ซูถึงได้ยินการสนทนาในส่วนนี้เข้า ก็สะดุดอย่างช่วยไม่ได้ แล้วล้มลงไปกับพื้นเธอนึกไม่ถึงเช่นกัน ว่าส่วนนี้เย่เทียนหยู่ก็บันทึกไว้เช่นกันถ้าจะให้พูด ครั้งนี้มันเป็นเรื่องบังเอิญทั้งหมดเลย เดิมทีเย่เทียนหยู่ไม่ตั้งใจที่จะบันทึกเลย เพียงแต่มันเป็นความบังเอิญที่เขาดันบันทึกไว้เท่านั้นเองตอนนั้นยังไม่ได้ลบทิ้งไป ภายหลังก็เลยถูกเก็บไว้ในนั้น เมื่อวานได้เจอกับเรื่องที่ซูถิงได้ทำไว้ ก็เลยเตรียมไว้เสียหน่อยแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ได้คิดที่จะเปิดให้ทุกคนได้ฟังโทษก็โทษเถอะ แต่ซูถิงล้ำเส้นเกินไปแล้วซูถิงอับอายขายหน้า ทนไม่ได้จนอยากจะหาหลุมสักที่บนพื้นแล้วมุดเข้าไปเสียมองดูทุกคนแล้วดูด้วยท่าทางแปลกๆ เดิมทีคงจะอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ก็เลยวิ่งหนีออกไปราวกับบ้าไปแล้ว นั่นเพราะว่าเธอรู้สึกขายขี้หน้ามากจริงๆในขณะนี้ หลินหว่านหรูก็ได้สติกลับมาจากความเฉื่อยชาเสียทีนึกไม่ถึงเลยว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้!แม้ว่าเธอจะยังไม่รู้ว่าซูถิงจะชอบเย่เทียนหยู่ได้ยังไง แต่ตัวเธอเองก็เคยเกลียดเย่เทียนหยู่มาก่อนจนกลายมาเป็นชอบ แล้วทำไมซูถิงจะทำไม่ได้เพียงแต่เรื่องพวกนี้ที่เธอทำ มันช่างสกปรกเกินไปแล้ว น่ารั
ได้ยินอย่างนั้น ผู้อาวุโสหลินก็ถึงกับหน้าถอดสี แล้วพูดอย่างร้อนรน “คุณชายกงซุน คุณอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ตอนนี้หว่านหรูกำลังโกรธอยู่ รอเธอเย็นลงสักนิด พวกเราค่อยมาหารือเรื่องการหมั้นกันต่อ”“เหอะ งั้นฉันจะให้เวลาพวกคุณพิจารณาอีกหนึ่งวัน หลังจากหนึ่งวันแล้ว ถ้ายังไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจกับฉันได้ งั้นฉันก็จะทำลายตระกูลหลินทิ้งซะ”กงซุนจื้อพูดอย่างไร้เหตุผลเมื่อทุกคนในตระกูลหลินได้ยินดังนั้น แต่ละคนก็สีหน้าแตกตื่นยกใหญ่ แม้กระทั่งหลินหว่านหรูเองก็ด้วยแม่ว่าเธอจะโกรธมาก แต่ก็รู้ดีว่าตระกูลกงซุนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน เห็นได้ชัดเลยว่าตัวเธอไม่อยากลากตระกูลหลินเข้ามาเกี่ยวด้วยสีหน้าของผู้อาวุโสหลินดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม เขาสร้างอุตสาหกรรมของตระกูลหลินมาเองกับมือ ไม่อยากจะให้มันต้องถูกทำลายลง ยิ่งไม่ต้องบอกเลย หลังจากที่ตระกลูหลินถูกทำลายแล้ว ตระกูลหลินอย่างพวกเขาถ้าเกิดอะไรขึ้นเกรงว่าคงจะไม่มีที่ไปแล้วล่ะแต่มีเพียงเย่เทียนหยู่เท่านั้นที่ท่างทางดูถูกเหยียดหยาม แล้วพูดเยาะเย้ย “กงซุนจื้อ นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกันน่ะ คิดอยากทำลายใครก็ทำได้งั้นเหรอ ไม่ลองชั่งน้ำหนักดูบ้างหรือไงว่าตัวเองมี
“แกไม่สนใจเหรอ?”“เย่เทียนหยู่ นี่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร สมองน้ำเข้ารึไงถึงกล้าไม่สนใจตระกูลกงซุน?”“ทำไม หรือแกยังคิดจะอาศัยความดีความชอบที่ช่วยเหลือลูกสาวประธานหยางไปขอให้ประธานหยางช่วยแกอีก? ไม่เห็นเหรอว่าประธานหยางไม่มีทางช่วยแก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ให้ลูกสาวไปแต่งงานกับคนอื่นหรอก”“อีกอย่างนะ ต่อให้ประธานหยางยอมช่วย เกรงว่าก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี หรือดีไม่ดีพอรู้ว่าแกไปหาเรื่องตระกูลกงซุนหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมือง เขาอาจจะไปร่วมด้วยช่วยกันจัดการแกก็ได้”คุณแม่ตระกูลหลินพ่นคำพูดมากมายใส่เขาจนน้ำลายกระเด็นไปทั่วทุกทิศคุณปู่หลินเองก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “เย่เทียนหยู่ เรื่องมาถึงตรงนี้แล้วไม่ใช่เวลาให้มาคุยโวโอ้อวดแล้วนะ ตระกูลกงซุนไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างแกจะต้านได้หรอกนะ”“วิธีการที่ถูกต้องที่สุดสำหรับแกตอนนี้คือตามหากงซุนจื้อ คุกเข่าลงและขอโทษเขาซะ ขอร้องให้เขาไว้ชีวิตแกสักครั้ง ไม่อย่างนั้นแกตายแน่”“อย่าหวังว่าจะโชคดีหนีไปได้เหมือนคราวที่แล้วนะ คราวที่แล้วเป็นเพราะตระกูลซาโหดเหี้ยมมาก เดิมทีก็มีเรื่องไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นแกเหรอจะโชคดีได้ขนาดนั้น”“ตระกูลก
ทันทีที่สิ้นคำพูดเหล่านี้ หลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อยใช่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่เคยเชื่อเลยสักครั้ง แต่เรื่องจริงก็พิสูจน์แล้วว่า ทุกสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดนั้นเป็นเรื่องจริงแม้ว่าหลาย ๆ ครั้งจะเป็นเพราะโชคช่วย หรือบังเอิญมีคนช่วยเหลือก็ตาม แต่สุดท้ายเขาก็ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ทุกครั้ง“นาย นายมีวิธีการอะไร?” หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะถาม“ผมมีข้อมูลภายในอยู่ ตระกูลกงซุนทำความผิดไว้หลายอย่างและตระกูลของพวกเขาก็มีปัญหาใหญ่ อีกไม่นานพวกเขาต้องพินาศแน่นอนครับ” เย่เทียนหยู่กล่าวอันที่จริง ตระกูลของพวกจอมยุทธแบบตระกูลกงซุนมีเหรอจะไม่ก่ออาชญากรรมถ้าให้พูดตรง เหตุผลหลัก ๆ ที่แท้จริงก็คือตระกูลกงซุนทำให้เย่เทียนหยู่ขุ่นเคือง และถูกกำหนดให้มีแต่ต้องพินาศไปเท่านั้นหลินหว่านหรูตะลึงไปเล็กน้อย เธอไม่ค่อยเชื่อเขาเลยจริง ๆ ตามความเข้าใจของเธอ ตระกูลกงซุนเจริญรุ่งเรืองมาก สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือพวกเขาไม่เหมือนกับตระกูลหลิวในอดีต เพราะพวกเขามีอำนาจกว่านั้นมาก“นายไปได้ข่าวนี้มาจากไหน”“จากหลงตู”เย่เทียนหยู่ตอบตามตรง“นี่นายรู้
“อะไรนะ!”คุณปู่ตระกูลหลินนึกว่าเขาฟังผิด เขาโกรธมากจนเรียกชื่อเธอแล้วพูดตะคอก “หลินหว่านหรู หลานหมายความว่ายังไง? หลานไม่สนใจเลยเหรอว่าตระกูลหลินจะเป็นตายร้ายดียังไง?”“หนูไม่เพิกเฉยหรอก แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นการแต่งงานกับกงซุนจื้อค่ะ” หลินหว่านหรูตอบ“หรือหลานยังมีวิธีการอื่นอีกเหรอ?”“ใช่ค่ะ!”“วิธีการอะไร?”“ในอนาคตพวกคุณจะรู้เองค่ะ” จู่ ๆ หลินหว่านหรูก็นึกถึงสารพัดวิธีที่จะช่วยให้เย่เทียนหยู่เพิ่มอำนาจของตัวเอง“จะรู้เองในอนาคตอะไรกัน นี่มันเวลาอะไรแล้ว ตระกูลหลินของเราจะพินาศอยู่แล้วนะ” คุณปู่หลินพูดด้วยความโกรธ“นั่นสิ หว่านหรู รู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? เย่เทียนหยู่หลอกอะไรลูกอีกแล้วใช่ไหม?” คุณแม่ตระกูลหลินถาม“เป็นไปไม่ได้ เทียนหยู่ไม่มีทางตบตาเราแน่”“เอาล่ะ หนูจะบอก เทียนหยู่บอกว่าเขาจะทำลายกิจการของตระกูลกงซุน แต่เขาจะใช้เวลาสองสามวัน เพราะอย่างนั้นเราแค่ต้องอดทนรอ”หลินหว่านหรูพูดเสียงดังฟังชัด เพราะถึงยังไงหากตระกูลกงซุนเกิดเรื่อง ก็จะบอกได้ว่าเย่เทียนหยู่อยู่เบื้องหลังถ้าเป็นแบบนี้ละก็ ตระกูลของเธอจะได้มองเย่เทียนหยู่ด้วยความชื่นชมแต่เธอไม่
ในขณะนี้มีเสียงการต่อสู้ดังขึ้นจากด้านนอกเดิมทีหลินหว่านหรูคิดจะกลับไปที่ห้อง แต่เมื่อเธอได้ยินเสียง เธอก็คิดได้ว่าเย่เทียนหยู่เพิ่งออกจากห้องโถง บางทีปู่อาจให้ใครมาล้อมเขาแม้ว่าวรยุทธ์ของเย่เทียนหยู่จะพอใช้ได้ แต่การจะเอาชนะด้วยสี่มือกับสองหมัดมันก็คงยากมากหากอีกฝ่ายมีคนมาก ดังนั้นเธอจึงอยากรีบไปดูขณะที่เย่เทียนหยู่ออกจากห้องโถง กลุ่มชายหกคนก็เข้ามาขวางเขาเอาไว้โดยที่เขายังไม่ทันได้ออกจากวิลล่าด้วยซ้ำ“เย่เทียนหยู่ มึงเกิดปีเต่าหรือไงวะ? ถึงได้หดหัวซ่อนตัวเก่งขนาดนี้ ทำเอากูหามึงไม่เจอซะตั้งนาน” ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำมองไปที่เย่เทียนหยู่ ก่อนจะด่าเขาอย่างดุเดือดเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและถามว่า “ตามหาผมเหรอ?”“เหลวไหล ไม่ตามหามึงแล้วกูจะตามหาใครละวะ แต่ว่าหาแทบตายหาไม่เจอ แต่จู่ ๆ กลับดันมาเจอมึงที่นี่ซะงั้น”“มึงนี่มันสมควรโชคร้ายจริงๆเลย”“มึงกินอะไรเข้าไปวะ ถึงกล้าไปยั่วยุตระกูลหลิน วันนี้ละ ที่กูจะได้สอนบทเรียนหนัก ๆ ให้มึง” ชายหนุ่มพูดอย่างภาคภูมิใจเย่เทียนหยู่ถึงกับพูดไม่ออก เขาหันไปมองวิลล่าตระกูลหลิน และพูดอย่างใจเย็น: “ถ้างั้น ตระกูลหลินส่งมาเหรอ?”“ใช่แล้วจะทำไม!”
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินแบบนั้น เธอก็จ้องไปที่เย่เทียนหยู่ทันที และพูดด้วยความโกรธ: “เย่เทียนหยู่ แกคิดจะทำอะไรฮะ ใครอนุญาตให้แกมาทำเรื่องสุ่มสี่สุ่มห้าฆ่าคนแบบนี้”“ใครอนุญาตเหรอ?”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ แล้วชี้ไปที่หลิวเหมี่ยว ก่อนจะพูดเสียงเรียบว่า “แน่นอนว่าเป็นเขา เขาจะฆ่าผมนะ ผมควรยืนเฉยแล้วให้เขาทำแบบนั้นหรือไง?”“ไร้สาระ!”คุณแม่ตระกูลหลินโต้กลับทันที “หลิวเหมี่ยวไม่ใช่ศัตรูกับแก แล้วทำไมเขาถึงโจมตีแกด้วย?” “งั้นคุณคงต้องถามเขา”เย่เทียนหยู่มองไปที่หลิวเหมี่ยวและพูดอย่างเย็นชา: “บอกทุกคนไปสิว่าทำถึงต้องลงมือทำร้ายผม? ทางที่ดีควรพูดความจริงซะ ไม่อย่างนั้นละก็ เหอะ!”แม้ว่าจะไม่มีคำพูดข่มขู่ แต่แค่เสียงเหอะก็ทำให้หลิวเหมี่ยวหวาดกลัว เป็นความกลัวที่อธิบายไม่ได้ซึ่งยังคงอยู่ในใจของเขาและเพราะเมื่อครู่เย่เทียนหยู่จงใจส่งเสียงเหอะ จงใจทำให้อีกฝ่ายกลัวเสียหน่อยเมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินดังนั้น เธอก็รีบเตือน: “หลิวเหมี่ยว อย่าไปกลัวเขา ค่อย ๆ พูดนะ มีป้าอยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้ารังแกหลานแน่”น่าเสียดายที่หลิวเหมี่ยวรู้สึกหวาดกลัวกับเย่เทียนหยู่และพูดตรงๆ: “เป็นป้าครับ ป
“ขอบคุณฉันทำไม ตระกูลหลินต่างหากที่ต้องขอโทษนาย แต่ว่า พวกเขาไม่เหมือนซูถิงนะ เพราะลึกๆ ในใจยังดีกับฉัน ฉันทำอะไรพวกเขาไม่ได้น่ะ”“ผมเข้าใจครับ ไม่ต้องกังวล ตระกูลกงซุนสร้างปัญหาอะไรไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่มั่นใจ“อืม!”“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะรอข่าวดีของนายนะ”“ครับ”เย่เทียนหยู่ขึ้นรถ เขาสตาร์ทรถแล้วขับออกไปเมื่อหลินหว่านหรูมองดูเย่เทียนหยู่จากไปแล้ว เธอก็เดินกลับ คราวนี้เธอไม่แม้แต่จะพูดกับคนในตระกูลของเธอ และเดินตรงกลับไปที่ห้องด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอหยิบจี้หยกรูปมีดออกจากห้องอีกครั้งเดี๋ยวก่อน พอมองไปที่จี้หยกรูปมีด หลินหว่านหรูก็นึกถึงคำถามสำคัญข้อหนึ่งขึ้นมาทันทีถ้าของกงซุนจื้อเป็นของปลอม แล้วเขาจะมีจี้หยกที่คล้ายกันได้ยังไง หรือจะเป็นซูถิงบอกให้กงซุนจื้อจงใจทำมันขึ้นมาแต่นั่นแบบนั้นก็ไม่ถูกอยู่ดี!จำได้ว่าตอนนั้นเธอเป็นคนขอให้กงซุนจื้อถอดจี้หยกออกมา พอเธอสัมพัสมันแล้ว วัสดุของมันเป็นแบบเดียวกับจี้หยกในมือเธอแม้ว่าเธอจะไม่ได้เข้าใจเรื่องหยกมากนัก แต่เธอก็สัมผัสจี้หยกของเธอมาหลายปีแต่ปัญหาก็คือ ถึงเธอจะเล่าเรื่องสมัยเด็กของเธอให้ซูถิงฟัง แต่ซูถิงไม่เคยเห็นจี้หยกใกล้
“ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอก หากตอนนั้นพวกเราทั้งสี่คนร่วมมือกัน พวกเราคงครอบครองโลกใบนี้ไปแล้ว ใครกันจะกล้าขวาง!”ในขณะเดียวกันนี้เอง ชายชรารูปร่างผอมบางคนหนึ่ง ใบหน้าดูเศร้าหมอง ริมฝีปากเรียวเล็กก็ปรากฏตัวขึ้น“ตู๋เปียนฝู?”ในใจทูตใหญ่รู้สึกตกตะลึง“ยังมีข้าอีกคน บรรพจารย์หวงเฉวียน!”หลังจากที่ทั้งสี่ก้าวออกมาพูด สีหน้าของทูตใหญ่ก็ดูไม่ค่อนสู้ดีมากนัก สมญานามของพวกเขาในปีนั้นคือสี่ทูตใหญ่แห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์ แต่ละคนต่างก็มีความแข็งแกร่งที่ทรงพลังมากการดำรงอยู่ของอำนาจพวกเขาเป็นรองก็แค่ผู้นำสำนักศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้นำสำนักเลยแม้แต่น้อย กระทั่งอาจจะแข็งแกร่งกว่าเสียด้วยซ้ำคิดไม่ถึงเลยว่าอีกสามคนที่เหลือจะอยู่ที่นี่กันหมด และดูจากท่าทีของพวกเขาแล้ว เหมือนว่าพลังจะมีการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ละคนต่างก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดกันทั้งนั้นในกรณีนี้ แทบจะเท่ากับว่าผู้นำของนิกายจืดจางคือผู้นำที่แท้จริงของนิกายศักดิ์สิทธิ์แล้วในสถานการณ์เช่นนี้ แทบจะเท่ากับว่าตำแหน่งผู้นำสำนักศักดิ์สิทธิ์จะต้องตกเป็นของผู้นำสำนักเจวี๋ยฉิงยังไงอย่างงั้นเมื่อสองพี่น้อง
นี่เป็นการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวและทรงพลังระดับไหนกันแน่ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือ เธอรู้สึกขาดความมั่นใจอย่างมาก และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมช่วงนี้พวกเธอจึงเอาแต่กักตัวบำเพ็ญตนแต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่เข้าใจเลยก็คือ เหตุใดมู่หรงอินถึงได้มั่นใจมากขนาดนั้น โดยเฉพาะลูกชายของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็แข็งแกร่งมากจริง ๆแต่เมื่อเทียบกับสองพี่น้องเจวี๋ยเทียนแล้ว เกรงว่าความแต่งต่างอาจจะยังห่างชั้นกันอยู่แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงทำได้แค่เดินหน้าทำตามแผนต่อไป หากยังไม่ได้ผล ก็คงต้องสู้ตายเท่านั้นเวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่าณ ภูเขารกร้าง!สถานที่แห่งนี้อยู่หากจากเมืองตงเฉิงออกไปกว่าสามร้อยกิโลเมตร ซึ่งล้อมรอบไปด้วยภูเขารกร้าง เป็นที่ที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ แต่สำนักศักดิ์ กลับตั้งหลักอยู่จุดที่ลึกที่สุดของภูเขาเช่นนี้ซึ่งมีทางเข้าและทางออกเพียงสองทางเท่านั้นแน่นอน หากพูดถึงทางเข้าออกลับที่มีอยู่ ไม่ได้มีเพียงแค่สองทางอย่างแน่นอน ซึ่งมันเป็นทางที่คนธรรมดาไม่สามารถหาเจอได้อย่างไม่ต้องสงสัยเพราะบริเวณทางเข้ามีม่านพลังปิดเอาไว้อยู่ หากเป็นคนที่ไม่คุ้นเคยกับ
เย่เทียนหยู่รู้สึกตกใจนิดหน่อย เขาไม่รู้จักอีกฝ่ายด้วยซ้ำ จึงได้แต่ยักไหล่ ก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ไม่เคยสู้ด้วยสักหน่อย ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”“แต่ฉันรู้ค่ะ!”“ราชามังกรแห่งพรรคมังกร ผู้นำแห่งสำนักเงา หรือจะให้ฉันเรียกว่าคุณชายเย่ดีคะ?” เยว่เหลียนเวยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนี้ เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าการคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง อีกฝ่ายน่าจะมาจากสำนักดอกไม้ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่รู้สถานะพวกนี้ของเขาแน่นอน เขาจึงพูดขึ้นอย่างเร่งรีบออกไปว่า “คุณน่าจะเป็นผู้อาวุโสของสำนักดอกไม้สินะ?”“ผู้อาวุโสอะไรกันคะ ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย ฉันชื่อว่าเยว่เหลียนเวยค่ะ คุณเรียกฉันว่าพี่เยว่ก็ได้!” เยว่เหลียนเวยยิ้มเล็กน้อย หลังจากที่เธอเผยรอยยิ้มออกมา เสน่ห์ในตัวเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเยว่หลิงตกตะลึงไปชั่วขณะ อาจารย์รองเป็นอะไรไป เรียกว่าพี่เยว่งั้นเหรอ ไอ้เด็กนั่นมันเป็นใครกันแน่“เอ่อ สวัสดีครับ พี่เยว่!” ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากถูกเรียกแบบนั้น เย่เทียนหยู่จึงทำได้แค่เริ่มทักทายใหม่อีกครั้ง“ค่ะ คุณชายเย่ไม่เลวเลยนะคะ ฉันชอบค่ะ”เยว่เหลียนเวยเ
เยว่หลิงแทบไม่สามารถต่อต้านได้เลย และพบว่าตัวเองกำลังถูกชายคนหนึ่งกดทับด้วยมือเอาไว้อยู่ เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอันแรงกล้าของผู้ชายจากอีกฝ่าย สีหน้าเธอก็แดงก่ำทันทีแม้ว่าเธอมักจะใช้วิชาเสน่ห์อาคมอยู่บ่อย ๆ แต่เธอก็ไม่เคยให้ผู้ชายเข้าใกล้มากขนาดนี้มาก่อน นั่นจึงทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาแบบนี้เย่เทียนหยู่ที่เห็นฉากตรงหน้า เขาก็พูดพลางหัวเราะออกมาว่า “ฟังจากน้ำเสียงของคุณแล้ว ผมยังคิดอยู่เลยว่าคุณคงจะเป็นคนที่เปิดกว้างมาก คิดไม่ถึงว่าจะเขินได้ง่ายขนาดนี้”“นาย นายรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เยว่หลิงวิตกกังวลอย่างมาก เธอคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีวิชากังฟู่ที่น่ากลัวอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่ชั่วร้ายมากอีกต่างหากถ้ารู้แต่แรก ก็คงไม่มาคนเดียวแบบนี้หรอก พวกเธอได้ทำการนัดพบกับคนในสำนักที่นี่ และตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลานัดแล้วด้วยเมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารและวิตกกังวลของเธอ เย่เทียนหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งหยอกล้อเธอ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ผมจะปล่อยคุณไปก็ได้ แต่คุณต้องขอร้องผมก่อน”“เพราะไม่อย่างนั้น ผมคงไม่อาจทำใจแยกจากความงามอันน่าหลงใหลเช่นนี้ได้แน่”ในขณะที่พูด เย่
ช่วงเวลาประมาณเที่ยงครึ่ง เย่เทียนหยู่และหลินหว่านหรูก็กลับมาถึงเมืองตะวันออกกันแล้ว เวลาที่เหลือก็ค่อนข้างเยอะ ทั้งสองจึงทานข้าวด้วยกันก่อน แล้วค่อยส่งหลินหว่านหรูกลับบริษัทจากนั้นเย่เทียนหยู่จึงค่อยออกเดินทาง แต่ขณะที่เขากำลังจะขึ้นรถ เขาก็ได้ยินเสียงอันอ่อนหวานดังเข้ามาในหู “คุณเย่คะ ท่าทางรีบร้อนแบบนั้น คุณจะรีบไปไหนเหรอคะ?”เย่เทียนหยู่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมอง ตรงหน้าเขาปรากฏร่างที่มีเสน่ห์และสง่างามของหญิงสาวคนหนึ่ง มองผิวเผินรู้สึกว่าเธอยังเด็กอยู่มาก ราวกับว่าเธอเพิ่งจะสี่สิบต้น ๆ เท่านั้นเองรูปร่างหน้าตาของเธอดูอ่อนเยาว์กว่าจูเก่อหลิวหลีนิดหน่อย แต่ความเซ็กซี่และเสน่ห์ที่เธอแสดงออกมานั้น โดยเฉพาะความขาวที่ถูกเผยให้เห็นเพียงเล็กน้อย เพียงเท่านั้นก็ทำให้ผู้คนต่างพากันใจเต้นแล้วขาเรียวยาวสองข้างที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใย นี่ถือเป็นค่านิยมของผู้หญิงที่นับว่าเป็นอันตรายต่อผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน เย่เที่ยนหยู่เองก็เคยเห็นผู้หญิงมามากมายนับไม่ถ้วนจนเคยชินหมดแล้ว โดยเฉพาะเทพธิดาสองสามคนที่สวยกว่าหลินหว่านหรู่ก็เคยเจอมาหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไ
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่าแม่ตระกูลหลินจะทำให้เธอต้องอับอายมากขนาดนี้เห็นได้ชัดว่าเฉินเว่ยไม่อาจทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ เธอจึงแสดงเจตจำนงที่ต้องการจะลาออกทันทีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นแบบนั้น เธอก็รีบอนุมัติให้ทันทีโดยที่ไม่คิดลังเลเลยแม้แต่น้อย กระทั่งคนอีกสองสามคนที่ต้องการจะลาออกตามเฉินเว่ยเองก็ถูกอนุมัติด้วยเช่นกันถึงยังไง เธอก็ยังมีคนที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาอย่างเหอรุ่ยอยู่ แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วเห็นได้ชัดว่าเฉินเว่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่าแม่ตระกูลหลินจะมุ่งมั่นมากขนาดนี้ ทำให้เธอตกตะลึงไปชั่วขณะได้จริง ๆ แต่เมื่อลองย้อนนึกดู แม้แต่คนอย่างเหอรุ่ยก็สามารถปีนข้ามหัวเธอได้ การที่เธอจากไปตอนนี้ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเมื่อถึงตอนนั้น ตอนที่เครื่องสำอางแบรนด์ปัวเรต์เกิดปัญหาขึ้นมาจริง ๆ ไม่แน่อาจจะมีปัญหามากมายตามมาเพิ่มก็ได้ตามที่หลิวเหวินเคยพูดถึงความคิดของแม่ตระกูลหลิน บวกกับเรื่องที่จู่ ๆ เหอรุ่ยก็ได้รับตำแหน่งผู้จัดการ เรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องสำอางแบรนด์ปัวเรต์ก็คงขึ้นอยู่กับเวลาแล้วล่ะ เพราะงั้นจากไปเร็วหน่อยก็ดีเหมือนกันเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของเฉินเ
“หากเป็นเช่นนั้น งั้นเรื่องก็ง่ายมากเลยล่ะครับ มีวิธีอีกมากมายนับไม่ถ้วน” เหอรุ่ยรีบพูดขึ้นมา หากเขายังบอกว่าทำไม่ได้อีก แล้วตนจะยังมีประโยชน์อะไร นั่นเท่ากับตนจะพลาดโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งไม่ใช่รึไงเมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของแม่ตระกูลหลินก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ตอนนี้บริษัทมีทางรอดแล้วคนอย่างหลิวเหวินไม่รู้เรื่องอะไรเอาเสียเลย แถมยังบอกว่าหมดหนทางอีกแต่เมื่อตนเป็นคนออกโรงเอง ก็สามารถหาคนเก่งมาได้ในทันที ทั้งยังสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายอีกด้วย!และเท่าที่ฟังมา เหมือนว่าคนที่ตนเลือกจะมีวิธีแก้ปัญหามากมายนับไม่ถ้วนอีกต่างหากเมื่อเห็นแบบนี้แล้ว แม่ตระกูลหลินก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ดีมาก หากเฉินเว่ยกล้ามาจริง ๆ ฉันก็จะไล่มันออกทันที แล้วให้เธอมารับตำแหน่งแทนหล่อนซะ”“ครับ ขอบคุณประธานหลิวมากครับ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรับใช้คุณ!” เหอรุ่ยรีบพูดประจบประแจงขึ้นมาทันที“ดีมาก ไม่เลวเลย เธอยังหนุ่มยังแน่น ต่อไปจะต้องมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน!”เมื่อแม่ตระกูลหลินได้ยินว่าอีกฝ่ายยินดีรับใช้ตน สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในใจก็รู้สึกพอใจอย่างมาก“ประธานหลิวชมเกินไปแล้วคร
“แต่ว่า ประธานเย่เองก็ไม่ใช่คนนอกนี่คะ”“ประธานเย่อะไร ใครคือประธานเย่กัน บริษัทนี้มีตำแหน่งเขาด้วยรึไง? หลิวเหวิน เธอเป็นอะไรไป หรือว่าเธอไม่อยากที่จะอยู่ในบริษัทนี้ต่ออย่างงั้นเหรอ?”แม่ตระกูลหลินด่าทอด้วยความโกรธวันนี้เย่เทียนหยู่ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากทักทายตนเลยด้วยซ้ำ คิดว่าตัวเองสูงส่งมาจากไหนกันต่อให้เขาจะเก่งกาจมากแค่ไหน สุดท้ายก็ยังเดินตามหลังลูกสาวตนอยู่ดี ยังเป็นลูกเขยที่เชื่อฟังของเธออยู่กล้าดียังไงที่เมินเฉยกันแบบนี้!ไม่มีมารยาทเลยแม้แต่น้อย น่าโมโหเสียจริง!เมื่อถูกด่าทอแรง ๆ แบบนี้ สีหน้าของหลิวเหวินดูเศร้าหมองมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็รู้สึกโกรธจนแทบทนไม่ไหว เธอไม่สามารถอดทนต่อไปได้แล้วจริง ๆ แต่เวลานี้แม่ตระกูลหลินก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “เอาล่ะ หลิวเหวิน ฉันจะไม่พูดไร้สาระกับเธออีก วัตถุดิบที่เธอต้องการมันไม่มีอีกแล้วล่ะ”“ตอนนี้ สิ่งที่เธอต้องทำก็คือ รีบหาวัตถุดิบตัวใหม่เพื่อมาทดแทนโดยเร็วที่สุด”“ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ!” หลิวเหวินตอบ“ทำไม่ได้ก็คิดหาวิธีสิ หากยังไม่ได้อีก เธอก็หาอย่างอื่นที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงมาไม่ได้รึไง ขอแค่ผลลัพธ์ออกมาคล้ายกัน แค
ประจวบเหมาะกับที่หลินหว่านหรูเองก็เกือบจะจัดการธุระเสร็จแล้ว เย่เทียนหยู่มองดูนาฬิกาครู่หนึ่ง เวลาเพิ่งจะสิบโมงกว่า ๆ ดังนั้นจึงมีเวลาอีกเหลือเฟือให้เขารีบกลับไป“แม่ของคุณกับคนอื่น ๆ ล่ะ หรือพวกเขากลับไปกันแล้ว?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย นานแล้วที่ไม่ได้เจอพวกเขา แถมยังเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นอีก ไม่คิดจะอยู่พูดคุยกันหน่อยรึไง“กลับไปกันแล้ว!”สีหน้าของหลินหว่านหรูเริ่มมืดมนลงเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าคุณต้องรีบกลับไปจัดการธุระเหรอคะ พวกเราเองก็กลับกันเถอะ”“ได้!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า เขาสตาร์ทรถและขับออกไปทันที ระหว่างทาง เขาหันไปมองหลินหว่านหรูที่ดูเหมือนว่าเธอมีอะไรอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล่าเอ่ยปาก เขาจึงถามออกไปว่า “หว่านหรู คุณเป็นอะไรรึเปล่า หรือมีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณลำบากใจรึเปล่า?”“หรือจะเป็นเรื่องสูตรนั่น?”เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่เป็นฝ่ายเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน หลินหว่านหรูก็พยักหน้าทันที ก่อนจะพูดซ้ำสิ่งที่แม่ของเธอเพิ่งจะพูดไปออกมาเย่เทียนหยู่ส่ายหัว พร้อมพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่สูตรส่วนผสมสูตรเดียวเอง ผมเขียนให้ตอนนี้เลยก็ได้ และจะ