พ่อหลินแม่หลินรู้สึกมีความสุขมาก ที่สุดท้ายลูกสาวก็จะได้โบยบินไปอยู่บนยอดไม้ราวกับนกเฟิ่งหวง และพวกเขาทั้งสองคนก็จะได้กลายเป็นมหาเศรษฐีจริงๆ เสียทีแม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของพวกเขาจะมีเงินอยู่ก็จริง แต่ยังห่างไกลจากความร่ำรวยอยู่มากเลยทีเดียวในไม่ช้าก็ถึงเก้าโมงเช้าแล้ว กงซุนจื้อก็ปรากฏตัวเช่นกันแต่ปกติแล้ว ผู้นำของตระกูลกงซุนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะต้องปรากฏตัวออกมาด้วย แต่ครั้งนี้มีแค่กงซุนจื้อคนเดียวที่เป็นคนนำ ส่วนคนอื่นต่างก็เป็นผู้ตามแต่เรื่องนี้ผู้อาวุโสหลินรู้มาตั้งนานแล้ว แล้วบอกว่าเรื่องพิเศษก็ต้องใช้วิธีพิเศษ ดังนั้นอย่าได้ไปถือสาเลย“คุณปู่หลิน!”ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ แต่กงซุนจื้อก็ยังตะโกนต่อไปด้วยความกระตือรือร้น แถมยังสุภาพกับพ่อหลิวแม่หลิวมาก เอ่ยปากเรียนคุณลุงคุณป้าตลอดนอกจากนี้ยังสง่าผ่าเผย และกริยาท่าทางงดงาม ไม่นานก็ได้รับการชื่นชมจากตระกูลหลินในทันทีเพียงแต่กงซุนจื้อมองไปรอบๆ และมองไม่เห็นหลินหว่านหรูผู้อาวุโสหลินสังเกตเห็นว่าเขากำลังมองอยู่ จึงได้รีบพูด “คุณชสยกงซุน วางใจเถอะ หว่านหรูตอบรับแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก”“จริงเหรอครับ งั้นก็ดีมากเลย
“หว่านหรู เธออาจจะยังไม่รู้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับเธอ ฉันรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นมาก”“ฉันไม่เข้าใจความรู้สึกคับแค้นของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ว่าตัวเองไม่อยากตามหาเสี่ยวเถียนเถียนกลับมาเลยใช่ไหม เพราะอะไรถึงได้ใจเต้นกับเธอขนาดนี้!”กงซุนจื้อกล่าวด้วยความกระสันด้วยคำพูดนี้ ผู้อาวุโสหลินและคนอื่นๆ ต่างก็พากันตกตะลึง แม้ว่าจะรู้สึกประทับใจต่อความชอบของกงซุนจื้อที่มีให้หลินหว่านหรูก็จริงอยู่ แต่เสี่ยวเถียนเถียนคือใครกันน่ะได้ยินสิ่งที่กงซุนจื้อพูด ในใจของหลินหว่านหรูก็นึกไปยังภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นอีกครั้ง แต่ไม่รู้เพราะอะไร เธอนึกภาพหน้าของกงซุนจื้อที่อยู่ด้วยกันไม่ได้เลยไม่ว่าจะนิสัยหรือรูปร่าง หรือแม้แต่สัมผัสก็ยังบอกไม่ได้ในทางกลับกันเย่เทียนหยู่นั้น ยังทำให้รู้สึกแบบนั้นได้เป็นครั้งคราว“คุณปู่หลิน พวกคุณอาจจะยังสงสัยว่าเสี่ยวเถียนเถียนคือใคร อันที่จริง เขาก็คือหว่านหรู พวกเราเคยพบกันครั้งหนึ่งตอนยังเป็นเด็ก แล้วเคยสัญญากันว่าพอโตขึ้นจะอยู่ด้วยกันน่ะครับ”“เมื่อโตแล้ว ผมทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะตามหาความเป็นได้ จนกระทั่งได้พบกับหว่านหรู ผมก็พบว่าผมหวั่นไหว แล้วก็มารู้ในภายหลัง ปราก
“เย่เทียนหยู่ แกมาที่นี่ทำไมกัน!”“วันนี้คือวันดีของพวกเราตระกูลหลิน แกรับไสหัวออกไปซะ ไม่อย่างนั้น ถ้าหากทำลายเรื่องดีของตระกูลหลิน ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่”แม่หลินกล่าวด้วยความโกรธสุดขีดให้ตายสิ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคนที่ตัวเองเตรียมไว้กัน ไม่ใช่ว่าให้พวกเขาจัดการเย่เทียนหยู่หรอกเหรอ ทำไมเย่เทียนหยู่ถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วยสภาพสมบูรณ์ล่ะอันที่จริงแล้วเธอเตรียมคนไว้เพื่อสอนบทเรียนหกับเย่เทียนหยู่ แต่เพราะว่าเวลากระชั้นชิดเกินไป นอกจากนี้เพราะเดิมทีเมื่อวานเย่เทียนหยู่ไม่ได้กลับไป แต่ไหนแต่ไรก็หาคนไม่เจอเลย“วันดีงั้นเหรอ?”“ถ้าหากว่าฉันพูดไม่ผิด ตอนนี้หว่านหรูยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉันอยู่ พวกคุณให้เธอแต่งงานกับคนอื่น ฉันจะไม่มาดูได้ยังไงกันล่ะ?เย่เทียนหยู่ย้อนถาม“ไร้สาระสิ้นดี!”“แกกับหว่านหรูหย่ากันไปตั้งนานแล้ว!”“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าแกไม่มีที่ไป แกคงได้รับใบหย่าตั้งนานแล้ว”แม่หลิวก็พูดด้วยความโกรธ “ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ แกก็ลองถามหว่านหรูตอนนี้ดูสิ ถามเธอว่าเตรียมที่จะหย่ากับแกมานานหรือยังน่ะ”เย่เทียนหยู่ไม่ปฏิเสธที่แม่หลิวพูดแต่อย่างใด และมองไปที่หลินหว่
สีหน้าของซูถิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ทำไมจู่ๆ เย่เทียนหยู่ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะผู้อาวุโสหลินและก็อื่นๆ คิดไม่ได้อะไรมาก แต่หลินหว่านหรูตกใจเล็กน้อย ขอทานตัวน้อยในตอนนั้นเหรอ?หมายความว่ายังไง ทำไมเย่เทียนหยู่ถึงรู้เรื่องขอทานตัวน้อยได้ล่ะ?หรือแค่เรื่องบังเอิญ คงไม่ใช่ว่าจะเป็นขอทานตัวน้อยเมื่อสมัยเด็กอย่างที่ตัวเธอคิดหรอกนะ ไม่ใช่หรอก แล้วเขาพูดเรื่องนี้กับกงซุนจื้อหมายความว่ายังไงกัน คงไม่ได้กำลังจะบอกว่ากงซุนจื้อไม่ใช่ขอทานตัวน้อยหรอกนะกงซุนจื้อตื่นตระหนกมาก แต่ก็แสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้วพูดว่า “เย่เทียนหยู่ นี่แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ฉันจะบอกแกไว้นะ เรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวกับแก เชิญออกไปซะ ”“ถูกต้อง เย่เทียนหยู่ ฉันขอให้แกรีบไสหัวไปซะ ตระกูลหลินของพวกเราไม่ต้อนรับแก!”แม่หลินเองก็รีบพูดในทันที“ช้าก่อน!”แต่หลินหว่านหรูให้การปฏิเสธ จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วพูด “เทียนหยู่ ที่นายพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง?”“ยังจะหมายความว่าอะไรได้อีกล่ะ คงอยากจะปั่นประสาทเธออยู่แน่นอนเลย หว่านหรู ผู้ชายไร้สาระพันนี้เธอจะไปสนใจเขาทำไมกัน” ซูถิงเองก็อดไม่ได้ที่จะพูดเช่นกัน“ทำไม แต่ละคนถึง
“ไม่ใช่นะ นี่มันโกหก หว่านหรู ทั้งหมดนี่มันเป็นเรื่องโกหก เป็นเพราะเย่เทียนหยู่ทนไม่ไหวที่จะจากเธอไปเลยทำอย่างนี้ เธออย่าเชื่อนะ” ซูถิงรู้สึกกังวล“งั้นเหรอ?” หลินหว่านหรูตะโกนด้วยความเย็นชา แล้วหันไปมองที่กงซุนจื้อแล้วถามด้วยความเย็นชาเช่นกัน “คุณชายกงซุน ไหนคุณบอกฉันสิ ว่านี่มันจริงหรือเปล่า?”“นี่......”กงซุนจื้อรู้ดี เพราะคลิปเสียงง่ายต่อการตรวจสอบว่าจริงหรือปลอม จึงทำได้เพียงตอบแต่โดยดีว่า “นี่ นี่คือความจริง”“อะไรนะ คุณชายกงซุน คุณ......” ซูถิงสีหน้าดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม ทั้งอับอายแล้วก็ร้อนรน“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ใช่แล้ว ซูถิงช่วยเหลือฉันจริง แม้กระทั่งคิดแผนการให้ฉันด้วย ฉันเองก็มีส่วนร่วมเช่นกัน”“แต่นั่นก็เพราะเธอเอาใจใส่คุณ เธอห่วงใยคุณ เธอไม่อยากจะให้คุณต้องถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของไอ้ผู้ชายสารเลวคนหนึ่งเท่านั้นเอง”ซูถิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา แล้วแอบยกย่องในความฉลาดของตุณชายกงซุน เหมือนว่าคุณชายกงซุนจะยังไม่ทอดทิ้งตัวเธอนะ เมื่อก็เธอเกือบจะแฉเรื่องที่คุณชายกงซุนอ้างว่าเป็นขอทานตัวน้อยเพราะความโกรธเสียแล้ว“สำหรับตัวฉันเอง ม
ด้วยท่าทางของเขา เสียงของการสนทนากันระหว่างซูถิงและกงซุนจื้อก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเพียงแต่ คราวนี้มีวิดีโอประกอบด้วย“ซูถิง ที่นั่นหลินหว่านหรูเป็นยังไงบ้าง?”“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นเลย ฉันยังต้องคิดให้รอบคอบอีกหน่อย ว่าตอนกลับไปจะหลอกหลินหว่านหรูยังไงดี”จากที่คลิปเสียงถูกปล่อยออกมาซูถิงก็พูดพึมพำอยู่กับตัวเอง“หลินหว่านหรู เธอโหดร้ายกับฉันตั้งขนาดนั้น แต่คงนึกไม่ถึงสินะ ว่าวันหนึ่ง จะกลายมาเป็นของเล่นในกำมือฉันแบบนี้น่ะ”“ยังมีขอทานตัวน้อยอีก นึกไม่ถึงว่าเธอจะคิดว่ากงซุนจื้อเป็นขอทานตัวน้อยในตอนนั้นจริงๆ นี่ทำฉันหัวเราะแทบบ้าไปแล้วเนี่ย”“......”ยิ่งหลินหว่านหรูได้ฟังมากเท่าไหร่สีหน้าของเธอก็รังเกลียดมากขึ้นเท่านั้น แม้กระทั่งหยิบโทรศัพท์ของเย่เทียนหยู่ขึ้นมา เพื่อดูด้วยตัวเอง เพราะว่าวิดีโอที่อยู่บนนั้น มันก็ชัดเจนมากในตอนนี้ ซูถิงถึงกับทรุดลงไปกับพื้นเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้แก้ตัวเลยหน้าไม่อาย!หน้าไม่อายเกินไปแล้ว!หลินหว่านหรูโกรธจนสั่นไปทั้งตัวเธอไม่เคยคิดมาก่อน นึกไม่ถึงว่าจะใช้ประโยชน์จากความลับของเธอสร้างเรื่องได้ขนาดนี้ นี่เป็นความ
ใช่แล้ว เรื่องที่หล่อนทำมันทำให้ตัวเธอโกรธมากจริงๆ เพราะว่า นึกไม่ถึงว่าหล่อนจะใช้ประโยชน์จากความทรงจำในวัยเด็กของตัวเธอแต่ว่า แรงจูงใจที่เธอทำนั้นมันก็เพื่อตัวเธอเองไม่ว่าจะยังไง เพื่อนสนิทแบบนี้ เธอจะไม่มีทางลืมอย่างเด็ดขาด แล้วพูดเบาๆ ว่า “ซูถิง เรื่องที่เกิดในอดีตฉันจะไม่สืบหามันอีกต่อไป แล้วก็จะปล่อยเธอไป”“เพียงแต่ ตั้งแต่วันนี้เป็นตนไป พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”“ตอนนี้ เธอไสหัวไปจากตระกูลหลินได้แล้ว”ซูถิงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แรกเริ่มเดิมทีคิดว่าจากไปอย่างปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้มองดูหลินหว่านหรูก็นึกไม่ถึงเลยว่าจะเชื่อที่ทุกคนพูด คิดว่าตัวเองทำไปก็เพื่อเธอเธอพูดในทันที่ “หว่านหรู ฉันเข้าใจว่าเธอโกรธมาก แล้วก็เกลียดฉันมากเช่นกัน ตอนนี้ไม่อยากเห็นฉันแล้ว ฉันก็จะไป จะไปในทันทีเลย”“เพียงแต่ ภายในใจของฉัน เธอจะยังคงเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของฉันเสมอ ฉันไปล่ะ หวังว่าเธอจะเจอคนที่รู้จักอย่างแท้จริงนะ”หลังจากพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ขอแค่ทิ้งปมไว้แบบนี้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าในอนาคตจะกลับมาอยู่ข้างๆ หลินหว่านหรูไม่ได้ แล้วก็ได้รับผลประโยชน์ที่ตัวเอ
ซูถึงได้ยินการสนทนาในส่วนนี้เข้า ก็สะดุดอย่างช่วยไม่ได้ แล้วล้มลงไปกับพื้นเธอนึกไม่ถึงเช่นกัน ว่าส่วนนี้เย่เทียนหยู่ก็บันทึกไว้เช่นกันถ้าจะให้พูด ครั้งนี้มันเป็นเรื่องบังเอิญทั้งหมดเลย เดิมทีเย่เทียนหยู่ไม่ตั้งใจที่จะบันทึกเลย เพียงแต่มันเป็นความบังเอิญที่เขาดันบันทึกไว้เท่านั้นเองตอนนั้นยังไม่ได้ลบทิ้งไป ภายหลังก็เลยถูกเก็บไว้ในนั้น เมื่อวานได้เจอกับเรื่องที่ซูถิงได้ทำไว้ ก็เลยเตรียมไว้เสียหน่อยแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ได้คิดที่จะเปิดให้ทุกคนได้ฟังโทษก็โทษเถอะ แต่ซูถิงล้ำเส้นเกินไปแล้วซูถิงอับอายขายหน้า ทนไม่ได้จนอยากจะหาหลุมสักที่บนพื้นแล้วมุดเข้าไปเสียมองดูทุกคนแล้วดูด้วยท่าทางแปลกๆ เดิมทีคงจะอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ก็เลยวิ่งหนีออกไปราวกับบ้าไปแล้ว นั่นเพราะว่าเธอรู้สึกขายขี้หน้ามากจริงๆในขณะนี้ หลินหว่านหรูก็ได้สติกลับมาจากความเฉื่อยชาเสียทีนึกไม่ถึงเลยว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้!แม้ว่าเธอจะยังไม่รู้ว่าซูถิงจะชอบเย่เทียนหยู่ได้ยังไง แต่ตัวเธอเองก็เคยเกลียดเย่เทียนหยู่มาก่อนจนกลายมาเป็นชอบ แล้วทำไมซูถิงจะทำไม่ได้เพียงแต่เรื่องพวกนี้ที่เธอทำ มันช่างสกปรกเกินไปแล้ว น่ารั
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป