หลินหว่านหรูจะไม่รู้ว่ากงซุนจื้อกำลังคิดอะไรอยู่ได้ยังไงถ้าฟังจากคำพูดเขา สีหน้ารังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอทันทีเธอเปลี่ยนจากไม่ชอบเป็นน่ารังเกียจเขาสุดๆ เมื่อสิ้นคำพูดเมื่อครู่ เธอก็รู้สึกรังเกียจมากยิ่งขึ้น“ทำไมคุณไม่พูดอะไรหน่อยล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมจะวางแล้ว” กงซุนจื้อดูเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจมาก มาขอร้องกันถึงที่ขนาดนี้ ยังแกล้งทำเป็นบริสุทธิ์ไร้เดียงสา“ถ้างั้นก็วางเถอะ”หลินหว่านหรูไม่อยากพูดอะไรอีก เธอวางสายโทรศัพท์ไปทันทีคุยกับคนแบบนี้เท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์กงซุนจื้อดูตกตะลึงและสับสนอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่ควรขอร้องเขาเหรอ หรืออาจะเป็นการริเริ่มมาหาเขาแล้วยอมให้เขาเล่นกับเธอยังไงก็ได้?เขามีสีหน้าโกรธเคืองปนเปไปกับความประหลาดใจ ดูเหมือนว่าหลินหว่านหรูจะไม่ได้ตระหนักถึงความน่ากลัวของอำนาจเขาเลยสินะรอก่อน ผมจะทำให้คุณเสียใจขณะที่กงซุนจื้อโกรธมากจนแทบอาเจียนเป็นเลือด เขาก็ได้รับโทรศัพท์ ความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของเขา “อะไรนะ คุณปู่ยง คุณจะมาที่นี่ตอนหกโมงเย็นเหรอครับ?”“ครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”น้ำเสียงของกงซุนยงไม่ดีนัก การต่อสู้กับตระกูลไป๋เพิ่งสิ้นสุดลง และเข
เขารู้สึกว่าปัญหาต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้น ตอนที่ตระกูลกงซุนลงมือจริง ๆ ตระกูลหลินได้เจอหายนะแน่ทันทีที่คุณปู่หลินมาถึงประตูโรงแรม เขาก็พบว่ากงซุนจื้อเองก็อยู่ตรงประตูด้วย เขาตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบรุดหน้าเข้าไปเรียกเขา “คุณชายกงซุน!”“คุณมาทำอะไรที่นี่” กงซุนจื้อถามด้วยท่าทีหงุดหงิด อีกไม่นานคุณปู่ของเขาก็ใหล้จะมาแล้ว ไม่สิ รถคันหน้านี่ก็มาแล้ว“คือผมอยากคุยกับคุณเรื่องหลานสาวของผมน่ะครับ” คุณปู่ตระกูลหลินรีบพูดขึ้นมาทันที“ไม่มีเวลา!”“ตอนนี้ผมไม่มีเวลาให้เรื่องไร้สาระนั่น”กงซุนจื้อไม่สนใจเขาและรีบไปข้างหน้าคุณปู่หลินรู้สึกสับสนเล็กน้อย เรื่องที่หลานสาวจะแต่งงานกับเขากลายเป็นเรื่องไม่สำคัญอย่างนั้นเหรอ?แต่ในไม่ช้าเขาก็ได้เข้าใจ เพราะเขาเห็นกงซุนจื้อทักทายท่านปู่ที่กำลังลงจากรถด้วยความเคารพ และพูดอย่างมีความสุข: “คุณปู่ยง!”เมื่อเห็นสีหน้าแสดงความเคารพของกงซุนจื้อ รวมกับที่เขาเรียกคุณปู่ยง จากการตรวจสอบของเขา คนที่ทำให้กงซุนจื้อยอมเรียกเขาว่าปู่ยงได้ก็คือ กงซุนยง บุคคลระดับสูงของตระกูลกงซุนนั่นคือบุคคลที่ทรงพลังติดอันดับหนึ่งในห้าของตระกูลกงซุนจบกัน เ
“ไม่ใช่!”“อย่านะคะ!”หลินหว่านหรูตกใจมาก เธอจะให้ปู่คุกเข่าต่อหน้าเธอได้ยังไง “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ หนูจะไม่ทิ้งตระกูลหลินแน่นอน” เธอรีบพูดทันที“ก็แค่ เรารอดูไประยะหนึ่งก่อนได้ไหมคะ รออีกสักหน่อย!”“ไม่ได้นะ ไม่เห็นที่ปู่พูดหรือไง กงซุนจื้อให้เวลาเรามาแล้ว ถ้าคืนนี้หลานไม่ไป พรุ่งนี้เช้าตระกูลหลินของเราต้องราบเป็นหน้ากลอง”คุณแม่ตระกูลหลินพูดทันที“ไม่ ยังมีวิธีอื่นอยู่อีกนะ”คุณปู่ตระกูลหลินเห็นหลานสาวไม่เต็มใจ จึงเกิดความคิดขึ้นมา: “เราลองทำแบบนี้ก็ได้นะ หว่านหรู คืนนี้หลานไปจัดการกับกงซุนจื้อ ให้เขาทนรอสักสองสามวัน”“หลานรับปากเขาให้หมดทุกอย่าง แต่ต้องรออีกสองสามวันถึงจะมีอะไรกันได้ ถ้าอย่างนั้นละก็ ถ้าอีกไม่กี่วันเย่เทียนหยู่จัดการตระกูลกงซุนได้ ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย”“ถ้าไม่ มันก็พิสูจน์ได้ว่าเย่เทียนหยู่เป็นคนโกหก เขาหลอกลูก และใช้โอกาสนี้ทำร้ายตระกูลหลินของเราด้วย”“ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ การแต่งงานกับกงซุนจื้อคือตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุด”เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินแบบนั้น เธอก็ตอบตกลงทันที “ใช่ ๆ เป็นความคิดที่ดีมากเลย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว จะได้เห็นใบหน้าแท้จริงอุบ
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลของกงซุนจื้อเองก็ทรงพลังมากในขณะนี้กงซุนจื้อกำลังปรนิบัติกงซุนยงด้วยไวน์ชั้นเลิศกับอาหารแสนอร่อยเขาไม่กล้าอวดตัวต่อหน้ากงซุนยง เพราะยังไง กงซุนยงก็เป็นปรมาจารย์ระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นปลาย คนที่มีสถานะแบบนี้ ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวหลังจากการต้อนรับ กงซุนกยงก็รู้สึกดีขึ้นมาก: “เสี่ยวจื้อ เด็กหนุ่มผู้ทรงพลังอะไรกัน ถึงขนาดขอให้หัวหน้าตระกูลส่งผมมาช่วย?” เขาพูดอย่างเหยียดหยามทันทีที่กงซุนจื้อได้ยินแบบนั้น เขาก็รีบอธิบายสถานการณ์ทันที โดยเฉพาะเรื่องของ หูเหยียนลี่ บอดี้การ์ดของเขาที่ถูกอีกฝ่ายจัดการเขายังบอกให้ผู้เฒ่าหวังไปก่อกวนเย่เทียนหยู่ด้วย แต่เขาก็หายตัวไปทันที สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเย่เทียนหยู่ยังโทรมาเยาะเย้ยเขา“หมายถึงหวังหย่งรึ ปกติแล้วเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไร จะถูกคู่ต่อสู้ฆ่าก็ไม่แปลกหรอก”“เด็กนั่นเก่งกาจมาก แล้วมันก็บ้าบิ่นมากด้วยครับ”กงซุนจื้อพูดด้วยความหงุดหงิด “หลังอาหารเย็น ข้าจะไปจัดการกับเขาเอง เขาก็แค่เด็กหนุ่ม ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เป็นเรื่องง่ายจะจัดการอยู่ดี”“ใช่แล้วครับ คุณปู่ยงลงมือเอง ต่อให้เด็กนั่นเป
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็โกรธทันที เธออยากจะล้มเลิกความคิดที่จะไปหาเขาซะเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินเธอก็พูดอย่างช่วยไม่ได้: “ตกลง ฉันจะไปโรงแรมเดี๋ยวนี้!”หลังจากวางสาย กงซุนจื้อก็ตื่นเต้นมากจนแทบจะหันหลังกลับโรงแรม เพราะยังไงนั่นก็คือหลินหว่านหรูผู้หญิงที่เขาใฝ่ฝันที่จะทำให้ตกอยู่ในกำมือเพียงแต่คิดถึงสัญญาที่ให้ไว้กับปู่ยงว่าจะรอสักพัก แต่ยิ่งรอนานก็ยิ่งกังวล สุดท้ายเขาก็ไม่อยากรออีกต่อไป เขาจึงบอกคนขับรถ ส่วนตัวเองก็เรียกรถกลับไปก่อนยังไงซะ คุณปู่ยงมีความสุขมากก็ถูกใจอาหารของเขาในคืนนี้มาก เมื่อครู่ก็อนุญาตให้เขากลับก่อนได้ น่าจะไม่เป็นไรสิ่งสำคัญที่สุดคือต่อให้ปู่ยงมีปัญหาเขาก็ขอไม่สน อย่างแย่ที่สุดก็ถูกบ่น เพราะปู่ยงทำอะไรเขาไม่ได้แต่เขาไม่รู้เลยว่า คงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะได้เห็นคุณปู่ยงอีกในอนาคตที่แท้แล้วก่อนหน้านี้กงซุนยง ใช้ความแข็งแกร่งอันทรงพลังของเขาบุกเข้าไปในวิลล่าที่เย่เทียนหยู่อาศัยอยู่โดยไม่มีใครสังเกตเห็นเขากำลังจะแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความสามารถในการซ่อนตัวของเขาโดยไม่คาดคิด เย่เทียนหยู่พูดว่า: “ออกมาซะ ผมเห็นคุณแล้ว
“เหอะ ต่อหน้าข้าคนนี้เจ้ากำลังยโสอะไรกัน!”“เจ้าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงดึงมิสเตอร์หวางออกมา? เจ้าแค่อยากจะบอกว่าเจ้ามีพลังมากจนสามารถฆ่ามิสเตอร์หวางได้”“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าทำไมเจ้าต้องพูดถึงผู้เฒ่าหวัง นอกเสียจากว่าอยากบอกว่าเจ้ามีความสามารถมากฆ่าได้กระทั่งผู้เฒ่าหวัง”“แต่ข้าบังเอิญรู้สถานการณ์ของผู้เฒ่า พลังของเขาถูกมนต์แยกพลังทำให้พลังมันถดถอยไปนานแล้ว อย่าว่าแต่ระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นกลางเลย แค่ขั้นต้นยังแสดงพลังออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ”“ส่วนเจ้าแค่โชคดี ที่บังเอิญไปเก็บโดนขยะนั่น!”กงซุนยงเยาะเย้ย: “เสียดายที่ข้าดันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”เย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้นและสงสัยว่า: “งั้นเหรอครับ? ไม่น่าจะใช่นะ ผมจำได้ว่าเขามีระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นกลางหรืออาจระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นปลายเลยด้วยนะ เพราะเขาไม่น่าจะแตกต่างจากคุณมากนัก”“คิดว่าข้าจะเชื่อรึไง?”กงซุนจื้อเหยียดหยามและพูดว่า: “เอาล่ะ ไร้สาระพอแล้ว ข้าจะให้ลองชิมหัตย์ตะลานกัดกินใจของข้าเสียหน่อย”ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปานสายฟ้ามาปรากฏตัวตรงหน้าเย่เทียนหยู่ และตบเขาด้วยฝ่ามือ“แค่นั้นเหรอ?
น่าเสียดายที่เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขาก็หัวเราะและพูดเสียงเรียบ : “แน่นอนว่าผมรู้ความสามารถของผู้อารักขาเฟยหลง แต่คนที่ผู้อารักขาเฟยหลงจะดำเนินการต่อต้านไม่ใช่ผมหรอก แต่เป็นตระกูลกงซุนของคุณ”“ไม่ต้องกังวล ตระกูลกงซุนจะถูกทำลายในไม่ช้านี้ จะมีคนตามคุณไปปรโลกแน่ คุณไม่เหงาหรอก”“อะไร พูดอะไร...”สีหน้าของกงซุนยงเปลี่ยนไป คำพูดของอีกฝ่ายมีข้อมูลมากเกินไปจนเขาคิดไม่ออก เขาเห็นเพียงแสงที่วูบเข้ามาก่อนที่เขาจะล้มลงกับพื้นและหนึ่งชีวิตก็หายไปจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำให้ใครขุ่นเคือง แต่เขารู้ว่าไอ้สารเลวกงซุนจื้อนั้นได้สร้างความขุ่นเคืองครั้งใหญ่เรื่องนี้ถึงขั้นทำให้ตระกูลกงซุนล่มสลายเมื่อมองไปที่กงซุนยงที่ล้มลงกับพื้น เขาก็มองไปรอบ ๆ อีกครั้ง แม้ว่าเขาจะระมัดระวัง แต่เขาก็ยังสร้างความเสียหายเล็กน้อยเขาอดไม่ได้ที่จะแอบส่ายหน้า กงซุนจื้อคนนี้น่ารำคาญจริงๆ เอาแต่คนพวกนี้มาตายที่นี่ ทำให้เขาต้องทำความสะอาดอยู่เรื่อยหลังจากผ่านไปสักพัก เย่เทียนหยู่ก็เก็บทุกอย่างและกำลังจะนั่งลง แต่โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นเป็นสายของหลินหว่านหรูยัยเด็กนี่ทนไม่ไ
หลินหว่านหรูกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของกงซุนจื้อและรีบพูดจุดประสงค์ของเธอ: “ฉันจะแต่งงานกับคุณค่ะ แต่คุณต้องให้โอกาสฉันสามวัน ให้ฉันได้ทำใจก่อนสามวัน”“แต่งงานกับคุณ?”“หลินหว่านหรูคุณคิดผิดแล้ว ผมเคยอยากแต่งงานกับคุณ แต่ตอนนี้ผมแค่อยากเล่นกับคุณ ไม่อย่างนั้น ตระกูลหลินก็ย่อยยับไปซะ”กงซุนจื้อเยาะเย้ย ใครใช้ให้เมื่อก่อนเธอได้ใจถึงขั้นกล้าตัดสายผมล่ะ วันนี้คุณคงเสียใจแล้วสินะทันทีที่คำพูดเหล่านี้สิ้นสุด หลินหว่านหรูก็โกรธมาก แต่เธอก็ยังต้องระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ เธอไม่มีคิดจะอยู่กับอีกฝ่าย ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาจะเป็นยังไง “ไม่ว่าคุณต้องการอะไร หลังจากนี้สามวันฉันจะยอมทำตามทุกอย่าง” เธอพูด“เหอะ หลินหว่านหรู คิดว่าผมจะยอมรอสามวันหรือยังไง?”“ผมยังนึกว่าเรื่องอะไรซะอีก ถ้าเป็นเรื่องนี้ละก็ ไม่มีทาง” กงซุนจื้อกล่าวขณะที่เขาลุกขึ้นและเริ่มลงมือเขาแทบจะรอผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าคนนี้ไม่ไหวแล้ว“รอเดี๋ยว!”หลินหว่านหรูเริ่มวิตกกังวลและพูดว่า: “กงซุนจื้อ แค่สามวันเท่านั้น คุณรอสามวันไม่ได้เหรอ?”“ฮึ อย่าว่าแต่สามวันเลย ตอนนี้ผมรอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ผมจะจัดคุณเดี๋ยวนี้เล
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป