“… คุณพูดว่ามีใครบางคนสอนวิชาสามบทแรกของการฝังเข็มให้กับเขาเหรอครับ? แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าคนคนนั้นเป็นใคร?” เจอรัลด์ถามด้วยความประหลาดใจ“ผมเองก็ไม่เคยพบกับเขามาก่อนเลยครับ คุณคลอฟอร์ด ผมแค่ได้ยินเรื่องราวของเขาจากคุณวิทซ์ เขาเล่าให้ผมฟังอีกว่า เขาได้เจอกับคนคนนั้นเมื่อไม่นานมานี้ เขามาหาคุณวิทซ์ที่กรมทหาร และขอให้คุณวิทซ์ช่วยนำของบางสิ่งไปไว้ให้เขาที่ไหนสักแห่ง”“เพื่อเป็นการขอบคุณ เขาจึงเสนอที่จะสอนสามบทแรกของวิชาฝังเข็มให้ แต่ถึงแม้ว่าชายลึกลับผู้นั้นจะไม่ได้มอบสิ่งนั้นเป็นรางวัลให้กับเขา ผมเชื่อว่าเขาก็ยังจะช่วยชายคนนั้นอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้ว ชายลึกลับคนนั้นก็ดูจะมีพลังที่แข็งกล้าพอที่จะได้รับความเคารพนับถือจากเขาอยู่แล้ว และไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม เขาคงไม่ใช่เด็กหนุ่มอย่างแน่นอน แต่ถึงผมจะพยายามคิดสักเท่าไร ผมก็คิดไม่ออกสักทีว่า ใครคือคนที่ทำให้คุณวิทซ์เคารพนับถือได้มากมายขนาดนั้น!” เจซอธิบายเมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของเจอรัลด์ก็เต้นแรง เขาพอจะเดาได้ว่าชายลึกลับผู้นั้นเป็นใครกันแน่‘... ชายลึกลับคนนั้นจะใช่ฟินน์เลย์หรือไม่? เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ร
หลังจากนั้น เจซก็เริ่มอธิบายรายละเอียดของอาการให้ฟัง พอเจอรัลด์ได้ฟัง ใจของเขาก็ถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ‘... อะไรนะ? อาการ…อาการเหล่านี้…ไม่ใช่อาการไข้หวัดธรรมดาแน่นอน! นี่มันอาการที่เกิดขึ้นกับฉัน ตอนที่โดนวิชากลืนกินดวงวิญญาณโจมตี! อาการที่เกิดขึ้นจะระบายเลือดและออกซิเจนบางส่วนในร่างกายออกไป! มันไม่ใช่แค่โรคภัยไข้เจ็บ แต่มันเป็นวิชามาร!’วิชากลืนกินดวงวิญญาณเป็นวิชาที่เขาเรียนรู้จากความทรงจำที่ถูกทิ้งไว้ในสมองของเขา เขารู้จักมันดี เพราะเขาถูกบังคับให้ใช้มันเพื่อช่วยในการหลบหนี เพราะมันไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านั้นแล้วในขณะนั้น‘แต่ทำไมถึงมีเด็ก ๆ มากมายที่ได้รับผลกระทบจากวิชากลืนกินดวงวิญญาณโดยไม่รู้สาเหตุแบบนี้? หรือมีใครคนอื่นที่รู้จักวิชานี้ด้วย…?’ เจอรัลด์คิดกับตัวเองด้วยความงุนงงอย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดถึงเรื่องนั้นตอนนี้ เขาควรจะไปหาเด็ก ๆ เพื่อตรวจดูว่า พวกเขากำลังถูกโจมตีโดยวิชากลืนกินดวงวิญญาณจริงหรือไม่“... เรามีเวลาไม่มากแล้ว! ผมจะไปกับคุณ!” เจอรัลด์พูด“ผมดีใจที่ได้ยินคุณพูดอย่างนั้นครับ คุณคลอฟอร์ด! พวกคณบดี และคนอื่น ๆ ก็กำลังประชุมเกี่ยวกับเ
ถึงแม้จะมีใครบางคนที่คิดต่าง แต่พวกเขาก็คงไม่กล้าที่จะออกความเห็น เพราะท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้พวกเขาอาจได้รับรางวัล และชื่อเสียงจากการคิดค้นวิธีการรักษาที่ได้ผล แต่ถ้าพวกเขากระทำการผิดพลาดขึ้นมา พวกเขาก็คงจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนชั่วร้ายไปตลอดชีวิตคงจะไม่มีใครอยากกลายมาเป็นแพะรับบาปของเรื่องนี้ด้วยความเต็มใจ“... ไม่มีใครอยากพูดอะไรเลยเหรอครับ…?” เซนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ในขณะที่กำลังกวาดสายตามองคุณหมอทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมและแน่นอน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา พวกเขาเอาแต่หลบสายตาทุกครั้งที่ถูกสายตาของคุณหมอจับจ้องมาเมื่อเห็นท่าทีของพวกเขาแล้ว เซนก็ได้แต่ถอนหายใจ อนาคตทางการแพทย์คงกำลังจะเดินทางมาถึงจุดจบแล้วเป็นแน่…อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังคิดว่าทุกอย่างได้พังทลายลงแล้ว ก็มีใครบางคนพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบว่า “ผมมีความคิดอะไรบางอย่างครับ”เมื่อได้ยินว่ามีใครบางคนต้องการที่จะแสดงความคิดเห็น แพทย์ทุกคนที่อยู่ในห้องก็หันไปหาที่มาของเสียงทันที คนคนนั้นนั่งอยู่ตรงมุมห้องตลอดเวลาที่ผ่านมา หากเขาไม่พูดอะไรสักอย่างออกมา ทุกคนก็คงไม่ได้ให้ความสนใจอะไรเขานอกจากทุกคนจะรู้
เจซรีบโน้มน้าวให้ทุกคนใจเย็นลง ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่หากจะให้พูดตามตรง แม้แต่ตัวเจซเองก็ยังแปลกใจที่ได้ยินเจออรัลด์พูดเรื่องการระบายออกซิเจนจากเลือดเด็กขึ้นมา เพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยแต่ถึงกระนั้น เขาได้เคยเห็นทักษะความสามารถของเจอรัลด์มาด้วยตาของตัวเอง เขาจึงเชื่อมั่นในตัวเจอรัลด์ และคิดว่าเขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่“ห๊า! เห็นไหมครับ คุณหมอแมบบ์? ผมบอกแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ! เขาไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย! เด็กขนาดนี้ จะไปรู้เรื่องอะไรได้! ใครได้ยินคำอธิบายของเขา ก็คงจะคิดว่าเขากำลังมาถ่ายทำภาพยนตร์!” วอลบริดจ์บ่นพึมพำอย่างไม่พอใจถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดเสียงดังชัดเจนนัก แต่ทุกคนในห้องก็ได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมาเห็นได้ชัดว่า วอลบริดจ์อิจฉาริษยาเจอรัลด์ หลังจากที่เขาได้เห็นบริแอนน่า หญิงสาวที่เขาหลงรัก และยังเป็นศิษย์น้องของเขา มองเจอรัลด์ด้วยความชื่นชม และนั่นก็ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเขา!ในเมื่อเจอรัลด์ทำให้เขาโกรธแค้น เขาจึงมีเจตนาที่จะทำให้เจอรัลด์รู้สึกอับอายต่อหน้าทุกคนเมื่อได้ยินคำพูดของลูกศิษย์ของตัวเอง เจซก็มีส
“ฮะ! นายหมายความว่าอย่างไร? ก็ได้ ถ้านายสามารถรักษาโรคนี้ได้จริง ฉันจะทำตามทุกอย่างที่นายสั่งให้ทำ!” วอลบริดจ์พูดถากถางเมื่อเขาเห็นว่าเจอรัลด์ตัดสินใจโดยไม่ได้ไตร่ตรองอะไรมากมาย เขาจึงคิดว่าเจอรัลด์ไม่มีทางที่จะช่วยเด็กทารกที่ใกล้ตายเหล่านั้นได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินทางไปที่ห้องกักกันผู้ป่วยพร้อมกับเจซและคณบดีมีเพียงคนแค่สามคนที่ได้รับอนญาตให้เข้าไปในห้องนั้น จากนั้นเจอรัลด์ก็เปลี่ยนชุด ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องพร้อมกันกับเจซและคณบดีในขณะนั้น เด็ก ๆ ได้หยุดร้องไห้กันหมดแล้ว และภายในห้องก็มีบรรยากาศที่เงียบสงัด เจอรัลด์สังเกตเห็นว่า ไม่เพียงผิวของพวกเขาจะมีสีดำคล้ำ แต่ร่างกายยังดูบวมช้ำ แถมริมฝีปากก็ยังแห้งแตกอีกด้วยเมื่อเห็นอาการที่สาหัสปางตายเหล่านั้นแล้ว เจอรัลด์ก็ยิ่งมั่นใจว่ามันเป็นผลมาจากวิชากลืนกินดวงวิญญาณอย่างแท้จริง! เขาเดาจากความเลวร้ายที่เห็นตรงหน้า เด็กเหล่านี้น่าจะรับเพียงสามส่วนสี่ของอิทธิฤทธิ์จากวิชากลืนกินดวงวิญญาณเท่านั้นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายของพวกเขาบวมช้ำ เจอรัลด์อธิบายได้ว่า น้ำให้ร่างกายของพวกเขาถูกดูดออกไปจนเกือบหมด เมื่อ
แม้แต่เจซเองก็กำลังร้องไห้ด้วยความดีใจ ความสุขที่แท้จริงของพวกเขาเกิดจากการได้เห็นเด็กทารกทั้งหมด กำลังจะมีชีวิตรอดปลอดภัยในตอนนี้!หลังจากตรวจดูทารกทุกคนอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ชายทั้งสองก็จับมือกัน ในขณะที่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเฮือกใหญ่ เพื่อระงับอาการตื่นเต้นของตัวเอง ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ!"คุณคลอฟอร์ดสามารถชุบชีวิตคนตายได้จริง ๆ!” ชายทั้งสองส่งเสียงเชียร์ด้วยความชื่นชมเจอรัลด์ยิ้มอย่างอ่อนแรงให้กับเสียงเชียร์ให้กำลังใจของพวกเขาคำชมเชยและชื่นชมไม่ได้มีความหมายสำหรับเขามากนัก ตราบใดที่เด็กทารกเหล่านั้นอาการดีขึ้นแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาสามารถบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จเมื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้เสร็จแล้ว จิตใจของเขาก็คิดถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องขึ้นมาทันที ใครคือตัวการที่กระทำเรื่องโหดร้ายทั้งหมดนี้ในเมืองเมย์เบอร์รี่? และคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่าเขา? หากเขายังหาตัวคนคนนั้นไม่เจอ เขาอาจจะเริ่มทำร้ายผู้อื่นอีกต่อไปอย่างแน่นอน!เขาจำเป็นจะต้องจัดการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว เพราะเขาได้ใช้กำลังภายในของเขาไปแล้วก่อนหน้านี้ ถึงเขาจะไม่แน่ใจว่าควีนน่าจะสามารถตรวจจับสัญญาณของเ
เพียงแค่แวบเดียวเขาก็รู้ว่าเธอเป็นใคร! เจอรัลด์ลงจากรถก่อนจะมองเธออย่างตั้งใจ จากนั้น เขาก็ตะโกนออกมาว่า “ดูเหมือนว่าศัตรูจะหนีกันไม่พ้นจริง ๆ!” อย่างไรก็ตาม ในวินาทีที่เขาพูดจบประโยค สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขายังคงจ้องมองเธอ และพูดว่า “ว่าแต่ว่า เธอเป็นคนที่ใช้วิชากลืนกินดวงวิญญาณกับเด็กทารกทั้งหมดเหล่านั้น ใช่หรือไม่” “อะไรกัน เธอคิดว่าเธอเป็นคนเดียวที่สามารถใช้เทคนิคนั้นได้หรือ ถึงกระนั้น น่าเสียดายที่เธอมาถึงเร็วเกินไป… ไม่เช่นนั้น ฉันคงได้ระบายออกซิเจนออกจากเลือดของเด็กทารกได้เยอะขึ้นกว่าเดิมในคืนนี้ เพื่อที่จะทำให้การฝึกฝนของฉันขึ้นสู่ระดับต่อไปได้!” หญิงชราตอบ ในขณะที่เธอค่อย ๆ ลุกขึ้น ตอนนี้เธอเผาสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเงินกระดาษเสร็จแล้ว! เธอหันไปมองเจอรัลด์ด้วยแววตาที่แน่วแน่และจริงจัง ก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันยอมรับว่าเธอมีพลังแข็งแกร่งจริง ๆ เจอรัลด์… ถ้าฉันไม่ประเมินเธอต่ำไปในตอนนั้น สมาชิกของกลุ่มพ่อมดศักดิ์สิทธิ์มากมายคงไม่ต้องตายด้วยน้ำมือของเธอ! ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน! ถ้าเธอรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับตัวเอง ก็แค่ตามฉั
“ป ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้…!” เสียงตะโกนจากตระกูลสมิททั้งสามคนที่ถูกลักพาตัว และกำลังอยู่ในอาการหวาดกลัวตะโกน ก่อนที่เทียร่าจะจู่โจมเจอรัลด์ ที่ในขณะนี้กำลังโชกเลือดอีกครั้ง ดูเหมือนริต้าจะตะโกนเสียงดังกว่าพ่อและแม่ของมิล่าเสียอีก“…ฮะ! ฉันไม่ยอมสิ้นเปลืองพลังของฉันไปกับขยะไร้ค่าอย่างนายหรอก! เพราะฉะนั้น… เฮ้ เชสเตอร์! เขาเป็นพี่ชายสุดที่รักของนายใช่ไหม? เร็วเข้า รีบมาฆ่าไอ้สารเลวคนนี้ ที่ไม่รู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับตัวเองทีเถอะ! ไม่ต้องกังวลเรื่องลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่หรอกนะ เพราะฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นเอง!” เทียร่าออกคำสั่งเห็นได้ชัดว่า คำวิงวอนขอความเมตตาของตระกูลสมิทไม่ได้ทำให้เทียร่ายอมอ่อนข้อลงเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกโกรธแค้นมากขึ้นกว่าเดิม!นอกจากนั้นแล้ว วิธีที่เทียร่าใช้ออกคำสั่งหลานชายของเธอ ทำให้มันดูเหมือนว่าเธอกำลังคุยกับสมาชิกธรรมดาทั่วไปของกลุ่มพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่หลานชายแท้ ๆ ของเธอ... หากคิดดูดี ๆ คำว่า 'สุนัข' น่าจะใช้อธิบายความสัมพันธ์ของเชสเตอร์กับเทียร่าในตอนนี้ ได้ดีกว่า สุนัขที่เชื่อฟังและดุร้าย… เขาแทบไม่มีความเป็นหลานชายคนเก่าของหญิงชราอีกต่อ