มาเฟียจ้าวชีวิต
Writer : Aile'N
ตอนที่ 2
วันต่อมาของขวัญก็ยังไปทำงานตามปกติ เธอยังไม่ได้ลาออกเพราะยังเหลืออีกตั้งสี่วันกว่าจะถึงวันศุกร์เลยตัดสินใจทำงานต่อด้วยความเสียดายค่าแรงวันที่เหลือ แต่ก็ได้เกริ่นๆ บอกผู้จัดการไว้แล้วว่าจะขอลาออกวันพฤหัสฯ นี้ อีกฝ่ายตกอกตกใจเสียยกใหญ่เพราะรู้สึกเสียดายคนขยันทำงานอย่างเธอจึงไม่อยากให้ออก ซึ่งของขวัญก็ทำได้แค่ขอโทษและให้เหตุผลที่ลาออกว่าต้องการออกไปดูแลแม่ที่ป่วยเท่านั้น ผู้จัดการเลยเลิกเซ้าซี้..
แต่ถึงจะตั้งใจอย่างแน่วแน่ไว้แล้วแต่เวลาที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่วันก็ทำให้เธอเครียดจนนอนไม่ค่อยหลับ เวลาทำงานก็ไม่ค่อยมีสติ ไปเยี่ยมแม่ก็เอาแต่จะร้องไห้ จนบางทีก็แอบตัดพ้อชะตาชีวิตที่พรากพ่อไปจากเธอแล้วยังจะพรากแม่ไปจากเธออีก...ใจร้ายจริงๆ
วันเวลาในแต่ละวันช่างเดินเร็วนัก เผลอแป๊บเดียววันศุกร์ก็มาถึง...ร่างบางมาหาพราวที่ร้านด้วยท่าทางเศร้าซึม ใบหน้าที่เคยขาวใสหมองคล้ำและซีดเซียวจนโดนดุไปยกใหญ่ว่าไม่ดูแลตัวเองให้ดี พอบ่นเสร็จก็ถูกจับแปลงโฉม เปลี่ยนจากเธอคนเดิมให้กลายเป็นอีกคนที่ไม่รู้จัก...
เวลาประมาณหนึ่งทุ่มกว่าๆ พราวก็พาของขวัญไปยังผับที่เธอทำงานลับๆ อยู่ เป็นผับหรูไฮโซที่มองเผินๆ ก็เหมือนผับทั่วไป แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องลึกเบื้องหลังที่นี่มีเด็กขายบริการไว้ต้อนรับนักท่องราตรีที่อยากจะปลดปล่อยกามอารมณ์ซ่อนอยู่ด้วย ลูกค้าประจำก็รู้กันอย่างลับๆ เด็กที่จะเข้ามาทำงานนี้พราวได้ทำการคัดสรรมาอย่างดีและแน่นอนว่าจะต้องเป็นการสมัครใจทำไม่ได้ถูกบีบบังคับ
พูดถึงเรื่องเด็กขายที่นี่มีแต่ไฮท์พรีเมี่ยม ต้องลูกค้ากระเป๋าหนักมากเท่านั้นถึงจะใช้บริการได้ โดยค่าตัวที่ได้มาจะถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนคือให้เจ้าของผับกับแม่เล้าและตัวคนรับแขกเอง...ของขวัญตื่นเต้นมากจนสั่นไปหมด ถึงจะเคยเข้าผับเพราะต้องทำงานแต่ไม่เคยต้องเข้ามาเพื่อขายบริการ แถมตอนเดินเข้ามาก็มีแต่คนมองจนไม่กล้าสู้สายตา ต้องเดินก้มหน้าตลอดทาง กระทั่งพราวพาเธอมายังห้องๆ หนึ่งบนชั้นสองที่มีป้ายติดอยู่หน้าประตูว่า 'เฉพาะพนักงานเท่านั้น'
"เด็กๆ เงียบหน่อย...เจ๊มีเพื่อนใหม่จะแนะนำ" พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับสาวสวยอีกหลายคนกำลังนั่งคุยกันอย่างออกรส บ้างก็เติมหน้าส่องกระจกเพื่อเรียกความมั่นใจก่อนจะออกไปรับแขก เมื่อสิ้นคำพูดของ 'เจ๊พราว' กิจกรรมเหล่านั้นก็หยุดชะงัก ทุกคนต่างมองมาที่เด็กใหม่กันเป็นตาเดียว ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่ยืนก้มหน้าหลบสายตา..
"น้องชื่อของขวัญ จะมาทำงานกับเรา น้องค่อนข้างขี้อายและยังใหม่ เจ๊อยากให้ทุกคนเอ็นดูน้องด้วย อย่ารังแกน้องนะ ถ้ารู้เจ๊จะหักค่าตัวคนแกล้งเพิ่มสิบเปอร์เซ็นต์เลย เข้าใจมั้ย" เจ๊พราวของทุกคนแนะนำเด็กใหม่ก่อนจะตบท้ายด้วยคำขู่นั่นทำคนฟังถึงกับมึนงงปนแปลกใจ เพราะนี่คือความเป็นห่วงที่มันเกินเหตุจนสงสัยว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ระหว่างกันแบบไหนถึงได้ดูรักและห่วงใยกันขนาดนี้
"เข้าใจค่าเจ๊" ทุกคนตอบรับเกือบจะพร้อมๆ กัน ของขวัญก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้พี่ๆ หลังสิ้นคำแนะนำของพราวด้วย เพราะแม่สอนว่าจะอยู่ที่ไหนในฐานะอะไรก็ต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน มีมารยาทไปลามาไหว้และให้เกียรติทุกคนไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อยกว่า
"ดีมาก เจ๊ฝากน้องไว้ประเดี๋ยวนะ แป้งดูแลน้องด้วย" ประโยคนี้จากพราวทำร่างบางเผลอส่ายหน้าค้านเบาๆ เพราะกลัวจนไม่อยากห่างจากหล่อนไปไหน
"ค่ะเจ๊" คนที่มีชื่อในประโยคตอบรับพร้อมกับส่งยิ้มใจดีมาให้ แต่ถึงอย่างนั้นของขวัญก็ไม่กล้าอยู่กับคนอื่นๆ ในห้องนี้อยู่ดี
"เดี๋ยวพี่มานะขวัญ อยู่กับแป้งไม่ต้องกลัว" คนข้างๆ เอ่ยปลอบ ยืนยันหนักแน่นว่าฝากเธอไว้กับคนที่ไว้ใจได้ คนตัวเล็กพยักหน้ารับสั่นๆ ทำหน้าตาน่าสงสารแต่พราวก็จำต้องตัดใจเดินออกไป.. เมื่อไร้เงาคนรู้จักเพียงหนึ่งเดียวเธอก็ยืนเคว้งอยู่ตรงนั้นจนแป้งกวักมือเรียกให้ไปนั่งข้างๆ จึงค่อยๆ เดินเข้าไปท่ามกลางสายตากดดันของทุกคน
"พี่ชื่อแป้ง ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องของขวัญ" อีกฝ่ายแนะนำตัวอีกครั้งเมื่อคนตัวเล็กเดินมานั่งลงข้างๆ
"ค่ะ" ตอบรับได้เพียงเท่านั้นพร้อมกับหลบสายตา แป้งเป็นคนที่สวยมากจนเธอไม่กล้ามอง แต่ดูจากท่าทางแล้วน่าจะใจดีเหมือนพราวเพราะเวลาอยู่ใกล้แล้วรู้สึกปลอดภัยที่สุด
"ท่าทางขี้อายจริงๆ ด้วย ไม่น่ามาทำงานแบบนี้เลย จะไหวมั้ยเนี่ย" แป้งเอ่ยแซวยิ้มๆ แน่นอนว่าพอจะมองออก...ไม่มีใครอยากทำงานแบบนี้หรอก นอกเสียจากว่า 'มันจำเป็น'
"ฉันว่าไม่รอดว่ะ" เพื่อนข้างๆ พูดขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาหลังประเมินเด็กสาวตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน ไม่รู้พราวไปพาเด็กขี้อายแบบนี้มาทำงานได้ยังไง มันผิดมาตรฐานของหล่อนจนน่าตกใจ
"...มันจำเป็นจริงๆ ค่ะ" ร่างบางบอกออกไปเสียงเบา ถึงพราวจะห้ามไม่ให้รังแกแต่รอบข้างก็มีแต่สายตาทิ่มแทง ทำเธอรู้สึกอึดอัดจนอยากจะร้องไห้..
"นั่นสินะ...งานแบบนี้ไม่มีใครอยากทำหรอก แต่เพราะมันจำเป็น" แป้งพึมพำเสียงเหม่อ ก่อนหันมายิ้มให้พร้อมกับลูบศีรษะเล็กเบาๆ เพื่อให้เด็กขี้อายรู้สึกผ่อนคลาย
"ไม่ต้องกลัวนะ แรกๆ พี่ก็แบบนี้แหละ นานไปก็ทำใจได้" หล่อนปลอบอีก ขณะเดียวกันก็ตวัดสายตาเรียบนิ่งมองไปรอบตัวเพื่อหยุดสายตาของคนอื่น ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะเธอเป็นพี่ใหญ่และมีอำนาจการตัดสินใจทุกอย่างรองมาจากพราว ไม่แปลกถ้าคนอื่นจะต้องเกรงใจกันบ้าง
"...พี่แป้งทำมานานแล้วหรอคะ" ของขวัญถามกลับอย่างกล้าๆ กลัวๆ เธอยังเกร็งๆ อยู่บ้างแต่ก็ดีขึ้นกว่าในตอนแรก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากผูกมิตรกับคนท่าทางใจดีอย่างแป้งไว้ เวลาอยากปรึกษาเรื่องงานได้ไม่เก้อเขินจนเกินไป
"สามปีได้แล้วมั้ง" แป้งทำท่านึกเล็กน้อยก่อนตอบ คนฟังเพียงพยักหน้ารับรู้ เท่านั้นก็ไม่กล้าถามอะไรอีก แป้งเลยชวนคุยไปเรื่อยเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลาย
ฝั่งพราวพอออกจากห้องก็มานั่งสังเกตการณ์อยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์เพื่อดักรอคนที่เธอหมายตาไว้ ความหล่อของผู้ชายคนนั้นทำให้เธอจำได้แม่นยำว่าเขามักจะมาที่นี่ทุกๆ วันศุกร์ บางครั้งก็มาดื่มอย่างเดียวแต่ก็มีบ้างที่เรียกใช้บริการเด็กๆ ของเธอ ซึ่งทุกคนที่ถูกเขาเรียกการันตีเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าไม่เคยรับแขกคนไหนแล้วมีความสุขเท่านี้มาก่อน ภายนอกที่ดูเหมือนจะไม่สนใจใครแต่เวลาอยู่บนเตียงเขาถนอมคู่นอนมากกว่าที่คิด แม้อีกฝ่ายจะเป็นแค่เด็กขายก็ตาม..
ระหว่างที่รอนั้นมีลูกค้ามาติดต่อเลือกคู่นอนบ้าง เจ๊พราวก็ยกหูเรียกเด็กที่ลูกค้าเรียกให้ไปรอยังห้องที่อีกฝ่ายจองไว้ ซึ่งก็มีให้เลือกหลายห้องหลายแบบและหลากหลายราคาด้วยกัน แบบห้องมีทั้งห้องสำหรับใช้มีอะไรกันเฉยๆ ห้องแบบมีอุปกรณ์เสริมให้ภายใน ห้องแบบเป็นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่กึ่งสปา และห้องจำลองแบบห้องเรียนเหมือนในเอวีญี่ปุ่น แล้วแต่ว่าลูกค้าจะชอบแบบไหน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะอยู่โซนชั้นสามทั้งหมดและเก็บเสียงทุกห้องเพื่อความเป็นส่วนตัว
"สวัสดีค่ะคุณลูกค้า วันนี้จะดื่มอย่างเดียวหรือรับน้องๆ มาช่วยผ่อนคลายด้วยดีคะ" รออยู่พักใหญ่ในที่สุดเป้าหมายก็เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะวีไอพีพร้อมบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันอยู่รอบกายเหมือนทุกครั้งที่มา พราวจึงเดินเข้าไปทักหลังพนักงานรับออเดอร์ออกไปแล้ว
"มีอะไรก็พูดมา" ร่างสูงนั้นมองหน้าเธอนิ่งๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบออกมาราวกับล่วงรู้ความต้องการ ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากเพราะปกติพราวจะไม่เข้าไปทักลูกค้าถึงโต๊ะที่เป็นส่วนตัวแบบนี้ มีแต่ลูกค้าที่ต้องการเด็กจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาหรือเรียกเธอไปคุยที่โต๊ะเอง
"คือว่า...พราวมีเด็กใหม่อยากแนะนำให้น่ะค่ะ น้องค่อนข้างขี้อายและยังไม่เคยมีอะไรกับใคร วันนี้เพิ่งมาทำงานวันแรก พราวอยากให้คุณลูกค้าเอ็นดูน้องหน่อยน่ะค่ะ น้องน่ารักมากเลยนะคะ" พออีกฝ่ายไม่อ้อมค้อมพราวก็ไม่อ้อมค้อมเช่นกัน เธอพยายามใช้ถ้อยคำและน้ำเสียงให้ฟังดูน่าเห็นใจมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่นั่งฟังนิ่งๆ ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบกลับ แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วหล่อนก็ไม่คิดจะถอยกลับตัวเปล่า
"นี่พราวเก็บน้องไว้ให้คุณลูกค้าคนเดียวเลยนะคะ เพราะไม่อยากให้น้องไปเจอพวกลูกค้าหัวรุนแรง ถ้าครั้งแรกไปเจอแบบนั้นก่อน พราวกลัวน้องจะรับไม่ไหว" พราวพูดต่อไปอีก สีหน้าท่าทางดูขอร้องอ้อนวอนจนไม่เหลือคราบสาวมั่นคนเดิมที่เคยเห็นเดินโฉบไปมาในผับ เดาว่าหล่อนคงจะเอ็นดูเด็กคนที่พูดถึงไม่ใช่น้อย ถึงขั้นกล้าบากหน้าฝ่าเหล่าบอดี้การ์ดของเขาเข้ามาคุยด้วยโดยไม่เกรงกลัวว่าจะถูกอุ้มหายไปไหน
"ในเมื่อพูดขนาดนี้แล้วน่ะนะ..." เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยตัดความรำคาญเพื่อให้ผ่านพ้นไปเร็วๆ เพราะวันนี้ตั้งใจมาดื่มอย่างเดียว ไม่มีอารมณ์จะทำอย่างอื่น แต่ในเมื่ออีกฝ่ายอ้อนวอนขนาดนี้ก็แค่ไปด้วยให้มันจบๆ ไปเท่านั้น
"ขอบคุณนะคะ เชิญทางนี้ค่ะ" หญิงสาวแสดงออกถึงความดีใจอย่างไม่ปกปิด ก่อนตั้งสติและรีบเดินนำพาร่างสูงไปรอที่ห้อง บอดี้การ์ดหน้าขรึมทำท่าจะตามไปด้วยแต่เขายกมือห้ามไว้
"ขวัญ...มานี่เร็ว" เมื่อพาชายคนนั้นไปรอที่ห้องแล้วพราวก็ลงมาตามของขวัญอย่างรีบเร่งเพราะไม่อยากให้เขาต้องรอนานเดี๋ยวจะพาลอารมณ์เสียไปซะก่อน
"เขา...มาแล้วหรอคะ" ร่างบางรีบลุกเดินมาหาด้วยท่าทางตื่นตระหนก และเมื่อได้อยู่กันตามลำพังจึงถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"ใช่ พี่ช่วยได้เท่านี้แหละนะ ที่เหลือหนูต้องช่วยตัวเอง พยายามเอาอกเอาใจทำให้เขาเอ็นดูเข้าไว้ แล้วเราจะสบาย" คำบอกกล่าวนั้นทำคนฟังได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ...แต่เธอไม่เคยมาก่อนนี่นา ไม่มั่นใจหรอกว่าจะทำได้
ก๊อกๆ
"มาแล้วค่ะ น้องชื่อของขวัญ อายุยี่สิบพอดี พราวหวังว่าคุณลูกค้าจะเอ็นดูน้องนะคะ" เคาะประตูบอกสองทีพราวก็เปิดออกและเดินนำเข้าไป น้ำเสียงอ่อนหวานสุภาพน่าฟังพูดบอกคนที่อยู่ข้างในพร้อมกับคว้าตัวร่างบางที่กลัวจนพยายามจะหลบไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเธอออกมาเผชิญหน้ากับร่างสูง
และเมื่อหมดหน้าที่พราวก็ขอตัวออกไป ทิ้งความกดดันไว้ที่ของขวัญแต่เพียงผู้เดียว จากที่หวาดกลัวอยู่แล้วก็ยิ่งทวีคูณขึ้นอีกเมื่อได้สบตากับคนตัวใหญ่ที่นั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาตัวยาว เขาไม่ปริปากพูดอะไรเลย เอาแต่จ้องเธอด้วยสายตาประเมินบวกใบหน้าเรียบนิ่ง ร่างบางทนมองเขาได้เพียงนิดเดียวเท่านั้นก็หลบตาลงต่ำ ยืนตัวสั่นบีบมือตัวเองแน่นด้วยความหวาดกลัว
"ครั้งแรก? " น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยออกมาให้ได้ยินเป็นประโยคแรก ยอมรับอย่างไม่มีข้อกังขาเลยว่าน้ำเสียงกับหน้าตาหล่อเหลาของเขามันเข้ากันได้อย่างลงตัวมากๆ ถ้าไม่ติดว่ารอบๆ ตัวมีไอเย็นบางอย่างแผ่กระจายออกมากัดกร่อนความมั่นใจของเธอเธอก็อาจจะรู้สึกดีบ้างที่อย่างน้อยความบริสุทธิ์อันพึงหวงแหนจะตกเป็นของผู้ชายคนนี้
"ค...ค่ะ" ของขวัญพยายามจะเค้นเสียงที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนให้ออกมาจากลำคอ แต่ผลที่ได้คือเสียงสั่น เบาและตะกุกตะกักจนน่าอับอาย
"ทำไมถึงมาทำงานแบบนี้" อีกฝ่ายถามต่อ ดวงตาคมกริบจ้องมองร่างบางอย่างประเมินอีกครั้ง ชุดเดรสวาบหวิวที่พราวให้ใส่จึงถูกมือเล็กดึงลงปิดต้นขาเรียวขาวเพื่อหลบหนีจากสายตาคู่นั้น
"คือ...มันจำเป็นค่ะ" คนพูดยืนก้มหน้าเหมือนเด็กนักเรียนทำความผิดแล้วโดนเรียกเข้าห้องปกครองมาสอบสวน
"จำเป็นอะไร"
"เอ่อ..." ร่างบางอึกอัก ลำบากใจเพราะไม่อยากเล่า
"เจ๊พราวอะไรนั่นกำชับฉันนักหนา...ว่าให้เอ็นดูเธอ ถ้าว่าง่ายๆ ฉันอาจจะเอ็นดูเธอก็ได้" ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ หน้าตานิ่งขรึมแสดงอาการเบื่อหน่ายออกมาให้เห็นนิดๆ และยังคงจับจ้องจะเอาคำตอบจากเธอให้ได้
"คะ คือ..." ของขวัญทั้งกดดันและหวาดกลัวจนต้องยอมเล่าเรื่องแม่ให้แขกแปลกหน้าคนนี้ฟัง เล่าไปก็สะอื้นไปเพราะเรื่องแม่สะกิดใจเธอได้เสมอ แต่ก็พยายามเล่าจนจบ..
"....." สายตาคนฟังยังมองมาเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่างในตัวเธอ แต่ก็เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นว่าทำไมร่างบางถึงต้องมาทำงานแบบนี้และทำไมพราวถึงดูเป็นห่วงเป็นใยเธอนัก
"อึก คะ คุณไม่ต้องเอ็นดูขวัญก็ได้ค่ะ แค่...ช่วยทำเบาๆ ก็พอ" เสียงหวานปนสะอื้นเอ่ยบอกทั้งพวงแก้มแดงปลั่ง ยืนเช็ดน้ำตาก้มหน้าอย่างอายๆ คำวอนขอความเมตตานั้นทำกล้ามเนื้อตรงมุมปากของคนฟังกระตุกขึ้นเล็กๆ แต่ไม่พูดอะไรเพียงล้วงเอาโทรศัพท์ออกมากดโทรหาคนสนิท
"เตรียมเงินสดให้ฉันสิบเอ็ดล้าน..." เสียงต่ำสั่งคนปลายสายออกไปเท่านั้นก็กดวางสายและเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตามเดิม
"เอ่อ ทำเลยมั้ยคะ" ของขวัญไม่เข้าใจสถานการณ์นั้น เลยถามออกไปอย่างซื่อๆ พอคิดถึงแม่เธอก็พอจะมีความกล้าขึ้นมาบ้างต่างจากตอนก่อนหน้า
"ฉันให้สิบล้าน...เอาไปรักษาแม่แล้วเลิกทำงานนี้ซะ" คนตัวใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจับสูทให้เข้าที่และบอกอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับเงินสิบล้านที่ว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวของทั้งหมดที่มี
"เอ๋? ไม่ทำหรอคะ" ร่างบางทำหน้าเลิกลั่ก ถามกลับด้วยความสงสัยระคนตื่นตระหนก
"วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์" เสียงเรียบเอ่ยบอกเพียงเท่านั้นก็ทำท่าจะเดินผ่านออกจากห้องไป
"ไม่ได้นะคะ! ขวัญไม่รับเงินเฉยๆ สิบล้านมันมากเกินไป" ความตกใจทำคนตัวเล็กเผลอคว้าแขนแกร่งเอาไว้ ไม่พอยังขึ้นเสียงดังใส่เขาอีก
"ว่าง่ายๆ จะได้มั้ย" คนตัวใหญ่หันมาดุเสียงเข้ม ใบหน้านิ่งเฉยเริ่มแสดงออกว่ารำคาญเธอเข้าให้แล้ว ของขวัญจึงต้องปล่อยมือออกจากเขาและยืนก้มหน้านิ่งไปด้วยความตกใจ อีกฝ่ายไม่พูดอะไรอีกเพียงจ้องมองเธอนิ่งเล็กน้อยก็ถอดสูทตัวนอกที่ใส่อยู่ออกมาคลุมให้แล้วดึงให้เดินตามออกจากห้องไป
"ทำไมพากันออกมาล่ะคะ! ? " พราวที่นั่งรออยู่ตรงเคาน์เตอร์ทางเข้ารีบลุกเดินมาทักหน้าตาตื่นเมื่อเห็นทั้งคู่เดินออกมา ทั้งที่เพิ่งเข้าห้องไปได้ไม่นาน ราวกับว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ผมให้คุณหนึ่งล้าน ให้เด็กคุณเลิกทำงานนี้" คำบอกกล่าวตรงๆ ทื่อๆ นั้นทำคนฟังได้แต่ยืนอึ้ง มองหน้าเขาสลับกับร่างบางอย่างเหวอๆ
ไม่ทันได้พูดอะไรคนของเขาก็เดินเข้ามาหาพร้อมกระเป๋าหนังสีดำใบหนึ่งเหมือนที่เคยเห็นในหนังเวลามีการแลกเปลี่ยนของผิดกฎหมายกัน พออีกฝ่ายเปิดออกถึงได้เห็นว่ามันคือเงินสด! จำนวนเท่าไรพราวก็ไม่อาจทราบได้ หล่อนยืนอึ้งจนกระทั่งใครคนนั้นหยิบเงินในกระเป๋าฟ้อนใหญ่มายัดใส่มือ และส่วนที่เหลือก็ยกให้ของขวัญทั้งกระเป๋า ก่อนจะดึงให้เดินตามออกไป โดยที่พราวไม่มีโอกาสได้คุยกับน้องเลยสักคำ!
"ไปส่งเด็กคนนี้ที่บ้าน" ผู้ชายคนนั้นพาร่างบางมาที่โต๊ะของเขาก่อนจะบอกคนสนิทให้ไปส่งเธอที่บ้าน
"เอ่อ คือ..." ของขวัญยังไม่อยากจากไปโดยที่ยังไม่ทันได้พูดหรือกระทั่งขอบคุณอีกฝ่าย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอตามไม่ทันเลยเกิดอาการเครื่องค้างประมวลหาคำพูดไม่เจอ
"เชิญครับ" คนของเขาผายมือให้เธอเดินนำออกไป แต่เธอยังคงหันรีหันขวางไปมองร่างสูงของผู้มีพระคุณเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
"เอ่อ ขอบคุณนะคะ! " เท่านั้นจริงๆ ที่ของขวัญพอจะคิดออกในตอนนี้ เธอมองสบตาคมด้วยความซาบซึ้งใจก่อนจากกัน อีกฝ่ายเพียงมองตามนิ่งๆ และนั่งดื่มต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
..
..
..
..
อ้าว! ก็นึกว่าจะบ๊ะจ้ำโบ๊ะกันซะอีก 55555
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 3ของขวัญถูกพามาส่งถึงหน้าบ้านตามคำสั่งของใครคนนั้น สิ่งแรกที่ทำหลังจากเข้าบ้านมาก็คือเปิดประเป๋าดูเงินสิบล้านด้วยความกระอักกระอ่วนระคนดีใจ เพราะมันเยอะมากจริงๆ แถมได้มาโดยที่ไม่ได้ทำอะไรตอบแทนคนให้เลยสักอย่าง เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากๆ เธอได้แต่นิ่งอึ้งผสมปนเปกับความตื้นตันใจ นอกจากจะไม่ได้ทำอะไรตอบแทนแล้วเธอยังไม่ทันได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็ไม่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของเธอ ได้ฟังแต่คำบอกเล่าเรื่องแม่ผ่านลมปาก แต่ก็ยังใจดียื่นมือเข้ามาช่วยโดยไม่คิดจะเอาอะไรตอบแทน แม้จะดูเหมือนช่วยแบบตัดความรำคาญก็เถอะ..มือบางปิดกระเป๋าลงก่อนนั่งเหม่อ เสื้อที่อีกฝ่ายคลุมให้ก็ลืมคืนไปกับลูกน้องของเขา เลยลุกขึ้นถอดเอาไปแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วนั่งมองอย่างหลงใหล กลิ่นของผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าไม่รู้ แต่กลิ่นของเขาเธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหน กลิ่นของความดุดันอันตรายหากแต่เจือจางความอบอุ่นเล็กๆ ให้ความรู้สึกลึกลับแปลกๆ แต่เธอกลับรู้สึกชอบมาก..นั่งเพ้อถึงใครคนนั้นอยู่พักใหญ่ ของขวัญก็สลัดความคิดทุกอย่างทิ้งชั่วคราวแล้วลุกไ
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 4ร่างบางถูกพามาที่ตึกสูงแห่งหนึ่ง.. มองเผินๆ ก็เหมือนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วไป ต่างกันตรงที่มันตั้งอยู่ในซอยลึก พื้นที่โดยรอบเงียบสงบแม้แต่หมาแมวสักตัวก็ยังไม่ผ่านมาให้เห็นบางบริษัทอาจจะมีป้อมยามรักษาการเฝ้าอยู่ข้างหน้าคอยตรวจคนเข้าออก แต่ที่นี่ไม่มี.. ด้านนอกไม่มีใครเลยแต่พอเข้าไปข้างในกลับมีคนยืนเรียงแถวกันเต็มไปหมด ทุกคนใส่ชุดดำล้วนและยืนทำหน้าทะมึนทึงเหมือนลูกสมุนของพวกเจ้าพ่อที่เคยเห็นในหนังอย่างกับเลียนแบบกันมาร่างสูงใหญ่ผู้เป็นนายเหนือหัวอุ้มคนตัวเล็กที่น้ำหนักเบาหวิวเหมือนปุยนุ่นเดินผ่านคนพวกนั้นที่กำลังยืนก้มหัวให้ไปที่ลิฟต์อย่างเงียบๆ คนสนิทที่ตามมาด้วยสองคนรับหน้าที่กดลิฟต์ขึ้นชั้นบนสุด ก่อนจะผละออกมายืนสงบนิ่งประกบผู้เป็นนายคนละฝั่งในท่าทางสง่าผ่าเผยไม่แพ้กันสภาพแวดล้อมกับผู้คนที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทำของขวัญเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ ได้แต่นอนห่อตัวอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวใหญ่ ก้มหน้าก้มตาไม่มองใคร.. กลิ่นกายของเขาที่เธอชอบอบอวลอยู่รอบตัว ให้ความรู้สึกไม่โดดเดี่ยวเหมือนหลายวันที่ผ่านมาจนเผลอซุกเข้าหามากขึ้น นึกอยากจะให้เส้นทาง
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 5กว่าห้าวันแล้วที่ของขวัญมาอยู่ที่ตึกสูงแห่งนี้.. ชีวิตในแต่ละวันของเธอดำเนินไปแบบวนลูป ตื่นเช้า อาบน้ำแต่งตัว ทานข้าวและของบำรุงสารพัดอย่างที่องศาจัดมาให้ จากนั้นก็ว่าง.. ไม่มีอะไรให้ทำ ได้แต่นั่งๆ นอนๆ หายใจทิ้งไปวันๆ ดีหน่อยที่องศาหอบหนังสือจากห้องสมุดชั้นล่างมาให้เธออ่านแก้เบื่อบ้าง.. หรืออาจจะทำให้เบื่อหนักกว่าเดิม เพราะส่วนใหญ่มีแต่หนังสือวิชาการ ศาสตร์ต่างๆ กับพวกปรัชญาชีวิต มีนวนิยายบ้างแต่ก็ล้วนเป็นภาษาต่างประเทศทั้งสิ้นเที่ยงตรง.. ได้เวลายัดอาหารลงท้องอีกครั้ง พอเริ่มย่อยหนังตาก็เริ่มหย่อน ช่วงบ่ายเลยกลายมาเป็นเวลานอนกลางวัน เมื่อตื่นก็มานั่งโง่ๆ มองวิวทิวทัศน์ตรงโซฟาริมกำแพงกระจกที่มันเคยสวยมากในครั้งแรกที่เห็น แต่พอมองบ่อยๆ ความสวยงามของมันก็ค่อยๆ ลดลงไป.. จากนั้นก็ได้เวลาทานมื้อเย็น อาบน้ำและเข้านอน วนอยู่แค่นี้ตลอดห้าวันที่ผ่านมา นี่มันไม่ได้ต่างจากการถูกพามาขังเลยสักนิด..หลังจากวันแรกที่เจ้าของตึกแห่งนี้พาของขวัญเข้ามา เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย องศาบอกว่าโทโมยะมีงานมากมายที่ต้องสะสาง เธอก็เลยยังไม่รู้ว่าบทสรุปของอนาคตตัวเองจะเป็นย
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 6"เป็นอะไร อาหารไม่อร่อย? " บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้านี้ไม่สดใสเท่าที่ควร เพราะใครบางคนที่แกล้งให้ร่างบางรอเก้อเมื่อคืนดันโผล่มานั่งร่วมโต๊ะทานข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"เปล่าค่ะ.." เสียงเบาตอบออกไปโดยไม่มองหน้า และไม่รู้ตัวเลยว่าหัวคิ้วกำลังขมวดเข้าหากันซึ่งเป็นกิริยาที่ขัดกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง"หรืออารมณ์เสียเรื่องเมื่อคืน? " ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ แต่หากดวงตาเปล่งประกายอะไรบางอย่างที่ทำคนมองรู้สึกไม่ชอบใจ"เปล่านี่คะ ดีใจซะอีก" คนพูดลอยหน้าเหมือนไม่ใส่ใจกับเรื่องนั้น จริงๆ ถึงเธอจะโกรธที่ถูกแกล้งให้รอเก้อ แต่มันก็ยังมีแง่ดีเพราะยังไม่เสียความบริสุทธิ์ให้ใคร"หึ..." โทโมยะเค้นเสียงในลำคอเหมือนมีอะไรน่าขบขัน ทำคนฟังได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้เพราะเธอเกลียดเสียงในลำคอแบบนั้นของเขา ปกติของขวัญเป็นเด็กขี้อายและมีมารยาทมากกว่านี้แต่คนตรงหน้ามักทำให้เธอปั่นป่วนและหลุดการควบคุมอยู่หลายครั้ง"เธอยังเรียนไม่จบใช่มั้ย.. อยากกลับไปเรียนหรือเปล่า" เงียบไปสักพักร่างสูงก็ถามขึ้นมาอย่างจริงจัง เขาไม่เคยมีความคิดที่จะรับของขวัญมาอยู่ด้วยแต่แรก มันเกิดจากการต
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 7"คิดอะไรอยู่หรอครับ คิ้วขมวดเชียว" องศาถามขึ้นในตอนที่ยกของว่างมาให้ของขวัญ แล้วเห็นว่าร่างนั้นเอาแต่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังคิดอะไรที่มันสำคัญอยู่"ขวัญ.. ถ้าขวัญอยากทำงานให้คุณโทโมยะเหมือนพี่ พอจะมีโอกาสเป็นไปได้มั้ยคะ" คนถูกทักเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างชั่งใจ อึกอักเล็กน้อยก่อนจะยอมพูดในสิ่งที่คิดออกมา นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องที่อยากจะทำงานให้นายเขาอยู่อีกหรอเนี่ย.."อย่าเลยครับ นอกจากนายจะไม่ให้ทำแล้ว น้องขวัญยังไม่เหมาะที่จะทำอะไรแบบนี้ด้วย" องศาตอบย้ำว่าไม่มีทางที่ของขวัญจะมายืนอยู่ในจุดเดียวกับเขาได้ ต่อให้อยากทำแค่ไหนนายใหญ่คงไม่อนุญาตเพราะผู้หญิงจะเป็น 'จุดอ่อน' ของแก๊ง ไม่ว่าฝีมือจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่จิตใจก็ยังอ่อนไหวง่ายกว่าผู้ชายอยู่ดี"แล้วขวัญพอจะทำอะไรได้บ้างคะ ขวัญไม่อยากนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องนะ" ร่างบางเริ่มเครียดจริงจัง เธอนั่งคิดมาร่วมสองชั่วโมงแล้วว่าเธอพอจะทำอะไรเพื่อโทโมยะได้บ้าง ที่คิดว่าทำได้ก็เสนอไปหมดแล้วแต่เขาก็ไม่ต้องการ"พี่ว่าน้องขวัญน่าจะกลับไปเรียนนะ ถ้าเรียนจบนายอาจจะให้มาช่วยเรื่องบัญชีหรือเอกสารก็ได้
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 8เป็นอีกวันที่ของขวัญตื่นขึ้นมาบนเตียงในตอนเช้าอย่างงงๆ เพราะจำได้ว่าเมื่อคืนนั่งรอโทโมยะที่โต๊ะทานข้าวจนดึกและคงเผลอหลับไป สงสัยนะ.. ว่าใครเป็นคนพาเธอมาไว้บนเตียง? แต่คิดเองคงไม่รู้เลยเลิกสนใจ หันมามองหาขนมที่ทำไว้ให้ใครคนนั้นแทน จนมาเจออยู่ที่โต๊ะตัวเดิมที่นั่งรอเมื่อคืน แต่เหลือเพียงตะกร้าเปล่ากับโน้ตหนึ่งใบ..'อร่อยดี'ข้อความเพียงสั้นๆ ที่ถูกเขียนไว้ในนั้นทำของขวัญยิ้มจนแก้มปริ แต่พอรู้ว่าโทโมยะเข้ามาและอาจจะเป็นคนอุ้มเธอไปนอนบนเตียงก็พลันชะงัก.. แก้มแดงซ่านด้วยความรู้สึกดีแปลกๆ นี่เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าถูกแกล้งอะไรไว้บ้าง ถึงได้ไปใจเต้นแรงกับเขาน่ะ!ร่างบางสลัดความรู้สึกแปลกๆ นั้นออกไป ก่อนหยิบโน้ตใบนั้นไปเก็บไว้ใต้หมอนแล้วเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัว แปดโมงตรงองศาก็เข้ามาทำหน้าที่ วันนี้เธอมีนัดกับเชฟในตอนเช้า ส่วนตอนบ่ายมาทำความสะอาดห้องนอนของเธอเองและห้องข้างๆ ที่เป็นของร่างสูง ความจริงชั้นนี้มีทั้งหมดสี่ห้องใหญ่ เป็นห้องนอนสอง ห้องทำงานหนึ่งและห้องฟิตเนสอีกหนึ่ง แต่สองห้องหลังโทโมยะให้แม่บ้านประจำทำ เพราะถ้าให้ของขวัญทำคนเดียวทั้งสี่ห้องค
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 9ของขวัญเดินเข้าห้องมาด้วยหัวใจพองโตนิดๆ แต่นั่นก็ไม่ทำให้หายซึมได้ เธอเดินมานั่งที่โซฟาริมกำแพงกระจก วางรูปกับโกศกระดูกแม่ลงข้างตัวก่อนลุกขึ้นรูดม่านผืนใหญ่เปิดออก แล้วกลับมานั่งกอดรูปแม่เหม่อมองออกไปโดยไม่มีจุดโฟกัสของสายตา เธอคิดถึงทั้งแม่และพ่อ การเป็นลูกคนเดียวซ้ำไม่มีญาติทำให้เธอไม่เหลือใครอย่างสมบูรณ์ ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ของเธอ.. ไม่รู้จะฝากชีวิตไว้ได้สักแค่ไหนแต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่ได้เจอกับโทโมยะ.. ถึงจะไม่รู้ว่าเขาพาเธอมาที่นี่ทำไมและผู้คนที่นี่จะน่ากลัวขนาดไหน แต่เธอก็รู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขา เขาทำดีกับเธอทั้งที่ไม่มีความจำเป็น เธอไม่มีค่าหรือทำประโยชน์อะไรให้เขาได้เลยสักนิด แต่เขาก็ยังใจดีกับเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ จนถึงตอนนี้..อ่า.. สัมผัสอุ่นๆ เมื่อสักครู่นี้เริ่มจางหายไปแล้ว แต่ของขวัญกลับอยากได้รับมันอีกครั้ง.. อีกครั้งและอีกครั้ง! เธอรู้ว่าไม่สมควรที่จะไปหาอีกฝ่ายในเวลาดึกดื่นแบบนี้ แต่เธออยากมีเพื่อน.. ความรู้สึกมันเลยตีรวนอยู่ในอกสุดท้าย.. ก็ยับยั้งความต้องการที่เอาแต่ใจไว้ไม่ไหว ตัดสินใจลุกเดินออกไปดู
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 10ของขวัญเดินเอื่อยมานั่งลงบนโซฟาริมกระจกอย่างเลื่อนลอย ทว่าใบหน้าสวยกลับยุ่งเหยิง หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนมีอะไรให้ครุ่นคิดมากมาย หลังสิ้นคำตอบนั้นขององศาเธอกับเขาก็แยกย้ายกันไปพัก แต่เธอกลับไม่สามารถปล่อยวางสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้ ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก..แป้งเป็นผู้หญิงที่ทำงานอย่างว่า เท่าที่ได้รู้จักกันเผินๆ เธอเป็นคนนิสัยดี น่ารัก ยิ้มสวย จนไม่น่าเชื่อว่าจะมาทำอาชีพแบบนี้ ฝ่ายโทโมยะเองฟังจากที่พราวบอกว่าเขามักจะไปที่ผับทุกวันศุกร์เพื่อใช้บริการ.. ล่าสุดวันนี้เขาก็เรียกอีกฝ่ายมาถึงที่เพราะไม่มีเวลาไปด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นในเวลานี้หรือหลังจากนี้ ในห้องข้างๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งคู่กำลังทำอะไรกัน..แล้วทำไม.. เธอถึงกระสับกระส่าย ปวดจี๊ดในอกที่ได้รับรู้เรื่องนี้ด้วย? ทำไมถึงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นทั้งที่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาที่เธอไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่าย.. เธอเป็นคู่นอนให้โทโมยะไม่ได้ ไม่สิ.. เขาไม่เลือกเธอมากกว่า ซึ่งก็ถูกแล้วที่เขาจะไปทำกับคนอื่นแทน ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ..?ร่างบางรู้สึกสับสนกับความรู้ส
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 27 (ตอนจบ) เป็นเวลากว่าสามเดือนที่โทโมยะและของขวัญใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น ด้วยเจตนารมณ์ของเขาที่หมายมั่นจะสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งคาชิมะให้ผู้เป็นน้องชาย เมื่อเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไปเวลาที่เหลือเขาจึงเริ่มเดินหน้าสอนงานน้องอย่างเต็มกำลังและขีดเส้นตายไว้ว่าภายในสองปีทาคิยะจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนยอมรับให้ได้ นั่นทำให้อีกฝ่ายแอบมาโอดครวญให้ร่างบางฟังบ่อยๆ ว่าผู้เป็นพี่เคี่ยวเข็ญอย่างกับจะพาไปแข่งโอลิมปิก ได้ยินแล้วก็ขำแต่คงจะช่วยอะไรไม่ได้นอกจากคอยรับฟังหลังช่วงทดลองงานสามเดือนของทาคิยะผ่านพ้นไปทั้งคู่ก็บินกลับประเทศไทย ปล่อยให้ว่าที่ผู้นำคนต่อไปหยัดยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง แต่ไม่เชิงว่าโดดเดี่ยวเพราะเขามีทั้งคนสนิทและผู้ช่วยมือดีหลายคน ด้วยเหตุนี้งานของคาชิมะที่โทโมยะทำอยู่เลยพลอยลดน้อยลงไปด้วย แม้ไม่ถึงกับหมดแต่เขาก็มีเวลาเหลือพาของขวัญไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาตามที่เคยสัญญากันไว้ในตอนก่อนไปญี่ปุ่น เขาพาเธอไปไหว้พ่อแม่เขาเธอเองก็พาเขาไปไหว้พ่อแม่เธอเหมือนกันเรียกได้ว่าชีวิตในช่วงนี้ดี๊ดีและมีความสุขแบบสุดๆ แม้จะยังไม่มีเหตุการณ์ประมาณว่าขอเป็นแฟนหรือบอ
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 26โชคดีที่ของขวัญไม่ได้ถูกร่างสูงกินแทนข้าวเย็นเพราะแค่รอบเดียวในบ่อน้ำพุช่วงล่างก็เจ็บเสียดจนกลายเป็นคนเดินช้าและเดินนุ่มนวลไปแบบเขินๆ อย่างในตอนนี้ที่กำลังเดินตามอีกฝ่ายไปยังห้องอาหารก็มีหลายครั้งที่เขาต้องชะลอฝีเท้าเพื่อให้เธอตามทัน แน่นอนว่าเขารู้ถึงสาเหตุวัดได้จากสายตาวาววับที่มองมาเดิมทีของขวัญคิดว่าเพื่อนร่วมโต๊ะทานมื้อค่ำจะมีแค่ทาคิยะคนเดียว รวมเธอกับร่างสูงก็เป็นสามคน แต่พอประตูไม้เนื้อดีถูกเลื่อนออกถึงได้รู้ว่าบรรยากาศมันผิดจากที่คิดไว้มาก ภายในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่นี้มีจำนวนบุคคลด้านในไม่ต่ำว่าสิบคน!ทุกคนล้วนอยู่ในชุดสบายๆ อย่างยูกาตะและล้วนเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างจะมีอายุ.. เสียงพูดคุยกันอย่างออกรสชาติในตอนก่อนหน้าเงียบกริบลงไปในทันทีที่โทโมยะพาเธอเข้ามา ทุกสายตาไม่ได้ผ่านการนัดหมายแต่พวกเขาพากันมองผู้มาใหม่ทั้งสองสลับกันอย่างพร้อมเพรียง"อ้าวพี่ มาๆ มานั่งนี่เลยครับ" ทาคิยะเป็นคนดึงความสนใจของทุกคน เขารีบลุกจากเบาะรองนั่งนุ่มๆ บนพื้นมานำทางให้ทั้งคู่ไปนั่งลงบนหัวโต๊ะที่ได้จัดเตรียมที่ทางไว้ให้ตั้งแต่แรก สายตาทุกคู่ยังคงจับจ้อง
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 25"อะ อื้ม~" ท้ายทอยเล็กถูกมือใหญ่รั้งเข้าหา ประกบจูบลงไปบนริมฝีปากแดงเรื่อ ดูดซับความนุ่มนิ่มที่ด้านนอกเบาๆ ก่อนสอดแทรกเรียวลิ้นคว้านลึกเข้าไปข้างใน ร่างบางเปิดปากให้อย่างรู้หน้าที่ แม้จะยังไม่ประสาแต่ก็สมยอมตอบรับสัมผัสของร่างสูงด้วยความเต็มใจทุกครั้งเผลอไผลไปกับรสจูบครู่เดียวร่างเพรียวบางก็ถูกยกตัวลอยเปลี่ยนท่ามานั่งคร่อมตักในสภาพล่อแหลมยิ่งกว่าเดิม มือใหญ่วางลงบนสะโพกอวบ บีบเคล้นเบาๆ ก่อนลูบไล้ขึ้นมาตามเอวคอดกิ่วจนถึงแผ่นหลังเนียนนุ่ม ชั่วอึดใจก็กอดรั้งคนบนตักเข้ามาแนบชิด บดเบียดร่างกายเข้าหากันจนไม่เหลือพื้นที่ว่าง ทรวงอกอวบขาวเบียดชิดแผงอกล่ำ หน้าท้องแบนราบแนบแน่นไปกับลอนซิกแพค ช่วงล่างแข็งขืนเสียดสีอยู่กับช่องทางอ่อนนุ่มที่ยังคงปิดสนิท วงแขนแกร่งที่โอบกอดเอวบางขยับโยกตัวเธอขึ้นลงเป็นจังหวะเนิบนาบ.. จงใจให้อะไรๆ มันบดเบียดพอให้หวาดเสียวท้องน้อยเล่นๆ"อะ อ๊ะ อื้อ.." หลังถูกครอบครองไปหลายต่อหลายครั้งในที่สุดริมฝีปากบางที่เริ่มบวมเจ่อก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ ของขวัญรีบกอบโกยเอาอากาศเข้าปอดอย่างหิวกระหาย สองมือจิกเกร็งอยู่บนไหล่กว้างเมื่อเขาเปลี่ย
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 24หลังจากปลดคาวามูระและพรรคพวกออกจากตำแหน่งโทโมยะก็ค่อนข้างจะวุ่นๆ นิดหน่อยเพราะต้องเรียกตรวจสอบ ประเมินความเสียหายและทำการปรับเปลี่ยนหัวหน้าเขตคนใหม่เข้ามาดูแลแทน รวมทั้งทำการรื้อระบบเก่าที่อีกฝ่ายเคยจัดการดูแลทิ้งแล้ววางระบบใหม่เข้าไปแทนที่ รวมๆ แล้วหลายปีที่ผ่านมาคาชิมะถูกมันโกงกินไปไม่น้อย ยังไม่รวมเรื่องที่แอบค้ายาและค้ามนุษย์พื้นที่ที่เป็นกฎต้องห้ามของแก๊งอีกตอนแรกก็สงสัยว่าคนๆ เดียวที่ภรรยาจากไปนานแล้วมีภาระแค่ส่งเสียลูกสาวเรียนเมืองนอกแค่คนเดียวมันจะจำเป็นต้องใช้เงินมากอะไรขนาดนั้น แต่พอขุดไปขุดมาถึงได้รู้ว่ามันติดการพนัน ติดเหล้าติดยาและติดผู้หญิงอย่างหนัก เงินที่ได้ไปก็เอาไปลงกับอบายมุขพวกนั้นทั้งหมด ลูกแทบจะไม่เหลียวแล!แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย หลังจากที่ถูกพาตัวไปขังไว้ในคุกมืด.. สถานที่ที่มีไว้เพื่อกักขังคนทรยศ สองวันให้หลังร่างสูงก็ได้รับรายงานว่าผู้เป็นอาได้หลบหนีความผิดด้วยการใช้เข็มขัดผูกคอตัวเองกับลูกกรงสิ้นใจก่อนที่จะโดนเจ้าทาคิยะสำเร็จโทษไปก่อนแล้ว สภาพศพไม่น่าดูเท่าไรเพราะก่อนหน้านั้นคนของเขาที่สั่งให้คอยเฝ้าหน้าค
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 23"ฮ่าๆ ๆ เงินตั้งห้าสิบล้าน พี่แกยังกล้าโอนมาให้ฉัน ง่ายๆ แลกกับชีวิตไร้ค่าของแก ไม่น่าเชื่อ.. ฉันอุตส่าห์เป่าหูพวกแกให้เกลียดกันเพื่อหวังจะให้พวกแกหันมาฆ่ากันเอง แต่แม่งคงจะไม่มีวันนั้น.. เพราะแกมันโง่ทาคิยะ! แกมันขี้ขลาด! เหอะ คนแบบนี้น่ะหรออยากจะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง ถุ้ย! ฝันกลางวันอยู่หรือไงไอ้เด็กเหลือขอ! " เสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาด้วยความสะใจเมื่อลูกน้องเข้ามารายงานว่าได้รับเงินเรียกค่าไถ่จากหลานชายคนโตเรียบร้อย ก่อนที่น้ำเสียงหยามเหยียดจะพ่นคำดูถูกใส่หลานชายคนเล็กพร้อมกับยืนจ้องมองด้วยสายตาเกลียดชัง"สารเลว.. พวกผมเป็นหลานของอานะ! " คนที่ถูกจับมัดนั่งบนเก้าอี้ในสภาพสะบักสะบอมเลือดโชกขบกรามแน่นด้วยความโกรธจัด ถามหาความเมตตาลมๆ แล้งๆ จากคนที่มีสายเลือดร่วมกันครึ่งหนึ่งด้วยความเจ็บใจ กว่าจะรู้สึกตัวว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือชำระความแค้นก็เสียรู้จนหมดสภาพ"หลานหรอ ฮ่าๆ ๆ ฉันนับญาติกับพวกแกที่ไหนกันเล่า ฉันเกลียดไอ้คาสึยะพ่อของแก เกลียดแก เกลียดพี่ชายของแก! พวกแกมันมารชีวิต! ถ้าไม่มีพวกแกทุกสิ่งทุกอย่างก็จะต้องเป็นของฉัน!! " คาวามูระระเบิดอารมณ์
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 22"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าไม่ดีเลย" องศาถามขึ้นในตอนที่เดินทางกลับ เพราะคนตัวเล็กนั่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากร้านอาหารตามสั่งของพราวแล้ว สีหน้าก็ดูจะไม่สู้ดีนัก"เปล่าค่ะ ก่อนกลับพี่องศาพาขวัญแวะทำบุญหน่อยนะคะ" ของขวัญบอกปัดอย่างที่คิด แต่คนฟังก็ไม่ได้เซ้าซี้จะรู้ให้ได้ ทำเพียงพยักหน้ารับและแวะเข้าวัดตามคำสั่งเมื่อได้ทำบุญจิตใจที่ว้าวุ่นของร่างบางก็พอจะสงบลงมาได้บ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังแอบคิดอยู่.. ก็เรื่องของแป้งนั่นแหละ ไม่เชิงว่ารู้สึกผิดไปเสียทีเดียว แต่เป็นความสงสารและเห็นใจมากกว่า ในฐานะคนที่เคยแอบรักเขามาเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้กรณีของเธอก็ยังไม่เรียกว่าสมหวังนะ แค่ก้าวหน้ามากขึ้นเท่านั้น.."นี่.." น้ำเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยเรียกสติคนเหม่อให้หันมามอง แล้วก็ต้องแปลกใจว่าอีกฝ่ายกลับมาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกตัว.."..มาตั้งแต่เมื่อไรคะเนี่ย" เมื่อพิจารณาดีๆ แล้วของขวัญก็ต้องตกใจซ้ำอีก เพราะร่างสูงนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน เธอควรจะรู้สึกตัวบ้างเวลาพื้นโซฟามันยุบตามน้ำหนักเขา นี่ต้องเหม่อขนาดไหนถึงได้ไม่รู้สึกอะไรเลย.."ก็นานพอที่จะ
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 21"ตกลงอยากกินอะไร" ร่างสูงถามย้ำอีกครั้งเมื่อยังไม่ได้คำตอบตอนถามไปครั้งแรก คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมองด้วยรอยยิ้มแห้งๆ เมื่อรู้ตัวว่าละเลยคำถามของเขา ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ อย่างพิจารณา"อืม.. ขอเดินดูก่อนได้มั้ยคะ"แต่สุดท้ายก็ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ เพราะตลาดนัดกลางคืนแห่งนี้มีร้านอาหารเยอะมาก จนไม่สามารถเลือกได้ง่ายๆ มีทั้งร้านแบบที่เป็นร้านจริงๆ และเป็นโต๊ะเก้าอี้ตั้งข้างทางเดิน อาหารมากหน้าหลายตาที่คุ้นเคยถูกวางขายเรียงรายจนเลือกไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี.. จริงๆ เธอไม่อยากเข้าร้านหรูๆ ดูดีสักเท่าไร เพราะคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ตอนที่เคยไปเดินตลาดกับแม่เลยอยากนั่งร้านข้างทางมากกว่าทั้งคู่พากันออกเดินด้วยความตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะของขวัญ เธอพาคนตัวสูงแวะร้านนู้นร้านนี้ที่มีทั้งของกินและของใช้ที่น่าสนใจวางขาย ซึ่งจนแล้วจนรอดก็ไม่ได้กินข้าวกันสักทีเพราะเดินกินแต่ของว่าง ไส้กรอกบ้าง ขนมบ้าง น้ำหวานบ้างกะจุกกะจิกไปตลอดทาง แต่คนที่มาด้วยก็ไม่ได้ขัด ออกจะยิ้มบางเสียด้วยซ้ำเวลาที่เห็นแววตาเปล่งประกายและรอยยิ้มกว้างจนตาหยีของคนตัวเล็ก เขาคิดถูกที่พาเธอมาที่นี่ตามคำ
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 20"คะ คุณโทโมยะ.. อย่าค่ะ.." ของขวัญร้องห้ามปากคอสั่น เสียงขาดห้วงลมหายใจติดขัดเมื่อคนที่อุทิศตนเป็นเบาะรองนั่งให้ไม่ยอมอยู่เฉย.. เอาคางเกยบนศีรษะหรือจูบหอมมันเธอก็พอจะยอมได้ แต่ตอนนี้ริมฝีปากกับลมหายใจร้อนผ่าวของเขาเริ่มเลื้อยลงต่ำมาที่ท้ายทอยและซุกไซ้ลำคอของเธออย่างซุกซน"อะ อื้อ.. คุณ.." คำร้องห้ามมีผลลัพธ์ไปในทางที่เลวร้ายกว่าเดิมเมื่อไม่ใช่แค่จมูก ริมฝีปากหรือลมหายใจร้อนที่รุกรานร่างกายเธออีกต่อไป มือใหญ่ที่วางประสานกันอยู่ตรงหน้าท้องแบนราบเริ่มเลื้อยขึ้นมาจนถึงหน้าอก ความนุ่มนิ่มของก้อนเนื้อตรงนั้นดึงดูดให้เขาออกแรงบีบขย้ำมันอย่างเต็มไม้เต็มมือและ.. เต็มใจ! แม้จะมีเนื้อผ้าขวางกั้นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีน้อยลง มือบางวางทับลงบนหลังมือใหญ่หมายจะดึงออกไปทว่าเรี่ยวแรงไม่รู้หายไปไหน ยิ่งอีกฝ่ายบีบแรงเท่าไรพละกำลังของเธอก็ยิ่งหดหายลงไปเรื่อยๆ เขาเป็นตัวสูบพลังหรือไงเนี่ย.."อ๊ะ คุ๊ณ~" เสียงหวานเหินสูงด้วยความตกใจเมื่อยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ มืออีกข้างของเขาเลื่อนต่ำลงไป ลากผ่านท้องน้อยและมุดเข้าใต้ชายชุดคลุมอาบน้ำที่ใส่มาตั้งแต่เมื่อเช้า ของขวัญดิ้น
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 19โทโมยะตื่นก่อนในเช้าวันถัดมา.. คนข้างกายยังคงหลับสนิท ใบหน้าซีดขาวกว่าปกตินั้นทำให้เขาต้องวางมือลงบนหน้าผากเนียนเพื่อวัดไข้ เมื่อพบว่าปกติดีก็ก้าวลงจากเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างคนหลับก่อนเดินมาเก็บเสื้อผ้าที่หล่นอยู่ข้างเตียงไปใส่ในตะกร้าให้เรียบร้อยแล้วทำการอาบน้ำแต่งตัว ภายนอกที่ดูเฉยชาเป็นปกติแต่ใครจะรู้ว่าในหัวเขามีแต่เรื่องเมื่อคืนวนเวียนอยู่ตลอด.. ไม่รู้ว่ามันเร็วหรือช้าไปสำหรับความสัมพันธ์เรียบเรื่อยของเขากับร่างบาง แต่เขาก็ชอบที่มันเป็นแบบนี้ ชอบความรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ ที่หัวใจทุกทีที่คิดถึง..ร่างสูงยังคงมีงานล้นมืออีกเช่นเคย แต่วันนี้เขายกเลิกงานหรือนัดที่ต้องเดินทางออกไป เหลือไว้เพียงงานเอกสารแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น นั่นเพราะตั้งใจจะหยุดดูอาการของ 'เมียเด็ก' เดี๋ยวตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นเขามาดูดำดูดีจะเป็นเรื่อง..ของขวัญตื่นขึ้นมาในช่วงสาย.. แน่นอนว่าร่างกายปวดร้าวไปทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะขยับมากหรือน้อยก็ระบมไปหมด ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ มองเพดานกว้างสักพัก ภาพและเสียงทุกฉากทุกตอนที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไหลเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ แจ่มชัดในความรู้สึ