หลินหว่านหรูจะไม่รู้ว่ากงซุนจื้อกำลังคิดอะไรอยู่ได้ยังไงถ้าฟังจากคำพูดเขา สีหน้ารังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอทันทีเธอเปลี่ยนจากไม่ชอบเป็นน่ารังเกียจเขาสุดๆ เมื่อสิ้นคำพูดเมื่อครู่ เธอก็รู้สึกรังเกียจมากยิ่งขึ้น“ทำไมคุณไม่พูดอะไรหน่อยล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมจะวางแล้ว” กงซุนจื้อดูเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจมาก มาขอร้องกันถึงที่ขนาดนี้ ยังแกล้งทำเป็นบริสุทธิ์ไร้เดียงสา“ถ้างั้นก็วางเถอะ”หลินหว่านหรูไม่อยากพูดอะไรอีก เธอวางสายโทรศัพท์ไปทันทีคุยกับคนแบบนี้เท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์กงซุนจื้อดูตกตะลึงและสับสนอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่ควรขอร้องเขาเหรอ หรืออาจะเป็นการริเริ่มมาหาเขาแล้วยอมให้เขาเล่นกับเธอยังไงก็ได้?เขามีสีหน้าโกรธเคืองปนเปไปกับความประหลาดใจ ดูเหมือนว่าหลินหว่านหรูจะไม่ได้ตระหนักถึงความน่ากลัวของอำนาจเขาเลยสินะรอก่อน ผมจะทำให้คุณเสียใจขณะที่กงซุนจื้อโกรธมากจนแทบอาเจียนเป็นเลือด เขาก็ได้รับโทรศัพท์ ความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของเขา “อะไรนะ คุณปู่ยง คุณจะมาที่นี่ตอนหกโมงเย็นเหรอครับ?”“ครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”น้ำเสียงของกงซุนยงไม่ดีนัก การต่อสู้กับตระกูลไป๋เพิ่งสิ้นสุดลง และเข
เขารู้สึกว่าปัญหาต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้น ตอนที่ตระกูลกงซุนลงมือจริง ๆ ตระกูลหลินได้เจอหายนะแน่ทันทีที่คุณปู่หลินมาถึงประตูโรงแรม เขาก็พบว่ากงซุนจื้อเองก็อยู่ตรงประตูด้วย เขาตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบรุดหน้าเข้าไปเรียกเขา “คุณชายกงซุน!”“คุณมาทำอะไรที่นี่” กงซุนจื้อถามด้วยท่าทีหงุดหงิด อีกไม่นานคุณปู่ของเขาก็ใหล้จะมาแล้ว ไม่สิ รถคันหน้านี่ก็มาแล้ว“คือผมอยากคุยกับคุณเรื่องหลานสาวของผมน่ะครับ” คุณปู่ตระกูลหลินรีบพูดขึ้นมาทันที“ไม่มีเวลา!”“ตอนนี้ผมไม่มีเวลาให้เรื่องไร้สาระนั่น”กงซุนจื้อไม่สนใจเขาและรีบไปข้างหน้าคุณปู่หลินรู้สึกสับสนเล็กน้อย เรื่องที่หลานสาวจะแต่งงานกับเขากลายเป็นเรื่องไม่สำคัญอย่างนั้นเหรอ?แต่ในไม่ช้าเขาก็ได้เข้าใจ เพราะเขาเห็นกงซุนจื้อทักทายท่านปู่ที่กำลังลงจากรถด้วยความเคารพ และพูดอย่างมีความสุข: “คุณปู่ยง!”เมื่อเห็นสีหน้าแสดงความเคารพของกงซุนจื้อ รวมกับที่เขาเรียกคุณปู่ยง จากการตรวจสอบของเขา คนที่ทำให้กงซุนจื้อยอมเรียกเขาว่าปู่ยงได้ก็คือ กงซุนยง บุคคลระดับสูงของตระกูลกงซุนนั่นคือบุคคลที่ทรงพลังติดอันดับหนึ่งในห้าของตระกูลกงซุนจบกัน เ
“ไม่ใช่!”“อย่านะคะ!”หลินหว่านหรูตกใจมาก เธอจะให้ปู่คุกเข่าต่อหน้าเธอได้ยังไง “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ หนูจะไม่ทิ้งตระกูลหลินแน่นอน” เธอรีบพูดทันที“ก็แค่ เรารอดูไประยะหนึ่งก่อนได้ไหมคะ รออีกสักหน่อย!”“ไม่ได้นะ ไม่เห็นที่ปู่พูดหรือไง กงซุนจื้อให้เวลาเรามาแล้ว ถ้าคืนนี้หลานไม่ไป พรุ่งนี้เช้าตระกูลหลินของเราต้องราบเป็นหน้ากลอง”คุณแม่ตระกูลหลินพูดทันที“ไม่ ยังมีวิธีอื่นอยู่อีกนะ”คุณปู่ตระกูลหลินเห็นหลานสาวไม่เต็มใจ จึงเกิดความคิดขึ้นมา: “เราลองทำแบบนี้ก็ได้นะ หว่านหรู คืนนี้หลานไปจัดการกับกงซุนจื้อ ให้เขาทนรอสักสองสามวัน”“หลานรับปากเขาให้หมดทุกอย่าง แต่ต้องรออีกสองสามวันถึงจะมีอะไรกันได้ ถ้าอย่างนั้นละก็ ถ้าอีกไม่กี่วันเย่เทียนหยู่จัดการตระกูลกงซุนได้ ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย”“ถ้าไม่ มันก็พิสูจน์ได้ว่าเย่เทียนหยู่เป็นคนโกหก เขาหลอกลูก และใช้โอกาสนี้ทำร้ายตระกูลหลินของเราด้วย”“ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ การแต่งงานกับกงซุนจื้อคือตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุด”เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินแบบนั้น เธอก็ตอบตกลงทันที “ใช่ ๆ เป็นความคิดที่ดีมากเลย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว จะได้เห็นใบหน้าแท้จริงอุบ
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลของกงซุนจื้อเองก็ทรงพลังมากในขณะนี้กงซุนจื้อกำลังปรนิบัติกงซุนยงด้วยไวน์ชั้นเลิศกับอาหารแสนอร่อยเขาไม่กล้าอวดตัวต่อหน้ากงซุนยง เพราะยังไง กงซุนยงก็เป็นปรมาจารย์ระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นปลาย คนที่มีสถานะแบบนี้ ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวหลังจากการต้อนรับ กงซุนกยงก็รู้สึกดีขึ้นมาก: “เสี่ยวจื้อ เด็กหนุ่มผู้ทรงพลังอะไรกัน ถึงขนาดขอให้หัวหน้าตระกูลส่งผมมาช่วย?” เขาพูดอย่างเหยียดหยามทันทีที่กงซุนจื้อได้ยินแบบนั้น เขาก็รีบอธิบายสถานการณ์ทันที โดยเฉพาะเรื่องของ หูเหยียนลี่ บอดี้การ์ดของเขาที่ถูกอีกฝ่ายจัดการเขายังบอกให้ผู้เฒ่าหวังไปก่อกวนเย่เทียนหยู่ด้วย แต่เขาก็หายตัวไปทันที สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเย่เทียนหยู่ยังโทรมาเยาะเย้ยเขา“หมายถึงหวังหย่งรึ ปกติแล้วเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไร จะถูกคู่ต่อสู้ฆ่าก็ไม่แปลกหรอก”“เด็กนั่นเก่งกาจมาก แล้วมันก็บ้าบิ่นมากด้วยครับ”กงซุนจื้อพูดด้วยความหงุดหงิด “หลังอาหารเย็น ข้าจะไปจัดการกับเขาเอง เขาก็แค่เด็กหนุ่ม ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เป็นเรื่องง่ายจะจัดการอยู่ดี”“ใช่แล้วครับ คุณปู่ยงลงมือเอง ต่อให้เด็กนั่นเป
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็โกรธทันที เธออยากจะล้มเลิกความคิดที่จะไปหาเขาซะเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินเธอก็พูดอย่างช่วยไม่ได้: “ตกลง ฉันจะไปโรงแรมเดี๋ยวนี้!”หลังจากวางสาย กงซุนจื้อก็ตื่นเต้นมากจนแทบจะหันหลังกลับโรงแรม เพราะยังไงนั่นก็คือหลินหว่านหรูผู้หญิงที่เขาใฝ่ฝันที่จะทำให้ตกอยู่ในกำมือเพียงแต่คิดถึงสัญญาที่ให้ไว้กับปู่ยงว่าจะรอสักพัก แต่ยิ่งรอนานก็ยิ่งกังวล สุดท้ายเขาก็ไม่อยากรออีกต่อไป เขาจึงบอกคนขับรถ ส่วนตัวเองก็เรียกรถกลับไปก่อนยังไงซะ คุณปู่ยงมีความสุขมากก็ถูกใจอาหารของเขาในคืนนี้มาก เมื่อครู่ก็อนุญาตให้เขากลับก่อนได้ น่าจะไม่เป็นไรสิ่งสำคัญที่สุดคือต่อให้ปู่ยงมีปัญหาเขาก็ขอไม่สน อย่างแย่ที่สุดก็ถูกบ่น เพราะปู่ยงทำอะไรเขาไม่ได้แต่เขาไม่รู้เลยว่า คงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะได้เห็นคุณปู่ยงอีกในอนาคตที่แท้แล้วก่อนหน้านี้กงซุนยง ใช้ความแข็งแกร่งอันทรงพลังของเขาบุกเข้าไปในวิลล่าที่เย่เทียนหยู่อาศัยอยู่โดยไม่มีใครสังเกตเห็นเขากำลังจะแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความสามารถในการซ่อนตัวของเขาโดยไม่คาดคิด เย่เทียนหยู่พูดว่า: “ออกมาซะ ผมเห็นคุณแล้ว
“เหอะ ต่อหน้าข้าคนนี้เจ้ากำลังยโสอะไรกัน!”“เจ้าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงดึงมิสเตอร์หวางออกมา? เจ้าแค่อยากจะบอกว่าเจ้ามีพลังมากจนสามารถฆ่ามิสเตอร์หวางได้”“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าทำไมเจ้าต้องพูดถึงผู้เฒ่าหวัง นอกเสียจากว่าอยากบอกว่าเจ้ามีความสามารถมากฆ่าได้กระทั่งผู้เฒ่าหวัง”“แต่ข้าบังเอิญรู้สถานการณ์ของผู้เฒ่า พลังของเขาถูกมนต์แยกพลังทำให้พลังมันถดถอยไปนานแล้ว อย่าว่าแต่ระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นกลางเลย แค่ขั้นต้นยังแสดงพลังออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ”“ส่วนเจ้าแค่โชคดี ที่บังเอิญไปเก็บโดนขยะนั่น!”กงซุนยงเยาะเย้ย: “เสียดายที่ข้าดันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”เย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้นและสงสัยว่า: “งั้นเหรอครับ? ไม่น่าจะใช่นะ ผมจำได้ว่าเขามีระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นกลางหรืออาจระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นปลายเลยด้วยนะ เพราะเขาไม่น่าจะแตกต่างจากคุณมากนัก”“คิดว่าข้าจะเชื่อรึไง?”กงซุนจื้อเหยียดหยามและพูดว่า: “เอาล่ะ ไร้สาระพอแล้ว ข้าจะให้ลองชิมหัตย์ตะลานกัดกินใจของข้าเสียหน่อย”ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปานสายฟ้ามาปรากฏตัวตรงหน้าเย่เทียนหยู่ และตบเขาด้วยฝ่ามือ“แค่นั้นเหรอ?
น่าเสียดายที่เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขาก็หัวเราะและพูดเสียงเรียบ : “แน่นอนว่าผมรู้ความสามารถของผู้อารักขาเฟยหลง แต่คนที่ผู้อารักขาเฟยหลงจะดำเนินการต่อต้านไม่ใช่ผมหรอก แต่เป็นตระกูลกงซุนของคุณ”“ไม่ต้องกังวล ตระกูลกงซุนจะถูกทำลายในไม่ช้านี้ จะมีคนตามคุณไปปรโลกแน่ คุณไม่เหงาหรอก”“อะไร พูดอะไร...”สีหน้าของกงซุนยงเปลี่ยนไป คำพูดของอีกฝ่ายมีข้อมูลมากเกินไปจนเขาคิดไม่ออก เขาเห็นเพียงแสงที่วูบเข้ามาก่อนที่เขาจะล้มลงกับพื้นและหนึ่งชีวิตก็หายไปจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำให้ใครขุ่นเคือง แต่เขารู้ว่าไอ้สารเลวกงซุนจื้อนั้นได้สร้างความขุ่นเคืองครั้งใหญ่เรื่องนี้ถึงขั้นทำให้ตระกูลกงซุนล่มสลายเมื่อมองไปที่กงซุนยงที่ล้มลงกับพื้น เขาก็มองไปรอบ ๆ อีกครั้ง แม้ว่าเขาจะระมัดระวัง แต่เขาก็ยังสร้างความเสียหายเล็กน้อยเขาอดไม่ได้ที่จะแอบส่ายหน้า กงซุนจื้อคนนี้น่ารำคาญจริงๆ เอาแต่คนพวกนี้มาตายที่นี่ ทำให้เขาต้องทำความสะอาดอยู่เรื่อยหลังจากผ่านไปสักพัก เย่เทียนหยู่ก็เก็บทุกอย่างและกำลังจะนั่งลง แต่โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นเป็นสายของหลินหว่านหรูยัยเด็กนี่ทนไม่ไ
หลินหว่านหรูกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของกงซุนจื้อและรีบพูดจุดประสงค์ของเธอ: “ฉันจะแต่งงานกับคุณค่ะ แต่คุณต้องให้โอกาสฉันสามวัน ให้ฉันได้ทำใจก่อนสามวัน”“แต่งงานกับคุณ?”“หลินหว่านหรูคุณคิดผิดแล้ว ผมเคยอยากแต่งงานกับคุณ แต่ตอนนี้ผมแค่อยากเล่นกับคุณ ไม่อย่างนั้น ตระกูลหลินก็ย่อยยับไปซะ”กงซุนจื้อเยาะเย้ย ใครใช้ให้เมื่อก่อนเธอได้ใจถึงขั้นกล้าตัดสายผมล่ะ วันนี้คุณคงเสียใจแล้วสินะทันทีที่คำพูดเหล่านี้สิ้นสุด หลินหว่านหรูก็โกรธมาก แต่เธอก็ยังต้องระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ เธอไม่มีคิดจะอยู่กับอีกฝ่าย ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาจะเป็นยังไง “ไม่ว่าคุณต้องการอะไร หลังจากนี้สามวันฉันจะยอมทำตามทุกอย่าง” เธอพูด“เหอะ หลินหว่านหรู คิดว่าผมจะยอมรอสามวันหรือยังไง?”“ผมยังนึกว่าเรื่องอะไรซะอีก ถ้าเป็นเรื่องนี้ละก็ ไม่มีทาง” กงซุนจื้อกล่าวขณะที่เขาลุกขึ้นและเริ่มลงมือเขาแทบจะรอผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าคนนี้ไม่ไหวแล้ว“รอเดี๋ยว!”หลินหว่านหรูเริ่มวิตกกังวลและพูดว่า: “กงซุนจื้อ แค่สามวันเท่านั้น คุณรอสามวันไม่ได้เหรอ?”“ฮึ อย่าว่าแต่สามวันเลย ตอนนี้ผมรอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ผมจะจัดคุณเดี๋ยวนี้เล
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก