ในขณะนี้มีเสียงการต่อสู้ดังขึ้นจากด้านนอกเดิมทีหลินหว่านหรูคิดจะกลับไปที่ห้อง แต่เมื่อเธอได้ยินเสียง เธอก็คิดได้ว่าเย่เทียนหยู่เพิ่งออกจากห้องโถง บางทีปู่อาจให้ใครมาล้อมเขาแม้ว่าวรยุทธ์ของเย่เทียนหยู่จะพอใช้ได้ แต่การจะเอาชนะด้วยสี่มือกับสองหมัดมันก็คงยากมากหากอีกฝ่ายมีคนมาก ดังนั้นเธอจึงอยากรีบไปดูขณะที่เย่เทียนหยู่ออกจากห้องโถง กลุ่มชายหกคนก็เข้ามาขวางเขาเอาไว้โดยที่เขายังไม่ทันได้ออกจากวิลล่าด้วยซ้ำ“เย่เทียนหยู่ มึงเกิดปีเต่าหรือไงวะ? ถึงได้หดหัวซ่อนตัวเก่งขนาดนี้ ทำเอากูหามึงไม่เจอซะตั้งนาน” ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำมองไปที่เย่เทียนหยู่ ก่อนจะด่าเขาอย่างดุเดือดเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและถามว่า “ตามหาผมเหรอ?”“เหลวไหล ไม่ตามหามึงแล้วกูจะตามหาใครละวะ แต่ว่าหาแทบตายหาไม่เจอ แต่จู่ ๆ กลับดันมาเจอมึงที่นี่ซะงั้น”“มึงนี่มันสมควรโชคร้ายจริงๆเลย”“มึงกินอะไรเข้าไปวะ ถึงกล้าไปยั่วยุตระกูลหลิน วันนี้ละ ที่กูจะได้สอนบทเรียนหนัก ๆ ให้มึง” ชายหนุ่มพูดอย่างภาคภูมิใจเย่เทียนหยู่ถึงกับพูดไม่ออก เขาหันไปมองวิลล่าตระกูลหลิน และพูดอย่างใจเย็น: “ถ้างั้น ตระกูลหลินส่งมาเหรอ?”“ใช่แล้วจะทำไม!”
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินแบบนั้น เธอก็จ้องไปที่เย่เทียนหยู่ทันที และพูดด้วยความโกรธ: “เย่เทียนหยู่ แกคิดจะทำอะไรฮะ ใครอนุญาตให้แกมาทำเรื่องสุ่มสี่สุ่มห้าฆ่าคนแบบนี้”“ใครอนุญาตเหรอ?”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ แล้วชี้ไปที่หลิวเหมี่ยว ก่อนจะพูดเสียงเรียบว่า “แน่นอนว่าเป็นเขา เขาจะฆ่าผมนะ ผมควรยืนเฉยแล้วให้เขาทำแบบนั้นหรือไง?”“ไร้สาระ!”คุณแม่ตระกูลหลินโต้กลับทันที “หลิวเหมี่ยวไม่ใช่ศัตรูกับแก แล้วทำไมเขาถึงโจมตีแกด้วย?” “งั้นคุณคงต้องถามเขา”เย่เทียนหยู่มองไปที่หลิวเหมี่ยวและพูดอย่างเย็นชา: “บอกทุกคนไปสิว่าทำถึงต้องลงมือทำร้ายผม? ทางที่ดีควรพูดความจริงซะ ไม่อย่างนั้นละก็ เหอะ!”แม้ว่าจะไม่มีคำพูดข่มขู่ แต่แค่เสียงเหอะก็ทำให้หลิวเหมี่ยวหวาดกลัว เป็นความกลัวที่อธิบายไม่ได้ซึ่งยังคงอยู่ในใจของเขาและเพราะเมื่อครู่เย่เทียนหยู่จงใจส่งเสียงเหอะ จงใจทำให้อีกฝ่ายกลัวเสียหน่อยเมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินดังนั้น เธอก็รีบเตือน: “หลิวเหมี่ยว อย่าไปกลัวเขา ค่อย ๆ พูดนะ มีป้าอยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้ารังแกหลานแน่”น่าเสียดายที่หลิวเหมี่ยวรู้สึกหวาดกลัวกับเย่เทียนหยู่และพูดตรงๆ: “เป็นป้าครับ ป
“ขอบคุณฉันทำไม ตระกูลหลินต่างหากที่ต้องขอโทษนาย แต่ว่า พวกเขาไม่เหมือนซูถิงนะ เพราะลึกๆ ในใจยังดีกับฉัน ฉันทำอะไรพวกเขาไม่ได้น่ะ”“ผมเข้าใจครับ ไม่ต้องกังวล ตระกูลกงซุนสร้างปัญหาอะไรไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่มั่นใจ“อืม!”“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะรอข่าวดีของนายนะ”“ครับ”เย่เทียนหยู่ขึ้นรถ เขาสตาร์ทรถแล้วขับออกไปเมื่อหลินหว่านหรูมองดูเย่เทียนหยู่จากไปแล้ว เธอก็เดินกลับ คราวนี้เธอไม่แม้แต่จะพูดกับคนในตระกูลของเธอ และเดินตรงกลับไปที่ห้องด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอหยิบจี้หยกรูปมีดออกจากห้องอีกครั้งเดี๋ยวก่อน พอมองไปที่จี้หยกรูปมีด หลินหว่านหรูก็นึกถึงคำถามสำคัญข้อหนึ่งขึ้นมาทันทีถ้าของกงซุนจื้อเป็นของปลอม แล้วเขาจะมีจี้หยกที่คล้ายกันได้ยังไง หรือจะเป็นซูถิงบอกให้กงซุนจื้อจงใจทำมันขึ้นมาแต่นั่นแบบนั้นก็ไม่ถูกอยู่ดี!จำได้ว่าตอนนั้นเธอเป็นคนขอให้กงซุนจื้อถอดจี้หยกออกมา พอเธอสัมพัสมันแล้ว วัสดุของมันเป็นแบบเดียวกับจี้หยกในมือเธอแม้ว่าเธอจะไม่ได้เข้าใจเรื่องหยกมากนัก แต่เธอก็สัมผัสจี้หยกของเธอมาหลายปีแต่ปัญหาก็คือ ถึงเธอจะเล่าเรื่องสมัยเด็กของเธอให้ซูถิงฟัง แต่ซูถิงไม่เคยเห็นจี้หยกใกล้
หลินหว่านหรูจะไม่รู้ว่ากงซุนจื้อกำลังคิดอะไรอยู่ได้ยังไงถ้าฟังจากคำพูดเขา สีหน้ารังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอทันทีเธอเปลี่ยนจากไม่ชอบเป็นน่ารังเกียจเขาสุดๆ เมื่อสิ้นคำพูดเมื่อครู่ เธอก็รู้สึกรังเกียจมากยิ่งขึ้น“ทำไมคุณไม่พูดอะไรหน่อยล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมจะวางแล้ว” กงซุนจื้อดูเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจมาก มาขอร้องกันถึงที่ขนาดนี้ ยังแกล้งทำเป็นบริสุทธิ์ไร้เดียงสา“ถ้างั้นก็วางเถอะ”หลินหว่านหรูไม่อยากพูดอะไรอีก เธอวางสายโทรศัพท์ไปทันทีคุยกับคนแบบนี้เท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์กงซุนจื้อดูตกตะลึงและสับสนอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่ควรขอร้องเขาเหรอ หรืออาจะเป็นการริเริ่มมาหาเขาแล้วยอมให้เขาเล่นกับเธอยังไงก็ได้?เขามีสีหน้าโกรธเคืองปนเปไปกับความประหลาดใจ ดูเหมือนว่าหลินหว่านหรูจะไม่ได้ตระหนักถึงความน่ากลัวของอำนาจเขาเลยสินะรอก่อน ผมจะทำให้คุณเสียใจขณะที่กงซุนจื้อโกรธมากจนแทบอาเจียนเป็นเลือด เขาก็ได้รับโทรศัพท์ ความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของเขา “อะไรนะ คุณปู่ยง คุณจะมาที่นี่ตอนหกโมงเย็นเหรอครับ?”“ครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”น้ำเสียงของกงซุนยงไม่ดีนัก การต่อสู้กับตระกูลไป๋เพิ่งสิ้นสุดลง และเข
เขารู้สึกว่าปัญหาต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้น ตอนที่ตระกูลกงซุนลงมือจริง ๆ ตระกูลหลินได้เจอหายนะแน่ทันทีที่คุณปู่หลินมาถึงประตูโรงแรม เขาก็พบว่ากงซุนจื้อเองก็อยู่ตรงประตูด้วย เขาตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบรุดหน้าเข้าไปเรียกเขา “คุณชายกงซุน!”“คุณมาทำอะไรที่นี่” กงซุนจื้อถามด้วยท่าทีหงุดหงิด อีกไม่นานคุณปู่ของเขาก็ใหล้จะมาแล้ว ไม่สิ รถคันหน้านี่ก็มาแล้ว“คือผมอยากคุยกับคุณเรื่องหลานสาวของผมน่ะครับ” คุณปู่ตระกูลหลินรีบพูดขึ้นมาทันที“ไม่มีเวลา!”“ตอนนี้ผมไม่มีเวลาให้เรื่องไร้สาระนั่น”กงซุนจื้อไม่สนใจเขาและรีบไปข้างหน้าคุณปู่หลินรู้สึกสับสนเล็กน้อย เรื่องที่หลานสาวจะแต่งงานกับเขากลายเป็นเรื่องไม่สำคัญอย่างนั้นเหรอ?แต่ในไม่ช้าเขาก็ได้เข้าใจ เพราะเขาเห็นกงซุนจื้อทักทายท่านปู่ที่กำลังลงจากรถด้วยความเคารพ และพูดอย่างมีความสุข: “คุณปู่ยง!”เมื่อเห็นสีหน้าแสดงความเคารพของกงซุนจื้อ รวมกับที่เขาเรียกคุณปู่ยง จากการตรวจสอบของเขา คนที่ทำให้กงซุนจื้อยอมเรียกเขาว่าปู่ยงได้ก็คือ กงซุนยง บุคคลระดับสูงของตระกูลกงซุนนั่นคือบุคคลที่ทรงพลังติดอันดับหนึ่งในห้าของตระกูลกงซุนจบกัน เ
“ไม่ใช่!”“อย่านะคะ!”หลินหว่านหรูตกใจมาก เธอจะให้ปู่คุกเข่าต่อหน้าเธอได้ยังไง “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ หนูจะไม่ทิ้งตระกูลหลินแน่นอน” เธอรีบพูดทันที“ก็แค่ เรารอดูไประยะหนึ่งก่อนได้ไหมคะ รออีกสักหน่อย!”“ไม่ได้นะ ไม่เห็นที่ปู่พูดหรือไง กงซุนจื้อให้เวลาเรามาแล้ว ถ้าคืนนี้หลานไม่ไป พรุ่งนี้เช้าตระกูลหลินของเราต้องราบเป็นหน้ากลอง”คุณแม่ตระกูลหลินพูดทันที“ไม่ ยังมีวิธีอื่นอยู่อีกนะ”คุณปู่ตระกูลหลินเห็นหลานสาวไม่เต็มใจ จึงเกิดความคิดขึ้นมา: “เราลองทำแบบนี้ก็ได้นะ หว่านหรู คืนนี้หลานไปจัดการกับกงซุนจื้อ ให้เขาทนรอสักสองสามวัน”“หลานรับปากเขาให้หมดทุกอย่าง แต่ต้องรออีกสองสามวันถึงจะมีอะไรกันได้ ถ้าอย่างนั้นละก็ ถ้าอีกไม่กี่วันเย่เทียนหยู่จัดการตระกูลกงซุนได้ ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย”“ถ้าไม่ มันก็พิสูจน์ได้ว่าเย่เทียนหยู่เป็นคนโกหก เขาหลอกลูก และใช้โอกาสนี้ทำร้ายตระกูลหลินของเราด้วย”“ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ การแต่งงานกับกงซุนจื้อคือตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุด”เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินแบบนั้น เธอก็ตอบตกลงทันที “ใช่ ๆ เป็นความคิดที่ดีมากเลย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว จะได้เห็นใบหน้าแท้จริงอุบ
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลของกงซุนจื้อเองก็ทรงพลังมากในขณะนี้กงซุนจื้อกำลังปรนิบัติกงซุนยงด้วยไวน์ชั้นเลิศกับอาหารแสนอร่อยเขาไม่กล้าอวดตัวต่อหน้ากงซุนยง เพราะยังไง กงซุนยงก็เป็นปรมาจารย์ระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นปลาย คนที่มีสถานะแบบนี้ ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวหลังจากการต้อนรับ กงซุนกยงก็รู้สึกดีขึ้นมาก: “เสี่ยวจื้อ เด็กหนุ่มผู้ทรงพลังอะไรกัน ถึงขนาดขอให้หัวหน้าตระกูลส่งผมมาช่วย?” เขาพูดอย่างเหยียดหยามทันทีที่กงซุนจื้อได้ยินแบบนั้น เขาก็รีบอธิบายสถานการณ์ทันที โดยเฉพาะเรื่องของ หูเหยียนลี่ บอดี้การ์ดของเขาที่ถูกอีกฝ่ายจัดการเขายังบอกให้ผู้เฒ่าหวังไปก่อกวนเย่เทียนหยู่ด้วย แต่เขาก็หายตัวไปทันที สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเย่เทียนหยู่ยังโทรมาเยาะเย้ยเขา“หมายถึงหวังหย่งรึ ปกติแล้วเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไร จะถูกคู่ต่อสู้ฆ่าก็ไม่แปลกหรอก”“เด็กนั่นเก่งกาจมาก แล้วมันก็บ้าบิ่นมากด้วยครับ”กงซุนจื้อพูดด้วยความหงุดหงิด “หลังอาหารเย็น ข้าจะไปจัดการกับเขาเอง เขาก็แค่เด็กหนุ่ม ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เป็นเรื่องง่ายจะจัดการอยู่ดี”“ใช่แล้วครับ คุณปู่ยงลงมือเอง ต่อให้เด็กนั่นเป
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็โกรธทันที เธออยากจะล้มเลิกความคิดที่จะไปหาเขาซะเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินเธอก็พูดอย่างช่วยไม่ได้: “ตกลง ฉันจะไปโรงแรมเดี๋ยวนี้!”หลังจากวางสาย กงซุนจื้อก็ตื่นเต้นมากจนแทบจะหันหลังกลับโรงแรม เพราะยังไงนั่นก็คือหลินหว่านหรูผู้หญิงที่เขาใฝ่ฝันที่จะทำให้ตกอยู่ในกำมือเพียงแต่คิดถึงสัญญาที่ให้ไว้กับปู่ยงว่าจะรอสักพัก แต่ยิ่งรอนานก็ยิ่งกังวล สุดท้ายเขาก็ไม่อยากรออีกต่อไป เขาจึงบอกคนขับรถ ส่วนตัวเองก็เรียกรถกลับไปก่อนยังไงซะ คุณปู่ยงมีความสุขมากก็ถูกใจอาหารของเขาในคืนนี้มาก เมื่อครู่ก็อนุญาตให้เขากลับก่อนได้ น่าจะไม่เป็นไรสิ่งสำคัญที่สุดคือต่อให้ปู่ยงมีปัญหาเขาก็ขอไม่สน อย่างแย่ที่สุดก็ถูกบ่น เพราะปู่ยงทำอะไรเขาไม่ได้แต่เขาไม่รู้เลยว่า คงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะได้เห็นคุณปู่ยงอีกในอนาคตที่แท้แล้วก่อนหน้านี้กงซุนยง ใช้ความแข็งแกร่งอันทรงพลังของเขาบุกเข้าไปในวิลล่าที่เย่เทียนหยู่อาศัยอยู่โดยไม่มีใครสังเกตเห็นเขากำลังจะแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความสามารถในการซ่อนตัวของเขาโดยไม่คาดคิด เย่เทียนหยู่พูดว่า: “ออกมาซะ ผมเห็นคุณแล้ว