มาเฟียจ้าวชีวิต
Writer : Aile'N
ตอนที่ 2
วันต่อมาของขวัญก็ยังไปทำงานตามปกติ เธอยังไม่ได้ลาออกเพราะยังเหลืออีกตั้งสี่วันกว่าจะถึงวันศุกร์เลยตัดสินใจทำงานต่อด้วยความเสียดายค่าแรงวันที่เหลือ แต่ก็ได้เกริ่นๆ บอกผู้จัดการไว้แล้วว่าจะขอลาออกวันพฤหัสฯ นี้ อีกฝ่ายตกอกตกใจเสียยกใหญ่เพราะรู้สึกเสียดายคนขยันทำงานอย่างเธอจึงไม่อยากให้ออก ซึ่งของขวัญก็ทำได้แค่ขอโทษและให้เหตุผลที่ลาออกว่าต้องการออกไปดูแลแม่ที่ป่วยเท่านั้น ผู้จัดการเลยเลิกเซ้าซี้..
แต่ถึงจะตั้งใจอย่างแน่วแน่ไว้แล้วแต่เวลาที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่วันก็ทำให้เธอเครียดจนนอนไม่ค่อยหลับ เวลาทำงานก็ไม่ค่อยมีสติ ไปเยี่ยมแม่ก็เอาแต่จะร้องไห้ จนบางทีก็แอบตัดพ้อชะตาชีวิตที่พรากพ่อไปจากเธอแล้วยังจะพรากแม่ไปจากเธออีก...ใจร้ายจริงๆ
วันเวลาในแต่ละวันช่างเดินเร็วนัก เผลอแป๊บเดียววันศุกร์ก็มาถึง...ร่างบางมาหาพราวที่ร้านด้วยท่าทางเศร้าซึม ใบหน้าที่เคยขาวใสหมองคล้ำและซีดเซียวจนโดนดุไปยกใหญ่ว่าไม่ดูแลตัวเองให้ดี พอบ่นเสร็จก็ถูกจับแปลงโฉม เปลี่ยนจากเธอคนเดิมให้กลายเป็นอีกคนที่ไม่รู้จัก...
เวลาประมาณหนึ่งทุ่มกว่าๆ พราวก็พาของขวัญไปยังผับที่เธอทำงานลับๆ อยู่ เป็นผับหรูไฮโซที่มองเผินๆ ก็เหมือนผับทั่วไป แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องลึกเบื้องหลังที่นี่มีเด็กขายบริการไว้ต้อนรับนักท่องราตรีที่อยากจะปลดปล่อยกามอารมณ์ซ่อนอยู่ด้วย ลูกค้าประจำก็รู้กันอย่างลับๆ เด็กที่จะเข้ามาทำงานนี้พราวได้ทำการคัดสรรมาอย่างดีและแน่นอนว่าจะต้องเป็นการสมัครใจทำไม่ได้ถูกบีบบังคับ
พูดถึงเรื่องเด็กขายที่นี่มีแต่ไฮท์พรีเมี่ยม ต้องลูกค้ากระเป๋าหนักมากเท่านั้นถึงจะใช้บริการได้ โดยค่าตัวที่ได้มาจะถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนคือให้เจ้าของผับกับแม่เล้าและตัวคนรับแขกเอง...ของขวัญตื่นเต้นมากจนสั่นไปหมด ถึงจะเคยเข้าผับเพราะต้องทำงานแต่ไม่เคยต้องเข้ามาเพื่อขายบริการ แถมตอนเดินเข้ามาก็มีแต่คนมองจนไม่กล้าสู้สายตา ต้องเดินก้มหน้าตลอดทาง กระทั่งพราวพาเธอมายังห้องๆ หนึ่งบนชั้นสองที่มีป้ายติดอยู่หน้าประตูว่า 'เฉพาะพนักงานเท่านั้น'
"เด็กๆ เงียบหน่อย...เจ๊มีเพื่อนใหม่จะแนะนำ" พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับสาวสวยอีกหลายคนกำลังนั่งคุยกันอย่างออกรส บ้างก็เติมหน้าส่องกระจกเพื่อเรียกความมั่นใจก่อนจะออกไปรับแขก เมื่อสิ้นคำพูดของ 'เจ๊พราว' กิจกรรมเหล่านั้นก็หยุดชะงัก ทุกคนต่างมองมาที่เด็กใหม่กันเป็นตาเดียว ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่ยืนก้มหน้าหลบสายตา..
"น้องชื่อของขวัญ จะมาทำงานกับเรา น้องค่อนข้างขี้อายและยังใหม่ เจ๊อยากให้ทุกคนเอ็นดูน้องด้วย อย่ารังแกน้องนะ ถ้ารู้เจ๊จะหักค่าตัวคนแกล้งเพิ่มสิบเปอร์เซ็นต์เลย เข้าใจมั้ย" เจ๊พราวของทุกคนแนะนำเด็กใหม่ก่อนจะตบท้ายด้วยคำขู่นั่นทำคนฟังถึงกับมึนงงปนแปลกใจ เพราะนี่คือความเป็นห่วงที่มันเกินเหตุจนสงสัยว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ระหว่างกันแบบไหนถึงได้ดูรักและห่วงใยกันขนาดนี้
"เข้าใจค่าเจ๊" ทุกคนตอบรับเกือบจะพร้อมๆ กัน ของขวัญก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้พี่ๆ หลังสิ้นคำแนะนำของพราวด้วย เพราะแม่สอนว่าจะอยู่ที่ไหนในฐานะอะไรก็ต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน มีมารยาทไปลามาไหว้และให้เกียรติทุกคนไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อยกว่า
"ดีมาก เจ๊ฝากน้องไว้ประเดี๋ยวนะ แป้งดูแลน้องด้วย" ประโยคนี้จากพราวทำร่างบางเผลอส่ายหน้าค้านเบาๆ เพราะกลัวจนไม่อยากห่างจากหล่อนไปไหน
"ค่ะเจ๊" คนที่มีชื่อในประโยคตอบรับพร้อมกับส่งยิ้มใจดีมาให้ แต่ถึงอย่างนั้นของขวัญก็ไม่กล้าอยู่กับคนอื่นๆ ในห้องนี้อยู่ดี
"เดี๋ยวพี่มานะขวัญ อยู่กับแป้งไม่ต้องกลัว" คนข้างๆ เอ่ยปลอบ ยืนยันหนักแน่นว่าฝากเธอไว้กับคนที่ไว้ใจได้ คนตัวเล็กพยักหน้ารับสั่นๆ ทำหน้าตาน่าสงสารแต่พราวก็จำต้องตัดใจเดินออกไป.. เมื่อไร้เงาคนรู้จักเพียงหนึ่งเดียวเธอก็ยืนเคว้งอยู่ตรงนั้นจนแป้งกวักมือเรียกให้ไปนั่งข้างๆ จึงค่อยๆ เดินเข้าไปท่ามกลางสายตากดดันของทุกคน
"พี่ชื่อแป้ง ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องของขวัญ" อีกฝ่ายแนะนำตัวอีกครั้งเมื่อคนตัวเล็กเดินมานั่งลงข้างๆ
"ค่ะ" ตอบรับได้เพียงเท่านั้นพร้อมกับหลบสายตา แป้งเป็นคนที่สวยมากจนเธอไม่กล้ามอง แต่ดูจากท่าทางแล้วน่าจะใจดีเหมือนพราวเพราะเวลาอยู่ใกล้แล้วรู้สึกปลอดภัยที่สุด
"ท่าทางขี้อายจริงๆ ด้วย ไม่น่ามาทำงานแบบนี้เลย จะไหวมั้ยเนี่ย" แป้งเอ่ยแซวยิ้มๆ แน่นอนว่าพอจะมองออก...ไม่มีใครอยากทำงานแบบนี้หรอก นอกเสียจากว่า 'มันจำเป็น'
"ฉันว่าไม่รอดว่ะ" เพื่อนข้างๆ พูดขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาหลังประเมินเด็กสาวตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน ไม่รู้พราวไปพาเด็กขี้อายแบบนี้มาทำงานได้ยังไง มันผิดมาตรฐานของหล่อนจนน่าตกใจ
"...มันจำเป็นจริงๆ ค่ะ" ร่างบางบอกออกไปเสียงเบา ถึงพราวจะห้ามไม่ให้รังแกแต่รอบข้างก็มีแต่สายตาทิ่มแทง ทำเธอรู้สึกอึดอัดจนอยากจะร้องไห้..
"นั่นสินะ...งานแบบนี้ไม่มีใครอยากทำหรอก แต่เพราะมันจำเป็น" แป้งพึมพำเสียงเหม่อ ก่อนหันมายิ้มให้พร้อมกับลูบศีรษะเล็กเบาๆ เพื่อให้เด็กขี้อายรู้สึกผ่อนคลาย
"ไม่ต้องกลัวนะ แรกๆ พี่ก็แบบนี้แหละ นานไปก็ทำใจได้" หล่อนปลอบอีก ขณะเดียวกันก็ตวัดสายตาเรียบนิ่งมองไปรอบตัวเพื่อหยุดสายตาของคนอื่น ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะเธอเป็นพี่ใหญ่และมีอำนาจการตัดสินใจทุกอย่างรองมาจากพราว ไม่แปลกถ้าคนอื่นจะต้องเกรงใจกันบ้าง
"...พี่แป้งทำมานานแล้วหรอคะ" ของขวัญถามกลับอย่างกล้าๆ กลัวๆ เธอยังเกร็งๆ อยู่บ้างแต่ก็ดีขึ้นกว่าในตอนแรก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากผูกมิตรกับคนท่าทางใจดีอย่างแป้งไว้ เวลาอยากปรึกษาเรื่องงานได้ไม่เก้อเขินจนเกินไป
"สามปีได้แล้วมั้ง" แป้งทำท่านึกเล็กน้อยก่อนตอบ คนฟังเพียงพยักหน้ารับรู้ เท่านั้นก็ไม่กล้าถามอะไรอีก แป้งเลยชวนคุยไปเรื่อยเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลาย
ฝั่งพราวพอออกจากห้องก็มานั่งสังเกตการณ์อยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์เพื่อดักรอคนที่เธอหมายตาไว้ ความหล่อของผู้ชายคนนั้นทำให้เธอจำได้แม่นยำว่าเขามักจะมาที่นี่ทุกๆ วันศุกร์ บางครั้งก็มาดื่มอย่างเดียวแต่ก็มีบ้างที่เรียกใช้บริการเด็กๆ ของเธอ ซึ่งทุกคนที่ถูกเขาเรียกการันตีเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าไม่เคยรับแขกคนไหนแล้วมีความสุขเท่านี้มาก่อน ภายนอกที่ดูเหมือนจะไม่สนใจใครแต่เวลาอยู่บนเตียงเขาถนอมคู่นอนมากกว่าที่คิด แม้อีกฝ่ายจะเป็นแค่เด็กขายก็ตาม..
ระหว่างที่รอนั้นมีลูกค้ามาติดต่อเลือกคู่นอนบ้าง เจ๊พราวก็ยกหูเรียกเด็กที่ลูกค้าเรียกให้ไปรอยังห้องที่อีกฝ่ายจองไว้ ซึ่งก็มีให้เลือกหลายห้องหลายแบบและหลากหลายราคาด้วยกัน แบบห้องมีทั้งห้องสำหรับใช้มีอะไรกันเฉยๆ ห้องแบบมีอุปกรณ์เสริมให้ภายใน ห้องแบบเป็นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่กึ่งสปา และห้องจำลองแบบห้องเรียนเหมือนในเอวีญี่ปุ่น แล้วแต่ว่าลูกค้าจะชอบแบบไหน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะอยู่โซนชั้นสามทั้งหมดและเก็บเสียงทุกห้องเพื่อความเป็นส่วนตัว
"สวัสดีค่ะคุณลูกค้า วันนี้จะดื่มอย่างเดียวหรือรับน้องๆ มาช่วยผ่อนคลายด้วยดีคะ" รออยู่พักใหญ่ในที่สุดเป้าหมายก็เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะวีไอพีพร้อมบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันอยู่รอบกายเหมือนทุกครั้งที่มา พราวจึงเดินเข้าไปทักหลังพนักงานรับออเดอร์ออกไปแล้ว
"มีอะไรก็พูดมา" ร่างสูงนั้นมองหน้าเธอนิ่งๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบออกมาราวกับล่วงรู้ความต้องการ ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากเพราะปกติพราวจะไม่เข้าไปทักลูกค้าถึงโต๊ะที่เป็นส่วนตัวแบบนี้ มีแต่ลูกค้าที่ต้องการเด็กจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาหรือเรียกเธอไปคุยที่โต๊ะเอง
"คือว่า...พราวมีเด็กใหม่อยากแนะนำให้น่ะค่ะ น้องค่อนข้างขี้อายและยังไม่เคยมีอะไรกับใคร วันนี้เพิ่งมาทำงานวันแรก พราวอยากให้คุณลูกค้าเอ็นดูน้องหน่อยน่ะค่ะ น้องน่ารักมากเลยนะคะ" พออีกฝ่ายไม่อ้อมค้อมพราวก็ไม่อ้อมค้อมเช่นกัน เธอพยายามใช้ถ้อยคำและน้ำเสียงให้ฟังดูน่าเห็นใจมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่นั่งฟังนิ่งๆ ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบกลับ แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วหล่อนก็ไม่คิดจะถอยกลับตัวเปล่า
"นี่พราวเก็บน้องไว้ให้คุณลูกค้าคนเดียวเลยนะคะ เพราะไม่อยากให้น้องไปเจอพวกลูกค้าหัวรุนแรง ถ้าครั้งแรกไปเจอแบบนั้นก่อน พราวกลัวน้องจะรับไม่ไหว" พราวพูดต่อไปอีก สีหน้าท่าทางดูขอร้องอ้อนวอนจนไม่เหลือคราบสาวมั่นคนเดิมที่เคยเห็นเดินโฉบไปมาในผับ เดาว่าหล่อนคงจะเอ็นดูเด็กคนที่พูดถึงไม่ใช่น้อย ถึงขั้นกล้าบากหน้าฝ่าเหล่าบอดี้การ์ดของเขาเข้ามาคุยด้วยโดยไม่เกรงกลัวว่าจะถูกอุ้มหายไปไหน
"ในเมื่อพูดขนาดนี้แล้วน่ะนะ..." เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยตัดความรำคาญเพื่อให้ผ่านพ้นไปเร็วๆ เพราะวันนี้ตั้งใจมาดื่มอย่างเดียว ไม่มีอารมณ์จะทำอย่างอื่น แต่ในเมื่ออีกฝ่ายอ้อนวอนขนาดนี้ก็แค่ไปด้วยให้มันจบๆ ไปเท่านั้น
"ขอบคุณนะคะ เชิญทางนี้ค่ะ" หญิงสาวแสดงออกถึงความดีใจอย่างไม่ปกปิด ก่อนตั้งสติและรีบเดินนำพาร่างสูงไปรอที่ห้อง บอดี้การ์ดหน้าขรึมทำท่าจะตามไปด้วยแต่เขายกมือห้ามไว้
"ขวัญ...มานี่เร็ว" เมื่อพาชายคนนั้นไปรอที่ห้องแล้วพราวก็ลงมาตามของขวัญอย่างรีบเร่งเพราะไม่อยากให้เขาต้องรอนานเดี๋ยวจะพาลอารมณ์เสียไปซะก่อน
"เขา...มาแล้วหรอคะ" ร่างบางรีบลุกเดินมาหาด้วยท่าทางตื่นตระหนก และเมื่อได้อยู่กันตามลำพังจึงถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"ใช่ พี่ช่วยได้เท่านี้แหละนะ ที่เหลือหนูต้องช่วยตัวเอง พยายามเอาอกเอาใจทำให้เขาเอ็นดูเข้าไว้ แล้วเราจะสบาย" คำบอกกล่าวนั้นทำคนฟังได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ...แต่เธอไม่เคยมาก่อนนี่นา ไม่มั่นใจหรอกว่าจะทำได้
ก๊อกๆ
"มาแล้วค่ะ น้องชื่อของขวัญ อายุยี่สิบพอดี พราวหวังว่าคุณลูกค้าจะเอ็นดูน้องนะคะ" เคาะประตูบอกสองทีพราวก็เปิดออกและเดินนำเข้าไป น้ำเสียงอ่อนหวานสุภาพน่าฟังพูดบอกคนที่อยู่ข้างในพร้อมกับคว้าตัวร่างบางที่กลัวจนพยายามจะหลบไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเธอออกมาเผชิญหน้ากับร่างสูง
และเมื่อหมดหน้าที่พราวก็ขอตัวออกไป ทิ้งความกดดันไว้ที่ของขวัญแต่เพียงผู้เดียว จากที่หวาดกลัวอยู่แล้วก็ยิ่งทวีคูณขึ้นอีกเมื่อได้สบตากับคนตัวใหญ่ที่นั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาตัวยาว เขาไม่ปริปากพูดอะไรเลย เอาแต่จ้องเธอด้วยสายตาประเมินบวกใบหน้าเรียบนิ่ง ร่างบางทนมองเขาได้เพียงนิดเดียวเท่านั้นก็หลบตาลงต่ำ ยืนตัวสั่นบีบมือตัวเองแน่นด้วยความหวาดกลัว
"ครั้งแรก? " น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยออกมาให้ได้ยินเป็นประโยคแรก ยอมรับอย่างไม่มีข้อกังขาเลยว่าน้ำเสียงกับหน้าตาหล่อเหลาของเขามันเข้ากันได้อย่างลงตัวมากๆ ถ้าไม่ติดว่ารอบๆ ตัวมีไอเย็นบางอย่างแผ่กระจายออกมากัดกร่อนความมั่นใจของเธอเธอก็อาจจะรู้สึกดีบ้างที่อย่างน้อยความบริสุทธิ์อันพึงหวงแหนจะตกเป็นของผู้ชายคนนี้
"ค...ค่ะ" ของขวัญพยายามจะเค้นเสียงที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนให้ออกมาจากลำคอ แต่ผลที่ได้คือเสียงสั่น เบาและตะกุกตะกักจนน่าอับอาย
"ทำไมถึงมาทำงานแบบนี้" อีกฝ่ายถามต่อ ดวงตาคมกริบจ้องมองร่างบางอย่างประเมินอีกครั้ง ชุดเดรสวาบหวิวที่พราวให้ใส่จึงถูกมือเล็กดึงลงปิดต้นขาเรียวขาวเพื่อหลบหนีจากสายตาคู่นั้น
"คือ...มันจำเป็นค่ะ" คนพูดยืนก้มหน้าเหมือนเด็กนักเรียนทำความผิดแล้วโดนเรียกเข้าห้องปกครองมาสอบสวน
"จำเป็นอะไร"
"เอ่อ..." ร่างบางอึกอัก ลำบากใจเพราะไม่อยากเล่า
"เจ๊พราวอะไรนั่นกำชับฉันนักหนา...ว่าให้เอ็นดูเธอ ถ้าว่าง่ายๆ ฉันอาจจะเอ็นดูเธอก็ได้" ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ หน้าตานิ่งขรึมแสดงอาการเบื่อหน่ายออกมาให้เห็นนิดๆ และยังคงจับจ้องจะเอาคำตอบจากเธอให้ได้
"คะ คือ..." ของขวัญทั้งกดดันและหวาดกลัวจนต้องยอมเล่าเรื่องแม่ให้แขกแปลกหน้าคนนี้ฟัง เล่าไปก็สะอื้นไปเพราะเรื่องแม่สะกิดใจเธอได้เสมอ แต่ก็พยายามเล่าจนจบ..
"....." สายตาคนฟังยังมองมาเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่างในตัวเธอ แต่ก็เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นว่าทำไมร่างบางถึงต้องมาทำงานแบบนี้และทำไมพราวถึงดูเป็นห่วงเป็นใยเธอนัก
"อึก คะ คุณไม่ต้องเอ็นดูขวัญก็ได้ค่ะ แค่...ช่วยทำเบาๆ ก็พอ" เสียงหวานปนสะอื้นเอ่ยบอกทั้งพวงแก้มแดงปลั่ง ยืนเช็ดน้ำตาก้มหน้าอย่างอายๆ คำวอนขอความเมตตานั้นทำกล้ามเนื้อตรงมุมปากของคนฟังกระตุกขึ้นเล็กๆ แต่ไม่พูดอะไรเพียงล้วงเอาโทรศัพท์ออกมากดโทรหาคนสนิท
"เตรียมเงินสดให้ฉันสิบเอ็ดล้าน..." เสียงต่ำสั่งคนปลายสายออกไปเท่านั้นก็กดวางสายและเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตามเดิม
"เอ่อ ทำเลยมั้ยคะ" ของขวัญไม่เข้าใจสถานการณ์นั้น เลยถามออกไปอย่างซื่อๆ พอคิดถึงแม่เธอก็พอจะมีความกล้าขึ้นมาบ้างต่างจากตอนก่อนหน้า
"ฉันให้สิบล้าน...เอาไปรักษาแม่แล้วเลิกทำงานนี้ซะ" คนตัวใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจับสูทให้เข้าที่และบอกอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับเงินสิบล้านที่ว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวของทั้งหมดที่มี
"เอ๋? ไม่ทำหรอคะ" ร่างบางทำหน้าเลิกลั่ก ถามกลับด้วยความสงสัยระคนตื่นตระหนก
"วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์" เสียงเรียบเอ่ยบอกเพียงเท่านั้นก็ทำท่าจะเดินผ่านออกจากห้องไป
"ไม่ได้นะคะ! ขวัญไม่รับเงินเฉยๆ สิบล้านมันมากเกินไป" ความตกใจทำคนตัวเล็กเผลอคว้าแขนแกร่งเอาไว้ ไม่พอยังขึ้นเสียงดังใส่เขาอีก
"ว่าง่ายๆ จะได้มั้ย" คนตัวใหญ่หันมาดุเสียงเข้ม ใบหน้านิ่งเฉยเริ่มแสดงออกว่ารำคาญเธอเข้าให้แล้ว ของขวัญจึงต้องปล่อยมือออกจากเขาและยืนก้มหน้านิ่งไปด้วยความตกใจ อีกฝ่ายไม่พูดอะไรอีกเพียงจ้องมองเธอนิ่งเล็กน้อยก็ถอดสูทตัวนอกที่ใส่อยู่ออกมาคลุมให้แล้วดึงให้เดินตามออกจากห้องไป
"ทำไมพากันออกมาล่ะคะ! ? " พราวที่นั่งรออยู่ตรงเคาน์เตอร์ทางเข้ารีบลุกเดินมาทักหน้าตาตื่นเมื่อเห็นทั้งคู่เดินออกมา ทั้งที่เพิ่งเข้าห้องไปได้ไม่นาน ราวกับว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ผมให้คุณหนึ่งล้าน ให้เด็กคุณเลิกทำงานนี้" คำบอกกล่าวตรงๆ ทื่อๆ นั้นทำคนฟังได้แต่ยืนอึ้ง มองหน้าเขาสลับกับร่างบางอย่างเหวอๆ
ไม่ทันได้พูดอะไรคนของเขาก็เดินเข้ามาหาพร้อมกระเป๋าหนังสีดำใบหนึ่งเหมือนที่เคยเห็นในหนังเวลามีการแลกเปลี่ยนของผิดกฎหมายกัน พออีกฝ่ายเปิดออกถึงได้เห็นว่ามันคือเงินสด! จำนวนเท่าไรพราวก็ไม่อาจทราบได้ หล่อนยืนอึ้งจนกระทั่งใครคนนั้นหยิบเงินในกระเป๋าฟ้อนใหญ่มายัดใส่มือ และส่วนที่เหลือก็ยกให้ของขวัญทั้งกระเป๋า ก่อนจะดึงให้เดินตามออกไป โดยที่พราวไม่มีโอกาสได้คุยกับน้องเลยสักคำ!
"ไปส่งเด็กคนนี้ที่บ้าน" ผู้ชายคนนั้นพาร่างบางมาที่โต๊ะของเขาก่อนจะบอกคนสนิทให้ไปส่งเธอที่บ้าน
"เอ่อ คือ..." ของขวัญยังไม่อยากจากไปโดยที่ยังไม่ทันได้พูดหรือกระทั่งขอบคุณอีกฝ่าย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอตามไม่ทันเลยเกิดอาการเครื่องค้างประมวลหาคำพูดไม่เจอ
"เชิญครับ" คนของเขาผายมือให้เธอเดินนำออกไป แต่เธอยังคงหันรีหันขวางไปมองร่างสูงของผู้มีพระคุณเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
"เอ่อ ขอบคุณนะคะ! " เท่านั้นจริงๆ ที่ของขวัญพอจะคิดออกในตอนนี้ เธอมองสบตาคมด้วยความซาบซึ้งใจก่อนจากกัน อีกฝ่ายเพียงมองตามนิ่งๆ และนั่งดื่มต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
..
..
..
..
อ้าว! ก็นึกว่าจะบ๊ะจ้ำโบ๊ะกันซะอีก 55555
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 3ของขวัญถูกพามาส่งถึงหน้าบ้านตามคำสั่งของใครคนนั้น สิ่งแรกที่ทำหลังจากเข้าบ้านมาก็คือเปิดประเป๋าดูเงินสิบล้านด้วยความกระอักกระอ่วนระคนดีใจ เพราะมันเยอะมากจริงๆ แถมได้มาโดยที่ไม่ได้ทำอะไรตอบแทนคนให้เลยสักอย่าง เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากๆ เธอได้แต่นิ่งอึ้งผสมปนเปกับความตื้นตันใจ นอกจากจะไม่ได้ทำอะไรตอบแทนแล้วเธอยังไม่ทันได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็ไม่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของเธอ ได้ฟังแต่คำบอกเล่าเรื่องแม่ผ่านลมปาก แต่ก็ยังใจดียื่นมือเข้ามาช่วยโดยไม่คิดจะเอาอะไรตอบแทน แม้จะดูเหมือนช่วยแบบตัดความรำคาญก็เถอะ..มือบางปิดกระเป๋าลงก่อนนั่งเหม่อ เสื้อที่อีกฝ่ายคลุมให้ก็ลืมคืนไปกับลูกน้องของเขา เลยลุกขึ้นถอดเอาไปแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วนั่งมองอย่างหลงใหล กลิ่นของผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าไม่รู้ แต่กลิ่นของเขาเธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหน กลิ่นของความดุดันอันตรายหากแต่เจือจางความอบอุ่นเล็กๆ ให้ความรู้สึกลึกลับแปลกๆ แต่เธอกลับรู้สึกชอบมาก..นั่งเพ้อถึงใครคนนั้นอยู่พักใหญ่ ของขวัญก็สลัดความคิดทุกอย่างทิ้งชั่วคราวแล้วลุกไ
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 4ร่างบางถูกพามาที่ตึกสูงแห่งหนึ่ง.. มองเผินๆ ก็เหมือนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วไป ต่างกันตรงที่มันตั้งอยู่ในซอยลึก พื้นที่โดยรอบเงียบสงบแม้แต่หมาแมวสักตัวก็ยังไม่ผ่านมาให้เห็นบางบริษัทอาจจะมีป้อมยามรักษาการเฝ้าอยู่ข้างหน้าคอยตรวจคนเข้าออก แต่ที่นี่ไม่มี.. ด้านนอกไม่มีใครเลยแต่พอเข้าไปข้างในกลับมีคนยืนเรียงแถวกันเต็มไปหมด ทุกคนใส่ชุดดำล้วนและยืนทำหน้าทะมึนทึงเหมือนลูกสมุนของพวกเจ้าพ่อที่เคยเห็นในหนังอย่างกับเลียนแบบกันมาร่างสูงใหญ่ผู้เป็นนายเหนือหัวอุ้มคนตัวเล็กที่น้ำหนักเบาหวิวเหมือนปุยนุ่นเดินผ่านคนพวกนั้นที่กำลังยืนก้มหัวให้ไปที่ลิฟต์อย่างเงียบๆ คนสนิทที่ตามมาด้วยสองคนรับหน้าที่กดลิฟต์ขึ้นชั้นบนสุด ก่อนจะผละออกมายืนสงบนิ่งประกบผู้เป็นนายคนละฝั่งในท่าทางสง่าผ่าเผยไม่แพ้กันสภาพแวดล้อมกับผู้คนที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทำของขวัญเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ ได้แต่นอนห่อตัวอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวใหญ่ ก้มหน้าก้มตาไม่มองใคร.. กลิ่นกายของเขาที่เธอชอบอบอวลอยู่รอบตัว ให้ความรู้สึกไม่โดดเดี่ยวเหมือนหลายวันที่ผ่านมาจนเผลอซุกเข้าหามากขึ้น นึกอยากจะให้เส้นทาง
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 5กว่าห้าวันแล้วที่ของขวัญมาอยู่ที่ตึกสูงแห่งนี้.. ชีวิตในแต่ละวันของเธอดำเนินไปแบบวนลูป ตื่นเช้า อาบน้ำแต่งตัว ทานข้าวและของบำรุงสารพัดอย่างที่องศาจัดมาให้ จากนั้นก็ว่าง.. ไม่มีอะไรให้ทำ ได้แต่นั่งๆ นอนๆ หายใจทิ้งไปวันๆ ดีหน่อยที่องศาหอบหนังสือจากห้องสมุดชั้นล่างมาให้เธออ่านแก้เบื่อบ้าง.. หรืออาจจะทำให้เบื่อหนักกว่าเดิม เพราะส่วนใหญ่มีแต่หนังสือวิชาการ ศาสตร์ต่างๆ กับพวกปรัชญาชีวิต มีนวนิยายบ้างแต่ก็ล้วนเป็นภาษาต่างประเทศทั้งสิ้นเที่ยงตรง.. ได้เวลายัดอาหารลงท้องอีกครั้ง พอเริ่มย่อยหนังตาก็เริ่มหย่อน ช่วงบ่ายเลยกลายมาเป็นเวลานอนกลางวัน เมื่อตื่นก็มานั่งโง่ๆ มองวิวทิวทัศน์ตรงโซฟาริมกำแพงกระจกที่มันเคยสวยมากในครั้งแรกที่เห็น แต่พอมองบ่อยๆ ความสวยงามของมันก็ค่อยๆ ลดลงไป.. จากนั้นก็ได้เวลาทานมื้อเย็น อาบน้ำและเข้านอน วนอยู่แค่นี้ตลอดห้าวันที่ผ่านมา นี่มันไม่ได้ต่างจากการถูกพามาขังเลยสักนิด..หลังจากวันแรกที่เจ้าของตึกแห่งนี้พาของขวัญเข้ามา เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย องศาบอกว่าโทโมยะมีงานมากมายที่ต้องสะสาง เธอก็เลยยังไม่รู้ว่าบทสรุปของอนาคตตัวเองจะเป็นย
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 6"เป็นอะไร อาหารไม่อร่อย? " บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้านี้ไม่สดใสเท่าที่ควร เพราะใครบางคนที่แกล้งให้ร่างบางรอเก้อเมื่อคืนดันโผล่มานั่งร่วมโต๊ะทานข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"เปล่าค่ะ.." เสียงเบาตอบออกไปโดยไม่มองหน้า และไม่รู้ตัวเลยว่าหัวคิ้วกำลังขมวดเข้าหากันซึ่งเป็นกิริยาที่ขัดกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง"หรืออารมณ์เสียเรื่องเมื่อคืน? " ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ แต่หากดวงตาเปล่งประกายอะไรบางอย่างที่ทำคนมองรู้สึกไม่ชอบใจ"เปล่านี่คะ ดีใจซะอีก" คนพูดลอยหน้าเหมือนไม่ใส่ใจกับเรื่องนั้น จริงๆ ถึงเธอจะโกรธที่ถูกแกล้งให้รอเก้อ แต่มันก็ยังมีแง่ดีเพราะยังไม่เสียความบริสุทธิ์ให้ใคร"หึ..." โทโมยะเค้นเสียงในลำคอเหมือนมีอะไรน่าขบขัน ทำคนฟังได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้เพราะเธอเกลียดเสียงในลำคอแบบนั้นของเขา ปกติของขวัญเป็นเด็กขี้อายและมีมารยาทมากกว่านี้แต่คนตรงหน้ามักทำให้เธอปั่นป่วนและหลุดการควบคุมอยู่หลายครั้ง"เธอยังเรียนไม่จบใช่มั้ย.. อยากกลับไปเรียนหรือเปล่า" เงียบไปสักพักร่างสูงก็ถามขึ้นมาอย่างจริงจัง เขาไม่เคยมีความคิดที่จะรับของขวัญมาอยู่ด้วยแต่แรก มันเกิดจากการต
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 7"คิดอะไรอยู่หรอครับ คิ้วขมวดเชียว" องศาถามขึ้นในตอนที่ยกของว่างมาให้ของขวัญ แล้วเห็นว่าร่างนั้นเอาแต่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังคิดอะไรที่มันสำคัญอยู่"ขวัญ.. ถ้าขวัญอยากทำงานให้คุณโทโมยะเหมือนพี่ พอจะมีโอกาสเป็นไปได้มั้ยคะ" คนถูกทักเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างชั่งใจ อึกอักเล็กน้อยก่อนจะยอมพูดในสิ่งที่คิดออกมา นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องที่อยากจะทำงานให้นายเขาอยู่อีกหรอเนี่ย.."อย่าเลยครับ นอกจากนายจะไม่ให้ทำแล้ว น้องขวัญยังไม่เหมาะที่จะทำอะไรแบบนี้ด้วย" องศาตอบย้ำว่าไม่มีทางที่ของขวัญจะมายืนอยู่ในจุดเดียวกับเขาได้ ต่อให้อยากทำแค่ไหนนายใหญ่คงไม่อนุญาตเพราะผู้หญิงจะเป็น 'จุดอ่อน' ของแก๊ง ไม่ว่าฝีมือจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่จิตใจก็ยังอ่อนไหวง่ายกว่าผู้ชายอยู่ดี"แล้วขวัญพอจะทำอะไรได้บ้างคะ ขวัญไม่อยากนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องนะ" ร่างบางเริ่มเครียดจริงจัง เธอนั่งคิดมาร่วมสองชั่วโมงแล้วว่าเธอพอจะทำอะไรเพื่อโทโมยะได้บ้าง ที่คิดว่าทำได้ก็เสนอไปหมดแล้วแต่เขาก็ไม่ต้องการ"พี่ว่าน้องขวัญน่าจะกลับไปเรียนนะ ถ้าเรียนจบนายอาจจะให้มาช่วยเรื่องบัญชีหรือเอกสารก็ได้
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'N- INTRO -ตึก...ตึก...ตึก...ในวันที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดภายในบ้านแม้เจ้าของบ้านจะไม่ได้ออกไปไหน พลันมีเสียงรองเท้าหนังราคาแพงเหยียบลงบนพื้นกระเบื้อง ก้าวเดินเป็นจังหวะ และเสียงนั้นก็กำลังตรงมายังห้องนอนที่ประตูปิดสนิทอยู่..แกรก"ดูไม่จืดเลยนะ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคนที่เปิดประตูเข้ามาเอ่ยราบเรียบในขณะที่สายตาจับจ้องร่างผอมบางบนเตียงนิ่งๆ"ค...คุณ..." ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาของใครคนนั้นค่อยๆ เปิดขึ้นมองร่างสูงตรงหน้าอย่างอ่อนแรง เมื่อรู้ว่าเป็นใครแววตาที่เคยเฉื่อยชาก็เริ่มสั่นระริกก่อนเอ่อคลอน้ำตาและปล่อยให้มันหยดลงเปียกที่นอนอีกครั้ง ร้องเท่าไรก็ไม่เคยพอ..ร่างสูงไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้บอกด้วยว่ารู้จักบ้านเธอได้ยังไง สองเท้าที่ถูกโอบหุ้มด้วยรองเท้าหนังมันปลาบก้าวเดินอย่างสุขุมไปรูดผ้าม่านเปิดออก เพื่อให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาขับไล่ความมืดมิดและบรรยากาศสีเทาๆ ออกไป ถึงได้เห็นเต็มตาว่าไม่ใช่แค่คนที่ทรุดโทรมย่ำแย่ สภาพแวดล้อมภายในห้องก็ไม่ได้รับการดูแลเช่นกันร่างบางนอนหลับตาแน่น...เพราะไม่ได้เจอแสงสว่างมาเป็นเวลานาน ดวงตาจึงไม่สามารถปรับโฟกัสได้ในทั
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 1"เอ้า ข้าวเย็นหมดแล้วขวัญ มัวแต่เหม่อ เป็นอะไรหื้ม? "เสียงหนึ่งทักขึ้น ดึงสติคนเหม่อที่กำลังนั่งถือช้อนส้อมค้างอยู่กลางอากาศนานหลายนาที ดวงตากลมสวยเหม่อลอยเศร้าสร้อยแปลกๆ จน 'พราว' อดเดินเข้ามาทักไม่ได้เพราะ 'ของขวัญ' เป็นลูกค้าประจำของร้านอาหารตามสั่งของเธอ ด้วยวัยไม่ห่างกันมากและได้พูดคุยกันทุกครั้งที่มาก็เลยทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันไปโดยปริยาย เธอเองก็เอ็นดูเด็กคนนี้เหมือนน้องเหมือนนุ่งเพราะหน้าตาน่ารักและท่าทางซื่อๆ ไม่ทันคนของเจ้าตัว"เอ่อ...เปล่าค่ะพี่พราว พอดี...คิดอะไรนิดหน่อย" คนตัวเล็กหันมายิ้มฝืดๆ และตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ใบหน้าขาวที่เคยเปล่งปลั่งสดใสมาวันนี้กลับซีดเซียวไร้ชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด"ไม่นิดแล้วมั้งพี่ว่า...หน้าตาดูไม่สู้ดีเลย เป็นอะไรหรือเปล่า มีเรื่องอะไรระบายให้พี่ฟังได้นะ" พราวไม่สามารถปล่อยผ่านได้เลยนั่งลงฝั่งตรงข้ามกันแล้วเอ่ยถามด้วยความห่วงใย เห็นกันมาตั้งแต่ชุดนักเรียนมอปลายจนตอนนี้เข้ามหาวิทยาลัยแล้วพอของขวัญมาเป็นแบบนี้ก็อดห่วงไม่ได้ ยิ่งรู้ว่าอยู่กับแม่แค่สองคนเพราะพ่อเสียไปนานแล้วและไม่มีญาติที่ไหนความห่