“ไม่ต้องห่วง ฉันมีทรัพย์สินมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังมีบ้านอยู่ในมืออีกสองสามหลัง เงินแค่นี้ฉันมีหรอก”“ไม่ กูไม่เชื่อมึง มึงบอกว่าแค่แสดง แต่แล้วเป็นยังไงล่ะ ดูพวกเพื่อนๆ กูสิวะยังมีใครยืนไหวอีก?”หนุ่มผมทองหัวเราะอย่างเย็นชา“คิดออกหรือยัง กูไม่มีเวลารอมึงหรอกนะ กูจะให้เวลาสิบวินาที ถ้ามึงไม่ตอบกลับ กูรับประกันว่าอนาคตมึงจบเห่แน่” หนุ่มผมทองขู่เพราะเขาได้ยินเสียงรถพยาบาลข้างนอก“ถ้าอย่างนั้น ครั้งเดียวนะ แค่ครั้งเดียว ให้แก่ทำคนเดียวไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอมแน่”“ถ้าแก่ยอมให้ฉันทำแค่ครั้งเดียว เงินค่ารักษาสองล้านห้าฉันจะยังจ่ายให้แก่”ซูถิงยังมีข้อเรียกร้อง เป้าหมายสูงสุดของเธอคือเย่เทียนหยู่ถ้าเอาแต่คลุกตัวอยู่กับผู้ชายแบบนี้ เธอจะแต่งงานกับเย่เทียนหยู่ได้ยังไงหนุ่มผมทองไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ ได้ทั้งคนสวยได้ทั้งเงิน เขาจึงตอบตกลงทันที “ได้ แค่ครั้งเดียวก็พอ มึงเป็นคนบอกเองนะ ตอนนี้มึงไปโรงพยาบาลกับกูซะ”“ทำไมต้องไปโรงพยาบาล”“ถ้ามึงหนีไปจะทำยังไง?” หนุ่มผมทองพูดอย่างเย็นชา“มือสองข้างของแกเป็นแบบนี้ แล้วจะ…”“เหอะ จะทำเรื่องนั้นไม่ได้ต้องให้ผมใช้มือนี่?” หนุ
เวลาเช้า 08:59 น หลินหว่านหรูจอดรถด้วยความไม่เต็มใจ เรียกได้ว่าเธอพยายามาสายเธอตั้งใจจะมาช้ากว่าเวลานัด เมื่อมองไปที่ประตูก่อนจะลงจากรถ เย่เทียนหยู่ไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอจึงค่อย ๆ เดินลงไปอย่างเปิดเผยหลังจากมาถึงประตูหลินหว่านหรูก็เหลือบมองเวลาเก้าโมงกว่าแล้ว!เย่เทียนหยู่ยังไม่ปรากฏตัว!หึ ตาบ้านั่นปากแข็งชัด ๆ เก้าโมงกว่าแล้วก็ยังไม่เห็นมาเลยดูท่าคงทนหย่ากับเธอไม่ไหวต้องอย่างนี้สิ ก็ฉันสวยมาก สวยอย่างกับนางฟ้าและโดดเด่น ผู้ชายคนไหนมีเธอแล้วจะยอมเสียไปกันล่ะยิ่งหลินหว่านหรูคิดก็ยิ่งมีความสุข ความกังวลใจ ความวิตกกังวลก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้วเธอเตรียมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาเย่เทียนหยู่ถามว่าทำไมไม่มาแต่ทันทีที่เธอโทรออก เธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นข้างหลัง และเธอก็อดตัวสั่นไม่ได้เสียงเรียกเข้านี้เป็นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่อย่างแน่นอนไม่ใช่เขาใช่ไหมเป็นไปไม่ได้“คุณกำลังโทรหาผมเหรอครับ?”ในขณะนี้เอง เสียงอันอ่อนโยนของเย่เทียนหยู่ดังมาจากด้านหลังหลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะค่อย ๆ หันหน้าไป ก่อนจะเห็นเย่เทียนหยู่ที่สวมชุดลำลองดูหล่อ
ในขณะนี้ เธอกำลังอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำให้เธอเต็มใจรับฟังได้มากขึ้นทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของหลินหว่านหรูก็ดังขึ้น เมื่อเธอมองดูก็เห็นว่าคนที่โทรมาคือซูถิงส่วนตัวซูถิงเองในเวลานี้กำลังโกรธจัดเมื่อคืน เพราะหวงเหมาได้รับบาดเจ็บ หวงเหมาเลยไม่ได้ขอมีอะไรกับเธอ แต่ก็ยังถูกเขาบังคับให้ใช้ปากครั้งหนึ่งในโรงพยาบาลเรื่องนี้ทำให้ซูถิงรู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก เธอกลับไปบ้วนปากนับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอก็ยังรู้สึกแย่แทบทนไม่ไหวเธอรู้สึกว่าเรื่องในครั้งนี้ต้องโทษเย่เทียนหยู่และหลินหว่านหรูถ้าไม่ใช่เพราะเย่เทียนหยู่เข้ามาขัดจังหวะ หลินหว่านหรูกับกงซุนจื้อก็คงจะได้กันไปแล้ว และเธอก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ถ้าหลินหว่านหรูไม่ทิ้งเธอไว้ตามลำพัง เธอคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น“ถิงถิง เธอโอเคไหม? ยังเจ็บหน้าอยู่หรือเปล่า?” หลินหว่านหรูถามด้วยความห่วงใย ซูถิงพยายามสุดชีวิตเพื่อจะช่วยเธอเมื่อคืนนี้เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของซูถิงแสดงความขุ่นเคือง แต่เธอก็ยังตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านไปแล้ว แล้วเธอล่ะ เมื่อคืนเย่เทียนหยู่ไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม”“ไม่ได้ทำ เขาไม่ใช่คนแบบนั้น” หลิน
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินหว่านหรูแล้ว เย่เทียนหยู่ก็เห็นด้วยในความเป็นจริง เขาเองก็ไม่เต็มใจ แต่หลินหว่านหรูยืนกรานและไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตามคำขอของเธอ นอกจากนี้การเป็นรองประธานยังมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ดีๆ ที่คุณไม่ควรพลาดอีกด้วยหลังจากที่ไม่ได้ไปแสดงตัวอยู่หลายวัน เย่เทียนหยู่ก็ไปปรากฏตัวที่บริษัทอีกครั้ง ซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายเมื่อเร็ว ๆ นี้ หลายคนแพร่ข่าวลือว่า เย่เทียนหยู่หยิ่งขึ้นระยะหลังมานี้ หลังจากประสบความสำเร็จเล็กน้อย จนทำให้ประธานหลินโกรธและอยากไล่เขาออกสิ่งสำคัญคือในขณะนี้ ทุกคนได้รับอีเมลแจ้งว่าเย่เทียนหยู่ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำทีมขาย และหลิว ซือซือเข้ามารับตำแหน่งผู้นำทีมขายแทนวินาทีแรกที่จางเหยียนเห็นอีเมลนี้ เธอก็ตกใจเล็กน้อยแม้ว่าหลิวซือซือจะพูดเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวมาหลายวันแล้ว ยิ่งเป็นเพราะมีข่าวลือไม่พึงประสงค์มากมายเกี่ยวกับเย่เทียนหยู่ เธอก็เลยเริ่มสงสัยว่าหรือแผนกถูกยุบแต่คิดไม่ถึงว่าในที่สุดเขาก็มาที่บริษัท เมื่อมองดูหลิวซือซือที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็พูดว่า “ซือซือยินดีด้วยนะ ต่อจากนี้ไปเธอจะเป็นหัวหน้าของฉันแล้ว”
“หึ ไม่มีใครเกลียดนายหรอก แต่พวกผู้หญิงตาบอดชอบนายกันหมด เราเลยทนดูต่อไปไม่ไหว”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจและพูดอย่างใจเย็น “ผมไม่คิดว่าพวกเธอตาบอด ตรงกันข้าม เหมือนคนตาบอดจะเป็นพวกคุณนะ”“หลิวสุ่ย ไปที่แผนกทรัพยากรบุคคล แล้วไล่พวกเขาออกให้หมด”ทันทีที่สิ้นคำพูด ทุกคนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งหลิวสุ่ยก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งเช่นกันพี่เย่ ตามปกติจะไล่คนออกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งแล้วในตอนแรกคนอื่นๆ ต่างก็ตกใจ จากนั้นจึงเยาะเย้ยทันที “เหอะ อวดดีอะไรอยู่? คิดว่าตัวเองยังเป็นหัวหน้าเย่ผู้เก่งกาจคนนั้นอยู่อีกหรือไง?”“ใช่ ผมไม่ใช่หัวหน้าทีมเย่อีกต่อไปแล้ว”“แต่ผมกำลังจะเป็นผู้อำนวยการเย่ของแผนกขายเร็วๆ นี้”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ“อะไรนะ มันเป็นไปไม่ได้!” หลายคนตกใจกลัวหลิวสุ่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก พี่เย่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการ”ในขณะนี้เอง หลิวซือซือเข้ามาและพูดอย่างเย็นชา “เมื่อไม่กี่วันก่อน พี่เย่ มาหาฉันเองและขอให้ฉันรับตำแหน่งหัวหน้าทีม เพราะเขาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขาย”“เป็นไปไม่ได
เย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าเขาตกเป็นเป้าหมายของกงซุนจื้ออีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของกงซุนจื้อได้ เพียงแต่ว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจติดตามเหมือนกับช้างที่ไม่ต้องกังวลแผนการของคนที่เป็นมดปลวกแบบเขาเมื่อเห็นความสง่างามและทรงอำนาจของเย่เทียนหยู่ หลิวซือซือก็รู้สึกว่าเย่เทียนหยู่หล่อมากโดยเฉพาะ รูปร่างหน้าตาที่ทรงอำนาจของเขาต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ หัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อยและใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อแต่เป็นเพราะเพิ่งถูกจางเหยียนพูดจาล้อเล่น เธอเลยอดเชื่อมตัวเองคู่กับเย่เทียนหยู่ไม่ได้เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว เธอก็พูดอย่างมีความสุขทันที “พี่เย่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว”“อือ หลายวันมานี้ลำบากพวกคุณมากเลยนะ”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของหลิวซือซือ ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ“ไม่ลำบากเลยค่ะ แต่พี่เย่ไม่มาบริษัท ฉันก็เลยกังวลนิดหน่อย” หลิวซือซือพูดพร้อมสายตาที่เผยความพิเศษบางอย่างออกมาใครที่ไม่ได้ปัญญาอ่อนก็คงมองความหมายของเธอออกอย่าว่าแต่เย่เทียนหยู่เลย เพียงแต่เขาไม่อยากมีเรื่องเกี่ยวข้องกับหลิวซือซือ ดังนั้นเขาจึงพูดทันที
“ไม่นะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ!”หลี่ซินเยว่รีบกล่าว“แล้วทำไมเธอถึงต้องทำท่ามีความสุขขนาดนั้นด้วย”“ห้ามพูดคำอ้อมค้อมละ เพราะฉันอยากได้ยินความจริง เธอคงไม่ได้ชอบเย่เทียนหยู่หรอกใช่ไหม?”“ไม่ ไม่ใช่นะคะ” หลี่ซินเยว่ปฏิเสธทันควัน แต่ใบหน้ากลับปรากฏความเขินอายอย่างไม่อาจควบคุม เพราะเธอเคยถามตัวเองแล้ว และแน่นอนว่าเธอรู้สึกกับเย่เทียนหยู่ต่างออกไปถ้าเย่เทียนหยู่จีบเธอ เธอจะตอบตกลงไหมนะ?ทันทีที่คำถามนี้ปรากฏขึ้น คำตอบที่ถือเป็นการยืนยันก็ปรากฏอย่างชัดเจนเมื่อหลิวเหวินเห็นท่าทีของหลี่ซินเยว่ เธอก็เดาว่าอาจเป็นเรื่องจริง เธอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ซินเยว่ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนเลยนะ เย่เทียนหยู่เก่งกาจมากจริง ๆ แต่เธอห้ามคิดเกินเลยกับเขา”“ทำไมคะ คุณหลิวรู้จักเขาเหรอ” หลี่ซินเยว่ถามด้วยความสงสัย จริงๆ แล้วเธออยากรู้ว่าเย่เทียนหยู่คือใครกันแน่“ไม่เข้าใจหรอก แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนที่มีเจ้าของแล้ว”หลิวเหวินอธิบายว่า เย่เทียนหยู่นั้นโดดเด่นมาก ยังหนุ่มยังแน่นแล้วก็หล่อมาก จนแม้แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะถูกดึงดูดถ้าไม่ใช่ว่าเดาความสัมพันธ์ระหว่างประธานหลินกับเย่เทียนหยู่ออก เธอเองคงอยากลองดู
การดำรงตำแหน่งนี้ ยังทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวที่ต้องการคำอธิบายตามมาอีกมากมายแต่ก็ไม่ได้มีการคัดค้านการดำรงตำแหน่งนี้แต่อย่างใดก่อนอื่นเลยไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังในครั้งที่แล้ว แต่เย่เทียนหยู่ก็เป็นที่รู้จักจากการต่อสู้เพียงแค่ครั้งเดียว ทำให้มีส่วนร่วมในการช่วยบริษัทเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษอย่างแท้จริงและที่สำคัญเลยอย่างที่สองคือ บริษัทที่ต่อต้านหลินหว่านหรูเกือบทั้งหมดถูกกำจัดไปหมดแล้วบริษัทหลินซื่อกรุ๊ปในปัจจุบันอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของเย่เทียนหยู่ ซึ่งเป็นเขานั่นเองที่คอยช่วยหลินหว่านหรูมาโดยตลอดหลินหว่านหรูในทุกวันนี้เพราะได้เย่เทียนหยู่คอยหนุนหลัง ทำให้เธอมีอำนาจมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่อำนาจภายในบริษัทก็อาจจะมีมากว่าปู่ของเธอเสียอีกเย่เทียนหยู่ไม่แปลกใจที่หลิวสุ่ยได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง เขาเพียงแค่อธิบายถึงสิ่งที่หลิวสุ่ยต้องคอยให้ความสนใจแม้ว่าเธอจะไม่อยากรับเนื่องจากหลิวสุ่ยยังไม่มีประสบการณ์ แต่ก็ไม่อยากให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทหลังจากที่เย่เทียนหยู่อธิบายทุกอย่างเสร็จเขาก็เลิกงานตั้งแต่เช้าตรู่และจากไปด้วยความสบายใจ โดยลืมคำเตือนของหลินหว่
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป