หลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จเเล้ว จรีภรณ์เดินขึ้นมาห้องนอนทันทีเพราะไม่อยากจะยุ่งเรื่องของคนในครอบครัวเท่าไหร่ ทว่าเสียงของคุณแม่สามีก็ดังจนผ่านผนังห้องเข้ามาจนน่าตกใจ อันที่จริงอยากจะบอกว่า ไล่ไปนอนที่ไหนก็ไปเถอะ ถึงยังไงเธอก็ไม่อยากจะนอนด้วยกันอยู่เเล้ว
จรีภรณ์เดินไปกลางห้องสำรวจรอบๆ พลางถอนหายใจออกมาและตกอยู่ในภวังค์ของตน ไม่รู้จะอยู่ในร่างนี้อีกนานเเค่ไหนกันเชียว ไม่รู้ว่าวิญญาณของพริมมาจะเป็นอย่างไร ทว่าตอนนี้รู้สึกกลายเป็นคนบาปที่แย่ง ร่างของผู้หญิงคนนี้ “พริมมา ฉันขอโทษนะ” จรีภรณ์พูดพลางยกมือขึ้นไหว้ด้วยความรู้สึกผิด วาบ…รอบผิวกายของเธอกลับรู้สึกเย็นเยือกในทันที เจ้าตัวยกมือลูบที่ต้นเเขนเบาๆ ก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเเละเปิดออก คุณพระ ! จรีภรณ์มองเสื้อผ้าตรงหน้า ถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ บอกทีว่าคืนนี้เธอต้องใส่ชุดนอนอันบางเบานอนกับผู้ชายคนนั้น ! “ใครจะกล้าใส่กัน !” หญิงสาวหยิบเสื้อผ้าเเต่ละชุดที่คิดว่าต้องไม่ใส่ออกมาจนหมดเเละ…มันก็หมดตู้ “แล้วคืนนี้ฉันจะใส่อะไรเนี่ย ลำพังแค่เดรสที่ใส่วันนี้ ลมวาบๆ ที่ขาจนแทบเดินไม่ออกเเล้ว !” จรีภรณ์อยากจะร้องไห้ เเต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเลือกหยิบชุดนอนเบาบางที่ดูปิดมิดที่สุดออกมา “ชุดชั้นในลายลูกไม้ ! ฮ่าๆ ลายลูกไม้” หัวเราะทั้งน้ำตา มือทั้งสองก็ไม่วายข้างหยิบชุดชั้นในสีชมพูออกมา เมื่อเลือกชุดนอนได้เเล้ว จรีภรณ์ก็จัดการเก็บเสื้อผ้าตัวอื่นยัดใส่ตู้เข้าที่เดิมเเล้วมองชุดที่ต้องใส่นอนวันนี้ ประตูห้องเปิดออก จรีภรณ์รีบซ่อนชุดอันน่าอายไว้ข้างหลังทันที สายตาคู่มองชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าขรึม หญิงสาวเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ “คนอะไรน่าต่อยชะมัด” บ่นพึมพำในปาก ก่อนจะเหลือบมองและหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานสิบนาที จรีภรณ์เดินออกมาในชุดนอนบางเบา แต่ชั้นนอกก็ยังเอาผ้าขนหนูคลุมเอาไว้ สายตาเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนปลายเตียง “จะนั่งถึงเช้าเลยไหมคะ ?” หญิงสาวเอ่ยถาม กตตน์หันมามองภรรยาที่ทำหน้ากวนใส่ “เรื่องของผม ถ้าคุณง่วงก็นอนไปก่อนเลย” “เรื่องของผม โธ่ ! คิดว่าอยากจะยุ่งนักหรือไง” เลียนเสียงชายหนุ่มพลางพูดบ่น ใช่ว่าอยากจะถามหรือสนทนาด้วยนักหรอก กตตน์มองอากัปกิริยาของหญิงสาว ก่อนลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเเละเข้าห้องน้ำไป จรีภรณ์ถอดผ้าขนหนูออกวางไว้ที่ปลายเตียง มองก่อนจะขึ้นเตียงนอนเปิดโทรทัศน์พลางๆ ให้ง่วง เปลี่ยนช่องนานเกือบสิบนาทีก็ยังตัดสินใจว่าจะดูช่องไหนเเน่ๆ ไม่ได้ หรือวันนี้ไม่มีอะไรจะให้ดูจริงๆ จนสุดท้ายมาตกอยู่ช่องซีรีส์เดิมๆ ที่เคยดูผ่านมาเเล้ว 'เราจะต้องตามจับฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ให้ได้ ไม่งั้นจะต้องมีเหยื่อมากกว่าหนึ่งราย' 'เเต่หลักฐานของเรานำไปสู่ตัวฆาตกรหรือผู้ต้องสงสัยไม่มากพอ' 'กลับไปที่หลักฐานที่เรามีอยู่ ไม่ว่ายังไงจะต้องตามจับเจ้าฆาตกรคนนี้ให้ได้' “ยังไม่นอนอีกหรือไง” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้น จรีภรณ์ละสายตาจากทีวีตรงหน้าหันมองเตรียมตอบเเต่ทว่า… “เฮ้ย ! อกอีแม่แตกกระจาย !” หญิงสาวอุทานออกมาเมื่อมอง ชายหนุ่มที่เดินออกมาเปลือยเปล่าท่อนบน มีเพียงผ้าขนหนูที่คลุมด้านล่างไว้ กตตน์มองคนตัวเล็กอุทานตาค้างด้วยความเเปลกใจ มันเป็นเรื่องปกติมากที่จะเดินออกมาในสภาพนี้เวลาอยู่กับพริมมา และเธอเองก็ชินนานเเล้ว ทำไมวันนี้ทำท่าทางเเปลกๆ หนำซ้ำยังอุทานคำที่ไม่เคยคิดจะพูดออกมา ชายหนุ่มส่ายหน้า ไม่สนใจอะไรตรงข้ามกับจรีภรณ์ที่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สายตาเผลอมองหุ่นอันน่าพิสมัยของเขาเสียเเล้ว หญิงสาวหลบตาเเละรีบปิดทีวีซุกตัวลงนอนใต้ผ้าห่มทันที ก็เเค่หุ่นดีเองน่าไอ้ต๋อมเอ๊ย ! ภูมิต้านทานเรื่องผู้ชายเเต่ไหนเเต่ไรก็ดีมาตลอดนี่นา กตตน์เปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยเเล้วจึงเดินมาที่เตียง น้ำหนักทิ้งลงบนเตียงทำให้จรีภรณ์สะดุ้งขึ้นขยับตัวถอยหนีจนแทบชิดปลายเตียงพลางหันมามองชายหนุ่ม “นี่คุณ…” “อะไร ?” กตตน์ถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ “คุณเกลียดฉันใช่ไหม ก็แยกลงไปนอนพื้นสิ” หญิงสาวรอชายหนุ่มตอบ เเต่เขากลับนิ่งไม่สนใจหนำซ้ำยังหลับตานอนสบายใจซึ่งต่างจากเธอที่พยายามข่มตาหลับเพราะเกิดมาเพิ่งจะเคยนอนร่วมเตียงกับผู้ชายก็วันนี้ล่ะ! ลมเย็นเยือกพัดผ่านผ้าม่านในห้องจนปลิวทั้งที่ก็ไม่ได้เปิดหน้าต่างเอาไว้ ก่อนจะปรากฏร่างโปร่งแสงของหญิงสาวขึ้น ใบหน้าสีขาวซีดเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำมากมาย ดวงตาดำหมองคล้ำเศร้าโศก ศีรษะด้านซ้ายเต็มไปด้วยเลือด เเม้กระทั่งชุดที่สวมอยู่ มือเรียวโปร่งแสงเอื้อมเข้าไปหา ทว่าดูเหมือนจะไกลห่างออกไปทุกที ปากขยับพูดอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครอาจได้ยิน ‘เอาสามีของฉันคืนมา!’แสงอรุณสอดผ่านม่านในยามเช้า หญิงสาวพลิกร่างซุกใต้ผ้าห่มหนีแสงด้วยความรำคาญ มือขยับเล็กน้อยแต่ก็ตกใจสะดุ้งตื่นทันทีเมื่อมือของ ชายหนุ่มทับอยู่ที่หน้าอกของเธอ“เฮ้ย !” จรีภรณ์เด้งตัวขึ้นดึงผ้าห่มและขยับเท้าออกแรงถีบทันทีตุบ ! ร่างของกตตน์ร่วงลงกระแทกพื้น ทำให้เขาตื่นขึ้นในทันที ชายหนุ่มขยับตัวร้องด้วยความเจ็บ เงยหน้าส่งสายตามองหญิงสาว“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย !” กตตน์มองพลางขยับตัวลุกขึ้น จากที่ง่วงอยู่ตอนนี้ตาสว่างขึ้นมาเลยจรีภรณ์มองคนตัวใหญ่ด้วยความไม่พอใจ ต่อให้จะไม่ใช่เจ้าของร่างนี้แต่แรกแต่เมื่อเธอมาอยู่ในร่างนี้แล้วไม่มีทางเด็ดขาดที่จะให้ผู้ชายโดนตัว ถึงแม้จะเป็นการไม่ตั้งใจก็ตามแต่เธอก็ไม่ชอบ“ฉันละเมอ !” หญิงสาวโกหกกตตน์มองหญิงสาวเเละไม่คิดว่าจะละเมอออกมาได้จงใจถีบตกเตียงจรีภรณ์มองหน้าเขาก่อนหันไปทางอื่น ไม่นานนักได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำจึงส่งสายตามองประตูพลางลอบถอนหายใจออกมา ก็ใครให้ใช้นอนไม่ดูเเบบนั้นกันเล่า สมควรโดนเเล้ว !หญิงสาวขยับตัวลงจากเตียง เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบชุดที่จะใส่ออกมา ครั้นมองเสื้อผ้าเเต่ละชุดตรงหน้าแล้วก็อยากจะร้องไห้ พริมมาไม่ชอบใส่กางเกงขายาวเลยหรือไงกั
“จะนอนก็นอนไปเถอะน่า !” หญิงสาวข่มเสียงพูดก่อนเดินมาวางกระเป๋าและหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำจรีภรณ์ล้างหน้าและยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเป็นเวลานาน แม้จะรู้ว่าผู้หญิงที่มองเห็นไม่ใช่ตัวเธอก็ตามทั้งรูปร่างหน้าตาทุกอย่างต่างกันโดยสิ้นเชิง...เธอรับรู้ถึงความหนาวจากลมที่พัดผ่านกายเธอเข้ามาได้ พลันหันมองว่ามีช่องลมหรือไม่ทว่าในห้องนี้ปิดหมดไม่มีแม้แต่รูหนูเข้า แล้วลมพัดเย็นเยือกนี้มาจากไหน ?แม้จะสงสัยแต่จรีภรณ์ก็ไม่ได้สนใจมากกว่าการถอดเสื้อผ้าของตนเองและลงแช่ในอ่าง…‘ออกไปซะ !’ เสียงสะท้อนดังขึ้น ทว่าไม่มีใครได้ยิน ร่างโปร่งปรากฏชัดเจนและมองไปยังหญิงสาวที่อาบน้ำอยู่ในอ่าง หยดน้ำตาจากขอบตา แดงก่ำไหลลงมาด้วยความเจ็บปวด‘เอาร่างของฉันคืนมา !’แม้ว่าจะพูดดังแค่ไหนอีกฝ่ายก็ไม่มีทางได้ยิน วิญญาณสาวเคลื่อนเข้ามาหาจนแทบชิดติดใบหน้าของร่างตัวเอง...แต่ทว่าอีกฝ่ายนั้นมองไม่เห็น ทำได้เพียงแค่ตะโกนสุดเสียงทั้งที่ไม่มีใครได้ยิน‘ออกไปซะ ! ออกไป !’หญิงสาวเดินมาที่โต๊ะเครื่องแป้งหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมาเป่าให้แห้งและหวีผม ก่อนเดินไปที่เตียงขยับตัวขึ้นนอนด้วยความเหนื่อยล้าบรรยากาศคืนนี้ดูหนาวผิดปกติจาก
“อาว่าสินค้าตัวใหม่ของเราที่นำออกสู่ตลาดไป ยังไม่ค่อยได้รับผลตอบรับที่ดีมากนัก ถ้าจะขยายโรงงานในตอนนี้ อาว่าอย่าเพิ่งเลยจะดีกว่า” ธีทัตเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หลังจากที่กันตภณมีความเห็นคิดว่าการขยายโรงงานผลิตสินค้าเพิ่ม เพื่อผลิตสินค้าให้ทันต่อความต้องการของตลาดกตตน์นิ่งไม่แสดงความคิดเห็นอะไร ปล่อยให้พี่ชายเป็นฝ่ายเสนอ ถึงจะไม่ค่อยชอบการกระทำของอาธีทัตเท่าไหร่ แต่ก็เป็นถึงผู้อาวุโสและเพื่อนเก่าแก่ของบิดา“แต่สินค้าของเราเพิ่งจะวางออกสู่ตลาดได้ไม่นาน นอกจากนี้ก็ยังไม่เข้าถึงผู้บริโภคมากพอ ถ้าหากทำการโปรโมทการตลาด ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น น่าจะเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นนะครับ” หนึ่งในคณะกรรมการพูดแสดงความคิดเห็น“นั่นสิครับ สินค้าตัวอื่นๆ ที่วางขายก็ยอดดีเกินคาดหมด” คณะกรรมการอีกคนพูดเสริมทันทีไม่สำเร็จผล เพราะคณะกรรมการนั้นเห็นด้วยกับการตัดสินใจของกันตภณและกตตน์ ทำให้ธีทัตรู้สึกไม่ชอบใจที่ไม่มีใครคัดค้านเรื่องนี้ด้วย“งั้นเรื่องนี้รอหนูพริมมาอีกทีไหม…ยังไงก็เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน น่าจะให้เขามีส่วนกับการตัดสินใจด้วย” ธีทัตพยายามค้านให้ได้มากที่สุด “หลานสองคนมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง”กตตน์ถอ
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ กตตน์ไปส่งแพรวรุ้งก่อนกลับมาทำงานต่อที่บริษัท เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงาน เลขา ฯ ก็บอกว่าพี่ชายเข้ามารอพบอยู่ก่อนเเล้ว“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องมองพี่ชายที่นั่งรออยู่บนโซฟารับรอง เขาก้าวเข้ามาเเละนั่งลงฝั่งตรงข้าม“ออกไปกับแพรวรุ้งมาอีกใช่ไหม ?” กันตภณเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มองน้องชายด้วยความไม่พอใจ หากไม่ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของพนักงานคงไม่รู้เลยว่าเจ้าน้องชายออกไปทานมื้อกลางวันกับแพรวรุ้งอีกแล้ว หนำซ้ำฝ่ายหญิงยังมาหาเองถึงที่ด้วย“ครับ มีอะไร ?”“ช่วงนี้พริมไม่อยู่จะทำอะไรก็รักษาน้ำใจเมียเราบ้างนะ ถึงจะเป็นผู้หญิงที่เราไม่รักก็เถอะ” กันตภณตักเตือน“เรื่องนี้พี่ก็รู้ผมไม่สนใจ อีกอย่างถ้าไม่เพราะคุณแม่บังคับให้แต่งงานกับพริมมาเเล้ว…ผมคงไม่มีวันแต่งกับเธอ” กตตน์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“ถ้าไม่มีอะไรเเล้ว ผมจะทำงานต่อ”กันตภณถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนี้อีกกี่สิบครั้ง กตตน์ก็ไม่เคยสนใจเเม้เเต่น้อย คงได้เเต่หวังว่าสักวันหนึ่งจะรู้ตัวเองจริงๆ“เอาเถอะ พี่ไม่อยากยุ่งเรื่องนี้เท่าไหร่ เเต่ยังไงวันนี้ก็กลับมานอนที่บ้านด้ว
เป็นอีกคืนที่จรีภรณ์ไม่ได้นอน แม้จะบอกว่าหลับตาสนิทแต่ทว่าในใจกลับคิดหวาดระแวงมากจนเกินไป แม้กระทั่งเดินไปเข้าห้องน้ำกลางดึกยังไม่กล้าด้วยซ้ำไป จนต้องอดกลั้นรอถึงตะวันพ้นขอบฟ้า แล้วรีบจัดการกิจวัตรส่วนตัวในตอนเช้าให้เสร็จอย่างรวดเร็วหญิงสาวไม่ได้แต่งหน้าตามที่มารวีสอนเลยสักนิดเพียงแค่ทา แป้งตลับก็มากเกินพอแล้ว หลังจากจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็เดินลงมาจากห้องพร้อมกับชายหนุ่มเพื่อรับประทานอาหารเช้า“พริม...เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือลูก ทำไมตาคล้ำแบบนั้น” บวรลักษณ์เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง นั่นเพราะว่าเมื่อคืนวานก่อนก็ไม่ได้นอน พอกลับมาเมื่อคืนก็ถูกวิญญาณของพริมมาหลอนจนไม่ได้นอนทั้งคืนอีกจรีภรณ์ยิ้มเจื่อนๆ โดยไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้น“แล้วแบบนี้จะไปทำงานไหวหรือคะคุณแม่ ? ให้ยัยพริมพักอีกสักวันจะดีไหม ?” มารวีเอ่ยขึ้นพลางมองน้องสะใภ้อย่างเห็นใจ ใบหน้าคล้ำซีดเซียวแทบไม่มีแรง“ก็ดีนะ ส่วนเรื่องงานที่เราบอกว่าต้องรอพริมตัดสินใจเพื่อประชุม เลื่อนไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้ยัยพริมใช่ว่าจะจำอะไรได้ด้วย” บวรลักษณ์พูดขึ้นลูกชายทั้งสองจึงตอบรับและทานข้าวเช้ากันอย่างเงียบๆ ในขณะที่จรีภรณ์กำลังคิดอยู่
ให้ตายสิ ! เธอรู้สึกอึดอัดเป็นบ้าเลยจรีภรณ์รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องมาเดินซื้อของพร้อมกับ ชายหนุ่ม เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ออกมาเดินข้างนอกพร้อมกับเขาและทุกคนในครอบครัว แต่ก็ไม่แย่เท่ากับในตอนนี้ที่ถูกหลอกและทิ้งให้อยู่กับกตตน์เพียงสองคนตามลำพังไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องเป็นแผนของคุณพี่สะใภ้แน่นอน คิดว่าการเดินเที่ยวด้วยกันลำพังสองคนจะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่ผิดถนัดเลยเพราะ ตาบ้าขี้เก๊กเดินไม่รอเธอ และเดินไปไม่มีจุดหมาย แค่เดินตามก็เหนื่อยจนไม่มีแรงพูดแล้ว รอหน่อยก็ไม่ได้ อย่าห้ามทันนะเดี๋ยวแม่ตบคว่ำเลยคอยดู !หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะมองหาเก้าอี้นั่งโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่ยังคงเดินนำไปเรื่อยๆ มองแผ่นหลังใหญ่จากหายไปกับฝูงชนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเธอจึงไม่คิดที่จะตามต่อ“เดินเข้าไป ขานี่ทำด้วยเหล็กหรือไง !” บ่นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง‘ทำไมไม่รีบตามไป’ พริมมาปรากฏกายขึ้นนั่งข้างๆ จรีภรณ์“เฮ้ย !” หญิงสาวสะดุ้งตกใจและขยับตัวออกห่างทันที‘เธอยังไม่ชินอีกหรือไง’“ให้ชินก็บ้าแล้ว” พูด
กว่าจะกลับถึงบ้านพระอาทิตย์ก็เกือบจะลับขอบฟ้า พอดีกับที่ทุกคนกลับมาหลังจากไปทำงาน จรีภรณ์เดินถือของเข้ามาในบ้านพลางส่งสายตามองชายหนุ่มร่างสูงและเบ้ปากให้ใส่ด้วยความหมั่นไส้“ทำไมไม่บอกว่าจะแวะซื้อของด้วยแม่จะได้ให้คนขับรถขับไปส่ง” บวรลักษณ์เอ่ยขึ้นในขณะที่เดินเข้ามาหา“นิดหน่อยเองค่ะ” หญิงสาวตอบก่อนจะวางของลงที่พื้นไม่ทันไรสาวใช้สองคนก็เดินเข้ามาหาเเละหยิบขึ้นเดินจากไป จรีภรณ์ไม่ทันจะอ้าปากบอกห้ามด้วยซ้ำว่าไม่ต้องช่วย เเต่เมื่อนึกขึ้นได้ก็ถอนหายใจออกมาลืมไป…พริมมาเป็นคุณหนูถึงเวลารับประทานอาหารเย็น โต๊ะถูกจัดเรียบร้อย กับข้าวแสน อร่อยจากแม่บ้านฝีมือดี จรีภรณ์นั่งฝั่งตรงข้ามกตตน์พลางเหลือบมองเป็นระยะ ตลอดที่ป้ามาลัยตัดข้าวใส่จาน ใบหน้านิ่งขรึมต่างจากที่เห็นเมื่อตอนเที่ยงโดยสิ้นเชิง เเต่ช่างปะไร ไม่ใช่เรื่องของเธอ มันดีซะอีกที่เขาไม่สนใจเพราะนั่นหมายถึงอิสระของเธอนั่นเอง“จริงสิพริม…พรุ่งนี้เราไปทำงานไหวใช่ไหม ?” บวรลักษณ์เอ่ยถามขึ้นในขณะที่หันมองลูกสะใภ้จรีภรณ์ไม่รู้ว่างานแบบไหนที่พริมมาทำ ตอนนี้
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้า หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อยหนีความรำคาญ มือยกเอื้อมขึ้นปิดนาฬิกาปลุก พลางหรี่ตามองว่าชายหนุ่มข้างตัวนั้นตื่นหรือยัง เมื่อไม่เห็นร่างสูงใหญ่ของกตตน์เเล้ว จรีภรณ์จึงรีบขยับตัวลุกขึ้นบิดคลายเมื่อยเเละลงจากเตียงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเลือกชุดที่จะใส่ออกทำงานในวันนี้ ต้องยอมรับว่าลืมนึกไปที่จะซื้อชุดทำงานมาด้วยเมื่อวาน หญิงสาวถอนหายใจออกมายอมรับชะตากรรม ร่างของพริมมาดูบอบบางเสื้อผ้าเเต่ละชุดก็ดูหรูสวยงาม ทว่าไม่ใช่รสนิยมของเธอเลยสักนิดรอไม่ถึงห้านาทีประตูห้องน้ำเปิดออก หญิงสาวเหลือบมองชายหนุ่มที่เดินออกมาเงียบๆ แล้วอดหมั่นไส้ในใจไม่ได้“วันนี้ช่วงเช้าผมจะไม่เข้าบริษัท คุณติดรถของพี่ไปเเล้วกัน”จรีภรณ์หันมองชายหนุ่ม นึกขึ้นได้ว่าหากไปทำงานเเบบนี้ถ้าไม่มีรถคงจะไม่สะดวกมากพอ อีกอย่างใช่ว่าเธอจะขับรถไม่เป็นเสียหน่อยมีเพื่อนช่วยสอนขับจนสอบใบขับขี่ผ่านอีกทั้งเวลาเที่ยวไกลๆ เธอก็มักเป็นคนขับให้ตลอด เพียงเเต่เมื่อก่อนเเค่เอาเงินเดือนเลี้ยงปากท้องก็แทบเเย่เเล้วเลยไม่มีปัญญาจะออกรถใหม่เเต่ถ้าเป็นตอนนี้คงไม่มีปัญหาหรอกมั้งที่จะออกรถคันใหม่ เ