หญิงสาวหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเปิดอ่าน จะว่าเข้าใจก็เข้าใจ จะว่ามีส่วนที่ไม่เข้าใจก็มีอยู่
‘เธอจะนั่งทำอะไร !’ เสียงคุ้นหูดังขึ้นทำให้จรีภรณ์นิ่งแข็งเป็นหินไม่กล้าขยับตัวพริมมาตามเธอมาด้วย ! อยากจะร้องไห้วิ่งหนีเลยในตอนนี้‘เปิดอ่านเอกสารเก่ามาอ่านก่อนสิ’“อะ…อืม !” จรีภรณ์รีบทำตามทันที ทว่าจะให้เซ็นได้อย่างไร ลายเซ็นของพริมมาไม่ใช่ลายเซ็นของเธอ “จะให้ฉันเซ็นยังไง...”จรีภรณ์หันไปพูดกับอีกฝ่ายอย่างลืมตัว สีหน้าของวิญญาณสาวดู ซีดขาวน่าตกใจ แต่ก็ยังดูสยองอยู่ดีถึงแม้ว่าจะไม่มีรอยเลือดหรือแผลที่น่ากลัว“ฉัน…”‘เปิดหาในเอกสารดูลายเซ็นเก่าๆ ที่ฉันเคยเซ็นไว้’ น้ำเสียงพริมมาดูเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย ทำให้จรีภรณ์ดูสงบสติลง“หมาย...หมายถึงจะให้ฉันเซ็นแทนเหรอ ?”‘เธออยู่ในร่างฉันนะ จะให้ใครที่ไหนเซ็นอีกละ’ เสียงของพริมมาดังก้องไปทั่ว จรีภรณ์ไม่รอช้าที่จะเดินไปตู้เอกสารเพื่อค้นหาดูลายเซ็นเก่าๆของพริมมาทันที มือไม้สั่นแทบควบคุมไม่อยู่ เมื่อพริจรีภรณ์หอบจนแทบหายใจไม่ทัน ไม่เคยรู้สึกเดินแล้วเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะร่างของพริมมาที่อ้อนแอ้นบอบบาง ไม่ถึกเหมือนร่างของเธอจึงยังไม่ชิน สายตาคู่มองไปยังเบื้องหน้าเมื่อเห็นชายหนุ่มเปิดประตูขึ้นรถ ครั้นกำลังจะก้าวเดินตามไปก็ต้องหยุดชะงักลง...พริมมานั่งอยู่ที่เบาะหน้าข้างกตตน์ !เอาแล้วไง เมียสุดรักมาแล้วจรีภรณ์ตัดสินใจลำบากและยังไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป เพราะว่า พริมมานั่งอยู่ตรงที่นั้นและสายตาก็เอาแต่มองกตตน์ด้วยความอาลัยกตตน์มองภรรยาที่ยืนอยู่นอกรถไม่ยอมเดินมาสักที ชายหนุ่มจึงเปิดกระจกลงและพูดขึ้นว่า“คุณจะกลับบ้านเองใช่ไหม ?”“เปล่า ! ฉันแค่...” จรีภรณ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเข้าไปปรากฏว่าพริมมาหายไปแล้ว หญิงสาวรู้สึกโล่งอกจึงรีบเปิดประตูรถและขึ้นนั่งทันทีกตตน์ขับรถออกไปโดยที่นั่งเงียบๆ ราวกับว่ามีเขาอยู่เพียงคนเดียว บรรยากาศแบบนี้ทำให้จรีภรณ์รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก อยากจะคุยแต่ไม่รู้ว่าจะชวนเขาพูดเรื่องอะไรดี ได้เพียงแค่ถอนหายใจเหลือบมองและเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้เท่านั้นนั่งอยู่ในรถด้วยความหนาว
[คุณเป็นใคร ?]“แล้วคุณเป็นใครคะ” จรีภรณ์ใจเย็นถามอย่างสุภาพ[ฉันเป็นแฟนไม้ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ ?]แค่ฟังเสียงจรีภรณ์ก็รู้สึกได้ว่าไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้ หล่อนไม่รู้หรือไงว่าพริมมาแต่งงานแล้ว ! หญิงสาวอดที่จะรู้สึกโมโหแทนไม่ได้“ฉันเป็นเมียของแฟนคุณค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไปทันที พลางหันมองพริมมาที่กำลังยืนนิ่งแข็งราวกับรับความจริงนี้ไม่ได้“ไม่ทราบว่ามีอะไรคะ ?”[เอ่อ...ไม่มีค่ะ]เมื่ออีกฝ่ายพูดจบก็ตัดสายทิ้งไปในทันที ไม่มีการสนทนาต่อ ไม่รู้ว่าต้องการอะไร แต่ที่แน่ๆ คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นที่เธอเห็นในร้านอาหารวันนั้นจรีภรณ์ถอนหายใจออกมาวางโทรศัพท์ลงที่เดิม คิดแล้วก็อดสงสาร พริมมาไม่ได้เพราะเจ้าตัวเอาแต่ร้องไห้และก็หายไปกับความมืด จะให้พูดปลอบใจเช่นไรกัน มันไม่มีประโยชน์เพราะยังไงกตตน์ก็คงไม่หันมารักง่ายๆประตูห้องน้ำเปิดออกมาหญิงสาวหันมองชายหนุ่มที่เดินออกมาในชุดคลุม“เมื่อกี้แฟนคุณโทรมา” จรีภรณ์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่ากตตน์ กลับมองด้วยความขุ่นเคืองทันที เขารีบสาวเท้าเดินเข้ามา
“คุณแม่คะ พริมขอตามไปด้วยจะได้ไหมคะ ? คือพริมยังอยากจะลองเรียนรู้งานใหม่ด้วยน่ะค่ะ...” จรีภรณ์พูดเสียงแผ่วลงเรื่อยๆ เหลือบมองชายหนุ่มแล้วพูดต่อ “แต่ถ้าคุณกตตน์ไม่สะดวกใจ ก็ไม่เป็นไร...”บวรลักษณ์มองลูกสะใภ้และยิ้มออกมา“ก็ไปด้วยกันสิ แม่จะห้ามทำไมกัน”จรีภรณ์ยิ้มให้ชายหนุ่มพลางมองหน้าเป็นเชิงถามว่า “แล้วคุณล่ะ”“ผมยังไงก็ได้” กตตน์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่หญิงสาวเหลือบมองพริมมาที่ยืนอยู่ อีกฝ่ายส่งยิ้มให้ก่อนที่จะหายไปกตตน์ขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะโดยที่ไม่พูดอะไร จรีภรณ์มองอย่างไม่ ใส่ใจและนั่งทานอาหารต่อเงียบๆ“คุณแม่คะ ดูตาไม้สิ ทำตัว...” มารวีพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองบวรลักษณ์ทำได้เพียงส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าลูกชายคนเล็กจะหัวแข็งดื้อไปถึงไหนกันเกือบเที่ยงแล้วพอดีกับที่งานเสร็จในช่วงเช้า หญิงสาวเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้พลางถอนหายใจออกมา สายตาคู่เหลือบมองเวลาก่อนขยับตัวลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องทำงานทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องก็มอ
พริมมาได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ทั้งโกรธทั้งแค้น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แค่มองชายที่รักอยู่กับหญิงคนอื่นจรีภรณ์มองพริมมาที่ยืนนิ่งร้องไห้แล้วค่อยๆ หายไป ก่อนหันมอง กตตน์และแพรวรุ้งที่ยืนจ้องหน้ากันเฮ้อ...ก็แค่วันนี้นะที่ยอม !หญิงสาวเดินเข้าไปหาเอื้อมมือควงที่แขนของชายหนุ่มทันที“คุณกตตน์คะ ถ้าไม่รีบเดี๋ยวรถติดจะกลับไม่ทันทานมื้อค่ำพร้อม คุณแม่นะคะ” จรีภรณ์กัดฟันพูดพลางส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม สายตาจิกกัดทำนองว่า ‘จะเอายังไง ตอบ !’กตตน์รู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที แต่วันนี้พูดรับปากหญิงสาวไปแล้วว่าจะกลับบ้านด้วยกัน และเขาเองก็ไม่อยากผิดคำพูด แต่อีกใจก็ไม่อยากทิ้งให้แพรวรุ้งกลับเพียงลำพัง“แพรว วันนี้ผมคงไปส่งคุณไม่ได้”แพรวรุ้งเมื่อได้ยินก็หน้าเสียไปชั่วขณะ แต่ก็ยิ้มตอบชายหนุ่มทันที แม้จะไม่แสดงความรู้สึกโกรธหรืออิจฉา ออกมา แต่ทว่าในใจลึกๆ ก็ไม่พอใจอย่างมากที่ถูกปฏิเสธ...เป็นครั้งแรกที่เขาปฏิเสธเธอ !“ผมขอโทษ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาหาพอดีเป็นทางผ่าน” แพรวรุ้งฉีกยิ้มตอบ อีกฝ่าย “ถ
มายาปฏิพัทธ์เขียนโดย เฌอรินทิพย์บทนำ‘ถ้าแกยังไม่ยอมเลิกมีแฟนเป็นผู้หญิง ไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!!’เธอยังจำเสียงนี้ได้ดีและไม่มีวันลืม ไม่ว่ากี่ครั้งที่ปิดเทอมจากมหา’ลัย กลับบ้านมาก็มักจะโดนว่าแบบนี้ทุกครั้ง จนตอนนี้เรียนจบมาสองปีกว่าทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แล้ว ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนใจมารดาได้เลย ทุกวันหยุดปีใหม่ปีที่แล้วต้องคิดนานว่าควรจะกลับไปดีไหม?สุดท้ายก็กลับไปและ...‘ฉันเลี้ยงให้แกโตมาชอบผู้ชายด้วยกัน!’เป็นแบบนี้มาตลอดจนเมื่อหลายเดือนก่อนแม่เกิดป่วยกะทันหันและด่วนจากไป ทั้งครอบครัวตอนนี้จากสามคนเหลือเพียงคนเดียว คำสั่งเสียของแม่คือการที่ให้แต่งงานกับผู้ชายมีครอบครัวดีๆ ซึ่งมันแทบไม่มีวันเป็นไปได้เลย เธอไม่ได้รังเกียจผู้ชายแต่ทว่าการคบกับผู้หญิงด้วยกันมันก็ไม่ได้แย่อะไรมากมาย...อีกอย่าง ในทางตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกว่าสบายใจกว่ากันเยอะทีเดียว“น้องต๋อมอยากสั่งอะไรมาทานไหมครับ”จรีภรณ์หรือ ‘ต๋อม ’ส่ายหน้าแทนคำตอบนั่ง เธอตรงข้ามฝั่งรุ่นพี่หนุ่มที่ทำงานร่วมกัน แม้สายตาจะไม่ได้แสดงออกมาว่าเกลียดผู้ชาย แต่ท่าทางที่ดูเหินห่างก็พอบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่
เสียงพูดคุยดังเข้าผ่านหูของหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียง กลิ่นยาและน้ำหอมจากคนผสมกัน ทำให้ดมจนแทบอยากจะอ้วก ไม่นานนักเสียงที่น่ารำคาญก็ค่อยๆ หายไป จรีภรณ์พยายามปรือตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างช้าๆ มองไปยังเพดานสีขาวสะอาด ตอนนี้ก็พอจะเดาได้ว่าอยู่โรงพยาบาล เธอขยับปรับเปลือกตาเพื่อรับแสงก่อนจะมองเห็นพยาบาลที่กำลังเก็บของอยู่“ฟื้นแล้วหรือคะ ? ฉันจะไปตามคุณหมอมานะคะ”จรีภรณ์เพียงแค่พยักหน้าตอบเพราะยังคงมึนงงกับร่างกายอยู่หญิงสาวหลับตาลงในขณะที่พยาบาลเดินออกจากห้องไป กำลังพยายามนึกภาพก่อนเกิดอุบัติเหตุและก็จำได้ว่าดวงซวยที่ดันไปยืนอยู่ตรงนั้น จนถูกป้ายโฆษณาหล่นใส่เอาได้ ดีที่ยังไม่ตาย ไอ้ต๋อมเอ๊ย...เพิ่งเข้าโรงพยาบาลหนักๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกเลยประตูห้องเปิดเข้ามา เสียงมากมายก็ดังตามมาด้วยจรีภรณ์หันหน้าไปมองผู้มาเยือนที่ไม่รู้จัก“พริมฟื้นแล้วหรือลูก”หญิงสาวยิ่งคิ้วขมวดใหญ่มากกว่าเดิมเมื่อถูกหญิงวัยกลางคนทัก...ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ??“คุณหมอคะ เธอเป็นอะไรทำไมไม่ยอมพูดคะ”จรีภรณ์ยังคงมองด้วยความงุนงงทั้งที่อยากจะเปิดปากพูดว่ากำลังทักคนผิดแต่ทว่าไม่มีแรงมากพอได้แค่นอนนิ่งๆ มองดูคนแปลกหน้าต่อไป ส
กตตน์เดินเข้ามาในบ้าน หลังจากที่ไม่ได้กลับมานอนหลายคืน ด้วยเหตุที่อ้างว่าติดงานเยอะจึงอยู่พักที่คอนโดฯ ส่วนตัว สองเท้าก้าวยาวตรงผ่านห้องรับแขกไปทว่าเสียงของมารดาก็ดักขึ้นเสียก่อน“กว่าจะกลับมาได้ วันๆ ซุกตัวอยู่กับนังผู้หญิงแพศยานั่น”บวรลักษณ์กล่าวว่าลูกชายด้วยความโมโห ทั้งที่หาคนเหมาะสมให้แต่งงานด้วยแล้วยังจะไปหาผู้หญิงคนนั้นอีกกตตน์หันมาด้วยสีหน้านิ่งๆ แม้จะรู้สึกไม่พอใจที่กล่าวว่าแบบนี้“ผมกับแพรว เรารักกัน” คำพูดนี้พูดออกมาจากใจจริง ทว่า บวรลักษณ์ได้ยินแล้วไม่รู้สึกเห็นใจในความรักของลูกชายสักนิด“รักแกจริงใจ ! น้ำเน่า…ผู้หญิงแบบนั้นจะรักแก มันรักเงินของแกมากกว่าน่ะสิ !” บวรลักษณ์แทบเลือดขึ้นหน้า ทั้งที่บอกแล้วว่าผู้หญิงอย่างแพรวรุ้งไม่มีทางจริงใจได้ แต่ลูกชายก็ไม่ฟัง หนำซ้ำยังคิดจะแต่งเป็นเมียอีกกตตน์ไม่ฟังที่มารดาพูด เขาหมุนตัวเดินจากไปในทันที“กลับมาก่อนนะ ตาไม้”พูดไปก็เหมือนลมผ่านหูเมื่อลูกชายสุดที่รักเดินลับสายตาไปแล้ว บวรลักษณ์คิดแค่ว่าหากกตตน์แต่งงานเเล้วจะเลิกสนใจแพรวรุ้ง แต่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะวุ่นวายมากกว่าเดิม หนำซ้ำพริมมาต้องมาทนทุกข์จากการกระทำของลูกชายตัวดีอีก“พู
แสงอาทิตย์ลับของฟ้ามานานแล้ว ทว่าจรีภรณ์ยังคงนั่งอยู่เช่นเดิม สายตาทอดมองออกไปยังหน้าต่างจากมุมห้องพักตึกสูง หากว่านี้เป็นความฝันก็อยากจะรีบตื่นจากมันเสีย หญิงสาวคนนี้ร่างบอบบางเกินกว่าที่ตัวเองจะถนัดได้ ตัวเล็กผิวขาวน่าทะนุถนอม หากได้เจออาจจะต้องหลงชอบบ้าง แต่ทว่ามันไม่ชินเลยสักนิดกับการที่ต้องมาแบกหน้าอกสะบึ้มทั้งที่ก่อนหน้านั้น ร่างของเธอแบนเรียบเหมือนไม้กระดาน !ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีจรีภรณ์หันไปทางกระจกหน้าต่างแล้วยกมือขึ้นชี้หน้าตัวเอง“เธอเป็นใคร !!”น่าขันจริงๆ หรือว่านี่จะเป็นปีโคตรซวย โคตรชงใช่ไหม !แล้วตอนนี้ร่างของเธอละ อยู่ที่ไหนกัน ?หญิงสาวนั่งอยู่นานก่อนจะขยับตัวเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะข้างเตียงมา ตอนนี้ไม่รู้ว่าจำใครได้บ้าง เบอร์ของใครสักคนที่สามารถติดต่อถึงได้ ว่าร่างอยู่ที่ไหนฮิปโป...ตอนนี้ในสมองคงจะจำได้แค่เบอร์ของคนนี้ ไม่อยากจะโทร.ไปฟังเสียงชวนขนลุกนี้เลย มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ตอนนี้ความอยากรู้มากกว่าทุกสิ่ง จรีภรณ์รีบกดเบอร์ของชายหนุ่มและยกโทรศัพท์แนบหูทันที[สวัสดีครับ]หญิงสาวเงียบนิ่งไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดกับอีกฝ่ายยังไงดี“สวัสดีค่