ซูถิงพูดด้วยท่าทางโกรธหลินหว่านหรูยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูด “บางทีจะโทษเขาทุกอย่างก็ไม่ได้ สุดท้ายเพราะเขาคือตัวแทนของตระกูลกงซุน อีกอย่างเมื่อกี้เขาก็บอกอยู่ ตัวเขาเต็มใจที่จะให้โอกาสฉัน”“ถ้าเป็นอย่างที่พูดมา คุณชายกงซุนคนนี้เป็นคนดีไม่เลวเลย เธอแต่งงานกับเขา บางทีอาจจะไม่ได้เลวร้ายอะไรก็ได้”ซูถิงพูดแบบนี้ ก็เห็นว่าหลินหว่านหรูท่าทางเปลี่ยนไป จึงรีบพูดต่อว่า “แต่น่าเสียดาย เดิมทีเธอไม่ได้ชอบเขา เธอชอบแค่ไอ้สารเลวเย่เทียนหยู่นั่นเท่านั้น”“แบบนี้ ฉันจะไปติดต่อเพื่อนบางคน ดูว่าเขาพอจะมีวิธีบ้างไหม”“เกรงว่าคงจะทำอะไรไม่ได้เลย” เพราะนั่นคือตระกูลกงซุนแห่งเมืองหลวง ขนาดตัวเองยังไม่มีวิธีเลย ซูถิงจะไปมีวิธีได้ยังไงกัน“ไม่มีทางออกก็ต้องคิดหาทางออก เธอวางใจเถอะ ฉันจะขอให้คุณปู่บอกคุณย่าให้ช่วยกันคิดหาวิธี” ซูถิพูดอย่างแน่วแน่คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูซาบซึ้งใจมาก แล้วพูด “เอาล่ะ ถ้างั้นต้องรบกวนเธอแล้วซูถิง แต่เธอไม่ต้องทุ่มเทมากนักหรอก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ผล สุดท้ายเธอก็ทำเพื่อฉันมามากแล้ว”“ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ อย่าลืมสิ ว่าพวกเราเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดน่ะ”คำพูดของซูถิงน่าฟังอย
หรือว่า ที่กงซุนจื้อขโมยจี้หยกของเฉินเข่อซิน เพื่อจะหลอกหลินหว่านหรู เขาจะห้อยจี้หยก แล้วจงใจมาปรากฏตัวต่อหน้าหลินหว่านหรูให้หลินหว่านหรูเกิดความเข้าใจผิดเพราะว่าตอนยังเด็กตัวเขาได้มอบจี้หยกรูปกริชให้หลินหว่านหรูเส้นหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งมอบให้กับเฉินเข่อซิน ทั้งสองเส้นสามารถเอามารวมเข้าด้วยกันได้ถ้าเป็นอย่างที่พูดล่ะก็ หลินหว่านหรูคงเข้าใจผิดว่ากงซุนจื้อคือตัวเขาในตอนนั้นแน่ ในท้ายด้วยความสอดคล้องเช่นนี้ การจะหาจี้หยกที่เข้าคู่กันได้พอดีนั้นเป็นเรื่องยากเลยทีเดียวจำได้ว่าตัวเขาในตอนนั้นพูดกับหลินหว่านหรูว่า อีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่เขาแต่ว่า กงซุนจื้อทำไมถึงรู้ว่าหลินหวานหรูมีจี้หยกนี้ซูถิง?ต้องเป็นซูถิงแน่ หลินหว่านหรูต้องบอกเรื่องตอนที่ยังเด็กให้ซูถิงฟังแน่นอน จากนั้นซูถิงก็ไปบอกกงซุนจื้อ แล้วใช้โอกาสหลอกหลินหว่านหรูจากเรื่องนี้ทั้งหมดนี้มันชัดเจนแล้วสำหรับเรื่องที่กงซุนจื้อพบจี้หยกที่อยู่กับเฉินเข่อซินได้ยัง เดิมทีนั้นไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือ เขาขโมยจี้หยกจากเฉินเข่อซินต่างหากคิดได้ทั้งหมดแล้ว เย่เทียนหยู่ก็มีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม เขาไม่นึกเลย ขนาดเรื่องของตัวเขาสมัยยัง
ช่างเถอะ ไม่ว่าจะมาไม้ไหนก็รับมือได้ทั้งนั้นแหละหลินหว่านหรูนึกถึงคำพูดของปู่ ตัดสินใจกลับไปเสียก่อนซูถิงแสดงอาการเป็นห่วงเธอ ต้องการที่จะกลับไปพร้อมกับเธอ อยู่เป็นเพื่อนเธอคืนนี้หลินหว่านหรูเห็นด้วยตามปกติ จนถึงตอนนี้ ก็มีแค่ซูถิงคนเดียวที่อยู่กับเธอตลอดจริงๆ อยู่เผชิญความลำบากเคียงข้างเธออย่างที่ว่าไว้ มีแค่เพื่อนแท้เท่านั้นที่จะเชื่อถือได้ส่วนคนอื่น โดยเฉพาะผู้ชาย ทั้งหมดก็เป็นไอ้สารเลวทั้งนั้นก็เหมือนเย่เทียนหยู่นั้นแหละ เธอทุกเทอย่างเต็มที่เพื่อเขา เขาเอาแต่ไปมาหาสู่กับหญิงงามพวกนั้น ไม่สนใจอะไรเลยสักอย่างผู้อาวุโสหลินวางโทรศัพท์จากหลินหว่านหรู รีบรายงานข่าวให้กับกงซุนจื้อในทันที ต่อจากนั้นก็รอแค่คำตอบของหลินหว่านหรูเพียงอย่างเดียวส่งผลลัพธ์ไปได้ไม่นาน ก็ยังไม่มีการตอบกลับเหมือนเดิม เขาอดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์ไปถามได้ยินว่าหลินหว่าหรูกำลังขับรถอยู่ เพื่อกลับมาที่บ้าน เขามีท่าทางดีใจ ในที่สุดก็สำเร็จแล้วพ่อหลินแม่หลินได้ก็แล้วก็มีความสุขมากมีเพียงหลินจื่อตงที่ได้ยินเรื่องนี้ตอนกลับมาเท่านั้น ก็สับสน เก็บความโกรธไว้ไม่อยู่ พูดทันทีว่าพวกเขานั้นเลอะเลือน ทั้งยังบอก
ผู้อาวุโสหลินตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกถ้าต้องวางมือจากเรื่องนี้ ตอนนี้เขาก็ยังสามารถทำได้อยู่เพียงแต่ เขายังไม่อยากยอมแพ้นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับตระกูลหลิน ครั้งสุดท้ายที่เยือนเมืองหรงตู เขาได้รับคำสบประมาทและคำดูถูกเหยียดหยามมากมายโดยเฉพาะตระกูลของเพื่อนเก่า ยกเว้นเพื่อนเก่าที่ยังมีทัศนคติที่ดีอยู่บ้าง ส่วนคนอื่นเดิมทีก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยเขาอยากจะให้ลูกสาวแต่งงานกับหลานชายของเพื่อนเก่าอย่างหลี่ว์เจิ้ง แต่ช่างน่าเสียดายที่หลี่ว์เจิ้งเดิมทีไม่ได้เห็นเขาในสายตา แม้แต่รูปถ่ายของหลานสาวตัวเขาก็ไม่สนใจเลยด้วยซ้ำไม่ได้การ จะยอมแพ้ทั้งแบบนี้ไม่ได้ราวกับว่าไม่สามารถที่จะหยุดคิดได้เลย จากที่เขาได้ติดต่อหาคุณชายกงซุนก่อนหน้านี้ ก็ได้เห็นแล้วว่าเขาดีขนาดไหน ค่อยๆ ทำความเข้าใจให้ชัดเจน ว่าใครกันแน่ที่จะเหมาะสมที่สุดแต่ว่า คิดไม่ตกเลยจริงๆ ว่าหว่านหรู จะทำอะไรบางอย่างที่ไม่ควรทำเข้าถ้างั้นจะทำอย่างไรดีดูเหมือน เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้แล้วล่ะ ยังต้องปรึกษากันให้ดีเสียก่อนหลังจากที่หลินหว่านหรู่เข้าไปแล้ว ซูถิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามในทันที “หว่านหรู ที่
พ่อหลินแม่หลินรู้สึกมีความสุขมาก ที่สุดท้ายลูกสาวก็จะได้โบยบินไปอยู่บนยอดไม้ราวกับนกเฟิ่งหวง และพวกเขาทั้งสองคนก็จะได้กลายเป็นมหาเศรษฐีจริงๆ เสียทีแม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของพวกเขาจะมีเงินอยู่ก็จริง แต่ยังห่างไกลจากความร่ำรวยอยู่มากเลยทีเดียวในไม่ช้าก็ถึงเก้าโมงเช้าแล้ว กงซุนจื้อก็ปรากฏตัวเช่นกันแต่ปกติแล้ว ผู้นำของตระกูลกงซุนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะต้องปรากฏตัวออกมาด้วย แต่ครั้งนี้มีแค่กงซุนจื้อคนเดียวที่เป็นคนนำ ส่วนคนอื่นต่างก็เป็นผู้ตามแต่เรื่องนี้ผู้อาวุโสหลินรู้มาตั้งนานแล้ว แล้วบอกว่าเรื่องพิเศษก็ต้องใช้วิธีพิเศษ ดังนั้นอย่าได้ไปถือสาเลย“คุณปู่หลิน!”ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ แต่กงซุนจื้อก็ยังตะโกนต่อไปด้วยความกระตือรือร้น แถมยังสุภาพกับพ่อหลิวแม่หลิวมาก เอ่ยปากเรียนคุณลุงคุณป้าตลอดนอกจากนี้ยังสง่าผ่าเผย และกริยาท่าทางงดงาม ไม่นานก็ได้รับการชื่นชมจากตระกูลหลินในทันทีเพียงแต่กงซุนจื้อมองไปรอบๆ และมองไม่เห็นหลินหว่านหรูผู้อาวุโสหลินสังเกตเห็นว่าเขากำลังมองอยู่ จึงได้รีบพูด “คุณชสยกงซุน วางใจเถอะ หว่านหรูตอบรับแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก”“จริงเหรอครับ งั้นก็ดีมากเลย
“หว่านหรู เธออาจจะยังไม่รู้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับเธอ ฉันรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นมาก”“ฉันไม่เข้าใจความรู้สึกคับแค้นของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ว่าตัวเองไม่อยากตามหาเสี่ยวเถียนเถียนกลับมาเลยใช่ไหม เพราะอะไรถึงได้ใจเต้นกับเธอขนาดนี้!”กงซุนจื้อกล่าวด้วยความกระสันด้วยคำพูดนี้ ผู้อาวุโสหลินและคนอื่นๆ ต่างก็พากันตกตะลึง แม้ว่าจะรู้สึกประทับใจต่อความชอบของกงซุนจื้อที่มีให้หลินหว่านหรูก็จริงอยู่ แต่เสี่ยวเถียนเถียนคือใครกันน่ะได้ยินสิ่งที่กงซุนจื้อพูด ในใจของหลินหว่านหรูก็นึกไปยังภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นอีกครั้ง แต่ไม่รู้เพราะอะไร เธอนึกภาพหน้าของกงซุนจื้อที่อยู่ด้วยกันไม่ได้เลยไม่ว่าจะนิสัยหรือรูปร่าง หรือแม้แต่สัมผัสก็ยังบอกไม่ได้ในทางกลับกันเย่เทียนหยู่นั้น ยังทำให้รู้สึกแบบนั้นได้เป็นครั้งคราว“คุณปู่หลิน พวกคุณอาจจะยังสงสัยว่าเสี่ยวเถียนเถียนคือใคร อันที่จริง เขาก็คือหว่านหรู พวกเราเคยพบกันครั้งหนึ่งตอนยังเป็นเด็ก แล้วเคยสัญญากันว่าพอโตขึ้นจะอยู่ด้วยกันน่ะครับ”“เมื่อโตแล้ว ผมทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะตามหาความเป็นได้ จนกระทั่งได้พบกับหว่านหรู ผมก็พบว่าผมหวั่นไหว แล้วก็มารู้ในภายหลัง ปราก
“เย่เทียนหยู่ แกมาที่นี่ทำไมกัน!”“วันนี้คือวันดีของพวกเราตระกูลหลิน แกรับไสหัวออกไปซะ ไม่อย่างนั้น ถ้าหากทำลายเรื่องดีของตระกูลหลิน ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่”แม่หลินกล่าวด้วยความโกรธสุดขีดให้ตายสิ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคนที่ตัวเองเตรียมไว้กัน ไม่ใช่ว่าให้พวกเขาจัดการเย่เทียนหยู่หรอกเหรอ ทำไมเย่เทียนหยู่ถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วยสภาพสมบูรณ์ล่ะอันที่จริงแล้วเธอเตรียมคนไว้เพื่อสอนบทเรียนหกับเย่เทียนหยู่ แต่เพราะว่าเวลากระชั้นชิดเกินไป นอกจากนี้เพราะเดิมทีเมื่อวานเย่เทียนหยู่ไม่ได้กลับไป แต่ไหนแต่ไรก็หาคนไม่เจอเลย“วันดีงั้นเหรอ?”“ถ้าหากว่าฉันพูดไม่ผิด ตอนนี้หว่านหรูยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉันอยู่ พวกคุณให้เธอแต่งงานกับคนอื่น ฉันจะไม่มาดูได้ยังไงกันล่ะ?เย่เทียนหยู่ย้อนถาม“ไร้สาระสิ้นดี!”“แกกับหว่านหรูหย่ากันไปตั้งนานแล้ว!”“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าแกไม่มีที่ไป แกคงได้รับใบหย่าตั้งนานแล้ว”แม่หลิวก็พูดด้วยความโกรธ “ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ แกก็ลองถามหว่านหรูตอนนี้ดูสิ ถามเธอว่าเตรียมที่จะหย่ากับแกมานานหรือยังน่ะ”เย่เทียนหยู่ไม่ปฏิเสธที่แม่หลิวพูดแต่อย่างใด และมองไปที่หลินหว่
สีหน้าของซูถิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ทำไมจู่ๆ เย่เทียนหยู่ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะผู้อาวุโสหลินและก็อื่นๆ คิดไม่ได้อะไรมาก แต่หลินหว่านหรูตกใจเล็กน้อย ขอทานตัวน้อยในตอนนั้นเหรอ?หมายความว่ายังไง ทำไมเย่เทียนหยู่ถึงรู้เรื่องขอทานตัวน้อยได้ล่ะ?หรือแค่เรื่องบังเอิญ คงไม่ใช่ว่าจะเป็นขอทานตัวน้อยเมื่อสมัยเด็กอย่างที่ตัวเธอคิดหรอกนะ ไม่ใช่หรอก แล้วเขาพูดเรื่องนี้กับกงซุนจื้อหมายความว่ายังไงกัน คงไม่ได้กำลังจะบอกว่ากงซุนจื้อไม่ใช่ขอทานตัวน้อยหรอกนะกงซุนจื้อตื่นตระหนกมาก แต่ก็แสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้วพูดว่า “เย่เทียนหยู่ นี่แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ฉันจะบอกแกไว้นะ เรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวกับแก เชิญออกไปซะ ”“ถูกต้อง เย่เทียนหยู่ ฉันขอให้แกรีบไสหัวไปซะ ตระกูลหลินของพวกเราไม่ต้อนรับแก!”แม่หลินเองก็รีบพูดในทันที“ช้าก่อน!”แต่หลินหว่านหรูให้การปฏิเสธ จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วพูด “เทียนหยู่ ที่นายพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง?”“ยังจะหมายความว่าอะไรได้อีกล่ะ คงอยากจะปั่นประสาทเธออยู่แน่นอนเลย หว่านหรู ผู้ชายไร้สาระพันนี้เธอจะไปสนใจเขาทำไมกัน” ซูถิงเองก็อดไม่ได้ที่จะพูดเช่นกัน“ทำไม แต่ละคนถึง
เย่เทียนหยู่รู้สึกตกใจนิดหน่อย เขาไม่รู้จักอีกฝ่ายด้วยซ้ำ จึงได้แต่ยักไหล่ ก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ไม่เคยสู้ด้วยสักหน่อย ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”“แต่ฉันรู้ค่ะ!”“ราชามังกรแห่งพรรคมังกร ผู้นำแห่งสำนักเงา หรือจะให้ฉันเรียกว่าคุณชายเย่ดีคะ?” เยว่เหลียนเวยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนี้ เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าการคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง อีกฝ่ายน่าจะมาจากสำนักดอกไม้ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่รู้สถานะพวกนี้ของเขาแน่นอน เขาจึงพูดขึ้นอย่างเร่งรีบออกไปว่า “คุณน่าจะเป็นผู้อาวุโสของสำนักดอกไม้สินะ?”“ผู้อาวุโสอะไรกันคะ ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย ฉันชื่อว่าเยว่เหลียนเวยค่ะ คุณเรียกฉันว่าพี่เยว่ก็ได้!” เยว่เหลียนเวยยิ้มเล็กน้อย หลังจากที่เธอเผยรอยยิ้มออกมา เสน่ห์ในตัวเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเยว่หลิงตกตะลึงไปชั่วขณะ อาจารย์รองเป็นอะไรไป เรียกว่าพี่เยว่งั้นเหรอ ไอ้เด็กนั่นมันเป็นใครกันแน่“เอ่อ สวัสดีครับ พี่เยว่!” ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากถูกเรียกแบบนั้น เย่เทียนหยู่จึงทำได้แค่เริ่มทักทายใหม่อีกครั้ง“ค่ะ คุณชายเย่ไม่เลวเลยนะคะ ฉันชอบค่ะ”เยว่เหลียนเวยเ
เยว่หลิงแทบไม่สามารถต่อต้านได้เลย และพบว่าตัวเองกำลังถูกชายคนหนึ่งกดทับด้วยมือเอาไว้อยู่ เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอันแรงกล้าของผู้ชายจากอีกฝ่าย สีหน้าเธอก็แดงก่ำทันทีแม้ว่าเธอมักจะใช้วิชาเสน่ห์อาคมอยู่บ่อย ๆ แต่เธอก็ไม่เคยให้ผู้ชายเข้าใกล้มากขนาดนี้มาก่อน นั่นจึงทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาแบบนี้เย่เทียนหยู่ที่เห็นฉากตรงหน้า เขาก็พูดพลางหัวเราะออกมาว่า “ฟังจากน้ำเสียงของคุณแล้ว ผมยังคิดอยู่เลยว่าคุณคงจะเป็นคนที่เปิดกว้างมาก คิดไม่ถึงว่าจะเขินได้ง่ายขนาดนี้”“นาย นายรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เยว่หลิงวิตกกังวลอย่างมาก เธอคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีวิชากังฟู่ที่น่ากลัวอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่ชั่วร้ายมากอีกต่างหากถ้ารู้แต่แรก ก็คงไม่มาคนเดียวแบบนี้หรอก พวกเธอได้ทำการนัดพบกับคนในสำนักที่นี่ และตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลานัดแล้วด้วยเมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารและวิตกกังวลของเธอ เย่เทียนหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งหยอกล้อเธอ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ผมจะปล่อยคุณไปก็ได้ แต่คุณต้องขอร้องผมก่อน”“เพราะไม่อย่างนั้น ผมคงไม่อาจทำใจแยกจากความงามอันน่าหลงใหลเช่นนี้ได้แน่”ในขณะที่พูด เย่
ช่วงเวลาประมาณเที่ยงครึ่ง เย่เทียนหยู่และหลินหว่านหรูก็กลับมาถึงเมืองตะวันออกกันแล้ว เวลาที่เหลือก็ค่อนข้างเยอะ ทั้งสองจึงทานข้าวด้วยกันก่อน แล้วค่อยส่งหลินหว่านหรูกลับบริษัทจากนั้นเย่เทียนหยู่จึงค่อยออกเดินทาง แต่ขณะที่เขากำลังจะขึ้นรถ เขาก็ได้ยินเสียงอันอ่อนหวานดังเข้ามาในหู “คุณเย่คะ ท่าทางรีบร้อนแบบนั้น คุณจะรีบไปไหนเหรอคะ?”เย่เทียนหยู่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมอง ตรงหน้าเขาปรากฏร่างที่มีเสน่ห์และสง่างามของหญิงสาวคนหนึ่ง มองผิวเผินรู้สึกว่าเธอยังเด็กอยู่มาก ราวกับว่าเธอเพิ่งจะสี่สิบต้น ๆ เท่านั้นเองรูปร่างหน้าตาของเธอดูอ่อนเยาว์กว่าจูเก่อหลิวหลีนิดหน่อย แต่ความเซ็กซี่และเสน่ห์ที่เธอแสดงออกมานั้น โดยเฉพาะความขาวที่ถูกเผยให้เห็นเพียงเล็กน้อย เพียงเท่านั้นก็ทำให้ผู้คนต่างพากันใจเต้นแล้วขาเรียวยาวสองข้างที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใย นี่ถือเป็นค่านิยมของผู้หญิงที่นับว่าเป็นอันตรายต่อผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน เย่เที่ยนหยู่เองก็เคยเห็นผู้หญิงมามากมายนับไม่ถ้วนจนเคยชินหมดแล้ว โดยเฉพาะเทพธิดาสองสามคนที่สวยกว่าหลินหว่านหรู่ก็เคยเจอมาหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไ
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่าแม่ตระกูลหลินจะทำให้เธอต้องอับอายมากขนาดนี้เห็นได้ชัดว่าเฉินเว่ยไม่อาจทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ เธอจึงแสดงเจตจำนงที่ต้องการจะลาออกทันทีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นแบบนั้น เธอก็รีบอนุมัติให้ทันทีโดยที่ไม่คิดลังเลเลยแม้แต่น้อย กระทั่งคนอีกสองสามคนที่ต้องการจะลาออกตามเฉินเว่ยเองก็ถูกอนุมัติด้วยเช่นกันถึงยังไง เธอก็ยังมีคนที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาอย่างเหอรุ่ยอยู่ แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วเห็นได้ชัดว่าเฉินเว่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่าแม่ตระกูลหลินจะมุ่งมั่นมากขนาดนี้ ทำให้เธอตกตะลึงไปชั่วขณะได้จริง ๆ แต่เมื่อลองย้อนนึกดู แม้แต่คนอย่างเหอรุ่ยก็สามารถปีนข้ามหัวเธอได้ การที่เธอจากไปตอนนี้ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเมื่อถึงตอนนั้น ตอนที่เครื่องสำอางแบรนด์ปัวเรต์เกิดปัญหาขึ้นมาจริง ๆ ไม่แน่อาจจะมีปัญหามากมายตามมาเพิ่มก็ได้ตามที่หลิวเหวินเคยพูดถึงความคิดของแม่ตระกูลหลิน บวกกับเรื่องที่จู่ ๆ เหอรุ่ยก็ได้รับตำแหน่งผู้จัดการ เรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องสำอางแบรนด์ปัวเรต์ก็คงขึ้นอยู่กับเวลาแล้วล่ะ เพราะงั้นจากไปเร็วหน่อยก็ดีเหมือนกันเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของเฉินเ
“หากเป็นเช่นนั้น งั้นเรื่องก็ง่ายมากเลยล่ะครับ มีวิธีอีกมากมายนับไม่ถ้วน” เหอรุ่ยรีบพูดขึ้นมา หากเขายังบอกว่าทำไม่ได้อีก แล้วตนจะยังมีประโยชน์อะไร นั่นเท่ากับตนจะพลาดโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งไม่ใช่รึไงเมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของแม่ตระกูลหลินก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ตอนนี้บริษัทมีทางรอดแล้วคนอย่างหลิวเหวินไม่รู้เรื่องอะไรเอาเสียเลย แถมยังบอกว่าหมดหนทางอีกแต่เมื่อตนเป็นคนออกโรงเอง ก็สามารถหาคนเก่งมาได้ในทันที ทั้งยังสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายอีกด้วย!และเท่าที่ฟังมา เหมือนว่าคนที่ตนเลือกจะมีวิธีแก้ปัญหามากมายนับไม่ถ้วนอีกต่างหากเมื่อเห็นแบบนี้แล้ว แม่ตระกูลหลินก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ดีมาก หากเฉินเว่ยกล้ามาจริง ๆ ฉันก็จะไล่มันออกทันที แล้วให้เธอมารับตำแหน่งแทนหล่อนซะ”“ครับ ขอบคุณประธานหลิวมากครับ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรับใช้คุณ!” เหอรุ่ยรีบพูดประจบประแจงขึ้นมาทันที“ดีมาก ไม่เลวเลย เธอยังหนุ่มยังแน่น ต่อไปจะต้องมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน!”เมื่อแม่ตระกูลหลินได้ยินว่าอีกฝ่ายยินดีรับใช้ตน สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในใจก็รู้สึกพอใจอย่างมาก“ประธานหลิวชมเกินไปแล้วคร
“แต่ว่า ประธานเย่เองก็ไม่ใช่คนนอกนี่คะ”“ประธานเย่อะไร ใครคือประธานเย่กัน บริษัทนี้มีตำแหน่งเขาด้วยรึไง? หลิวเหวิน เธอเป็นอะไรไป หรือว่าเธอไม่อยากที่จะอยู่ในบริษัทนี้ต่ออย่างงั้นเหรอ?”แม่ตระกูลหลินด่าทอด้วยความโกรธวันนี้เย่เทียนหยู่ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากทักทายตนเลยด้วยซ้ำ คิดว่าตัวเองสูงส่งมาจากไหนกันต่อให้เขาจะเก่งกาจมากแค่ไหน สุดท้ายก็ยังเดินตามหลังลูกสาวตนอยู่ดี ยังเป็นลูกเขยที่เชื่อฟังของเธออยู่กล้าดียังไงที่เมินเฉยกันแบบนี้!ไม่มีมารยาทเลยแม้แต่น้อย น่าโมโหเสียจริง!เมื่อถูกด่าทอแรง ๆ แบบนี้ สีหน้าของหลิวเหวินดูเศร้าหมองมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็รู้สึกโกรธจนแทบทนไม่ไหว เธอไม่สามารถอดทนต่อไปได้แล้วจริง ๆ แต่เวลานี้แม่ตระกูลหลินก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “เอาล่ะ หลิวเหวิน ฉันจะไม่พูดไร้สาระกับเธออีก วัตถุดิบที่เธอต้องการมันไม่มีอีกแล้วล่ะ”“ตอนนี้ สิ่งที่เธอต้องทำก็คือ รีบหาวัตถุดิบตัวใหม่เพื่อมาทดแทนโดยเร็วที่สุด”“ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ!” หลิวเหวินตอบ“ทำไม่ได้ก็คิดหาวิธีสิ หากยังไม่ได้อีก เธอก็หาอย่างอื่นที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงมาไม่ได้รึไง ขอแค่ผลลัพธ์ออกมาคล้ายกัน แค
ประจวบเหมาะกับที่หลินหว่านหรูเองก็เกือบจะจัดการธุระเสร็จแล้ว เย่เทียนหยู่มองดูนาฬิกาครู่หนึ่ง เวลาเพิ่งจะสิบโมงกว่า ๆ ดังนั้นจึงมีเวลาอีกเหลือเฟือให้เขารีบกลับไป“แม่ของคุณกับคนอื่น ๆ ล่ะ หรือพวกเขากลับไปกันแล้ว?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย นานแล้วที่ไม่ได้เจอพวกเขา แถมยังเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นอีก ไม่คิดจะอยู่พูดคุยกันหน่อยรึไง“กลับไปกันแล้ว!”สีหน้าของหลินหว่านหรูเริ่มมืดมนลงเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าคุณต้องรีบกลับไปจัดการธุระเหรอคะ พวกเราเองก็กลับกันเถอะ”“ได้!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า เขาสตาร์ทรถและขับออกไปทันที ระหว่างทาง เขาหันไปมองหลินหว่านหรูที่ดูเหมือนว่าเธอมีอะไรอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล่าเอ่ยปาก เขาจึงถามออกไปว่า “หว่านหรู คุณเป็นอะไรรึเปล่า หรือมีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณลำบากใจรึเปล่า?”“หรือจะเป็นเรื่องสูตรนั่น?”เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่เป็นฝ่ายเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน หลินหว่านหรูก็พยักหน้าทันที ก่อนจะพูดซ้ำสิ่งที่แม่ของเธอเพิ่งจะพูดไปออกมาเย่เทียนหยู่ส่ายหัว พร้อมพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่สูตรส่วนผสมสูตรเดียวเอง ผมเขียนให้ตอนนี้เลยก็ได้ และจะ
“ได้สิ”ทันทีที่แม่ตระกูลหลินพูดจบ เธอก็รีบเดินจากไป พร้อมกับสาปแช่งอยู่ในใจใครขอให้แกมากัน ไม่รู้จะมาทำไม มาแย่งบริษัทไปจากฉันรึไงฝันไปเถอะ!หลินซื่อกรุ๊ป ไม่ใช่สิ่งที่แกคิดจะเอาก็เอาไปได้ง่าย ๆ หรอกนะ!ถ้าเธอรู้แต่แรก ว่าอีกไม่นานหลินหว่านหรูจะได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของเทียนเฟิงกรุ๊ป และได้กลายเป็นผู้จัดการระดับสูงของกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านแบบนี้ เธอไม่มีทางคิดเช่นนี้แน่พ่อตระกูลหลินรู้สึกทำอะไรไม่ถูก อันที่จริง เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการของแม่ตระกูลหลินสักเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงเมื่อก่อนทุกการตัดสินใจก็มักจะขึ้นอยู่กับแม่ตระกูลหลิน แถมตอนนี้ท่าทีของเธอก็ยิ่งเหมือนบูเช็คเทียนเข้าไปทุกวัน ไม่ว่าเธอพูดจะอะไร ตนก็ได้แต่ต้องทำตามเท่านั้น ในขณะเดียวกันนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็เดินตามหาหลงเจี๋ยจนเจอ จากนั้นหลงเจี๋ยก็ถามออกไปด้วยความโกรธทันที “เย่เทียนหยู่ นี่คุณหมายความว่ายังไง ก่อนหน้านี้ทำไมคุณถึงต้องหลอกฉันด้วย?”“ผมหลอกคุณงั้นเหรอ?” เย่เทียนหยูรู้สึกสับสน“ยังไม่ยอมรับอีกงั้นเหรอ เห็น ๆ อยู่ว่าคุณคือราชามังกรแห่งพรรคมังกร ไม่บอกฉันก็ช่างเถอะ แต่นี่ยังจะแสร้งบ
เย่เทียนหยู่ที่เห็นฉากนี้ ก็อดส่ายหัวไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า “หว่านหรู ในเมื่อทางนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พอดีเมื่อกี้คุณตำรวจหลงมีเรื่องที่ต้องคุยกับผมน่ะ ผมขอไปหาเธอหน่อยนะ”“อือ คุณไปเถอะ”เมื่อกี้ตอนที่หลงเจี๋ยเชิญเขา หลินหว่านหรูที่อยู่ข้าง ๆ เองก็รู้เรื่องนี้ดีหลังจากนั้นเย่เทียนหยู่จึงเดินจากไปเมื่อเย่เทียนหยู่เดินจากไปแล้ว คนที่เหลือก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดี หลังจากที่สื่อสารกันไปมาสักพัก หลินหว่านหรูก็ได้เซ็นลงไปส่วนเรื่องเงินชดเชย แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการเลยสักบาทเมื่อเห็นว่าในที่สุดปัญหาก็ได้คลี่คลายลงแล้ว แม่ตระกูลหลินก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก เธอจึงกอดหลินหว่านหรูเอาไว้แน่น พร้อมกับพูดด้วยความซาบซึ้งออกไปว่า “หว่านหรู ขอบคุณมากนะ!”“ก่อนหน้านี้แม่ทำผิดพลาดไปมากมาย แต่ลูกก็ยังปกป้องแม่ตลอด ลูกเป็นลูกสาวที่ดีที่สุดในโลกเลย แม่รักลูกนะ!”คำพูดที่หวานซึ้งเช่นนี้ หลินหว่านหรูถึงกับทนรับเอาไว้ไม่ไหว แต่การที่แม่สามารถแสดงมันออกมาได้ มันก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากแล้ว“หว่านหรู ลูกวางใจได้ ตอนนี้แม่รู้แล้วว่าตัวเองผิด ต่อไปจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก แม่จะดูแลบริษัทใ