หรือว่า ที่กงซุนจื้อขโมยจี้หยกของเฉินเข่อซิน เพื่อจะหลอกหลินหว่านหรู เขาจะห้อยจี้หยก แล้วจงใจมาปรากฏตัวต่อหน้าหลินหว่านหรูให้หลินหว่านหรูเกิดความเข้าใจผิดเพราะว่าตอนยังเด็กตัวเขาได้มอบจี้หยกรูปกริชให้หลินหว่านหรูเส้นหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งมอบให้กับเฉินเข่อซิน ทั้งสองเส้นสามารถเอามารวมเข้าด้วยกันได้ถ้าเป็นอย่างที่พูดล่ะก็ หลินหว่านหรูคงเข้าใจผิดว่ากงซุนจื้อคือตัวเขาในตอนนั้นแน่ ในท้ายด้วยความสอดคล้องเช่นนี้ การจะหาจี้หยกที่เข้าคู่กันได้พอดีนั้นเป็นเรื่องยากเลยทีเดียวจำได้ว่าตัวเขาในตอนนั้นพูดกับหลินหว่านหรูว่า อีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่เขาแต่ว่า กงซุนจื้อทำไมถึงรู้ว่าหลินหวานหรูมีจี้หยกนี้ซูถิง?ต้องเป็นซูถิงแน่ หลินหว่านหรูต้องบอกเรื่องตอนที่ยังเด็กให้ซูถิงฟังแน่นอน จากนั้นซูถิงก็ไปบอกกงซุนจื้อ แล้วใช้โอกาสหลอกหลินหว่านหรูจากเรื่องนี้ทั้งหมดนี้มันชัดเจนแล้วสำหรับเรื่องที่กงซุนจื้อพบจี้หยกที่อยู่กับเฉินเข่อซินได้ยัง เดิมทีนั้นไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือ เขาขโมยจี้หยกจากเฉินเข่อซินต่างหากคิดได้ทั้งหมดแล้ว เย่เทียนหยู่ก็มีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม เขาไม่นึกเลย ขนาดเรื่องของตัวเขาสมัยยัง
ช่างเถอะ ไม่ว่าจะมาไม้ไหนก็รับมือได้ทั้งนั้นแหละหลินหว่านหรูนึกถึงคำพูดของปู่ ตัดสินใจกลับไปเสียก่อนซูถิงแสดงอาการเป็นห่วงเธอ ต้องการที่จะกลับไปพร้อมกับเธอ อยู่เป็นเพื่อนเธอคืนนี้หลินหว่านหรูเห็นด้วยตามปกติ จนถึงตอนนี้ ก็มีแค่ซูถิงคนเดียวที่อยู่กับเธอตลอดจริงๆ อยู่เผชิญความลำบากเคียงข้างเธออย่างที่ว่าไว้ มีแค่เพื่อนแท้เท่านั้นที่จะเชื่อถือได้ส่วนคนอื่น โดยเฉพาะผู้ชาย ทั้งหมดก็เป็นไอ้สารเลวทั้งนั้นก็เหมือนเย่เทียนหยู่นั้นแหละ เธอทุกเทอย่างเต็มที่เพื่อเขา เขาเอาแต่ไปมาหาสู่กับหญิงงามพวกนั้น ไม่สนใจอะไรเลยสักอย่างผู้อาวุโสหลินวางโทรศัพท์จากหลินหว่านหรู รีบรายงานข่าวให้กับกงซุนจื้อในทันที ต่อจากนั้นก็รอแค่คำตอบของหลินหว่านหรูเพียงอย่างเดียวส่งผลลัพธ์ไปได้ไม่นาน ก็ยังไม่มีการตอบกลับเหมือนเดิม เขาอดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์ไปถามได้ยินว่าหลินหว่าหรูกำลังขับรถอยู่ เพื่อกลับมาที่บ้าน เขามีท่าทางดีใจ ในที่สุดก็สำเร็จแล้วพ่อหลินแม่หลินได้ก็แล้วก็มีความสุขมากมีเพียงหลินจื่อตงที่ได้ยินเรื่องนี้ตอนกลับมาเท่านั้น ก็สับสน เก็บความโกรธไว้ไม่อยู่ พูดทันทีว่าพวกเขานั้นเลอะเลือน ทั้งยังบอก
ผู้อาวุโสหลินตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกถ้าต้องวางมือจากเรื่องนี้ ตอนนี้เขาก็ยังสามารถทำได้อยู่เพียงแต่ เขายังไม่อยากยอมแพ้นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับตระกูลหลิน ครั้งสุดท้ายที่เยือนเมืองหรงตู เขาได้รับคำสบประมาทและคำดูถูกเหยียดหยามมากมายโดยเฉพาะตระกูลของเพื่อนเก่า ยกเว้นเพื่อนเก่าที่ยังมีทัศนคติที่ดีอยู่บ้าง ส่วนคนอื่นเดิมทีก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยเขาอยากจะให้ลูกสาวแต่งงานกับหลานชายของเพื่อนเก่าอย่างหลี่ว์เจิ้ง แต่ช่างน่าเสียดายที่หลี่ว์เจิ้งเดิมทีไม่ได้เห็นเขาในสายตา แม้แต่รูปถ่ายของหลานสาวตัวเขาก็ไม่สนใจเลยด้วยซ้ำไม่ได้การ จะยอมแพ้ทั้งแบบนี้ไม่ได้ราวกับว่าไม่สามารถที่จะหยุดคิดได้เลย จากที่เขาได้ติดต่อหาคุณชายกงซุนก่อนหน้านี้ ก็ได้เห็นแล้วว่าเขาดีขนาดไหน ค่อยๆ ทำความเข้าใจให้ชัดเจน ว่าใครกันแน่ที่จะเหมาะสมที่สุดแต่ว่า คิดไม่ตกเลยจริงๆ ว่าหว่านหรู จะทำอะไรบางอย่างที่ไม่ควรทำเข้าถ้างั้นจะทำอย่างไรดีดูเหมือน เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้แล้วล่ะ ยังต้องปรึกษากันให้ดีเสียก่อนหลังจากที่หลินหว่านหรู่เข้าไปแล้ว ซูถิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามในทันที “หว่านหรู ที่
พ่อหลินแม่หลินรู้สึกมีความสุขมาก ที่สุดท้ายลูกสาวก็จะได้โบยบินไปอยู่บนยอดไม้ราวกับนกเฟิ่งหวง และพวกเขาทั้งสองคนก็จะได้กลายเป็นมหาเศรษฐีจริงๆ เสียทีแม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของพวกเขาจะมีเงินอยู่ก็จริง แต่ยังห่างไกลจากความร่ำรวยอยู่มากเลยทีเดียวในไม่ช้าก็ถึงเก้าโมงเช้าแล้ว กงซุนจื้อก็ปรากฏตัวเช่นกันแต่ปกติแล้ว ผู้นำของตระกูลกงซุนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะต้องปรากฏตัวออกมาด้วย แต่ครั้งนี้มีแค่กงซุนจื้อคนเดียวที่เป็นคนนำ ส่วนคนอื่นต่างก็เป็นผู้ตามแต่เรื่องนี้ผู้อาวุโสหลินรู้มาตั้งนานแล้ว แล้วบอกว่าเรื่องพิเศษก็ต้องใช้วิธีพิเศษ ดังนั้นอย่าได้ไปถือสาเลย“คุณปู่หลิน!”ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ แต่กงซุนจื้อก็ยังตะโกนต่อไปด้วยความกระตือรือร้น แถมยังสุภาพกับพ่อหลิวแม่หลิวมาก เอ่ยปากเรียนคุณลุงคุณป้าตลอดนอกจากนี้ยังสง่าผ่าเผย และกริยาท่าทางงดงาม ไม่นานก็ได้รับการชื่นชมจากตระกูลหลินในทันทีเพียงแต่กงซุนจื้อมองไปรอบๆ และมองไม่เห็นหลินหว่านหรูผู้อาวุโสหลินสังเกตเห็นว่าเขากำลังมองอยู่ จึงได้รีบพูด “คุณชสยกงซุน วางใจเถอะ หว่านหรูตอบรับแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก”“จริงเหรอครับ งั้นก็ดีมากเลย
“หว่านหรู เธออาจจะยังไม่รู้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับเธอ ฉันรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นมาก”“ฉันไม่เข้าใจความรู้สึกคับแค้นของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ว่าตัวเองไม่อยากตามหาเสี่ยวเถียนเถียนกลับมาเลยใช่ไหม เพราะอะไรถึงได้ใจเต้นกับเธอขนาดนี้!”กงซุนจื้อกล่าวด้วยความกระสันด้วยคำพูดนี้ ผู้อาวุโสหลินและคนอื่นๆ ต่างก็พากันตกตะลึง แม้ว่าจะรู้สึกประทับใจต่อความชอบของกงซุนจื้อที่มีให้หลินหว่านหรูก็จริงอยู่ แต่เสี่ยวเถียนเถียนคือใครกันน่ะได้ยินสิ่งที่กงซุนจื้อพูด ในใจของหลินหว่านหรูก็นึกไปยังภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นอีกครั้ง แต่ไม่รู้เพราะอะไร เธอนึกภาพหน้าของกงซุนจื้อที่อยู่ด้วยกันไม่ได้เลยไม่ว่าจะนิสัยหรือรูปร่าง หรือแม้แต่สัมผัสก็ยังบอกไม่ได้ในทางกลับกันเย่เทียนหยู่นั้น ยังทำให้รู้สึกแบบนั้นได้เป็นครั้งคราว“คุณปู่หลิน พวกคุณอาจจะยังสงสัยว่าเสี่ยวเถียนเถียนคือใคร อันที่จริง เขาก็คือหว่านหรู พวกเราเคยพบกันครั้งหนึ่งตอนยังเป็นเด็ก แล้วเคยสัญญากันว่าพอโตขึ้นจะอยู่ด้วยกันน่ะครับ”“เมื่อโตแล้ว ผมทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะตามหาความเป็นได้ จนกระทั่งได้พบกับหว่านหรู ผมก็พบว่าผมหวั่นไหว แล้วก็มารู้ในภายหลัง ปราก
“เย่เทียนหยู่ แกมาที่นี่ทำไมกัน!”“วันนี้คือวันดีของพวกเราตระกูลหลิน แกรับไสหัวออกไปซะ ไม่อย่างนั้น ถ้าหากทำลายเรื่องดีของตระกูลหลิน ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่”แม่หลินกล่าวด้วยความโกรธสุดขีดให้ตายสิ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคนที่ตัวเองเตรียมไว้กัน ไม่ใช่ว่าให้พวกเขาจัดการเย่เทียนหยู่หรอกเหรอ ทำไมเย่เทียนหยู่ถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วยสภาพสมบูรณ์ล่ะอันที่จริงแล้วเธอเตรียมคนไว้เพื่อสอนบทเรียนหกับเย่เทียนหยู่ แต่เพราะว่าเวลากระชั้นชิดเกินไป นอกจากนี้เพราะเดิมทีเมื่อวานเย่เทียนหยู่ไม่ได้กลับไป แต่ไหนแต่ไรก็หาคนไม่เจอเลย“วันดีงั้นเหรอ?”“ถ้าหากว่าฉันพูดไม่ผิด ตอนนี้หว่านหรูยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉันอยู่ พวกคุณให้เธอแต่งงานกับคนอื่น ฉันจะไม่มาดูได้ยังไงกันล่ะ?เย่เทียนหยู่ย้อนถาม“ไร้สาระสิ้นดี!”“แกกับหว่านหรูหย่ากันไปตั้งนานแล้ว!”“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าแกไม่มีที่ไป แกคงได้รับใบหย่าตั้งนานแล้ว”แม่หลิวก็พูดด้วยความโกรธ “ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ แกก็ลองถามหว่านหรูตอนนี้ดูสิ ถามเธอว่าเตรียมที่จะหย่ากับแกมานานหรือยังน่ะ”เย่เทียนหยู่ไม่ปฏิเสธที่แม่หลิวพูดแต่อย่างใด และมองไปที่หลินหว่
สีหน้าของซูถิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ทำไมจู่ๆ เย่เทียนหยู่ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะผู้อาวุโสหลินและก็อื่นๆ คิดไม่ได้อะไรมาก แต่หลินหว่านหรูตกใจเล็กน้อย ขอทานตัวน้อยในตอนนั้นเหรอ?หมายความว่ายังไง ทำไมเย่เทียนหยู่ถึงรู้เรื่องขอทานตัวน้อยได้ล่ะ?หรือแค่เรื่องบังเอิญ คงไม่ใช่ว่าจะเป็นขอทานตัวน้อยเมื่อสมัยเด็กอย่างที่ตัวเธอคิดหรอกนะ ไม่ใช่หรอก แล้วเขาพูดเรื่องนี้กับกงซุนจื้อหมายความว่ายังไงกัน คงไม่ได้กำลังจะบอกว่ากงซุนจื้อไม่ใช่ขอทานตัวน้อยหรอกนะกงซุนจื้อตื่นตระหนกมาก แต่ก็แสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้วพูดว่า “เย่เทียนหยู่ นี่แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ฉันจะบอกแกไว้นะ เรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวกับแก เชิญออกไปซะ ”“ถูกต้อง เย่เทียนหยู่ ฉันขอให้แกรีบไสหัวไปซะ ตระกูลหลินของพวกเราไม่ต้อนรับแก!”แม่หลินเองก็รีบพูดในทันที“ช้าก่อน!”แต่หลินหว่านหรูให้การปฏิเสธ จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วพูด “เทียนหยู่ ที่นายพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง?”“ยังจะหมายความว่าอะไรได้อีกล่ะ คงอยากจะปั่นประสาทเธออยู่แน่นอนเลย หว่านหรู ผู้ชายไร้สาระพันนี้เธอจะไปสนใจเขาทำไมกัน” ซูถิงเองก็อดไม่ได้ที่จะพูดเช่นกัน“ทำไม แต่ละคนถึง
“ไม่ใช่นะ นี่มันโกหก หว่านหรู ทั้งหมดนี่มันเป็นเรื่องโกหก เป็นเพราะเย่เทียนหยู่ทนไม่ไหวที่จะจากเธอไปเลยทำอย่างนี้ เธออย่าเชื่อนะ” ซูถิงรู้สึกกังวล“งั้นเหรอ?” หลินหว่านหรูตะโกนด้วยความเย็นชา แล้วหันไปมองที่กงซุนจื้อแล้วถามด้วยความเย็นชาเช่นกัน “คุณชายกงซุน ไหนคุณบอกฉันสิ ว่านี่มันจริงหรือเปล่า?”“นี่......”กงซุนจื้อรู้ดี เพราะคลิปเสียงง่ายต่อการตรวจสอบว่าจริงหรือปลอม จึงทำได้เพียงตอบแต่โดยดีว่า “นี่ นี่คือความจริง”“อะไรนะ คุณชายกงซุน คุณ......” ซูถิงสีหน้าดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม ทั้งอับอายแล้วก็ร้อนรน“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ใช่แล้ว ซูถิงช่วยเหลือฉันจริง แม้กระทั่งคิดแผนการให้ฉันด้วย ฉันเองก็มีส่วนร่วมเช่นกัน”“แต่นั่นก็เพราะเธอเอาใจใส่คุณ เธอห่วงใยคุณ เธอไม่อยากจะให้คุณต้องถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของไอ้ผู้ชายสารเลวคนหนึ่งเท่านั้นเอง”ซูถิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา แล้วแอบยกย่องในความฉลาดของตุณชายกงซุน เหมือนว่าคุณชายกงซุนจะยังไม่ทอดทิ้งตัวเธอนะ เมื่อก็เธอเกือบจะแฉเรื่องที่คุณชายกงซุนอ้างว่าเป็นขอทานตัวน้อยเพราะความโกรธเสียแล้ว“สำหรับตัวฉันเอง ม