เย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าเขาตกเป็นเป้าหมายของกงซุนจื้ออีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของกงซุนจื้อได้ เพียงแต่ว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจติดตามเหมือนกับช้างที่ไม่ต้องกังวลแผนการของคนที่เป็นมดปลวกแบบเขาเมื่อเห็นความสง่างามและทรงอำนาจของเย่เทียนหยู่ หลิวซือซือก็รู้สึกว่าเย่เทียนหยู่หล่อมากโดยเฉพาะ รูปร่างหน้าตาที่ทรงอำนาจของเขาต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ หัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อยและใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อแต่เป็นเพราะเพิ่งถูกจางเหยียนพูดจาล้อเล่น เธอเลยอดเชื่อมตัวเองคู่กับเย่เทียนหยู่ไม่ได้เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว เธอก็พูดอย่างมีความสุขทันที “พี่เย่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว”“อือ หลายวันมานี้ลำบากพวกคุณมากเลยนะ”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของหลิวซือซือ ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ“ไม่ลำบากเลยค่ะ แต่พี่เย่ไม่มาบริษัท ฉันก็เลยกังวลนิดหน่อย” หลิวซือซือพูดพร้อมสายตาที่เผยความพิเศษบางอย่างออกมาใครที่ไม่ได้ปัญญาอ่อนก็คงมองความหมายของเธอออกอย่าว่าแต่เย่เทียนหยู่เลย เพียงแต่เขาไม่อยากมีเรื่องเกี่ยวข้องกับหลิวซือซือ ดังนั้นเขาจึงพูดทันที
“ไม่นะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ!”หลี่ซินเยว่รีบกล่าว“แล้วทำไมเธอถึงต้องทำท่ามีความสุขขนาดนั้นด้วย”“ห้ามพูดคำอ้อมค้อมละ เพราะฉันอยากได้ยินความจริง เธอคงไม่ได้ชอบเย่เทียนหยู่หรอกใช่ไหม?”“ไม่ ไม่ใช่นะคะ” หลี่ซินเยว่ปฏิเสธทันควัน แต่ใบหน้ากลับปรากฏความเขินอายอย่างไม่อาจควบคุม เพราะเธอเคยถามตัวเองแล้ว และแน่นอนว่าเธอรู้สึกกับเย่เทียนหยู่ต่างออกไปถ้าเย่เทียนหยู่จีบเธอ เธอจะตอบตกลงไหมนะ?ทันทีที่คำถามนี้ปรากฏขึ้น คำตอบที่ถือเป็นการยืนยันก็ปรากฏอย่างชัดเจนเมื่อหลิวเหวินเห็นท่าทีของหลี่ซินเยว่ เธอก็เดาว่าอาจเป็นเรื่องจริง เธอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ซินเยว่ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนเลยนะ เย่เทียนหยู่เก่งกาจมากจริง ๆ แต่เธอห้ามคิดเกินเลยกับเขา”“ทำไมคะ คุณหลิวรู้จักเขาเหรอ” หลี่ซินเยว่ถามด้วยความสงสัย จริงๆ แล้วเธออยากรู้ว่าเย่เทียนหยู่คือใครกันแน่“ไม่เข้าใจหรอก แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนที่มีเจ้าของแล้ว”หลิวเหวินอธิบายว่า เย่เทียนหยู่นั้นโดดเด่นมาก ยังหนุ่มยังแน่นแล้วก็หล่อมาก จนแม้แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะถูกดึงดูดถ้าไม่ใช่ว่าเดาความสัมพันธ์ระหว่างประธานหลินกับเย่เทียนหยู่ออก เธอเองคงอยากลองดู
การดำรงตำแหน่งนี้ ยังทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวที่ต้องการคำอธิบายตามมาอีกมากมายแต่ก็ไม่ได้มีการคัดค้านการดำรงตำแหน่งนี้แต่อย่างใดก่อนอื่นเลยไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังในครั้งที่แล้ว แต่เย่เทียนหยู่ก็เป็นที่รู้จักจากการต่อสู้เพียงแค่ครั้งเดียว ทำให้มีส่วนร่วมในการช่วยบริษัทเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษอย่างแท้จริงและที่สำคัญเลยอย่างที่สองคือ บริษัทที่ต่อต้านหลินหว่านหรูเกือบทั้งหมดถูกกำจัดไปหมดแล้วบริษัทหลินซื่อกรุ๊ปในปัจจุบันอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของเย่เทียนหยู่ ซึ่งเป็นเขานั่นเองที่คอยช่วยหลินหว่านหรูมาโดยตลอดหลินหว่านหรูในทุกวันนี้เพราะได้เย่เทียนหยู่คอยหนุนหลัง ทำให้เธอมีอำนาจมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่อำนาจภายในบริษัทก็อาจจะมีมากว่าปู่ของเธอเสียอีกเย่เทียนหยู่ไม่แปลกใจที่หลิวสุ่ยได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง เขาเพียงแค่อธิบายถึงสิ่งที่หลิวสุ่ยต้องคอยให้ความสนใจแม้ว่าเธอจะไม่อยากรับเนื่องจากหลิวสุ่ยยังไม่มีประสบการณ์ แต่ก็ไม่อยากให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทหลังจากที่เย่เทียนหยู่อธิบายทุกอย่างเสร็จเขาก็เลิกงานตั้งแต่เช้าตรู่และจากไปด้วยความสบายใจ โดยลืมคำเตือนของหลินหว่
ต่อให้เป็นฉันก็คงยากที่จะเอาชนะได้นักฆ่าหมายเลขเจ็ดพยักหน้า โดยปกติแล้วเขาคงจะไม่ยอมแพ้แต่เมื่อรู้ว่าเย่เทียนหยู่แข็งแกร่งเพียงใด เขาก็หายไปจากตรงนั้นในทันทีทันใดนั้นก็มีแสงวาบปรากฏขึ้นหลายครั้งต่อหน้าเย่เทียนหยู่ กริชสีดำสนิทก็พุ่งออกมาจากอากาศแววตาของเย่เทียนหยู่แสดงถึงความชื่นชม แน่นอนว่านี่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามสำหรับเขาแต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ คงได้ตายแน่นอนเพียงเขาโบกมือเล็กน้อยก็ทำให้นักฆ่าหมายเลขต้องเจ็ดถอยกลับไปได้ แม้จะเป็นเพียงแค่กระบวนท่าเดียว แต่ทั้งการใช้ฝีเท้าของนักฆ่าหรือศิลปะแห่งการฆ่าทั้งหมดนี้ล้วนไม่เลวเลยนักฆ่าหมายเลขเจ็ดถอนหายใจเบาๆ ตามที่คาดไว้เลย การเคลื่อนไหวเหล่านั้นไม่ได้แสดงการคุกคามต่อนายน้อยแต่อย่างใด มันเหมือนกับเด็กที่เล่นไปรอบๆ เสียมากกว่าแต่ยิ่งทำแบบนี้เขาก็ยิ่งต้องพยายามเย่เทียนหยู่พอใจพยักหน้าในความสามารถของเขา “เยี่ยมมาก จงฝึกฝนต่อไป รอให้นายสามารถบรรลุเข้าสู่เขตแดนของระดับปรมาจารย์ได้เมื่อไหร่ก็จะมีแค่ไม่กี่คนบนโลกนี้ที่จะสามารถรอดพ้นจากการลอบสังหารของนายได้”“รวมถึงนายน้อยด้วยหรือ?” นักฆ่าหมายเลขเจ็ดถาม“นายต้องการฆ่าฉันหรือ?”
ได้ยินเช่นนั้นหยางผั่วจวินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เคยเห็นคนที่รนหาที่ตายก็จริงแต่ก็ไม่เคยเห็นใครรนหาที่ตายแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่นักฆ่าหมายเลขเจ็ดที่ปกติเป็นคนจริงจังไม่ยิ้มและเยือกเย็น ก็ยังอดไม่ได้จนมุมปากจะกระตุกเล็กน้อยขั้นกลางระดับพลังผลัดเปลี่ยนคนหนึ่งไม่นึกว่าจะแสดงความเกรี้ยวกราดต่อหน้าพวกเขา โดยเฉพาะต่อหน้านายน้อยผู้เฒ่าหวังมองดูคนเหล่านี้รู้สึกแปลกประหลาดนิดหน่อย แต่เพราะเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง ที่สำคัญเลยคือเขายังอ่อนแอกว่าขั้นกลางระยะพลังผลัดเปลี่ยน จึงทำให้มองไม่เห็นถึงความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่และคนอื่นๆเขาแสดงสีหน้าโกรธและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “แกยังยิ้มได้อีกหรือ เดิมทีฉันว่าจะเตรียมฝังศพให้แกแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่จำเป็นเสียแล้ว”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น “เห็นแก่ความอาวุโสของแก ฉันจะให้โอกาสแกได้มีชีวิต”“รีบไสหัวไปตอนนี้เสีย บอกกงซุนจื้อด้วยว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก ไม่อย่างนั้นมันจะต้องเสียใจ”“จองหองนัก!”“ดูเหมือนพวกแกคงไม่อยากตายสบายๆ กันสินะ คงอยากทุกข์ทรมานมากใช่ไหม”คำพูดของเย่เทียนหยู่ทำให้ผู้เฒ่าหวังโกรธมาก ตระกูลกงซุนของพวกเขาค
แย่แล้ว!เขายังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรกลับไป คลื่นพลังที่รุนแรงก็วนกลับมาอีกครั้งอ๊าก!แม้เขาจะมีพละกำลังอันน่าสะพรึง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะคลื่นพลังที่รุนแรงนั้น มือข้างหนึ่งของเขากระตูกแตกและไหล่หัก ทำให้เขาไม่สามารถกลั้นเสียงแห่งความเจ็บปวดได้อีกต่อไปเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ผั่วจวินก็ไม่ทันสนใจ เพราะที่นี่คือบ้านของตน หากรอเก็บกวาดภายหลังจะยุ่งยากเสียเปล่าเพียงแค่สะบัดมือขวาเบาๆ ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนัก เลือดที่กระจายไปทั่วก็ถูกเก็บกวาดเข้าด้วยกันแล้วก็ถูกโยนทิ้งถังขยะทันทีนักฆ่าหมายเลขเจ็ดตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของคุณชายได้เป็นอย่างดี“แก แกทำได้ยังไงกัน!”ผู้เฒ่าหวังพยายามห้ามเลือดอยู่หลายครั้ง พร้อมกับมองไปที่หยางผั่วจวินอย่างไม่เชื่อสายตาเขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ชายหนุ่มคนนี้ดูไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเพียงแค่ยกมือขึ้น ก็มีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน!หยางผั่วจวินส่ายหัวและพูดด้วยความรังเกียจ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายสั่งไว้ ไม่มีทางที่ฉันจะใช้พลังแค่สามส่วนหรอก ถ้าไม่อย่างนั้น
“แก ตกลงพวกแกเป็นใครกันแน่?”ผู้เฒ่าหวังเอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนกและความกลัว“มาถามเอาตอนนี้จะมีประโยชน์หรือไง?”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น “ในเมื่อฉันให้โอกาสแกได้มีชีวิต แต่แกกลับปฏิเสธมันด้วยตัวเอง ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”เมื่อได้ยิน ผู้เฒ่าหวังก็ถึงกับหน้าถอดสีเขารู้ตัวว่าอีกฝ่ายต้องฆ่าเขาจริงๆ แน่ ทันใดนั้นก็มีปืนปรากฏอยู่ในมือของเขา แล้วเล็งไปที่เย่เทียนหยู่พร้อมตะโกนเสียงดัง “ทั้งหมดอย่าขยับ”“ปืนพกของฉันกระบอกนี้ได้รับการดัดแปลงมาเป็นพิเศษ ทั้งความแรงและความเร็วดีกว่าปืนพกธรรมดาหลายเท่า ในระยะใกล้แค่นี้ ต่อให้เป็นระดับปรมาจารย์ก็คงไม่รอดเหมือนกัน”ที่ทำให้เขาถึงกับหวั่นใจเลยคือ แม้ต้องเผชิญกับปืนพกที่อยู่เบื้องหน้า แต่เย่เทียนหยู่ที่อยู่ตรงข้ามกันกลับไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังดูสงบนิ่งและเยือกเย็นเหมือนเดิมในอีกด้าน หยางผั่วจวินแสดงสีหน้าไม่พอใจและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าแกกล้าแตะต้องคุณชาย รับรองเลยว่าฉันจะหั่นแกให้เป็นชิ้นๆ แน่นอน”นักฆ่าหมายเลขเจ็ดมีท่าทีจริงจังและจ้องไปที่ผู้เฒ่าหวังอย่างไม่ลดละ อยากจะใช้ความเร็วขอ
เสียเวลามามากพอแล้ว เขาขี้เกียจต่อปากต่อคำแล้วช่วงนี้กงซุนจื้อสร้างเรื่องมากมายขนาดนี้ ผู้เฒ่าหวังคงเป็นคนคอยเก็บกวาดให้เขาสินะอย่างไรเสีย ตระกูลกงซุน เกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าหวังก็โกรธขึ้นมาทันที ก็ดี ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อในพลังปืนของตนเท่าไหร่นัก ถ้าเช่นนั้นก็จะให้พวกเขาได้เห็นอานุภาพของมันเสียเลยเขารีบเหนี่ยวไกปืนในทันทีเมื่อเหนี่ยวไกปืน ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา กระสุนพุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่าเร็ว เร็วมากจริงๆ!แต่เย่เทียนหยู่สงบนิ่ง ยกมือขวาขึ้น ยื่นออกไปสบายๆ ผู้เฒ่าหวังตกใจเล็กน้อย เจ้าหนุ่มนี่ ปัญญาอ่อนหรือไง นี่มันรนหาที่ตายชัดๆแต่เพียงชั่วขณะ เขาไม่อยากจะเชื่อกับสายตาตัวเอง ดวงตาเขาเบิกกว้างขึ้นเพราะว่าเขาเห็นเย่เทียนหยู่ใช้มือเปล่าจับกระสุนที่มีทั้งความเร็วและพลังเหนือกว่าทั่วกระสุนไปมากเอาไว้ได้นี่มันเกินกว่าสิ่งที่เขาคิดไว้เสียอีกได้ยินมาว่าปรมาจารย์สามารถจับกระสุนได้ด้วยมือปล่า แต่นั่นเป็นเพียงแค่กระสุนธรรมดา ไม่ใช่กระสุนพิเศษที่ทั้งรวดเร็วและทรงพลังกว่าหลายเท่าแบบของตนเมื่