สีหน้าของซูถิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ทำไมจู่ๆ เย่เทียนหยู่ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะผู้อาวุโสหลินและก็อื่นๆ คิดไม่ได้อะไรมาก แต่หลินหว่านหรูตกใจเล็กน้อย ขอทานตัวน้อยในตอนนั้นเหรอ?หมายความว่ายังไง ทำไมเย่เทียนหยู่ถึงรู้เรื่องขอทานตัวน้อยได้ล่ะ?หรือแค่เรื่องบังเอิญ คงไม่ใช่ว่าจะเป็นขอทานตัวน้อยเมื่อสมัยเด็กอย่างที่ตัวเธอคิดหรอกนะ ไม่ใช่หรอก แล้วเขาพูดเรื่องนี้กับกงซุนจื้อหมายความว่ายังไงกัน คงไม่ได้กำลังจะบอกว่ากงซุนจื้อไม่ใช่ขอทานตัวน้อยหรอกนะกงซุนจื้อตื่นตระหนกมาก แต่ก็แสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้วพูดว่า “เย่เทียนหยู่ นี่แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ฉันจะบอกแกไว้นะ เรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวกับแก เชิญออกไปซะ ”“ถูกต้อง เย่เทียนหยู่ ฉันขอให้แกรีบไสหัวไปซะ ตระกูลหลินของพวกเราไม่ต้อนรับแก!”แม่หลินเองก็รีบพูดในทันที“ช้าก่อน!”แต่หลินหว่านหรูให้การปฏิเสธ จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วพูด “เทียนหยู่ ที่นายพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง?”“ยังจะหมายความว่าอะไรได้อีกล่ะ คงอยากจะปั่นประสาทเธออยู่แน่นอนเลย หว่านหรู ผู้ชายไร้สาระพันนี้เธอจะไปสนใจเขาทำไมกัน” ซูถิงเองก็อดไม่ได้ที่จะพูดเช่นกัน“ทำไม แต่ละคนถึง
“ไม่ใช่นะ นี่มันโกหก หว่านหรู ทั้งหมดนี่มันเป็นเรื่องโกหก เป็นเพราะเย่เทียนหยู่ทนไม่ไหวที่จะจากเธอไปเลยทำอย่างนี้ เธออย่าเชื่อนะ” ซูถิงรู้สึกกังวล“งั้นเหรอ?” หลินหว่านหรูตะโกนด้วยความเย็นชา แล้วหันไปมองที่กงซุนจื้อแล้วถามด้วยความเย็นชาเช่นกัน “คุณชายกงซุน ไหนคุณบอกฉันสิ ว่านี่มันจริงหรือเปล่า?”“นี่......”กงซุนจื้อรู้ดี เพราะคลิปเสียงง่ายต่อการตรวจสอบว่าจริงหรือปลอม จึงทำได้เพียงตอบแต่โดยดีว่า “นี่ นี่คือความจริง”“อะไรนะ คุณชายกงซุน คุณ......” ซูถิงสีหน้าดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม ทั้งอับอายแล้วก็ร้อนรน“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ใช่แล้ว ซูถิงช่วยเหลือฉันจริง แม้กระทั่งคิดแผนการให้ฉันด้วย ฉันเองก็มีส่วนร่วมเช่นกัน”“แต่นั่นก็เพราะเธอเอาใจใส่คุณ เธอห่วงใยคุณ เธอไม่อยากจะให้คุณต้องถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของไอ้ผู้ชายสารเลวคนหนึ่งเท่านั้นเอง”ซูถิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา แล้วแอบยกย่องในความฉลาดของตุณชายกงซุน เหมือนว่าคุณชายกงซุนจะยังไม่ทอดทิ้งตัวเธอนะ เมื่อก็เธอเกือบจะแฉเรื่องที่คุณชายกงซุนอ้างว่าเป็นขอทานตัวน้อยเพราะความโกรธเสียแล้ว“สำหรับตัวฉันเอง ม
ด้วยท่าทางของเขา เสียงของการสนทนากันระหว่างซูถิงและกงซุนจื้อก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเพียงแต่ คราวนี้มีวิดีโอประกอบด้วย“ซูถิง ที่นั่นหลินหว่านหรูเป็นยังไงบ้าง?”“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นเลย ฉันยังต้องคิดให้รอบคอบอีกหน่อย ว่าตอนกลับไปจะหลอกหลินหว่านหรูยังไงดี”จากที่คลิปเสียงถูกปล่อยออกมาซูถิงก็พูดพึมพำอยู่กับตัวเอง“หลินหว่านหรู เธอโหดร้ายกับฉันตั้งขนาดนั้น แต่คงนึกไม่ถึงสินะ ว่าวันหนึ่ง จะกลายมาเป็นของเล่นในกำมือฉันแบบนี้น่ะ”“ยังมีขอทานตัวน้อยอีก นึกไม่ถึงว่าเธอจะคิดว่ากงซุนจื้อเป็นขอทานตัวน้อยในตอนนั้นจริงๆ นี่ทำฉันหัวเราะแทบบ้าไปแล้วเนี่ย”“......”ยิ่งหลินหว่านหรูได้ฟังมากเท่าไหร่สีหน้าของเธอก็รังเกลียดมากขึ้นเท่านั้น แม้กระทั่งหยิบโทรศัพท์ของเย่เทียนหยู่ขึ้นมา เพื่อดูด้วยตัวเอง เพราะว่าวิดีโอที่อยู่บนนั้น มันก็ชัดเจนมากในตอนนี้ ซูถิงถึงกับทรุดลงไปกับพื้นเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้แก้ตัวเลยหน้าไม่อาย!หน้าไม่อายเกินไปแล้ว!หลินหว่านหรูโกรธจนสั่นไปทั้งตัวเธอไม่เคยคิดมาก่อน นึกไม่ถึงว่าจะใช้ประโยชน์จากความลับของเธอสร้างเรื่องได้ขนาดนี้ นี่เป็นความ
ใช่แล้ว เรื่องที่หล่อนทำมันทำให้ตัวเธอโกรธมากจริงๆ เพราะว่า นึกไม่ถึงว่าหล่อนจะใช้ประโยชน์จากความทรงจำในวัยเด็กของตัวเธอแต่ว่า แรงจูงใจที่เธอทำนั้นมันก็เพื่อตัวเธอเองไม่ว่าจะยังไง เพื่อนสนิทแบบนี้ เธอจะไม่มีทางลืมอย่างเด็ดขาด แล้วพูดเบาๆ ว่า “ซูถิง เรื่องที่เกิดในอดีตฉันจะไม่สืบหามันอีกต่อไป แล้วก็จะปล่อยเธอไป”“เพียงแต่ ตั้งแต่วันนี้เป็นตนไป พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”“ตอนนี้ เธอไสหัวไปจากตระกูลหลินได้แล้ว”ซูถิงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แรกเริ่มเดิมทีคิดว่าจากไปอย่างปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้มองดูหลินหว่านหรูก็นึกไม่ถึงเลยว่าจะเชื่อที่ทุกคนพูด คิดว่าตัวเองทำไปก็เพื่อเธอเธอพูดในทันที่ “หว่านหรู ฉันเข้าใจว่าเธอโกรธมาก แล้วก็เกลียดฉันมากเช่นกัน ตอนนี้ไม่อยากเห็นฉันแล้ว ฉันก็จะไป จะไปในทันทีเลย”“เพียงแต่ ภายในใจของฉัน เธอจะยังคงเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของฉันเสมอ ฉันไปล่ะ หวังว่าเธอจะเจอคนที่รู้จักอย่างแท้จริงนะ”หลังจากพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ขอแค่ทิ้งปมไว้แบบนี้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าในอนาคตจะกลับมาอยู่ข้างๆ หลินหว่านหรูไม่ได้ แล้วก็ได้รับผลประโยชน์ที่ตัวเอ
ซูถึงได้ยินการสนทนาในส่วนนี้เข้า ก็สะดุดอย่างช่วยไม่ได้ แล้วล้มลงไปกับพื้นเธอนึกไม่ถึงเช่นกัน ว่าส่วนนี้เย่เทียนหยู่ก็บันทึกไว้เช่นกันถ้าจะให้พูด ครั้งนี้มันเป็นเรื่องบังเอิญทั้งหมดเลย เดิมทีเย่เทียนหยู่ไม่ตั้งใจที่จะบันทึกเลย เพียงแต่มันเป็นความบังเอิญที่เขาดันบันทึกไว้เท่านั้นเองตอนนั้นยังไม่ได้ลบทิ้งไป ภายหลังก็เลยถูกเก็บไว้ในนั้น เมื่อวานได้เจอกับเรื่องที่ซูถิงได้ทำไว้ ก็เลยเตรียมไว้เสียหน่อยแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ได้คิดที่จะเปิดให้ทุกคนได้ฟังโทษก็โทษเถอะ แต่ซูถิงล้ำเส้นเกินไปแล้วซูถิงอับอายขายหน้า ทนไม่ได้จนอยากจะหาหลุมสักที่บนพื้นแล้วมุดเข้าไปเสียมองดูทุกคนแล้วดูด้วยท่าทางแปลกๆ เดิมทีคงจะอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ก็เลยวิ่งหนีออกไปราวกับบ้าไปแล้ว นั่นเพราะว่าเธอรู้สึกขายขี้หน้ามากจริงๆในขณะนี้ หลินหว่านหรูก็ได้สติกลับมาจากความเฉื่อยชาเสียทีนึกไม่ถึงเลยว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้!แม้ว่าเธอจะยังไม่รู้ว่าซูถิงจะชอบเย่เทียนหยู่ได้ยังไง แต่ตัวเธอเองก็เคยเกลียดเย่เทียนหยู่มาก่อนจนกลายมาเป็นชอบ แล้วทำไมซูถิงจะทำไม่ได้เพียงแต่เรื่องพวกนี้ที่เธอทำ มันช่างสกปรกเกินไปแล้ว น่ารั
ได้ยินอย่างนั้น ผู้อาวุโสหลินก็ถึงกับหน้าถอดสี แล้วพูดอย่างร้อนรน “คุณชายกงซุน คุณอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ตอนนี้หว่านหรูกำลังโกรธอยู่ รอเธอเย็นลงสักนิด พวกเราค่อยมาหารือเรื่องการหมั้นกันต่อ”“เหอะ งั้นฉันจะให้เวลาพวกคุณพิจารณาอีกหนึ่งวัน หลังจากหนึ่งวันแล้ว ถ้ายังไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจกับฉันได้ งั้นฉันก็จะทำลายตระกูลหลินทิ้งซะ”กงซุนจื้อพูดอย่างไร้เหตุผลเมื่อทุกคนในตระกูลหลินได้ยินดังนั้น แต่ละคนก็สีหน้าแตกตื่นยกใหญ่ แม้กระทั่งหลินหว่านหรูเองก็ด้วยแม่ว่าเธอจะโกรธมาก แต่ก็รู้ดีว่าตระกูลกงซุนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน เห็นได้ชัดเลยว่าตัวเธอไม่อยากลากตระกูลหลินเข้ามาเกี่ยวด้วยสีหน้าของผู้อาวุโสหลินดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม เขาสร้างอุตสาหกรรมของตระกูลหลินมาเองกับมือ ไม่อยากจะให้มันต้องถูกทำลายลง ยิ่งไม่ต้องบอกเลย หลังจากที่ตระกลูหลินถูกทำลายแล้ว ตระกูลหลินอย่างพวกเขาถ้าเกิดอะไรขึ้นเกรงว่าคงจะไม่มีที่ไปแล้วล่ะแต่มีเพียงเย่เทียนหยู่เท่านั้นที่ท่างทางดูถูกเหยียดหยาม แล้วพูดเยาะเย้ย “กงซุนจื้อ นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกันน่ะ คิดอยากทำลายใครก็ทำได้งั้นเหรอ ไม่ลองชั่งน้ำหนักดูบ้างหรือไงว่าตัวเองมี
“แกไม่สนใจเหรอ?”“เย่เทียนหยู่ นี่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร สมองน้ำเข้ารึไงถึงกล้าไม่สนใจตระกูลกงซุน?”“ทำไม หรือแกยังคิดจะอาศัยความดีความชอบที่ช่วยเหลือลูกสาวประธานหยางไปขอให้ประธานหยางช่วยแกอีก? ไม่เห็นเหรอว่าประธานหยางไม่มีทางช่วยแก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ให้ลูกสาวไปแต่งงานกับคนอื่นหรอก”“อีกอย่างนะ ต่อให้ประธานหยางยอมช่วย เกรงว่าก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี หรือดีไม่ดีพอรู้ว่าแกไปหาเรื่องตระกูลกงซุนหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมือง เขาอาจจะไปร่วมด้วยช่วยกันจัดการแกก็ได้”คุณแม่ตระกูลหลินพ่นคำพูดมากมายใส่เขาจนน้ำลายกระเด็นไปทั่วทุกทิศคุณปู่หลินเองก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “เย่เทียนหยู่ เรื่องมาถึงตรงนี้แล้วไม่ใช่เวลาให้มาคุยโวโอ้อวดแล้วนะ ตระกูลกงซุนไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างแกจะต้านได้หรอกนะ”“วิธีการที่ถูกต้องที่สุดสำหรับแกตอนนี้คือตามหากงซุนจื้อ คุกเข่าลงและขอโทษเขาซะ ขอร้องให้เขาไว้ชีวิตแกสักครั้ง ไม่อย่างนั้นแกตายแน่”“อย่าหวังว่าจะโชคดีหนีไปได้เหมือนคราวที่แล้วนะ คราวที่แล้วเป็นเพราะตระกูลซาโหดเหี้ยมมาก เดิมทีก็มีเรื่องไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นแกเหรอจะโชคดีได้ขนาดนั้น”“ตระกูลก
ทันทีที่สิ้นคำพูดเหล่านี้ หลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อยใช่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่เคยเชื่อเลยสักครั้ง แต่เรื่องจริงก็พิสูจน์แล้วว่า ทุกสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดนั้นเป็นเรื่องจริงแม้ว่าหลาย ๆ ครั้งจะเป็นเพราะโชคช่วย หรือบังเอิญมีคนช่วยเหลือก็ตาม แต่สุดท้ายเขาก็ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ทุกครั้ง“นาย นายมีวิธีการอะไร?” หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะถาม“ผมมีข้อมูลภายในอยู่ ตระกูลกงซุนทำความผิดไว้หลายอย่างและตระกูลของพวกเขาก็มีปัญหาใหญ่ อีกไม่นานพวกเขาต้องพินาศแน่นอนครับ” เย่เทียนหยู่กล่าวอันที่จริง ตระกูลของพวกจอมยุทธแบบตระกูลกงซุนมีเหรอจะไม่ก่ออาชญากรรมถ้าให้พูดตรง เหตุผลหลัก ๆ ที่แท้จริงก็คือตระกูลกงซุนทำให้เย่เทียนหยู่ขุ่นเคือง และถูกกำหนดให้มีแต่ต้องพินาศไปเท่านั้นหลินหว่านหรูตะลึงไปเล็กน้อย เธอไม่ค่อยเชื่อเขาเลยจริง ๆ ตามความเข้าใจของเธอ ตระกูลกงซุนเจริญรุ่งเรืองมาก สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือพวกเขาไม่เหมือนกับตระกูลหลิวในอดีต เพราะพวกเขามีอำนาจกว่านั้นมาก“นายไปได้ข่าวนี้มาจากไหน”“จากหลงตู”เย่เทียนหยู่ตอบตามตรง“นี่นายรู้
“จริงสิ สืบเรื่องผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ เขาด้วย ถ้าพวกเธอเป็นคนของเขาจริง ๆ ก็จับพวกเธอมาด้วย” ดวงตาของหนานกงเล่อเต็มไปด้วยความชั่วร้ายแม้จะได้เห็นพวกเธอผ่านแค่ในจอเท่านั้น แต่ก็สามารถเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของหญิงสาวทั้งสองได้ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับเทพธิดาในใจของเขาอย่างเฟยเฟยด้วยเช่นกัน แน่นอน ว่าในใจของเขา ไม่ว่ายังไงเทพธิดาเฟยเฟยก็สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเขา“ได้ครับ!”ไป๋หยางพยักหน้า แต่ในใจลึก ๆ ของเขากลับแอบหดหู่ เขารู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ เดิมทีเขาตั้งใจจะเก็บเอาไว้เอง แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายหนานกงจะโลภมากขนาดนี้ ถึงกับจะฮุบเอาไว้หมดคนเดียวไม่คิดจะเหลือไว้ให้เขาเลยสักคำแต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นคุณชายแห่งตระกูลหนานกง เพราะงั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งเฉินเฟยเฟยไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เธอขยับเข้าไปหาเย่เทียนหยู่ แล้วกระซิบว่า “พี่เย่คะ อีกเดี๋ยวพองานจบ ฉันขอเลี้ยงมื้อดึกพี่นะคะ”เย่เทียนหยู่มองออกว่าเฉินเฟยเฟยคิดยังไงกับตน เขาเลยกลัวว่ามันอาจจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ เขาจึงปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็ว “เอ่อคือ อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระอยู่ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ไว
ท่ามกลางเสียงร้องฮึกเหิมของฝูงชน ในที่สุดเพลงก็จบลง และคอนเสิร์ตเองก็ได้สิ้นสุดลงเช่นกันปิงเยว่ค่อย ๆ กลับมามีสติอีกครั้ง เธอเติบโตมากับอาจารย์ของเธอ เธอจึงไม่รู้จักเพลงนี้จริง ๆแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อฟังพวกเขาร้องเพลง เธอถึงได้รู้สึกว่าเลือดของเธอนั้นเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา ราวกับว่าความยากลำบากต่าง ๆ นั้นไม่ได้รู้สึกยากลำบากอีกต่อไปเมื่อมองไปยังเย่เทียนหยู่ที่อยู่บนเวทีอีกครั้ง เธอก็กลับไม่รู้สึกเกลียดเขาอีกต่อไป อย่างน้อยผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ ก็เหมือนจะต่างจากผู้ชายน่ารังเกียจคนอื่นอยู่บ้างแน่นอน ว่าเขาก็ยังคงเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจอยู่เหมือนเดิม เขาไม่คู่ควรที่จะมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งมีควรค่าให้เพ้อฝันถึงตนด้วยซ้ำ“ต้องขอบคุณเพื่อนคนนี้มากเลยนะคะ เขาทำให้พวกเรามีช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในคอนเสิร์ตนี้” ทันทีที่เฉินเฟยเฟยพูดจบ เธอก็เดินไปข้างหน้า ก่อนที่จะอ้าแขนโอบกอดเย่เทียนหยู่หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเฟยเฟยพูด ทุกคนต่างก็เห็นด้วย กระทั่งตอนที่เฉินเฟยเฟยเป็นฝ่ายเริ่มกอดชายบนเวทีก่อน พวกเขาก็กลับรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่รับได้ต้องเข้าใจก่อนว
ปิงเยว่และจูเก่อหลิวหลีต่างก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ที่ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ธรรมดา เสียงมากมายเหล่านั้นพวกเธอย่อมได้ยินอย่างชัดเจนพอได้ยินคำพูดที่ว่ามีสาวให้โอบซ้ายกอดขวาอะไรนั่นแล้ว จูเก่อหลิวหลีก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เธอแทบอยากจะประกาศออกไปเสียด้วยซ้ำถูกต้องแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงของคุณชายแต่ปิงเยว่กลับแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด เธอยิ่งฟังมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้นไอ้ผู้ชายน่ารังเกียจที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนนี้ คิดอยากจะโอบกอดตนงั้นเหรอ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริงหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย เธอคงฆ่าคนไปนานแล้ว!ไร้สาระทั้งเพ!เฉินเฟยเฟยเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของฝูงชนด้วยเช่นกัน และให้ความสนใจกับสาวงามที่ไม่อาจมีใครทัดเทียมทั้งสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่มากขึ้น คนอื่น ๆ ก็แค่คาดเดาแต่เธอกลับรู้สึกว่า สองคนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับพี่เย่อยู่จริง ๆแต่ยิ่งเหตุการณ์เป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เฉินเฟยเฟยไม่แค่ไม่อิจฉา กลับกัน เธอยิ่งชอบมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้ดี ว่าตัวเธอเองก็มีเสน่ห์เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการเธอส่ว
“ไม่ได้ ถ้าเป็นเธอ งั้นก็ช่างเถอะ อย่างเธอน่ะนะ เธอจะทำให้คุณชายของฉันตกใจเสียเปล่า” จูเก่อหลิวหลีพูดประชดประชัน“เธอ!”เสี่ยวลู่รู้สึกโกรธอย่างมาก“หลิวหลี ช่างมันเถอะ” เย่เทียนหยู่เองก็หมดคำจะพูด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตนจะถูกเชิญขึ้นไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ยัยเด็กคนนี้ ถึงขั้นเล่นไม้นี้เลยงั้นเหรอ“เป็นพวกเธอต่างหากที่มั่นหน้าเกินไป แถมยังคิดเองเออเองอีกว่าคุณชายชอบพวกเธอ” จูเก่อหลิวหลีขมวดคิ้วอย่างเย็นชา“คุณชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้วนะ!”ปิงเยว่โกรธจัด รัศมีเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเธอ อุณหภูมิรอบตัวลดลงสิบองศาได้ในพริบตา จนทำให้เธอรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัวจูเก่อหลิวหลีรู้สึกตกตะลึงที่ผู้หญิงคนนี้มีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้ ที่แท้ความรู้สึกเมื่อสักครู่ก็เป็นเรื่องจริง อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตนเสียอีกตอนนี้ตัวเองก็อยู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่เธอกลับแข็งแกร่งกว่าตนอีก ความแข็งแกร่งของเธอจะน่ากลัวขนาดไหนกัน“พอแค่นี้เถอะ!”ในตอนนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็รีบพูดขึ้นมา ทันทีที่เขาเปิดปาก ความเย็นยะเยือกในอากาศทั้งหมดก็หายไป และกลับคืนสู่ภาวะปกติหลายคนที่อยู่รอบ ๆ ก็รู้สึก
“ไม่หรอกมั้ง เขาก็ดูใช้ได้อยู่นะ” จางผิงรีบตอบทันที“เป็นแบบนั้นที่ไหนกัน ฉันว่าเขาดูเหมือนคนโรคจิตมากกว่า” เหอฉุนโต้แย้ง“เอ่อ ไม่น่าจะเป็นงั้นนะ ถ้าเขาเป็นคนเลวขนาดนั้น พี่เฟยเฟยก็คงเสียความบริสุทธิ์ไปนานแล้ว”“หมายความว่ายังไง?”“เธอก็ถามพี่เฟยเฟยเองเถอะ” จางผิงไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เหอฉุนกลับส่ายหัว เธอมักจะรู้สึกว่าทั้งสองคงยังอ่อนต่อโลกเกินไป เลยอาจจะถูกเย่เทียนหยู่หลอกก็ได้หลังจากนั้นไม่นาน เฉินเฟยเฟยก็ได้เริ่มร้องเพลงที่สองของเธอ สไตล์ของเพลงนี้แตกต่างไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไพเราะจับใจเช่นเดิมเวลาได้ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ในขณะที่ผู้คนต่างก็กำลังหลงใหลและเพลิดเพลินอย่างสุดขีด มันก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของคอนเสิร์ตอย่างช้า ๆ“คืนนี้ได้มีโอกาสมาพบกับทุกคนที่นี่ ฉันรู้สึกดีใจมากจริง ๆ ค่ะ แต่เวลาก็กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว การพบกันย่อมมีวันสิ้นสุดเสมอ”“แต่การจากลาในวันนี้ ก็เพื่อที่เราจะได้พบกันใหม่ในวันหน้า ขอส่งบทเพลงแห่งความสุขนี้ให้กับทุกคนค่ะ!”เมื่อเสียงของเธอสิ้นสุดลง เสียงที่ไพเราะของเธอก็ดังออกมา ทำให้ทุกคนกลับเข้าสู่บรรยากาศนั้นอีกครั้ง ค่อย ๆ ผ่านไปช้า
ขณะที่ริมฝีปากของเธอเปิดออก คำพูดที่อ่อนโยนและชวนให้ลุ่มหลงก็หลุดออกมา กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ และถูกสุ่งให้ไปถึงหูของทุกคนทุกคนต่างก็พากันโบกแท่งเรืองแสงไปมา ขณะที่กำลังฟังเสียงร้องอันไพเราะและสมบูรณ์แบบของเธอ ทุกคนต่างก็พากันร้องตามไปด้วยเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะเรียบง่าย แต่เมื่อมันออกมาจากปากของเฉินเฟยเฟย มันก็กลับสมบูรณ์จนทำให้ผู้ฟังรู้สึกติดหูมากเสียงอันไพเราะและอ่อนหวานของเธอแทรกซึมเข้าไปในหูของทุก ๆ คน จนทำให้ทุกคนรู้สึกตามอย่างไม่อาจควบคุมได้ และจมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆในตอนนั้นเอง ใบหน้าของเย่เทียนหยู่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว เขารู้สึกแค่ว่าตนได้จมดิ่งเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้วในขณะเดียวกัน เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจได้ในที่สุด ว่าทำไมทุกคนถึงได้คลั่งไคล้มากขนาดนี้ เพราะเสียงนี้ของเธอนั้นดูสมจริงและไพเราะมากนี่ถือว่าเป็นเสียงที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็จมอยู่กับมันด้วยเช่นกัน สีหน้าและอารมณ์เองก็ดูแตกต่างออกไปจากเดิมบางทีอาจเพราะจมดิ่งกับมันมากเกินไป หรืออาจเพราะรู้สึกชอบมันมาก เลยไม่ทันได้สังเกตว่าตั้งแต่ที่เฉินเฟยเฟยเดินออกมา เธอก็เหมือนจะกำลังมอ
ทันใดนั้นผู้หญิงชุดเขียวก็รู้สึกโกรธ และกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมาแต่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้ากลับดุขึ้นมาทันที “เสี่ยวลู่ เธอเป็นคนผิดก่อนนะ ช่างมันเถอะ”“ค่ะ นายท่าน!”ผู้หญิงชุดสีเขียวพยักหน้า และไม่พูดอะไรอีกไม่รู้ว่าอาจเพราะเธอกลัวจะเกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย หญิงสาวคนนั้นจึงนั่งลงตรงที่นั่งที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ ซึ่งหมายความว่า ที่นั่งของเธออยู่ด้านหลังเยื้องไปทางด้านซ้ายของเย่เทียนหยู่ และผู้หญิงชุดเขียวเองก็นั่งลงตรงที่นั่งซ้ายมือของเธอเช่นกันเย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เดิมทีการปรากฏตัวของหญิงสาวลึกลับเช่นนี้ก็ทำให้เขาประหลาดใจมากพออยู่แล้ว และตอนนี้เธอก็กลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหลังจากนั่งลงแล้ว หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนหยู่ แต่ก็เบือนหน้าหนีแทบจะในทันทีในสายตาของเธอ เย่เทียนหยู่หล่อมากจริง ๆ แต่นั่นก็มีเพียงเท่านั้นตั้งแต่ที่เธอเริ่มฝึกฝนอย่างหนักจนทำให้หลงลืมอารมณ์ความรู้สึกไป ตัวเธอเองก็เริ่มสนใจเรื่องความรู้สึกน้อยลงไปเรื่อย ๆ เธออุทิศตนให้กับการฝึกฝน และนั่นก็ทำให้เธอไม่รู้สึกสนใจผู้ชายคนไหนเลยนอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่สามารถทำให
“ไม่มีปัญหา!”จูเก่อหลิวหลีรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที เงินแค่ล้านเดียว สำหรับเธอแล้ว แค่นี้ไม่ถึงกับทำให้ขนหน้าแข้งร่วงด้วยซ้ำ เธอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยหลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นตัวเลขหนึ่งล้านปรากฏบนข้อความที่แจ้งเตือนเข้ามาเธอตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง เธอมองดูหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่เธอจะรีบถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารทันทีที่เงินเข้าบัญชี การโอนครั้งนั้นเธอก็จะถือว่าเป็นเรื่องจริงการฝากถอนเงินในปัจจุบันนี้ค่อนข้างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาทีเงินก็เข้าบัญชีแล้ว“ขอบคุณ ขอบคุณคุณผู้หญิงมากค่ะ!”หญิงสาวรีบขอบคุณเธอด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกไปโดยไม่ลังเลเย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น และคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างขวางโลกเสียจริง เขาส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เธอซื้อตัวของผู้หญิงคนนั้นแล้ว แล้วที่นั่งของเธอล่ะ?”“ฉันไม่มีตั๋วหรอกค่ะ!”“เธอไม่มีตั๋ว แล้วเธอเข้ามาได้ยังไง?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจ“ฉันก็แค่มองพนักงานตรวจตั๋ว แล้วเขาก็ให้ฉันเข้ามาค่ะ”“......”เย่เทียนหยู่ทำอะไรไม่ถูก หมดคำจะพูดแล้วจริง ๆ “ถ้าเธอไม่มีตั๋ว แ
ในตอนที่เหอฉุนเดินออกมา เดิมทีเธอตั้งใจหยิบตั๋วเพิ่มมาสองสามใบ มีที่นั่งดี ๆ ในแถวแรกแค่หนึ่งที่เท่านั้น ส่วนที่นั่งอื่น ๆ อยู่ถัดลงไปด้านหลังอีกเล็กน้อยเวทีตรงนี้จัดไว้เพื่อที่เวลาทำการแสดง แม้ผู้ชมจะนั่งแถวหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย เป็นตำแหน่งที่สบายมากแต่เพราะสายตาที่ไม่อยู่นิ่งของเย่เทียนหยู่ เธอเลยหยิบตั๋วแบบลวก ๆ ให้เขาไปหนึ่งใบ เดิมทีตามคำขอของเฉินเฟยเฟยนั้น คือต้องการให้เย่เทียนหยู่นั่งอยู่ตรงกลางของแถวแรกอย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ได้รับนั้นก็ถือว่าค่อนข้างดีเช่นกัน อยู่ในแถวที่สาม ซึ่งอาจจะสบายกว่าด้วยซ้ำแต่การโต้ตอบกับดารานักร้องนั้น ก็อาจจะลำบากไปสักหน่อยเย่เทียนหยู่สังเกตเห็นอารมณ์ร้ายของเหอฉุนได้โดยธรรมชาติ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก เธอคงเคยถูกผู้ชายรังแกมาสินะในครั้งนี้ เขานั้นทายถูกแล้วจริง ๆแน่นอนว่าเย่เทียนหยู่ก็ไม่คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่แล้ว เขาเหลือบมองหมายเลขบนตั๋ว และเดินตามฝูงชนเข้าไปด้านในหลังจากผ่านความยากลำบากในการแหวกฝูงชนเข้ามา ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็พบที่นั่งของเขาที่อยู่ตรง