Share

บทที่ 6 ไม่มีใครได้ยิน

“จะนอนก็นอนไปเถอะน่า !” หญิงสาวข่มเสียงพูดก่อนเดินมาวางกระเป๋าและหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ

จรีภรณ์ล้างหน้าและยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเป็นเวลานาน แม้จะรู้ว่าผู้หญิงที่มองเห็นไม่ใช่ตัวเธอก็ตามทั้งรูปร่างหน้าตาทุกอย่างต่างกันโดยสิ้นเชิง...

เธอรับรู้ถึงความหนาวจากลมที่พัดผ่านกายเธอเข้ามาได้ พลันหันมองว่ามีช่องลมหรือไม่ทว่าในห้องนี้ปิดหมดไม่มีแม้แต่รูหนูเข้า แล้วลมพัดเย็นเยือกนี้มาจากไหน ?

แม้จะสงสัยแต่จรีภรณ์ก็ไม่ได้สนใจมากกว่าการถอดเสื้อผ้าของตนเองและลงแช่ในอ่าง…

‘ออกไปซะ !’ เสียงสะท้อนดังขึ้น ทว่าไม่มีใครได้ยิน ร่างโปร่งปรากฏชัดเจนและมองไปยังหญิงสาวที่อาบน้ำอยู่ในอ่าง หยดน้ำตาจากขอบตา แดงก่ำไหลลงมาด้วยความเจ็บปวด

‘เอาร่างของฉันคืนมา !’

แม้ว่าจะพูดดังแค่ไหนอีกฝ่ายก็ไม่มีทางได้ยิน วิญญาณสาวเคลื่อนเข้ามาหาจนแทบชิดติดใบหน้าของร่างตัวเอง...แต่ทว่าอีกฝ่ายนั้นมองไม่เห็น ทำได้เพียงแค่ตะโกนสุดเสียงทั้งที่ไม่มีใครได้ยิน

‘ออกไปซะ ! ออกไป !’

หญิงสาวเดินมาที่โต๊ะเครื่องแป้งหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมาเป่าให้แห้งและหวีผม ก่อนเดินไปที่เตียงขยับตัวขึ้นนอนด้วยความเหนื่อยล้า

บรรยากาศคืนนี้ดูหนาวผิดปกติจากเมื่อวาน รอบผิวกายดูเย็นราวกับมีลมพัดผ่านตลอดทั้งที่หน้าต่างและม่านในห้องก็ปิดสนิท แอร์ที่เปิดก็ดูไม่ได้เย็นมากนัก จรีภรณ์ขยับตัวขึ้นนอนพลางยกมือสองข้างลูบที่ต้นแขน ก่อนจะหันมามองชายหนุ่มข้างตัวที่หลับไปแล้ว

จรีภรณ์ขยับตัวนอนลงคลุมผ้าห่มแล้วข่มตาหลับ ทว่าเสียงลมพัดจากหน้าต่างที่ห่างไม่ไกลจากเตียงดังมากจนทำให้ต้องหันไปมอง ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก เมื่อสายตากำลังจ้องมองหญิงสาวผมยาวตรงหน้า ร่างโปร่งแสงราวกับเงามืดในยามค่ำคืน ใบหน้าของวิญญาณสาวค่อยๆ เงยขึ้นมาและจ้องมาที่เธอ

“กรี๊ดดดดดด ผีหลอก !”

หญิงสาวตกใจขยับตัวถอยออกห่างโดยไม่รู้เลยว่ากำลังขึ้นทับตัว ชายหนุ่มเสียแล้ว กตตน์สะดุ้งตื่นเมื่อคนตัวเล็กกำลังปีนขึ้นทับตัวเขา

“เฮ้ย ! คุณทำบ้าอะไร !” เขาตกใจและพยายามผลักหญิงสาวออก แต่มือของเธอกลับยึดไว้แน่น หนำซ้ำยังก้มหน้าซุกแผ่นอกอีก

“ผีหลอก ผี...ฮือๆ” จรีภรณ์ไม่ได้สนใจเลยว่าเธอนั้นนอนทับอยู่บนตัวของกตตน์แล้ว ตอนนี้สนเพียงหญิงสาวผมยาวที่จ้องมองมาราวกับต้องการเอาชีวิต

กตตน์พยายามใจเย็นก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “ผี ?”

จรีภรณ์ยกมือชี้ไปทางหน้าต่างทั้งที่หน้าของเธอก็ยังซุกอยู่ที่อกของชายหนุ่ม ไม่แม้แต่จะหันมองตาม เขาถอนหายใจออกมาและหันไปมองตามทิศทางที่ภรรยาบอก ทว่าทุกอย่างนั้นดูปกติเรียบร้อยดี

“นี่คุณ” กตตน์เขย่าตัวเธอ “จะนอนกอดผมแบบนี้อีกนานไหม ?”

จรีภรณ์หรี่ตาขึ้นมอง สะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนรีบขยับตัวออกห่าง

จากชายหนุ่มทันที ทำอะไรไม่ถูกเพราะนอกจากจะอายที่ซุกอกเขาแล้วยังจะกลัวผีที่เจอเมื่อกี้นี้อีก

“คุณยังไม่หายดีใช่ไหม ? พรุ่งนี้ไปหาหมออีกทีดีเปล่า ผมว่าบางทีอาจจะ...”

“ว่าใครฮะ !” หญิงสาวเถียงกลับรู้ความหมายที่เขาพูด

“ฉันไม่ได้บ้านะ แต่ฉันเห็นผีจริงๆ”

กตตน์ถอนหายใจออกมา “งั้นคุณตั้งสติแล้วหันกลับไปดูใหม่”

จรีภรณ์ส่ายหน้ารัวๆ

“งั้นก็นั่งแบบนั้นไปทั้งคืน ผมจะนอนแล้ว” กตตน์ไม่ได้สนใจ หญิงสาว เขาขยับตัวลงนอนและพลิกตัวหันหลังให้ จรีภรณ์ก็ขยับตัวลงนอนโดยไม่คิดจะหันไปมองทางหน้าต่าง หนำซ้ำยังยอมขยับตัวนอนใกล้ๆ เขา อย่างน้อยมันก็น่าปลอดภัยมากกว่านอนห่างๆ

“นี่คุณ...คุณ...”

เขาหลับไปแล้ว...หญิงสาวจึงข่มตานอน โดยที่ไม่ว่าได้ยินเสียงอะไรก็จะไม่ลืมตาตื่นขึ้นมามองเด็ดขาด !

วิญญาณสาวปรากฏตัวอยู่ที่ปลายเตียง สายตามองชายหนุ่มด้วยความอาลัยอาวรณ์ พลันมองนานก็น้ำตาไหลออกมา พยายามเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มและกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและทรมาน

‘คุณกตตน์...ช่วยพริมด้วย !’

ตื่นเช้ามาไม่ต่างจากผีดิบเท่าไหร่เลย ใบหน้าดูหมองคล้ำโทรมอย่างหนัก สาเหตุมาจากเมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะมัวแต่หวาดระแวงเสียงลมพัด เสียงอะไรเล็กๆ ที่แว่วเข้าหูตลอดที่นอน แม้จะไม่ลืมตาขึ้นมาดูแต่ก็นอนคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่มจนถึงเช้า

ใครว่าเธอชอบดูหนังฆาตกรรมแล้วไม่กลัวผีบ้างล่ะ ! ชอบน่ะก็ชอบที่เป็นแนวสืบสวน แต่แนวผีเน้นๆ ขอลาเลย

จรีภรณ์มองร่างของพริมมาที่สะท้อนอยู่ในกระจกอย่างสมเพช หน้าตาออกมาจะดูดี แต่ไม่นอนเพียงคืนเดียว ก็พาตกใจได้เหมือนกัน

กตตน์เดินออกจากห้องน้ำหันมองหญิงสาวก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย

“เมื่อวานไม่ได้นอนหรือ ?”

จรีภรณ์หันมองชายหนุ่มแล้วเบ้ปากใส่ทันที ก็ใช่น่ะสิตาบ้า ! จะนอนหลับได้ยังไง เสียงลมพัดก็น่ากลัว ไหนจะเสียงสุนัขหอนอีก ใครจะไปหลับลง !

“วันนี้แต่งหน้าหน่อยก็ดีนะ” กตตน์เอ่ยขึ้นพลางหัวเราะในลำคอ

“รู้แล้วน่า !” จรีภรณ์ส่งสายตามองด้วยความขุ่นเคืองก่อนจะหันไปยังโต๊ะเครื่องแป้งแล้วมองเครื่องสำอาง

ฮ่าๆ แต่งหน้า ! คนอย่างจรีภรณ์แต่งหน้าเป็นซะที่ไหนเล่า ! แม้มือจะหยิบตลับแป้งขึ้นมาแต่ทว่าต้องยอมรับจริงๆ ใช้ไม่เป็น ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี

“นี่คุณ…คุณแต่งหน้าเป็นไหม ?”

จรีภรณ์หันหาชายหนุ่มที่กำลังใส่ชุดเตรียมไปทำงาน

กตตน์ทำหน้านิ่งขณะที่มือจัดเนกไทโดยไม่สนใจหญิงสาว จรีภรณ์เดินเข้าไปหาดึงมือเขาที่จัดเนกไทอยู่ออกแล้วจัดให้อย่างสบายๆ

“เสร็จเเล้ว…” หญิงสาวพูดด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะส่งตลับแป้งให้ชายหนุ่ม

“ผมก็แต่งหน้าไม่เป็น แต่ผมจะให้พี่เมย์ขึ้นมาสอนคุณ” เมื่อพูดจบก็เดินมาหยิบกระเป๋าทำงานออกจากห้องไป ทางจรีภรณ์ได้แต่มองประตูปิดลงด้วยความไม่พอใจ

“ไอ้ขี้เก๊ก !”

หญิงสาวกำลังขยับตัวแต่รับรู้ถึงลมเย็นๆ ที่พัดผ่านไปมา หน้าต่างก็ปิดอยู่ไม่มีลมเข้า เพราะเปิดเพียงผ้าม่านเท่านั้น แล้วลมมาจากไหนกันล่ะ !

หรือว่า…ผีเมื่อวาน !

ขาทั้งสองข้างของจรีภรณ์สั่นจนเดินไปไหนไม่ออก หญิงสาวรับรู้ถึงบางสิ่งที่กำลังเข้ามาหาเธอ บรรยากาศในตอนนี้ แสดงถึงความเศร้าโศก โดดเดี่ยวและอาลัย รุมเร้าไปรอบกาย ความรู้สึกเดียวกันกับที่สัมผัสเมื่อคืน…นี่จะโดนผีหลอกแต่เช้าเลยหรือเนี่ย !!

‘ออกไปซะ…ออกไป…!’

เสียงสะท้อนดังเข้าที่โสตประสาตของหู หญิงสาวมั่นใจว่าไม่ได้หูฝาดเป็นแน่ จรีภรณ์ขาสั่นทรุดลงกับพื้นและรีบยกมือขึ้นไหว้

“อย่ามาหลอกเลย ฮือๆ ฉันจะทำบุญไปให้…นะ…” จรีภรณ์พูดออกมาโดยไม่คิดจะเงยหน้ามองสิ่งรอบตัว

“ยัยพริม…”

“กลัวแล้ว ฮือๆ”

“ยัยพริมนี่พี่เอง…ยัยพริม !”

จรีภรณ์ได้ยินเสียงของมารวีจึงหยุดร้องโวยวายและค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองช้าๆ แต่ก็ไม่วายที่จะจับเนื้อจับตัวอีกฝ่ายให้เเน่ใจ

“เป็นอะไรไป ?” มารวีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“เมื่อกี้…” จรีภรณ์แทบอยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ทว่ามารวีส่ายหน้าถอนหายใจออกมา

“เอาเถอะ ลงไปกินข้าวเช้าก่อน”

จรีภรณ์เพียงพยักหน้าเดินออกจากห้องไปพร้อมกับมารวี

ร่างโปร่งแสงปรากฏขึ้นอีกครั้งทั้งน้ำตา ส่งสายตามองไปที่ประตูด้วยความอาวรณ์

‘พี่เมย์…พริมอยู่นี่ ! ช่วยพริมด้วย...!’

วิญญาณสาวร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด ทว่าไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครรู้เลยว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่...พริมมา !

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status