“… คุณพูดว่ามีใครบางคนสอนวิชาสามบทแรกของการฝังเข็มให้กับเขาเหรอครับ? แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าคนคนนั้นเป็นใคร?” เจอรัลด์ถามด้วยความประหลาดใจ“ผมเองก็ไม่เคยพบกับเขามาก่อนเลยครับ คุณคลอฟอร์ด ผมแค่ได้ยินเรื่องราวของเขาจากคุณวิทซ์ เขาเล่าให้ผมฟังอีกว่า เขาได้เจอกับคนคนนั้นเมื่อไม่นานมานี้ เขามาหาคุณวิทซ์ที่กรมทหาร และขอให้คุณวิทซ์ช่วยนำของบางสิ่งไปไว้ให้เขาที่ไหนสักแห่ง”“เพื่อเป็นการขอบคุณ เขาจึงเสนอที่จะสอนสามบทแรกของวิชาฝังเข็มให้ แต่ถึงแม้ว่าชายลึกลับผู้นั้นจะไม่ได้มอบสิ่งนั้นเป็นรางวัลให้กับเขา ผมเชื่อว่าเขาก็ยังจะช่วยชายคนนั้นอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้ว ชายลึกลับคนนั้นก็ดูจะมีพลังที่แข็งกล้าพอที่จะได้รับความเคารพนับถือจากเขาอยู่แล้ว และไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม เขาคงไม่ใช่เด็กหนุ่มอย่างแน่นอน แต่ถึงผมจะพยายามคิดสักเท่าไร ผมก็คิดไม่ออกสักทีว่า ใครคือคนที่ทำให้คุณวิทซ์เคารพนับถือได้มากมายขนาดนั้น!” เจซอธิบายเมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของเจอรัลด์ก็เต้นแรง เขาพอจะเดาได้ว่าชายลึกลับผู้นั้นเป็นใครกันแน่‘... ชายลึกลับคนนั้นจะใช่ฟินน์เลย์หรือไม่? เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ร
หลังจากนั้น เจซก็เริ่มอธิบายรายละเอียดของอาการให้ฟัง พอเจอรัลด์ได้ฟัง ใจของเขาก็ถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ‘... อะไรนะ? อาการ…อาการเหล่านี้…ไม่ใช่อาการไข้หวัดธรรมดาแน่นอน! นี่มันอาการที่เกิดขึ้นกับฉัน ตอนที่โดนวิชากลืนกินดวงวิญญาณโจมตี! อาการที่เกิดขึ้นจะระบายเลือดและออกซิเจนบางส่วนในร่างกายออกไป! มันไม่ใช่แค่โรคภัยไข้เจ็บ แต่มันเป็นวิชามาร!’วิชากลืนกินดวงวิญญาณเป็นวิชาที่เขาเรียนรู้จากความทรงจำที่ถูกทิ้งไว้ในสมองของเขา เขารู้จักมันดี เพราะเขาถูกบังคับให้ใช้มันเพื่อช่วยในการหลบหนี เพราะมันไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านั้นแล้วในขณะนั้น‘แต่ทำไมถึงมีเด็ก ๆ มากมายที่ได้รับผลกระทบจากวิชากลืนกินดวงวิญญาณโดยไม่รู้สาเหตุแบบนี้? หรือมีใครคนอื่นที่รู้จักวิชานี้ด้วย…?’ เจอรัลด์คิดกับตัวเองด้วยความงุนงงอย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดถึงเรื่องนั้นตอนนี้ เขาควรจะไปหาเด็ก ๆ เพื่อตรวจดูว่า พวกเขากำลังถูกโจมตีโดยวิชากลืนกินดวงวิญญาณจริงหรือไม่“... เรามีเวลาไม่มากแล้ว! ผมจะไปกับคุณ!” เจอรัลด์พูด“ผมดีใจที่ได้ยินคุณพูดอย่างนั้นครับ คุณคลอฟอร์ด! พวกคณบดี และคนอื่น ๆ ก็กำลังประชุมเกี่ยวกับเ
ถึงแม้จะมีใครบางคนที่คิดต่าง แต่พวกเขาก็คงไม่กล้าที่จะออกความเห็น เพราะท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้พวกเขาอาจได้รับรางวัล และชื่อเสียงจากการคิดค้นวิธีการรักษาที่ได้ผล แต่ถ้าพวกเขากระทำการผิดพลาดขึ้นมา พวกเขาก็คงจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนชั่วร้ายไปตลอดชีวิตคงจะไม่มีใครอยากกลายมาเป็นแพะรับบาปของเรื่องนี้ด้วยความเต็มใจ“... ไม่มีใครอยากพูดอะไรเลยเหรอครับ…?” เซนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ในขณะที่กำลังกวาดสายตามองคุณหมอทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมและแน่นอน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา พวกเขาเอาแต่หลบสายตาทุกครั้งที่ถูกสายตาของคุณหมอจับจ้องมาเมื่อเห็นท่าทีของพวกเขาแล้ว เซนก็ได้แต่ถอนหายใจ อนาคตทางการแพทย์คงกำลังจะเดินทางมาถึงจุดจบแล้วเป็นแน่…อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังคิดว่าทุกอย่างได้พังทลายลงแล้ว ก็มีใครบางคนพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบว่า “ผมมีความคิดอะไรบางอย่างครับ”เมื่อได้ยินว่ามีใครบางคนต้องการที่จะแสดงความคิดเห็น แพทย์ทุกคนที่อยู่ในห้องก็หันไปหาที่มาของเสียงทันที คนคนนั้นนั่งอยู่ตรงมุมห้องตลอดเวลาที่ผ่านมา หากเขาไม่พูดอะไรสักอย่างออกมา ทุกคนก็คงไม่ได้ให้ความสนใจอะไรเขานอกจากทุกคนจะรู้
เจซรีบโน้มน้าวให้ทุกคนใจเย็นลง ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่หากจะให้พูดตามตรง แม้แต่ตัวเจซเองก็ยังแปลกใจที่ได้ยินเจออรัลด์พูดเรื่องการระบายออกซิเจนจากเลือดเด็กขึ้นมา เพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยแต่ถึงกระนั้น เขาได้เคยเห็นทักษะความสามารถของเจอรัลด์มาด้วยตาของตัวเอง เขาจึงเชื่อมั่นในตัวเจอรัลด์ และคิดว่าเขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่“ห๊า! เห็นไหมครับ คุณหมอแมบบ์? ผมบอกแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ! เขาไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย! เด็กขนาดนี้ จะไปรู้เรื่องอะไรได้! ใครได้ยินคำอธิบายของเขา ก็คงจะคิดว่าเขากำลังมาถ่ายทำภาพยนตร์!” วอลบริดจ์บ่นพึมพำอย่างไม่พอใจถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดเสียงดังชัดเจนนัก แต่ทุกคนในห้องก็ได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมาเห็นได้ชัดว่า วอลบริดจ์อิจฉาริษยาเจอรัลด์ หลังจากที่เขาได้เห็นบริแอนน่า หญิงสาวที่เขาหลงรัก และยังเป็นศิษย์น้องของเขา มองเจอรัลด์ด้วยความชื่นชม และนั่นก็ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเขา!ในเมื่อเจอรัลด์ทำให้เขาโกรธแค้น เขาจึงมีเจตนาที่จะทำให้เจอรัลด์รู้สึกอับอายต่อหน้าทุกคนเมื่อได้ยินคำพูดของลูกศิษย์ของตัวเอง เจซก็มีส
“ฮะ! นายหมายความว่าอย่างไร? ก็ได้ ถ้านายสามารถรักษาโรคนี้ได้จริง ฉันจะทำตามทุกอย่างที่นายสั่งให้ทำ!” วอลบริดจ์พูดถากถางเมื่อเขาเห็นว่าเจอรัลด์ตัดสินใจโดยไม่ได้ไตร่ตรองอะไรมากมาย เขาจึงคิดว่าเจอรัลด์ไม่มีทางที่จะช่วยเด็กทารกที่ใกล้ตายเหล่านั้นได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินทางไปที่ห้องกักกันผู้ป่วยพร้อมกับเจซและคณบดีมีเพียงคนแค่สามคนที่ได้รับอนญาตให้เข้าไปในห้องนั้น จากนั้นเจอรัลด์ก็เปลี่ยนชุด ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องพร้อมกันกับเจซและคณบดีในขณะนั้น เด็ก ๆ ได้หยุดร้องไห้กันหมดแล้ว และภายในห้องก็มีบรรยากาศที่เงียบสงัด เจอรัลด์สังเกตเห็นว่า ไม่เพียงผิวของพวกเขาจะมีสีดำคล้ำ แต่ร่างกายยังดูบวมช้ำ แถมริมฝีปากก็ยังแห้งแตกอีกด้วยเมื่อเห็นอาการที่สาหัสปางตายเหล่านั้นแล้ว เจอรัลด์ก็ยิ่งมั่นใจว่ามันเป็นผลมาจากวิชากลืนกินดวงวิญญาณอย่างแท้จริง! เขาเดาจากความเลวร้ายที่เห็นตรงหน้า เด็กเหล่านี้น่าจะรับเพียงสามส่วนสี่ของอิทธิฤทธิ์จากวิชากลืนกินดวงวิญญาณเท่านั้นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายของพวกเขาบวมช้ำ เจอรัลด์อธิบายได้ว่า น้ำให้ร่างกายของพวกเขาถูกดูดออกไปจนเกือบหมด เมื่อ
แม้แต่เจซเองก็กำลังร้องไห้ด้วยความดีใจ ความสุขที่แท้จริงของพวกเขาเกิดจากการได้เห็นเด็กทารกทั้งหมด กำลังจะมีชีวิตรอดปลอดภัยในตอนนี้!หลังจากตรวจดูทารกทุกคนอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ชายทั้งสองก็จับมือกัน ในขณะที่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเฮือกใหญ่ เพื่อระงับอาการตื่นเต้นของตัวเอง ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ!"คุณคลอฟอร์ดสามารถชุบชีวิตคนตายได้จริง ๆ!” ชายทั้งสองส่งเสียงเชียร์ด้วยความชื่นชมเจอรัลด์ยิ้มอย่างอ่อนแรงให้กับเสียงเชียร์ให้กำลังใจของพวกเขาคำชมเชยและชื่นชมไม่ได้มีความหมายสำหรับเขามากนัก ตราบใดที่เด็กทารกเหล่านั้นอาการดีขึ้นแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาสามารถบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จเมื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้เสร็จแล้ว จิตใจของเขาก็คิดถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องขึ้นมาทันที ใครคือตัวการที่กระทำเรื่องโหดร้ายทั้งหมดนี้ในเมืองเมย์เบอร์รี่? และคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่าเขา? หากเขายังหาตัวคนคนนั้นไม่เจอ เขาอาจจะเริ่มทำร้ายผู้อื่นอีกต่อไปอย่างแน่นอน!เขาจำเป็นจะต้องจัดการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว เพราะเขาได้ใช้กำลังภายในของเขาไปแล้วก่อนหน้านี้ ถึงเขาจะไม่แน่ใจว่าควีนน่าจะสามารถตรวจจับสัญญาณของเ
เพียงแค่แวบเดียวเขาก็รู้ว่าเธอเป็นใคร! เจอรัลด์ลงจากรถก่อนจะมองเธออย่างตั้งใจ จากนั้น เขาก็ตะโกนออกมาว่า “ดูเหมือนว่าศัตรูจะหนีกันไม่พ้นจริง ๆ!” อย่างไรก็ตาม ในวินาทีที่เขาพูดจบประโยค สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขายังคงจ้องมองเธอ และพูดว่า “ว่าแต่ว่า เธอเป็นคนที่ใช้วิชากลืนกินดวงวิญญาณกับเด็กทารกทั้งหมดเหล่านั้น ใช่หรือไม่” “อะไรกัน เธอคิดว่าเธอเป็นคนเดียวที่สามารถใช้เทคนิคนั้นได้หรือ ถึงกระนั้น น่าเสียดายที่เธอมาถึงเร็วเกินไป… ไม่เช่นนั้น ฉันคงได้ระบายออกซิเจนออกจากเลือดของเด็กทารกได้เยอะขึ้นกว่าเดิมในคืนนี้ เพื่อที่จะทำให้การฝึกฝนของฉันขึ้นสู่ระดับต่อไปได้!” หญิงชราตอบ ในขณะที่เธอค่อย ๆ ลุกขึ้น ตอนนี้เธอเผาสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเงินกระดาษเสร็จแล้ว! เธอหันไปมองเจอรัลด์ด้วยแววตาที่แน่วแน่และจริงจัง ก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันยอมรับว่าเธอมีพลังแข็งแกร่งจริง ๆ เจอรัลด์… ถ้าฉันไม่ประเมินเธอต่ำไปในตอนนั้น สมาชิกของกลุ่มพ่อมดศักดิ์สิทธิ์มากมายคงไม่ต้องตายด้วยน้ำมือของเธอ! ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน! ถ้าเธอรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับตัวเอง ก็แค่ตามฉั
“ป ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้…!” เสียงตะโกนจากตระกูลสมิททั้งสามคนที่ถูกลักพาตัว และกำลังอยู่ในอาการหวาดกลัวตะโกน ก่อนที่เทียร่าจะจู่โจมเจอรัลด์ ที่ในขณะนี้กำลังโชกเลือดอีกครั้ง ดูเหมือนริต้าจะตะโกนเสียงดังกว่าพ่อและแม่ของมิล่าเสียอีก“…ฮะ! ฉันไม่ยอมสิ้นเปลืองพลังของฉันไปกับขยะไร้ค่าอย่างนายหรอก! เพราะฉะนั้น… เฮ้ เชสเตอร์! เขาเป็นพี่ชายสุดที่รักของนายใช่ไหม? เร็วเข้า รีบมาฆ่าไอ้สารเลวคนนี้ ที่ไม่รู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับตัวเองทีเถอะ! ไม่ต้องกังวลเรื่องลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่หรอกนะ เพราะฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นเอง!” เทียร่าออกคำสั่งเห็นได้ชัดว่า คำวิงวอนขอความเมตตาของตระกูลสมิทไม่ได้ทำให้เทียร่ายอมอ่อนข้อลงเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกโกรธแค้นมากขึ้นกว่าเดิม!นอกจากนั้นแล้ว วิธีที่เทียร่าใช้ออกคำสั่งหลานชายของเธอ ทำให้มันดูเหมือนว่าเธอกำลังคุยกับสมาชิกธรรมดาทั่วไปของกลุ่มพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่หลานชายแท้ ๆ ของเธอ... หากคิดดูดี ๆ คำว่า 'สุนัข' น่าจะใช้อธิบายความสัมพันธ์ของเชสเตอร์กับเทียร่าในตอนนี้ ได้ดีกว่า สุนัขที่เชื่อฟังและดุร้าย… เขาแทบไม่มีความเป็นหลานชายคนเก่าของหญิงชราอีกต่อ
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ