“แก ตกลงพวกแกเป็นใครกันแน่?”ผู้เฒ่าหวังเอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนกและความกลัว“มาถามเอาตอนนี้จะมีประโยชน์หรือไง?”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น “ในเมื่อฉันให้โอกาสแกได้มีชีวิต แต่แกกลับปฏิเสธมันด้วยตัวเอง ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”เมื่อได้ยิน ผู้เฒ่าหวังก็ถึงกับหน้าถอดสีเขารู้ตัวว่าอีกฝ่ายต้องฆ่าเขาจริงๆ แน่ ทันใดนั้นก็มีปืนปรากฏอยู่ในมือของเขา แล้วเล็งไปที่เย่เทียนหยู่พร้อมตะโกนเสียงดัง “ทั้งหมดอย่าขยับ”“ปืนพกของฉันกระบอกนี้ได้รับการดัดแปลงมาเป็นพิเศษ ทั้งความแรงและความเร็วดีกว่าปืนพกธรรมดาหลายเท่า ในระยะใกล้แค่นี้ ต่อให้เป็นระดับปรมาจารย์ก็คงไม่รอดเหมือนกัน”ที่ทำให้เขาถึงกับหวั่นใจเลยคือ แม้ต้องเผชิญกับปืนพกที่อยู่เบื้องหน้า แต่เย่เทียนหยู่ที่อยู่ตรงข้ามกันกลับไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังดูสงบนิ่งและเยือกเย็นเหมือนเดิมในอีกด้าน หยางผั่วจวินแสดงสีหน้าไม่พอใจและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าแกกล้าแตะต้องคุณชาย รับรองเลยว่าฉันจะหั่นแกให้เป็นชิ้นๆ แน่นอน”นักฆ่าหมายเลขเจ็ดมีท่าทีจริงจังและจ้องไปที่ผู้เฒ่าหวังอย่างไม่ลดละ อยากจะใช้ความเร็วขอ
เสียเวลามามากพอแล้ว เขาขี้เกียจต่อปากต่อคำแล้วช่วงนี้กงซุนจื้อสร้างเรื่องมากมายขนาดนี้ ผู้เฒ่าหวังคงเป็นคนคอยเก็บกวาดให้เขาสินะอย่างไรเสีย ตระกูลกงซุน เกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าหวังก็โกรธขึ้นมาทันที ก็ดี ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อในพลังปืนของตนเท่าไหร่นัก ถ้าเช่นนั้นก็จะให้พวกเขาได้เห็นอานุภาพของมันเสียเลยเขารีบเหนี่ยวไกปืนในทันทีเมื่อเหนี่ยวไกปืน ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา กระสุนพุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่าเร็ว เร็วมากจริงๆ!แต่เย่เทียนหยู่สงบนิ่ง ยกมือขวาขึ้น ยื่นออกไปสบายๆ ผู้เฒ่าหวังตกใจเล็กน้อย เจ้าหนุ่มนี่ ปัญญาอ่อนหรือไง นี่มันรนหาที่ตายชัดๆแต่เพียงชั่วขณะ เขาไม่อยากจะเชื่อกับสายตาตัวเอง ดวงตาเขาเบิกกว้างขึ้นเพราะว่าเขาเห็นเย่เทียนหยู่ใช้มือเปล่าจับกระสุนที่มีทั้งความเร็วและพลังเหนือกว่าทั่วกระสุนไปมากเอาไว้ได้นี่มันเกินกว่าสิ่งที่เขาคิดไว้เสียอีกได้ยินมาว่าปรมาจารย์สามารถจับกระสุนได้ด้วยมือปล่า แต่นั่นเป็นเพียงแค่กระสุนธรรมดา ไม่ใช่กระสุนพิเศษที่ทั้งรวดเร็วและทรงพลังกว่าหลายเท่าแบบของตนเมื่
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่จะเตือนแกไว้ก่อน”“ครั้งหน้าถ้าคิดจะฆ่าฉัน ไม่ต้องหาคนกระจอกงอกง่อยแบบนี้มาหรอก หาคนที่เก่งกว่านี้หน่อยสิ”“ไม่อย่างนั้น มันก็น่าเบื่อแย่เลยสิ”เย่เทียนหยู่เปิดปากพูดเบาๆ“แก แกหมายความว่ายังไง?”กงซุนจื้อถึงกับสีหน้าเปลี่ยน ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่น่าเชื่อ เป็นไปได้ไหมว่าแม้แต่ผู้เฒ่าหวังก็ยังทำไม่สำเร็จแต่ว่า มันจะเป็นไปได้ยังไงนั่นคือยอดฝีมือผู้ที่มีระดับพลังผลัดเปลี่ยนขั้นกลางเลยนะ เจ้าเย่เทียนหยู่ ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้กันจากข้อมูลที่ตนได้สืบค้นมาก่อนหน้านี้ เย่เทียนหยู่เพิ่งจะลงจากเขามา เดิมทีเขาไม่มีภูมิหลังอะไรเลยด้วยซ้ำ จะมีก็แต่ทักษะกังฟูที่พอจะเป็นการเป็นงานหน่อย แต่นับประสาอะไรกับกังฟูลูกแมวพวกนั้น ที่แทบจะไม่มีประโยชน์เลย“ไม่มีอะไร ดูแลตัวเองด้วยล่ะ!”เย่เทียนหยู่พูดจบ ก็วางสายโทรศัพท์กงซุนจื้อโทรไปที่มือถือของผู้เฒ่าหวังในทันที แต่ไม่ว่าจะโทรสักกี่รอบ ก็ไม่มีการตอบรับกลับมาจากอีกฝ่าย ณ เวลานี้ ใบหน้าของเขาดูไม่ได้เลยในตอนนี้ เขาก็คิดได้ ว่าตนดูถูกฝีมือของเขาจนเกินไป เพราะคิดว่าสามารถบดขยี้เย่เทียนหยู่ให้ตายได้ แต่กลับไม่ง่ายอย่าง
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นคำสั่งของคุณชาย ทั้งสองคนพาผู้เฒ่าหวังไปที่ห้องน้ำ โปรยผงเล็กน้อยตามที่เย่เทียนหยู่สั่งไว้ไม่นานก็เกิดสิ่งที่น่าหน้าอัศจรรย์ขึ้นไม่นานนัก ทั้งสองคนก็เดินออกมา แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ ของนี่มาจากไหน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำขึ้นมามันมีประโยชน์กับนักฆ่าอย่างพวกเขาจริงๆ“จัดการเสร็จแล้วเหรอ?”“อืม!”นักฆ่าหมายเลขเจ็ดพยักหน้า แต่ก็ทนไม่ไหวที่จะถาม “คุณชาย นี่คือ?”“ฉันยังพอมีอยู่ อันนั้นนายเก็บไว้เถอะ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ ดังนั้นจึงขี้เกียจปลุงมัน คราวหลัง ฉันจะปรุงมันเพิ่มอีกเสียหน่อยก็แล้วกัน”เย่เทียนหยู่พูดเบาๆ“หืม คุณชาย อันนี้คุณทำขึ้นมาเองหรือ”“อืม มีแค่ชิ้นเดียว”นักฆ่าหมายเลขเจ็ดยิ้มเจื่อน ความสามารถของคุณชายนี่เกินกว่าที่ตนเองจินตนาการไปมากจริงๆหลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้น เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย“ว่าไง!”“แกคือเย่เทียนหยู่ใช่ไหม?” อีกฝ่ายจะใช้น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป จนฟังสำเนียงเดิมแทบไม่ออก“ฉันเอง”“’งั้นก็ถูกคนแล้ว เฉินเข่อซินอยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว”“แกหมายความว่ายังไง?”เย่เทียนหยู่สีหน้
ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว เพราะอีกฝ่ายย้ายตำแหน่งอยู่เรื่อย ๆ เย่เทียนหยู่จึงใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง สุดท้ายก็มาถึงที่หมายในที่สุดนี่คืออาคารร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรที่สำคัญเลยคือวิศัยทัศน์รอบด้านโล่งแจ้ง ไม่มีแม้แต่ที่จะให้หลบซ่อน และยังทำให้ไม่สามารถเตรียมอะไรพื้นฐานได้มากนักเมื่อรถมาถึงยังหน้าประตู ยามที่อยู่หน้าประตูก็รีบให้เขาลงจากรถทันทีจากนั้นยามคนหนึ่งก็ตรวจร่างกายดูว่าเขาถือของอะไรมาด้วยไหม ส่วนอีกคนพลิกตรวจดูรอบๆ รถ ไม่พบปัญหาอะไร และไม่มีใครตามมาด้วยหลังจากทุกอย่างเรียบร้อย ยามคนหนึ่งพาเขาเข้าไปข้างใน มีแค่คนเดียวที่ดูประตูอยู่จากนั้นไม่นานนัก เย่เทียนหยู่ก็ได้เจอกับชายคนหนึ่งที่สวมหน้ากากอยู่ ข้าง ๆ เขาเอง ก็ยังมีชายอีกหลายคน ทั้งหมดล้วนแต่สวมหน้ากาก ไม่เห็นหน้าเย่เทียนหยู่มองไปรอบๆ มองไม่เห็นแม้แต่เงาของเฉินเข่อซินด้วยซ้ำ“ไม่ต้องหาหรอก เฉินเข่อซินไม่ได้อยู่ที่นี่” หัวหน้าของอีกฝ่ายพูด น้ำเสียงเย็นชาไม่แยแส“แกเป็นใครกัน เพราะอะไรถึงต้องจับตัวเธอ?”เย่เทียนหยู่พยายามให้ตัวเองสงบสติลง ไม่ถามว่าเฉินเข่อซินเป็นยังไง ยิ่งเขาให้ความสนใจมากเท่าไ
ความเจ็บปวดของเขาในปีนั้น จะไม่ให้โกรธแค้นได้ยังไง“ดูเหมือน แกจะแค้นมากสินะ” ชายนิรนามช่างสังเกตมาก “ถ้าฉันพูดไม่ผิด แกน่าจะมีชื่ออื่นอีก เย่เสี่ยวเทียน แกว่าฉันพูดถูกไหม?”เมื่อคำพูดนี้ออกมา เฉินเข่อซินคือคนที่ตกใจที่สุดเธอตะลึงอยู่ครู่หนึ่งพี่เย่ จะใช่คนเดียวกันกับเสี่ยวเทียนที่ตนตามหาจริงๆ เหรอ?ไม่ อาจจะไม่ใช่พี่เย่อาจจะไม่รู้ว่าตนตามหาพี่เสี่ยวเทียนอยู่ งั้นถ้าเขาคือพี่เสี่ยวเทียนจริง เขาน่าจะยอมรับไปนานแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปกปิดเลยสักนิดในครั้งนี้ เย่เทียนหยู่ไม่คิดที่จะปิดบัง เพราะเขาเองก็อยากรู้ความจริงเมื่อปีนั้น เขาพูดช้าๆ “ไม่ผิด ฉันคือเย่เสี่ยวเทียน เมื่อปีนั้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ฉันโชคดีที่ยังชีวิต และรอดออกมาได้”ทันทีที่พูดออกไป เฉินเข่อซินก็ตกใจสุดขีด ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองพี่เย่ คือคนเดียวกันกับพี่เสี่ยวเทียนจริงๆเขาคือพี่เสี่ยวเทียนจริงๆ!ในขณะเดียวกัน แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตัน แม้ว่าจะไม่รู้จักพี่เย่มาก่อน แต่เธอก็ไม่ได้โทษใคร แค่หาพี่เสี่ยวเทียนเจอจริงๆ จะทำอย่างไรก็ยอมหมดแต่ว่า นี่คือเรื่องจริงเหรอ“เป็นแกจริงๆ ด้วย!
เฉินเข่อซินตะลึงไปหมด แต่ในเมื่อเย่เทียนหยู่เปลี่ยนไปแบบนี้ เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นกว่าเดิม และทำตามสิ่งที่เขาพูดโดยไม่ตั้งใจ“ฮ่าฮ่า......”“เคยเห็นคนปัญญาอ่อนมาเยอะ แต่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”“อืม เกรงว่าเขาจะยังไม่รู้ ว่าพวกเราเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มา แม้จะเป็นยอดฝีมือระดับพลังผลัดเปลี่ยนก็ตามที เมื่อพวกเราร่วมมือกัน ยังไงก็ตายอย่างแน่นอน”“ในเมื่อเขารนหาที่ตายขนาดนี้ พวกเราก็จะสงเคราะห์ให้เขาเอง”ขณะที่พูด หนึ่งในนั้นก็พุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ ใช้กริชที่อยู่ในมือฟาดฟันไปยังที่คอของเย่เทียนหยู่ แต่วินาทีต่อมา เขาแค่รู้สึกเจ็บลำคอนิดหน่อย ความหวาดกลัวเกิดขึ้นบนใบหน้าเมื่อมองไปที่เย่เทียนหยู่ พูดอะไรไม่ออกแล้วทรุดตัวลงไปกองอยู่กับพื้นจนเสียชีวิตเขาไม่เห็นเย่เทียนหยู่ลงมือเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมกริชของตัวเองถึงไปอยู่ที่มือของอีกฝ่ายได้อย่างไรชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าถึงกับหน้าถอดสี ไม่น่าเชื่อ นี่คือนักสู้ยอดฝีมือ แล้วจึงพูดด้วยความโกรธ “ทุกคนระวังให้ดี!”แต่ก็สายเกินไปแล้ว เย่เทียนหยู่ปลดปล่อยพลังในร่าง คนทั้งคนเปรียบเหมือนเงาลวงตา พุ่งผ่านทุกคน และเชือดคอทุกคน
เมื่อรถมาถึงเมืองแล้ว ทั้งสองต่างได้พากันเดินลงมา เฉินเข่อซินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป กล่าวถาม “พี่เย่ เมื่อกี้ พี่พูดจริงหรือเปล่า?”เรื่องวันนี้ โดยปกติเย่เทียนหยู่ไม่มีเจตนาที่จะปกปิดอะไร “อืม เข่อซิน ขอโทษนะ ที่ก่อนหน้านี้เก็บไว้เป็นความลับกับเธอ”“จริงเหรอ พี่คือพี่เสี่ยวเทียนจริงๆ เหรอ พี่ไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม?”“เด็กโง่ ฉันจะหลอกเธอทำไมกัน ฉันยังจำได้ ฉันติดหนี้ตุ๊กตาบาร์บี้เธอตัวหนึ่งนี่”“มาสิ ฉันให้!”เย่เทียนหยู่เหมือนกับนักมายากล อยู่ๆ ตุ๊กตาบาร์บี้ตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาบนมือของเขาจริงๆได้ยินเรื่องตุ๊กตาบาร์บี้ เฉินเข่อซินก็หายสงสัย มือหนึ่งรับบาร์บี้ไว้ ชักจะตื่นเต้นซะแล้วสิ “ใช่ พี่คือพี่เสี่ยวเทียน ใช่จริงๆ ด้วย”“ดีจังเลย ดีจริงๆ!”ตอนนี้ เธอตื่นเต้นมากจนเกินไป จนทนไม่ไหวที่จะกอดเย่เทียนหยู่ให้แน่นๆกอดแน่นยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในอาคารร้างเสียอีก ราวกับกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะหายไปอย่างนั้นเลยเย่เทียนหยู่ก็ทุกข์ใจเล็กน้อย มือกอดไปที่เฉินเข่อซินโดยไม่ได้ตั้งใจ ตลอดหลายปี เฉินเข่อซินเพื่อที่จะตามหาพี่เสี่ยวเทียนของเธอ ต้องทุ่มเทความคิดอย่างมากบางที เขาควรบอกเธอเกี่ยวกับตัวเ