เขาถามทันที: “เทียนหยู่ ในเมื่อคุณรู้จักคุณชายเย่และเป็นคนพาเขามาที่นี่เพื่อจัดการตระกูลกงซุนแล้วทำไมเมื่อกี้ไม่ทักทายเขาหน่อยล่ะ”เย่เทียนหยู่ตกตะลึงเล็กน้อย เขาควรจะตอบเรื่องนี้ยังไงคุณแม่ตระกูลหลินเองก็ได้สติ เธอมองไปที่เย่เทียนหยู่โดยไม่พูดอะไร หรือว่าเมื่อกี้พวกเขาถูกหลอกหลินหว่านหรูเป็นกังวลเล็กน้อยและกำลังคิดวิธีหลอกพวกเขาแต่ในขณะนี้เอง เย่เซวียนปรากฏตัว เขาว่องไวมากราวกับสายอัศนีไม่มีผิดทุกคนในตระกูลหลินตกสะดุ้งเฮือก แต่คุณปู่หลินก็รีบพูดด้วยความเคารพ: “คุณชายเย่!”แต่ในสายตาของเย่เซวียนกลับไม่มีเขาอยู่เลย เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมอง “คุณหลิน ผมขอโทษด้วยนะ เมื่อครู่จู่ ๆ กงซุนมิ่วก็ลงมือ เขาพาหลานชายของเขากับพวกผู้มากฝีมือหนีไปแล้ว”“อะไรนะ!”พอทุกคนในตระกูลหลินได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเพราะยังไงกงซุนจื้อก็เกลียดพวกเขามาก โดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ และเย่เทียนหยู่ที่กงซุนจื้อเกลียดที่สุด ก็อยู่ที่จวนตระกูลกงซุน และมีแนวโน้มว่าพวกเขาจะบุกฆ่าเขาเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่ากงซุนจื้อจะถูกพาตัวไป แต่จริง ๆ แล้วเขาสามารถกำจัดการจับกุมและหนีไปด้วยต
แน่นอนว่าหลังจากท่านปู่หลินได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็น่าเกลียดสุด ๆ เขาหันไปจ้องหน้าเย่เทียนหยู่เขม็ง เตรียมพร้อมจะสั่งสอนเย่เทียนหยู่หลินหว่านหรูไม่กล้าให้คุณปู่ได้เอ่ยปาก เพราะถ้าคุณชายเย่รู้ว่าเย่เทียนหยู่กล้าแอบอ้างชื่อของเขา แถมยังใช้เขามาสร้างความดีความชอบให้ตัวเองเช่นเรื่องที่ว่าเย่เทียนหยู่เป็นคนเชิญคุณชายเย่มา ถ้าเป็นแบบนั้นคุณชายเย่ไม่โกรธถึงจะแปลก โดยเฉพาะเมื่อมองดูสีหน้าหยิ่งยโสราวกับเป็นหนึ่งในใต้หล้าของเขาเมื่อครู่“ปู่คะ แค่ล้อเล่นกันน่ะค่ะ”หลินหว่านหรูรีบรับคำทันที “คุณชายเย่ไปทำธุระก่อนเถอะค่ะ เราไม่รบกวนคุณดีกว่า”“เหอะ!”เย่เซวียนส่งเสียงเหอะอย่างเย็นชาก่อนจะออกไปทันที ถึงผู้หญิงคนนี้จะพอเข้าตาเขาอยู่บ้าง แต่กลับอยู่ไม่เป็นเอาเสียเลยรอจนเขาไปแล้ว เธอจะต้องเสียใจแน่แต่การจับกุมกงซุนจื้อในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาต้องออกมาจัดการภารกิจสำคัญถึงขนาดนี้เพียงลำพัง หากทำไม่สำเร็จ ก็คงทำให้ตระกูลที่อบรมสั่งสอนเขามาต้องผิดหวังดังนั้นเขาจึงไม่พูดพร่ำ และออกไปตามหาและจับกงซุนจื้อทันทีเขาเองก็คิดไม่ถึง ว่าตัวเองกลับเกิดสนใจผู้หญิงคนหนึ่งถึงขั้นตั้งใจกลับมาแจ้
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อาจจะทำได้ทั้งนั้นเพราะตอนนี้พวกเขาเป็นนักโทษหลบหนีของผู้อารักขาเฟยหลง ถ้าหากถูกจับได้คงไม่มีทางรอดชีวิตแต่ ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ว่าต้องทำอะไรก็อาจจะมีความเป็นไปได้ทั้งนั้นทันทีที่เย่เทียนหยู่จากออกมา โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น พอมองดูก็เห็นว่าหลิวซือซือโทรมา เขาจึงรับสาย“พี่เย่ ตอนนี้พี่สะดวกไหมคะ?” หลิวซือซือถามอย่างระมัดระวังโดยเฉพาะที่คราวก่อนเธอให้พี่เย่แสดงเป็นแฟนหนุ่มของเธอ จนทำให้ภรรยาของเขาเข้าใจผิด ไม่รู้ว่าตอนนี้คืนดีกันหรือยัง“สะดวกสิ มีเรื่องอะไรว่ามาได้เลย” เย่เทียนหยู่พูด“พี่ พี่คืนดีกับเธอหรือยังคะ” เพราะแม่ของเธออยู่ข้างๆ หลิวซือซือจึงไม่กล้าพูดตรงเกินไป เพราะถึงยังไงพ่อกับแม่ก็ยังไม่รู้ว่าพี่เย่มีภรรยาแล้ว“ไม่มีอะไรแล้วละ นี่โทรมาถามเรื่องนี้เหรอ ไม่ต้องกังวลหรอกครับ”“ไม่ใช่นะ!”หลิวซือซือรีบพูด “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ!”“เรื่องอะไร?”“เมื่อวานซ่งหยาง คุณชายตระกูลซุนมาที่บ้านเราด้วยตัวเองค่ะ แถมยังเอามอบวิลล่าที่เขตหงติ่งให้ด้วย บอกว่าเป็นของขวัญขอโทษ”หลิวซือซือพูดเมื่อวานตอนเช้า ซ่งหยางเอากุญแจวิลล่ามาให้ด้วยตัวเองพร้อมกับของ
เมื่อเห็นท่าทางที่มุ่งมั่นของลูกสาว แม่ตระกูลหลิวก็เปลี่ยนท่าทีในพริบตา และเริ่มขอร้อง “เทียนหยู่บอกว่าได้แล้วนะ ซือซือ ถึงลูกจะไม่อยากรับไว้ แต่แม่ทำงานหนักมาทั้งชีวิต ก็ถือซะว่าเป็นการเลี้ยงแม่ยามแก่ไม่ได้เหรอ?”“หรือลูกอยากเห็นพ่อทำงานหนักไปทั้งชีวิตหรือไง?”“หนูจะหาเงินมาเลี้ยงทุกคนเองค่ะ”“ด้วยเงินเล็กน้อยของลูกน่ะเหรอ แล้วแม่จะได้อยู่วิลล่าเมื่อไร” แม่ตระกูลหลิวตอบโต้ และยังพูดด้วยความกังวลต่ออีกว่า “ซือซือ นี่มันมาถึงมือลูกแล้วลูกยังไม่รับ อยากจะบังคับแม่หรือยังไง”“ไม่ใช่นะคะ!”หลิวซือซือยิ้มอย่างขมขื่นและพูดอย่างช่วยไม่ได้: “แม่ ไม่ใช่ว่าหนูไม่อยากรับหรอกนะคะ แต่ว่ามัน ใช่ คือเราไม่ได้เป็นสามีภรรยากันนะคะ”“ไม่ใช่สามีภรรยากัน แต่เป็นแฟนกันจะให้ของขวัญกันก็เป็นเรื่องปกติ เทียนหยู่มีฐานะเป็นถึงอะไร การที่เขามอบวิลล่าให้ก็เหมือนคนทั่วไปมอบของเล็กๆ น้อยๆ ให้นั่นละ” แม่ตระกูลหลิวกล่าว“แต่เรา ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ ด้วยซ้ำค่ะ” หลิวซือซือไม่มีทางเลือกอื่น ต่อให้พ่อแม่จะดุด่าเธอ เธอก็ต้องยอมเพื่อจะอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนไม่อย่างนั้นแค่รับวิลล่ามาจะเป็นอะไรไปทันทีที่สิ้นคำพ
แม่ตระกูลหลิวร้อนใจจนใช้ความตายเข้าขู่หลิวซือซือทำอะไรไม่ถูกจริงๆ แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นคุณแม่ตระกูลหลิวก้าวไปข้างหน้าและเปิดประตูทันที ผู้มาเยือนคือซ่งหยางตามดังที่คาดไว้ เธอต้อนรับซ่งหยางเข้ามาด้วยในด้วยความตื่นเต้นดีอกดีใจทันที เพราะเธอรู้เหตุการณ์ต่อจากนี้เป็นอย่างดีมาถึงตอนนี้ หลิวซือซือก็ไม่ได้ห้ามอีกต่อไป เธอคิดว่าถึงยังไงพี่เย่ก็พูดแล้ว รวมกับคำขู่ของแม่เมื่อครู่นี้ เธอหมดหนทางจริงๆสิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลังจากได้ฟังคำพูดของแม่แล้ว หลิวซือซือก็รู้สึกว่าพี่เย่ชอบเธอเหมือนกันในเมื่อพี่เย่ชอบเธอ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะยอมรับไว้ อย่างมากถ้าพี่เย่ต้องการตัวเธอเมื่อไร เธอก็แค่ยอมอุทิศร่างกายให้เขาไปก็พอเป็นที่แน่ชัดว่าเย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าคำพูดสบายๆ ของเขาจะทำให้สองแม่และลูกทะเลาะกันอยู่นาน หลังจากที่เขาขึ้นรถ เขาก็โทรออกสองสามสาย ให้พวกเขาบอกสถานที่ที่กงซุนจื้อซ่อนตัวอยู่มาเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตามหาตำแหน่งของพวกกงซุนจื้อเจอคนพวกนี้ซ่อนเก่งจริงๆ ทำเรื่องสวนทางกับที่ชาวบ้านเขาทำกันหมด ถึงกับกล้าซ่อนในโรงแรมสุดหรู แถมยังจองเป็นห้องเพรสซิเดน แล้วยังอยู่รว
หลังจากที่เสียงนั้นดังขึ้น สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป เพราะพวกเขาฟังออก นี่มันเสียงของเย่เทียนหยู่คนเมื่อกลางวันไม่ใช่เหรอกลุ่มคนหันกลับไปมองทันที ประตูถูกเปิดออกเบาๆ ก่อนจะเผยเป็นร่างของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่มาที่นี่ได้ยังไงกัน!แน่นอนว่าพวกเขาไม่กลัวเย่เทียนหยู่ สิ่งที่พวกเขากลัวก็คือถ้าเย่เทียนหยู่พบสถานที่แห่งนี้ เย่เซวียนและคนอื่นๆ ก็อาจจะตามเจอเหมือนกันกงซุนมิ่วจ้องเย่เทียนหยู่ตาไม่กะพริบ ต้องบอกว่าเด็กนี่เก่งจริงๆ แต่เขาระแวดระวังเบื้องหลังของเย่เทียนหยู่เสียมากกว่าเพื่อจะดูว่ามีใครมาปรากฏตัวกับเขาเพิ่มอีกหรือไม่ดวงตาของกงซุนจื้อน่ากลัวอย่างยิ่ง เขาอยากจะฉีกเย่เทียนหยู่เป็นชิ้นๆ ราวกับว่าเย่เทียนหยู่ทำเรื่องผิดต่อเขาเอาไว้มากมายเมื่อเผชิญหน้ากับสายตาทิ่มแทงดุร้ายของกลุ่มคนที่กำลังจ้องเขม็ง เย่เทียนหยู่กลับสงบไม่เผยท่าที แล้วยังค่อยๆ ปิดประตูด้วยถึงแม้ตัวล็อกจะถูกพังไปแล้วระหว่างที่เขายังไม่ทันได้ขยับ แต่เขาก็ยังรวมมันเข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดาย หรืออย่างน้อยมองจากภายนอกก็มองไม่ออกกงซุนจื้อจ้องมองเย่เทียนหยู่ด้วยสายตาโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโมโห “เย่เทียนหยู่ มึ
“แกมันรนหาที่ตาย!”กงซุนมิ่วโกรธจัด เขารวมพลังไปที่ฝ่ามือขวา ร่างกายของเขาระเบิดพลังออกมาในทันที จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่เย่เทียนหยู่ หมัดนี้เขายังไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดเพราะยังไงเขาก็มีพลังมากเกินไปหากเขาโจมตีด้วยพละกำลังทั้งหมด เย่เทียนหยู่อาจถูกสังหารภายในหนึ่งกระบวนท่าแต่เขาสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ เย่เทียนหยู่เผยรอยยิ้มบนใบหน้าและโบกมือขวาของเขา จากนั้นพลังอำนาจก็ถูกซัดออกมาตึง!ทันทีที่เกิดเสียงปะทะ สีหน้าของกงซุนมิ่วเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะกระเด็นไปทันที และเพราะกระบวนท่าเมื่อครู่ อีกฝ่ายส่งพลังอันน่ากลัวออกมาจากฝ่ามือคิดไม่ถึงว่าจะเทียบได้กับพลังสามในสิบของเขาเลยทีเดียวหลังจากที่กงซุนมิ่วตกลงบนพื้น สายตาของเขาก็เผยความตกใจออกมา “แกเจ้าหนู คิดไม่ถึงเลยว่าคนอายุน้อยแบบแกจะมีพลังมหาศาลขนาดนี้ เกรงว่าแกคงมีระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นปลายแล้วใช่ไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“พลังผลัดเปลี่ยนขั้นปลาย?”เย่เทียนหยู่อดไม่ได้ที่จะห้วเราะ“ไม่ใช่เหรอ ทำไม หรือแกอยากจะบอกว่าแกมีพลังระดับผลัดเปลี่ยนขั้นสูงสุด แกคิดว่าฉันจะเชื่อแกรึไง” กงซุนมิ่วเยาะเย้ย“แน่นอนว่าไม่ ผม...” เย่เทียน
อะไรนะ!ผู้มากฝีมือระดับปรมาจารย์!ทันทีที่คำนี้ดังออกมา ตระกูลกงซุนทุดคนต่างก็ตกตะลึงถึงขีดสุด แต่ละคนใบหน้าซีดเผือด ต่อให้พวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน ถ้าเจอผู้มากฝีมือระดับปรมาจารย์ก็มีแต่ต้องตายเท่านั้นปรมาจารย์?เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เกงซุนมิ่วส่ายหัวไม่หยุดเขาเชื่อไม่ลงจริงๆ ว่าคนที่ตัวเองดูถูกดูแคลนมาตลอด เย่เทียนหยู่ผู้ไร้ซึ่งพลังอำนาจจะเป็นถึงปรมาจารย์ผู้มากฝีมือถ้าเขาเป็นปรมาจารย์ผู้มากฝีมือจริง ทำไมเขาทำเรื่องเลลวร้ายไปมากขนาดนั้นเขาถึงไม่เคยลงมือกับเขาเลยสำหรับเขา เขาคิดว่าเย่เทียนหยู่ไม่ทำอะไรเขาเพราะกลัวผู้นำตระกูลของเขาก็เลยกลัวการลงมือ“เสี่ยวจื้อ!”กงซุนมิ่วตะโกนเรียกกงซุนจื้อที่กำลังสติหลุด สายตาจ้องไปที่เย่เทียนหยู่เขม็ง และหวังว่าจะได้รับคำตอบที่แน่ชัดจากปากของอีกฝ่ายเย่เทียนหยู่สีหน้าสงบนิ่ง การมาเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่กำลังจะตายทำให้เขาไม่มีอะไรต้องปิดบัง เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณพูดถูก ผมมีพลังระดับปรมาจารย์จริงๆ”เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด ปรมาจารย์ที่อายุยังน้อยขนาดนี้กงซุนมิ่วรู้สึกว่าทุกอย่างมันช่างเหลวไหลสิ้นดีหลานชายผู้ล้ำค่าของเขายั่ว
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป