“กงซุนจื้อ ใครเหรอ?” เมื่อซูถิงได้ยินแบบนั้น เธอก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ในใจกลับกำลังปรีดาถึงที่สุด“นายน้อยของตระกูลกงซุน คนที่ช่วยเราทวงหนี้เมื่อครั้งที่แล้ว”“นายน้อยกงซุนที่เย่เทียนหยู่ขโมยความดีความชอบไปน่ะเหรอ”“อือ!”“ดูเหมือนเขาจะสุภาพและเป็นสุภาพบุรุษมากเลยนะ ภูมิหลังทางครอบครัวของเขาพิเศษมาก ฉันไม่เคยได้ยินข่าวลือไม่ดีเลย ที่มากไปกว่านั้นฉันมองไม่ออกหรอก แค่รู้สึกว่าเขาเก่งกาจมากเลยน่ะ”ซูถิงทำท่าเหมือนเธอไม่รู้จริงๆ“อ่อ”“แต่ว่ายังไงเขาก็เป็นทายาทในอนาคตของตระกูลกงซุน ใครก็ตามที่แต่งงานกับเขาก็คงเหมือนได้พรจากพระเจ้าเลยนะ ไม่รู้ใครจะโชคดีขนาดนั้นกันนะ”“จริงสิ ทำไมจู่ ๆ ถึงถามถึงเขาล่ะ”“ไม่มีอะไร!”หลินหว่านหรูไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ลึกๆ แล้วเธอเริ่มหันหากงซุนจื้อรถผ่านไปได้สักพักก็บังเอิญผ่านไปที่บาร์ ซูถิงเหลือบมองด้านข้างแล้วพูดว่า “หว่านหรู ไหน ๆ ตอนนี้เธอก็อารมณ์ไม่ดี ทำไมเราไม่พาที่ผ่อนคลายกันหน่อยล่ะ เครียดไปจะแย่เอานะ”“ผ่อนคลาย ที่ไหนเหรอ”“บาร์!”“ไม่ต้องกังวล เพื่อนของฉันเป็นเจ้าของบาร์ซีโร่ดาร์กอน ที่นั่นปลอดภัยมากเลย” ซูถิงกล่าว“ได้สิ”หลิน
หลินหว่านหรูร้องไห้จนน้ำตาอาบแก้ม บางทีเธออาจดื่มมากเกินไปจนไม่มีสติ ก็เลยพ่นเอาความในใจออกมาหมดเป็นเพราะเหตุนี้เธอจึงรู้สึกดีขึ้นมากและสงบลงมาก เธอหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำตา“หว่านหรู อย่าเศร้าเกินไปเลยนะ”“ในเมื่อเขาทำไม่ได้ เราก็ควรมองไปข้างหน้า มีพวกนายน้อยเก่ง ๆ ตั้งมากมายที่ไล่จีบเธอแต่จีบไม่ติดทำไมต้องมาเสียใจกับคนไร้ยางอายแบบเขาด้วย”ซูถิงปลอบใจเธอหลินหว่านหรูพยักหน้า บางทีเธอควรจะปล่อยเรื่องเขาไปจริงๆ แต่เธอก็ยังรู้สึกปวดใจเมื่อคิดจะปล่อยวาง โดยเฉพาะเมื่อต้องไปสำนักงานกิจการพลเรือนพรุ่งนี้มันอึดอัดมากหลินหว่านหรูกำลังจะพูด แต่ในตอนนั้นเองกลุ่มชายแต่งตัวทันสมัยมองเห็นพวกเธอและก้าวเข้ามา ก่อนจะพูดว่า “น้องสาวคนสวยทั้งสอง ไปดื่มกันไหมจ๊ะ ไม่มีผู้ชายมาด้วยเหรอ? ไปด้วยกันดีไหม?”“โดยเฉพาะสาวสวยคนนี้ ดูเหมือนจะร้องไห้อยู่นะ ถูกรังแกหรือเปล่า? บอกพี่มาสิจ๊ะ เดี๋ยวพี่ช่วยไปแก้แค้นให้เอง”เมื่อซูถิงเห็น เธอก็พูดอย่างเย็นชาทันที “ไปให้พ้น เราไม่รู้จักพวกแกนะ!”“ฮ่าฮ่า เมื่อกี้เราไม่รู้จักกัน แต่ตอนนี้เรารู้จักกันแล้วไงจ๊ะ ดื่มสักสองก็รู้จักกันแล้ว” ชายผมเหลืองถึงกับคิดจะว
ชายคนนั้นไม่ทันได้ระวังและถูกผลักออกซูถิงข่วนใบหน้าของชายอีกสองคนที่อยู่ด้านข้างเธออย่างแรงนี่เป็นบทละครที่ถูกเขียนเอาไว้แล้วรออีกพักกงซุนจื้อจะเป็นฮีโร่มาปรากฏตัวเพื่อปกป้องสาวงามหลินหว่านหรูโกรธและสิ้นหวัง ไม่คิดเธอว่าซูถิงจะยอมเสี่ยงชีวิตขนาดนี้ถึงกับยอมเอาชีวิตเข้าแลกกับอีกฝ่ายเพื่อช่วยเธอใจของซูถิงมีเธออยู่จริง ๆ และก็ทำทุกอย่างเพื่อเธอมาโดยตลอด แม้จะถูกเข้าใจผิด แต่ก็ยังสู้ไม่ถอยขนาดนี้ในเวลานี้หลินหว่านหรูไม่สนใจมากนัก เธอใช้ประโยชน์จากจังหวะนี้ ลุกขึ้นและวิ่งหนีออกไปเธอคิดกับตัวเองว่า ซูถิง รอฉันก่อน ฉันจะช่วยเธอแน่“ให้ตายเถอะ นังบ้านั่น รนหาที่ตายจริง ๆ!”ชายคนนั้นโกรธกับพฤติกรรมของซูถิง เขาตบซูถิงอย่างแรงสองครั้ง แฃ้งผลักเธอออกไป และพูดด้วยความโกรธ “ไปจับเธอมา”หลินหว่านหรูอยากจะวิ่งหนี แต่ฃเธอดื่มไปหนักมาก อีกทั้งอีกฝ่ายก็ระวังเอาไว้อยู่แล้ว จะปล่อยให้เธอทำตามอำเภอใจหนีไปแบบนั้นได้ยังไงยิ่งไปกว่านั้น หลินหว่านหรูวิ่งออกไปสองสามก้าว ก็เซจนเกือบจะล้มลงอยู่แล้วเมื่อมองดูภาพเบื้องหน้า ดวงตาของกงซุนจื้อจากระยะไกลก็แสดงความตื่นเต้นด้วยความพอใจ แต่ก็รีบระงับ
ขณะที่หลินหว่านหรูกำลังสิ้นหวัง เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าคนคนนั้นคือเย่เทียนหยู่เธอนึกว่าตัวเองตาลายเสียอีกต้องเป็นเพราะคิดมากไปแน่ ๆ ถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้แต่ในไม่ช้า เสียงของเย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้นอีกครั้งเสียงนั้นอ่อนโยน มั่นคงและแข็งกร้าว ทำให้เธอแอบหลงใหลไปชั่วขณะในเวลานี้ เย่เทียนหยู่ได้ช่วยหลินหว่านหรูขึ้นมาแล้ว“คุณ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?” หลินหว่านหรูตกใจ รู้สึกดีใจ ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยอารมณ์อื่น ๆ ซึ่งมันซับซ้อนมาก“ก็คุณอยู่ที่นี่แล้วมีอันตราย ผมจะไม่อยู่ได้ยังไงล่ะครับ”เย่เทียนหยู่พูดเบา ๆทันทีที่ได้ยินแบบนั้น กำแพงหัวใจของหลินหว่านหรูถูกทลายลงอีกครั้ง เธอแทบจะอดไม่ได้ที่จะโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของอีกฝ่ายแต่กงซุนจื้อโกรธสุดขีดเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า อยากจะกินเลือดกินเนื้อเย่เทียนหยู่ซะแต่ไม่เป็นไร เย่เทียนหยู่ ฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้าปล่อยให้แกอยู่รอดถึงคืนพรุ่งนี้ กงซุนจื้อสามตัวนี้ฉันจะเขียนมันกลับหัวซะที่แท้ก่อนที่เขาจะมาถึง มีข่าวมาจากที่บ้านของเขา ว่าผู้เฒ่าหวังจะเดินทางมาเทียนไห่ในวันพรุ่งนี้เมืองหลวงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่และสามารถมาถึงได้ตอนเที่ยงเมื
“มึง!”“มึงมันรนหาที่ตาย!”หนุ่มผมทองโกรธและเรียกให้ทุกคนพุ่งไปรุมเขาในทันทีต่อให้ทักษะการต่อสู้ของปหจะเก่งแค่ไหน สองหมัดก็ยากจะเอาชนะสี่มือ อีกพักแกได้เห็นดีแน่แต่ไม่นาน หนุ่มผมทองก็ต้องพบกับความสิ้นหวัง คนของเขาไม่พอให้เป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายแน่ เวลาเพียงชั่วพริบตา ทุกคนนอนกองอยู่บนพื้นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงโดยไม่มีละเว้นแม้แต่คนเดียว และเกือบทุกคนได้รับบาดเจ็บภายในสำหรับตัวเขาเอง อาจเป็นเพราะเขาเป็นผู้นำ ทำให้อีกฝ่ายลงมือกับเขาเบาเป็นพิเศษมือทั้งสองข้างหักหมดแต่เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่ามีคนเฝ้าดูอยู่รอบตัวเขา พวกเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เขาจึงรีบปิดหลินหว่านหรูและออกจากที่นี่ไปทันทีเขาไม่อยากตกเป็นข่าวเมื่อเห็นทั้งคู่จากไป หนุ่มผมทองก็รีบโทรหาโรงพยาบาล จากนั้นจึงมองซูถิงด้วยความโกรธและพูดว่า “คุณซู นี่มันหมายความว่ายังไง มันแค่การแสดงไม่ใช่เหรอ คิดจะเอาชีวิตพวกกูหรือไง”“ฉะ ฉันก็ไม่ปคิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”ซูถิงสับสนมาก แน่นอนว่าเธอเป็นคนไปหาเจ้าของบาร์ เธอขอให้เจ้าของบาร์จัดกลุ่มคนมาร่วมแสดง แล้วจะให้มีคนเป็น
ขณะที่ซูถิงกำลังคิดว่าจะส่งหลินหว่านหรูไปที่เตียงของกงซุนจื้อได้ยังไง หลินหว่านหรูก็โทรมาหาเธอที่แท้แล้วสมองของหลินหว่านหรูหยุดทำงานไปชั่วขณะ ตอนที่เย่เทียนหยู่ปรากฏตัว จนกระทั่งเดินออกจากที่นั่นมาแล้ว ถึงจำได้ว่าซูถิงยังไม่ออกมาเธอรีบพูดว่า “เทียนหยู ซูถิงยังไม่ออกมาเลย”“ไม่ต้องกังวล เธอไม่เป็นไรหรอกครับ” เย่เทียนหยู่กล่าว“จริงเหรอ?”“อือ ก็พวกนั้นเป็นพวกเดียวกัน จะเป็นอะไรได้ยังไง?”“ไร้สาระ!”“ซูถิงถูกตบแรงมากเลยนะ แล้วเธอก็ต่อสู้เพื่อฉัน เธอจะเป็นพวกเดียวกันได้ยังไง แล้วอีกอย่าง เธอให้คนมาทำเรื่องแบบนี้แล้วจะได้อะไร?”เย่เทียนหยู่อยากจะบอกเธอว่าได้ปรากฏเจ้าชายขี่ม้าขาวแต่พอคิดไปแล้ว ครั้งนี้คนที่ได้เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวคือเขานี่“เทียนหยู่ ฉันรู้สึกขอบคุณนายมากที่นายมาช่วยฉันไว้ทันเวลา แต่ว่าไม่มีทางที่ซูถิงและพวกเขาจะเป็นพวกเดียวกัน”“ฉันรู้ว่านายมีอคติกับเธอ แต่ที่ผ่านมาเธอทำเรื่องผิดต่อนายก็เพื่อฉัน และเธอก็แก้ไขแล้วนี่”หลินหว่านหรูอธิบาย“เอาล่ะ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อย่าพูดถึง”“คุณเองก็ไม่ต้องกังวล ต่อให้พวกเขาไม่ใช่พวกเดียวกัน คนเหล่านั้นก็ถูกผมทำร้าย ไม่มี
“ไม่ต้องห่วง ฉันมีทรัพย์สินมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังมีบ้านอยู่ในมืออีกสองสามหลัง เงินแค่นี้ฉันมีหรอก”“ไม่ กูไม่เชื่อมึง มึงบอกว่าแค่แสดง แต่แล้วเป็นยังไงล่ะ ดูพวกเพื่อนๆ กูสิวะยังมีใครยืนไหวอีก?”หนุ่มผมทองหัวเราะอย่างเย็นชา“คิดออกหรือยัง กูไม่มีเวลารอมึงหรอกนะ กูจะให้เวลาสิบวินาที ถ้ามึงไม่ตอบกลับ กูรับประกันว่าอนาคตมึงจบเห่แน่” หนุ่มผมทองขู่เพราะเขาได้ยินเสียงรถพยาบาลข้างนอก“ถ้าอย่างนั้น ครั้งเดียวนะ แค่ครั้งเดียว ให้แก่ทำคนเดียวไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอมแน่”“ถ้าแก่ยอมให้ฉันทำแค่ครั้งเดียว เงินค่ารักษาสองล้านห้าฉันจะยังจ่ายให้แก่”ซูถิงยังมีข้อเรียกร้อง เป้าหมายสูงสุดของเธอคือเย่เทียนหยู่ถ้าเอาแต่คลุกตัวอยู่กับผู้ชายแบบนี้ เธอจะแต่งงานกับเย่เทียนหยู่ได้ยังไงหนุ่มผมทองไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ ได้ทั้งคนสวยได้ทั้งเงิน เขาจึงตอบตกลงทันที “ได้ แค่ครั้งเดียวก็พอ มึงเป็นคนบอกเองนะ ตอนนี้มึงไปโรงพยาบาลกับกูซะ”“ทำไมต้องไปโรงพยาบาล”“ถ้ามึงหนีไปจะทำยังไง?” หนุ่มผมทองพูดอย่างเย็นชา“มือสองข้างของแกเป็นแบบนี้ แล้วจะ…”“เหอะ จะทำเรื่องนั้นไม่ได้ต้องให้ผมใช้มือนี่?” หนุ
เวลาเช้า 08:59 น หลินหว่านหรูจอดรถด้วยความไม่เต็มใจ เรียกได้ว่าเธอพยายามาสายเธอตั้งใจจะมาช้ากว่าเวลานัด เมื่อมองไปที่ประตูก่อนจะลงจากรถ เย่เทียนหยู่ไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอจึงค่อย ๆ เดินลงไปอย่างเปิดเผยหลังจากมาถึงประตูหลินหว่านหรูก็เหลือบมองเวลาเก้าโมงกว่าแล้ว!เย่เทียนหยู่ยังไม่ปรากฏตัว!หึ ตาบ้านั่นปากแข็งชัด ๆ เก้าโมงกว่าแล้วก็ยังไม่เห็นมาเลยดูท่าคงทนหย่ากับเธอไม่ไหวต้องอย่างนี้สิ ก็ฉันสวยมาก สวยอย่างกับนางฟ้าและโดดเด่น ผู้ชายคนไหนมีเธอแล้วจะยอมเสียไปกันล่ะยิ่งหลินหว่านหรูคิดก็ยิ่งมีความสุข ความกังวลใจ ความวิตกกังวลก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้วเธอเตรียมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาเย่เทียนหยู่ถามว่าทำไมไม่มาแต่ทันทีที่เธอโทรออก เธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นข้างหลัง และเธอก็อดตัวสั่นไม่ได้เสียงเรียกเข้านี้เป็นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่อย่างแน่นอนไม่ใช่เขาใช่ไหมเป็นไปไม่ได้“คุณกำลังโทรหาผมเหรอครับ?”ในขณะนี้เอง เสียงอันอ่อนโยนของเย่เทียนหยู่ดังมาจากด้านหลังหลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะค่อย ๆ หันหน้าไป ก่อนจะเห็นเย่เทียนหยู่ที่สวมชุดลำลองดูหล่อ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป