงียบเหงาเพราะของขวัญไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ได้พราวกับเด็กๆ ที่ร้านไม่กี่คนมาร่วมงาน โดยสวดพระอภิธรรมแค่สามคืนก็เผา..

ร่างบางถือรูปกับกระดูกของแม่กลับเข้าบ้านมาด้วยจิตใจห่อเหี่ยว ร้องไห้น้ำตาจะเป็นสายเลือดก็ยังไม่หยุดร้อง พราวเองก็ไม่ได้อยู่ด้วยตลอดเพราะต้องไปทำงาน หลังจากที่แม่เสียของขวัญก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเป็นอาทิตย์ เอาแต่นอนร้องไห้อยู่บนเตียง ข้าวปลาไม่ยอมกินจนร่างกายซูบผอม แก้มตอบลึก หน้าตาซีดเซียวเหมือนซอมบี้มีชีวิต..

เธออยากจะร้องให้ตายๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเสียใจอยู่แบบนี้ ในเมื่อไม่มีแม่เธอก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไม แม้มีเงินมากมายก็ไม่สามารถรักษาชีวิตคนที่รักเอาไว้ได้ เงินเหล่านั้นก็เป็นเพียงเศษกระดาษ ไม่มีความหมายสำหรับเธออีกต่อไป..

ตึก...ตึก...ตึก...

ในวันที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดภายในบ้านแม้เจ้าของบ้านจะไม่ได้ออกไปไหน พลันมีเสียงรองเท้าหนังราคาแพงเหยียบลงบนพื้นกระเบื้อง ก้าวเดินเป็นจังหวะ และเสียงนั้นก็กำลังตรงมายังห้องนอนที่ประตูปิดสนิทอยู่..

แกรก

"ดูไม่จืดเลยนะ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคนที่เปิดประตูเข้ามาเอ่ยราบเรียบในขณะที่สายตาจับจ้องร่างผอมบางบนเตียงนิ่งๆ

"ค...คุณ...?" ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาของใครคนนั้นค่อยๆ เปิดขึ้นมองร่างสูงตรงหน้าอย่างอ่อนแรง เมื่อรู้ว่าเป็นใครแววตาที่เคยเฉื่อยชาก็เริ่มสั่นระริกก่อนเอ่อคลอน้ำตาและปล่อยให้มันหยดลงเปียกที่นอนอีกครั้ง ร้องเท่าไรก็ไม่เคยพอ..

ร่างสูงไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้บอกด้วยว่ารู้จักบ้านเธอได้ยังไง สองเท้าที่ถูกโอบหุ้มด้วยรองเท้าหนังมันปลาบก้าวเดินอย่างสุขุมไปรูดผ้าม่านเปิดออก เพื่อให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาขับไล่ความมืดมิดและบรรยากาศสีเทาๆ ออกไป ถึงได้เห็นเต็มตาว่าไม่ใช่แค่คนที่ทรุดโทรมย่ำแย่ สภาพแวดล้อมภายในห้องก็ไม่ได้รับการดูแลเช่นกัน

ร่างบางนอนหลับตาแน่น...เพราะไม่ได้เจอแสงสว่างมาเป็นเวลานาน ดวงตาจึงไม่สามารถปรับโฟกัสได้ในทันที กระทั่งรู้สึกว่าผู้บุกรุกเดินกลับมายืนข้างเตียงอีกครั้ง เลยพยายามฝืนลืมตาขึ้นมอง...

"ม...แม่ ไม่อยู่แล้ว...อึก" น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยบอก พร้อมกับปล่อยน้ำตาร่วงหล่นซ้ำอีก จะว่าไปก็แทบจะไม่เคยหยุดไหลเลยตั้งแต่ที่เสียบุคคลผู้เป็นที่รักไป

"ฉันรู้...ฉันถึงมาที่นี่" ร่างสูงบอก เขายังคงยืนล้วงกระเป๋ากางเกงจ้องมองสภาพที่ดูไม่ได้ของเธอนิ่งๆ

"เงินที่คุณให้มายังเหลือ ฉันคงไม่ได้ใช้มันอีก ฉันคืนให้" ไม่คิดถามว่าอีกคนรู้เรื่องแม่ของเธอได้อย่างไร มือสั่นเทาพยายามเอื้อมไปเปิดลิ้นชักหัวเตียงออกเผยให้เห็นเงินสดจำนวนหนึ่งที่เธอไม่จำเป็นจะต้องใช้มันอีกแล้ว

"ฉันไม่ได้มาเพื่อเอาเงิน..." ดวงตาคมกริบเหลือบมองตามเล็กน้อยก่อนกลับมาจ้องใบหน้าซีดเซียวของคนบนเตียงอีกครั้ง...ระยะห่างระหว่างดวงตาทั้งสองคู่ลดน้อยลงเมื่อเขาย่อตัวนั่งยองๆ ลงข้างเตียง มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยรอยสักปริศนาและเส้นเลือดนูนเด่นตามฉบับของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าขาวออกให้

สัมผัสที่มองเผินๆ เหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษนั้นยิ่งกระตุ้นต่อมน้ำตาของอีกฝ่ายให้รินไหลลงมาไม่ขาดสาย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แต่เขากลับยื่นมือมาช่วยเธอไว้ยามลำบาก ทั้งที่จะเมินเฉยไปก็ได้...

"เธอจะไปอยู่กับฉันไหม? " จู่ๆ ร่างสูงนั้นก็ถามในสิ่งที่คนฟังไม่คาดคิด

"......." ม่านตากลมขยายกว้างด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัย ครั้นพยายามค้นหาคำตอบจากใบหน้าของเขากลับมีเพียงความนิ่งงัน ดวงตาสีรัตติกาลเรียบนิ่งเย็นเฉียบเหมือนน้ำทะเลลึกในมหาสมุทร ที่ไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าลึกลงไปในนั้นมันมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง...

"ทิ้งอดีตแล้วไปเริ่มชีวิตใหม่..." เขาพูดต่อเมื่อคนฟังยังไม่มีคำตอบให้

"......."

"แต่ก่อนจะตอบ ฟังฉันให้ดีๆ "

"......."

"ฉันเป็นมาเฟีย"

"......." อาชีพแท้จริงของเขาทำคนฟังนิ่งอึ้งอีกครั้ง เรื่องรอยสักที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาตามแขนและลำคอ อีกทั้งท่าทางสุขุมน่าเกรงขามกับเหล่าบอดี้การ์ดที่คอยตามอารักขาหลายคน ตอนนี้เธอได้คำตอบแล้วว่าทำไม...

"สังคมของฉันไม่เหมือนสังคมของเธอ เมื่อไหร่ที่ได้ไปเหยียบในที่ของฉัน เธอจะไม่สามารถกลับมาในที่ของเธอได้อีก..."

"......." ร่างบางเม้มปากแน่นด้วยความสับสน เธอเคยเห็นในละครและเคยอ่านในนิยายมาบ้างว่ามาเฟียคืออะไรและเป็นกลุ่มคนที่น่ากลัวแค่ไหน แต่กับผู้ชายคนนี้...เธอยำเกรงแต่ไม่ได้หวาดกลัว

"ไปไหม? "

"ป...ไปค่ะ! " ไม่รู้อะไรดลใจให้ตอบตกลงออกไป แต่พูดไปแล้วก็ไม่มีโอกาสได้เปลี่ยนใจเมื่อร่างสูงนั้นค่อยๆ ช้อนตัวเธอขึ้นจากเตียง แล้วพาเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างนอก

..

..

..

..

บทนำเอามาจากตอนนี้นั่นเอง ไม่งงแล้วน้าาา

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status