“แกไม่สนใจเหรอ?”“เย่เทียนหยู่ นี่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร สมองน้ำเข้ารึไงถึงกล้าไม่สนใจตระกูลกงซุน?”“ทำไม หรือแกยังคิดจะอาศัยความดีความชอบที่ช่วยเหลือลูกสาวประธานหยางไปขอให้ประธานหยางช่วยแกอีก? ไม่เห็นเหรอว่าประธานหยางไม่มีทางช่วยแก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ให้ลูกสาวไปแต่งงานกับคนอื่นหรอก”“อีกอย่างนะ ต่อให้ประธานหยางยอมช่วย เกรงว่าก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี หรือดีไม่ดีพอรู้ว่าแกไปหาเรื่องตระกูลกงซุนหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมือง เขาอาจจะไปร่วมด้วยช่วยกันจัดการแกก็ได้”คุณแม่ตระกูลหลินพ่นคำพูดมากมายใส่เขาจนน้ำลายกระเด็นไปทั่วทุกทิศคุณปู่หลินเองก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “เย่เทียนหยู่ เรื่องมาถึงตรงนี้แล้วไม่ใช่เวลาให้มาคุยโวโอ้อวดแล้วนะ ตระกูลกงซุนไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างแกจะต้านได้หรอกนะ”“วิธีการที่ถูกต้องที่สุดสำหรับแกตอนนี้คือตามหากงซุนจื้อ คุกเข่าลงและขอโทษเขาซะ ขอร้องให้เขาไว้ชีวิตแกสักครั้ง ไม่อย่างนั้นแกตายแน่”“อย่าหวังว่าจะโชคดีหนีไปได้เหมือนคราวที่แล้วนะ คราวที่แล้วเป็นเพราะตระกูลซาโหดเหี้ยมมาก เดิมทีก็มีเรื่องไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นแกเหรอจะโชคดีได้ขนาดนั้น”“ตระกูลก
ทันทีที่สิ้นคำพูดเหล่านี้ หลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อยใช่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่เคยเชื่อเลยสักครั้ง แต่เรื่องจริงก็พิสูจน์แล้วว่า ทุกสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดนั้นเป็นเรื่องจริงแม้ว่าหลาย ๆ ครั้งจะเป็นเพราะโชคช่วย หรือบังเอิญมีคนช่วยเหลือก็ตาม แต่สุดท้ายเขาก็ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ทุกครั้ง“นาย นายมีวิธีการอะไร?” หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะถาม“ผมมีข้อมูลภายในอยู่ ตระกูลกงซุนทำความผิดไว้หลายอย่างและตระกูลของพวกเขาก็มีปัญหาใหญ่ อีกไม่นานพวกเขาต้องพินาศแน่นอนครับ” เย่เทียนหยู่กล่าวอันที่จริง ตระกูลของพวกจอมยุทธแบบตระกูลกงซุนมีเหรอจะไม่ก่ออาชญากรรมถ้าให้พูดตรง เหตุผลหลัก ๆ ที่แท้จริงก็คือตระกูลกงซุนทำให้เย่เทียนหยู่ขุ่นเคือง และถูกกำหนดให้มีแต่ต้องพินาศไปเท่านั้นหลินหว่านหรูตะลึงไปเล็กน้อย เธอไม่ค่อยเชื่อเขาเลยจริง ๆ ตามความเข้าใจของเธอ ตระกูลกงซุนเจริญรุ่งเรืองมาก สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือพวกเขาไม่เหมือนกับตระกูลหลิวในอดีต เพราะพวกเขามีอำนาจกว่านั้นมาก“นายไปได้ข่าวนี้มาจากไหน”“จากหลงตู”เย่เทียนหยู่ตอบตามตรง“นี่นายรู้
“อะไรนะ!”คุณปู่ตระกูลหลินนึกว่าเขาฟังผิด เขาโกรธมากจนเรียกชื่อเธอแล้วพูดตะคอก “หลินหว่านหรู หลานหมายความว่ายังไง? หลานไม่สนใจเลยเหรอว่าตระกูลหลินจะเป็นตายร้ายดียังไง?”“หนูไม่เพิกเฉยหรอก แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นการแต่งงานกับกงซุนจื้อค่ะ” หลินหว่านหรูตอบ“หรือหลานยังมีวิธีการอื่นอีกเหรอ?”“ใช่ค่ะ!”“วิธีการอะไร?”“ในอนาคตพวกคุณจะรู้เองค่ะ” จู่ ๆ หลินหว่านหรูก็นึกถึงสารพัดวิธีที่จะช่วยให้เย่เทียนหยู่เพิ่มอำนาจของตัวเอง“จะรู้เองในอนาคตอะไรกัน นี่มันเวลาอะไรแล้ว ตระกูลหลินของเราจะพินาศอยู่แล้วนะ” คุณปู่หลินพูดด้วยความโกรธ“นั่นสิ หว่านหรู รู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? เย่เทียนหยู่หลอกอะไรลูกอีกแล้วใช่ไหม?” คุณแม่ตระกูลหลินถาม“เป็นไปไม่ได้ เทียนหยู่ไม่มีทางตบตาเราแน่”“เอาล่ะ หนูจะบอก เทียนหยู่บอกว่าเขาจะทำลายกิจการของตระกูลกงซุน แต่เขาจะใช้เวลาสองสามวัน เพราะอย่างนั้นเราแค่ต้องอดทนรอ”หลินหว่านหรูพูดเสียงดังฟังชัด เพราะถึงยังไงหากตระกูลกงซุนเกิดเรื่อง ก็จะบอกได้ว่าเย่เทียนหยู่อยู่เบื้องหลังถ้าเป็นแบบนี้ละก็ ตระกูลของเธอจะได้มองเย่เทียนหยู่ด้วยความชื่นชมแต่เธอไม่
ในขณะนี้มีเสียงการต่อสู้ดังขึ้นจากด้านนอกเดิมทีหลินหว่านหรูคิดจะกลับไปที่ห้อง แต่เมื่อเธอได้ยินเสียง เธอก็คิดได้ว่าเย่เทียนหยู่เพิ่งออกจากห้องโถง บางทีปู่อาจให้ใครมาล้อมเขาแม้ว่าวรยุทธ์ของเย่เทียนหยู่จะพอใช้ได้ แต่การจะเอาชนะด้วยสี่มือกับสองหมัดมันก็คงยากมากหากอีกฝ่ายมีคนมาก ดังนั้นเธอจึงอยากรีบไปดูขณะที่เย่เทียนหยู่ออกจากห้องโถง กลุ่มชายหกคนก็เข้ามาขวางเขาเอาไว้โดยที่เขายังไม่ทันได้ออกจากวิลล่าด้วยซ้ำ“เย่เทียนหยู่ มึงเกิดปีเต่าหรือไงวะ? ถึงได้หดหัวซ่อนตัวเก่งขนาดนี้ ทำเอากูหามึงไม่เจอซะตั้งนาน” ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำมองไปที่เย่เทียนหยู่ ก่อนจะด่าเขาอย่างดุเดือดเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและถามว่า “ตามหาผมเหรอ?”“เหลวไหล ไม่ตามหามึงแล้วกูจะตามหาใครละวะ แต่ว่าหาแทบตายหาไม่เจอ แต่จู่ ๆ กลับดันมาเจอมึงที่นี่ซะงั้น”“มึงนี่มันสมควรโชคร้ายจริงๆเลย”“มึงกินอะไรเข้าไปวะ ถึงกล้าไปยั่วยุตระกูลหลิน วันนี้ละ ที่กูจะได้สอนบทเรียนหนัก ๆ ให้มึง” ชายหนุ่มพูดอย่างภาคภูมิใจเย่เทียนหยู่ถึงกับพูดไม่ออก เขาหันไปมองวิลล่าตระกูลหลิน และพูดอย่างใจเย็น: “ถ้างั้น ตระกูลหลินส่งมาเหรอ?”“ใช่แล้วจะทำไม!”
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินแบบนั้น เธอก็จ้องไปที่เย่เทียนหยู่ทันที และพูดด้วยความโกรธ: “เย่เทียนหยู่ แกคิดจะทำอะไรฮะ ใครอนุญาตให้แกมาทำเรื่องสุ่มสี่สุ่มห้าฆ่าคนแบบนี้”“ใครอนุญาตเหรอ?”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ แล้วชี้ไปที่หลิวเหมี่ยว ก่อนจะพูดเสียงเรียบว่า “แน่นอนว่าเป็นเขา เขาจะฆ่าผมนะ ผมควรยืนเฉยแล้วให้เขาทำแบบนั้นหรือไง?”“ไร้สาระ!”คุณแม่ตระกูลหลินโต้กลับทันที “หลิวเหมี่ยวไม่ใช่ศัตรูกับแก แล้วทำไมเขาถึงโจมตีแกด้วย?” “งั้นคุณคงต้องถามเขา”เย่เทียนหยู่มองไปที่หลิวเหมี่ยวและพูดอย่างเย็นชา: “บอกทุกคนไปสิว่าทำถึงต้องลงมือทำร้ายผม? ทางที่ดีควรพูดความจริงซะ ไม่อย่างนั้นละก็ เหอะ!”แม้ว่าจะไม่มีคำพูดข่มขู่ แต่แค่เสียงเหอะก็ทำให้หลิวเหมี่ยวหวาดกลัว เป็นความกลัวที่อธิบายไม่ได้ซึ่งยังคงอยู่ในใจของเขาและเพราะเมื่อครู่เย่เทียนหยู่จงใจส่งเสียงเหอะ จงใจทำให้อีกฝ่ายกลัวเสียหน่อยเมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินดังนั้น เธอก็รีบเตือน: “หลิวเหมี่ยว อย่าไปกลัวเขา ค่อย ๆ พูดนะ มีป้าอยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้ารังแกหลานแน่”น่าเสียดายที่หลิวเหมี่ยวรู้สึกหวาดกลัวกับเย่เทียนหยู่และพูดตรงๆ: “เป็นป้าครับ ป
“ขอบคุณฉันทำไม ตระกูลหลินต่างหากที่ต้องขอโทษนาย แต่ว่า พวกเขาไม่เหมือนซูถิงนะ เพราะลึกๆ ในใจยังดีกับฉัน ฉันทำอะไรพวกเขาไม่ได้น่ะ”“ผมเข้าใจครับ ไม่ต้องกังวล ตระกูลกงซุนสร้างปัญหาอะไรไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่มั่นใจ“อืม!”“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะรอข่าวดีของนายนะ”“ครับ”เย่เทียนหยู่ขึ้นรถ เขาสตาร์ทรถแล้วขับออกไปเมื่อหลินหว่านหรูมองดูเย่เทียนหยู่จากไปแล้ว เธอก็เดินกลับ คราวนี้เธอไม่แม้แต่จะพูดกับคนในตระกูลของเธอ และเดินตรงกลับไปที่ห้องด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอหยิบจี้หยกรูปมีดออกจากห้องอีกครั้งเดี๋ยวก่อน พอมองไปที่จี้หยกรูปมีด หลินหว่านหรูก็นึกถึงคำถามสำคัญข้อหนึ่งขึ้นมาทันทีถ้าของกงซุนจื้อเป็นของปลอม แล้วเขาจะมีจี้หยกที่คล้ายกันได้ยังไง หรือจะเป็นซูถิงบอกให้กงซุนจื้อจงใจทำมันขึ้นมาแต่นั่นแบบนั้นก็ไม่ถูกอยู่ดี!จำได้ว่าตอนนั้นเธอเป็นคนขอให้กงซุนจื้อถอดจี้หยกออกมา พอเธอสัมพัสมันแล้ว วัสดุของมันเป็นแบบเดียวกับจี้หยกในมือเธอแม้ว่าเธอจะไม่ได้เข้าใจเรื่องหยกมากนัก แต่เธอก็สัมผัสจี้หยกของเธอมาหลายปีแต่ปัญหาก็คือ ถึงเธอจะเล่าเรื่องสมัยเด็กของเธอให้ซูถิงฟัง แต่ซูถิงไม่เคยเห็นจี้หยกใกล้
หลินหว่านหรูจะไม่รู้ว่ากงซุนจื้อกำลังคิดอะไรอยู่ได้ยังไงถ้าฟังจากคำพูดเขา สีหน้ารังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอทันทีเธอเปลี่ยนจากไม่ชอบเป็นน่ารังเกียจเขาสุดๆ เมื่อสิ้นคำพูดเมื่อครู่ เธอก็รู้สึกรังเกียจมากยิ่งขึ้น“ทำไมคุณไม่พูดอะไรหน่อยล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมจะวางแล้ว” กงซุนจื้อดูเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจมาก มาขอร้องกันถึงที่ขนาดนี้ ยังแกล้งทำเป็นบริสุทธิ์ไร้เดียงสา“ถ้างั้นก็วางเถอะ”หลินหว่านหรูไม่อยากพูดอะไรอีก เธอวางสายโทรศัพท์ไปทันทีคุยกับคนแบบนี้เท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์กงซุนจื้อดูตกตะลึงและสับสนอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่ควรขอร้องเขาเหรอ หรืออาจะเป็นการริเริ่มมาหาเขาแล้วยอมให้เขาเล่นกับเธอยังไงก็ได้?เขามีสีหน้าโกรธเคืองปนเปไปกับความประหลาดใจ ดูเหมือนว่าหลินหว่านหรูจะไม่ได้ตระหนักถึงความน่ากลัวของอำนาจเขาเลยสินะรอก่อน ผมจะทำให้คุณเสียใจขณะที่กงซุนจื้อโกรธมากจนแทบอาเจียนเป็นเลือด เขาก็ได้รับโทรศัพท์ ความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของเขา “อะไรนะ คุณปู่ยง คุณจะมาที่นี่ตอนหกโมงเย็นเหรอครับ?”“ครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”น้ำเสียงของกงซุนยงไม่ดีนัก การต่อสู้กับตระกูลไป๋เพิ่งสิ้นสุดลง และเข
เขารู้สึกว่าปัญหาต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้น ตอนที่ตระกูลกงซุนลงมือจริง ๆ ตระกูลหลินได้เจอหายนะแน่ทันทีที่คุณปู่หลินมาถึงประตูโรงแรม เขาก็พบว่ากงซุนจื้อเองก็อยู่ตรงประตูด้วย เขาตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบรุดหน้าเข้าไปเรียกเขา “คุณชายกงซุน!”“คุณมาทำอะไรที่นี่” กงซุนจื้อถามด้วยท่าทีหงุดหงิด อีกไม่นานคุณปู่ของเขาก็ใหล้จะมาแล้ว ไม่สิ รถคันหน้านี่ก็มาแล้ว“คือผมอยากคุยกับคุณเรื่องหลานสาวของผมน่ะครับ” คุณปู่ตระกูลหลินรีบพูดขึ้นมาทันที“ไม่มีเวลา!”“ตอนนี้ผมไม่มีเวลาให้เรื่องไร้สาระนั่น”กงซุนจื้อไม่สนใจเขาและรีบไปข้างหน้าคุณปู่หลินรู้สึกสับสนเล็กน้อย เรื่องที่หลานสาวจะแต่งงานกับเขากลายเป็นเรื่องไม่สำคัญอย่างนั้นเหรอ?แต่ในไม่ช้าเขาก็ได้เข้าใจ เพราะเขาเห็นกงซุนจื้อทักทายท่านปู่ที่กำลังลงจากรถด้วยความเคารพ และพูดอย่างมีความสุข: “คุณปู่ยง!”เมื่อเห็นสีหน้าแสดงความเคารพของกงซุนจื้อ รวมกับที่เขาเรียกคุณปู่ยง จากการตรวจสอบของเขา คนที่ทำให้กงซุนจื้อยอมเรียกเขาว่าปู่ยงได้ก็คือ กงซุนยง บุคคลระดับสูงของตระกูลกงซุนนั่นคือบุคคลที่ทรงพลังติดอันดับหนึ่งในห้าของตระกูลกงซุนจบกัน เ
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก