ความเจ็บปวดของเขาในปีนั้น จะไม่ให้โกรธแค้นได้ยังไง“ดูเหมือน แกจะแค้นมากสินะ” ชายนิรนามช่างสังเกตมาก “ถ้าฉันพูดไม่ผิด แกน่าจะมีชื่ออื่นอีก เย่เสี่ยวเทียน แกว่าฉันพูดถูกไหม?”เมื่อคำพูดนี้ออกมา เฉินเข่อซินคือคนที่ตกใจที่สุดเธอตะลึงอยู่ครู่หนึ่งพี่เย่ จะใช่คนเดียวกันกับเสี่ยวเทียนที่ตนตามหาจริงๆ เหรอ?ไม่ อาจจะไม่ใช่พี่เย่อาจจะไม่รู้ว่าตนตามหาพี่เสี่ยวเทียนอยู่ งั้นถ้าเขาคือพี่เสี่ยวเทียนจริง เขาน่าจะยอมรับไปนานแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปกปิดเลยสักนิดในครั้งนี้ เย่เทียนหยู่ไม่คิดที่จะปิดบัง เพราะเขาเองก็อยากรู้ความจริงเมื่อปีนั้น เขาพูดช้าๆ “ไม่ผิด ฉันคือเย่เสี่ยวเทียน เมื่อปีนั้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ฉันโชคดีที่ยังชีวิต และรอดออกมาได้”ทันทีที่พูดออกไป เฉินเข่อซินก็ตกใจสุดขีด ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองพี่เย่ คือคนเดียวกันกับพี่เสี่ยวเทียนจริงๆเขาคือพี่เสี่ยวเทียนจริงๆ!ในขณะเดียวกัน แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตัน แม้ว่าจะไม่รู้จักพี่เย่มาก่อน แต่เธอก็ไม่ได้โทษใคร แค่หาพี่เสี่ยวเทียนเจอจริงๆ จะทำอย่างไรก็ยอมหมดแต่ว่า นี่คือเรื่องจริงเหรอ“เป็นแกจริงๆ ด้วย!
เฉินเข่อซินตะลึงไปหมด แต่ในเมื่อเย่เทียนหยู่เปลี่ยนไปแบบนี้ เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นกว่าเดิม และทำตามสิ่งที่เขาพูดโดยไม่ตั้งใจ“ฮ่าฮ่า......”“เคยเห็นคนปัญญาอ่อนมาเยอะ แต่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”“อืม เกรงว่าเขาจะยังไม่รู้ ว่าพวกเราเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มา แม้จะเป็นยอดฝีมือระดับพลังผลัดเปลี่ยนก็ตามที เมื่อพวกเราร่วมมือกัน ยังไงก็ตายอย่างแน่นอน”“ในเมื่อเขารนหาที่ตายขนาดนี้ พวกเราก็จะสงเคราะห์ให้เขาเอง”ขณะที่พูด หนึ่งในนั้นก็พุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ ใช้กริชที่อยู่ในมือฟาดฟันไปยังที่คอของเย่เทียนหยู่ แต่วินาทีต่อมา เขาแค่รู้สึกเจ็บลำคอนิดหน่อย ความหวาดกลัวเกิดขึ้นบนใบหน้าเมื่อมองไปที่เย่เทียนหยู่ พูดอะไรไม่ออกแล้วทรุดตัวลงไปกองอยู่กับพื้นจนเสียชีวิตเขาไม่เห็นเย่เทียนหยู่ลงมือเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมกริชของตัวเองถึงไปอยู่ที่มือของอีกฝ่ายได้อย่างไรชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าถึงกับหน้าถอดสี ไม่น่าเชื่อ นี่คือนักสู้ยอดฝีมือ แล้วจึงพูดด้วยความโกรธ “ทุกคนระวังให้ดี!”แต่ก็สายเกินไปแล้ว เย่เทียนหยู่ปลดปล่อยพลังในร่าง คนทั้งคนเปรียบเหมือนเงาลวงตา พุ่งผ่านทุกคน และเชือดคอทุกคน
เมื่อรถมาถึงเมืองแล้ว ทั้งสองต่างได้พากันเดินลงมา เฉินเข่อซินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป กล่าวถาม “พี่เย่ เมื่อกี้ พี่พูดจริงหรือเปล่า?”เรื่องวันนี้ โดยปกติเย่เทียนหยู่ไม่มีเจตนาที่จะปกปิดอะไร “อืม เข่อซิน ขอโทษนะ ที่ก่อนหน้านี้เก็บไว้เป็นความลับกับเธอ”“จริงเหรอ พี่คือพี่เสี่ยวเทียนจริงๆ เหรอ พี่ไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม?”“เด็กโง่ ฉันจะหลอกเธอทำไมกัน ฉันยังจำได้ ฉันติดหนี้ตุ๊กตาบาร์บี้เธอตัวหนึ่งนี่”“มาสิ ฉันให้!”เย่เทียนหยู่เหมือนกับนักมายากล อยู่ๆ ตุ๊กตาบาร์บี้ตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาบนมือของเขาจริงๆได้ยินเรื่องตุ๊กตาบาร์บี้ เฉินเข่อซินก็หายสงสัย มือหนึ่งรับบาร์บี้ไว้ ชักจะตื่นเต้นซะแล้วสิ “ใช่ พี่คือพี่เสี่ยวเทียน ใช่จริงๆ ด้วย”“ดีจังเลย ดีจริงๆ!”ตอนนี้ เธอตื่นเต้นมากจนเกินไป จนทนไม่ไหวที่จะกอดเย่เทียนหยู่ให้แน่นๆกอดแน่นยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในอาคารร้างเสียอีก ราวกับกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะหายไปอย่างนั้นเลยเย่เทียนหยู่ก็ทุกข์ใจเล็กน้อย มือกอดไปที่เฉินเข่อซินโดยไม่ได้ตั้งใจ ตลอดหลายปี เฉินเข่อซินเพื่อที่จะตามหาพี่เสี่ยวเทียนของเธอ ต้องทุ่มเทความคิดอย่างมากบางที เขาควรบอกเธอเกี่ยวกับตัวเ
“ถอดเสื้อออกก่อนสิ” เฉินหมิ่นกล่าวเย่เทียนหยู่ประมาทนิดหน่อย แต่เขาก็ยังถอดเสื้อออกอย่างช้าๆ ตามที่บอกเฉินหมิ่นก้าว ไปที่ด้านหลังของเขา สังเกตเห็นปานแดงเล็กๆ ที่กลางหลังอย่างรวดเร็ว มันไม่ได้ชัดเป็นพิเศษ ถ้ามองให้ดีถึงจะเห็นชัดขึ้นไม่ผิดแน่ คือไอ้เจ้านี่แหละรอยแผลอื่นสามารถปลอมขึ้นมาได้ แต่อันนี้ปลอมขึ้นมาไม่ได้ต่อมา เขาก็ยังคงถามคำถามต่อไปอีกหลายชั่วโมง เย่เทียนหยู่ตอบกลับได้ทั้งหมดณ เวลานี้ เฉินหมิ่นก็ยืนยันตัวตนของเย่เทียนหยู่แล้ว กล่าว“เสี่ยวเทียน ในตอนนั้นแม่พาคุณมาที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และยังได้ทิ้งจี้หยกเอาไว้ให้”“แม่ของเธอบอกว่ามันสูงส่งมาก อย่าทำหายง่ายๆ ให้ฉันห้อยเก็บไว้ที่คอ”“เดิมทีอยากรอให้คุณโตกว่านี้อีกหน่อยถึงจะมอบให้คุณ ใครจะรู้ได้ว่าเหตุเพลิงไหม้ในปีนั้น พวกเราก็แยกกระจายกันหมด ตอนนี้ ถึงเวลาที่ต้องคืนให้กับเจ้าของเดิมแล้ว”ขณะที่พูด เฉินหมิ่นก็ถอดจี้หยกที่คอออก จากนั้นก็มอบให้เย่เทียนอยู่ช้าๆ อย่างระมัดระวังเย่เทียนหยู่รับจี้หยกไว้ กำไว้ในมือรู้สึกว่าวัสดุธรรมดามาก สีเองก็ไม่ได้สะดุดตาเป็นพิเศษ แม้กระทั่งจี้หยกธรรมดาก็ยังดีกว่านิดหน่อยด้วย“เส
“เธอนี่ตั้งแต่เช้าตรู่เลยนะ บังคับฉันมาที่บริษัท หรือว่านี่มีมารยาทแล้ว?”“เข้าตรู่อะไร คุณทำอะไรทุกคืนล่ะ เก้าโมงฉันโทรหาแต่คุณก็ยังหลับอยู่ คงไม่ใช่ว่าออกไปเที่ยวเสเพลทุกคืนหรอกเหรอ?”หลินหว่านหรูกำลังสงสัยว่าเจ้าคนกะล่อนนี่ซี้ซั้วออกไปเที่ยวในตอนกลางคืน เธออยากจะพาเย่เทียนหยู่กลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลหลินจริงๆ แต่ว่า คนในบ้านต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน “ไม่ได้ทำจริงๆ นะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันพูดก่อนหน้านี้แล้ว ฉันไม่สนใจธุรกิจของบริษัทจริงๆ ยังไงเสีย ฉันหาคนมาจัดการเรื่องต่างๆ แทนก็ได้แล้ว”“ได้อะไรล่ะ คุณไม่เข้าใจหรือไงว่าทำไมฉันถึงเลื่อนตำแหน่งให้คุณเป็นผู้บริหาร?” หลินหว่านหรูโกรธ“เอ่อ เพราะอะไรเหรอ?”“คุณ!”หลินหว่านหรูโกรธมาก พูดด้วยความโกรธ “ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทุกวันคุณคิดอะไรอยู่ หรือว่าคุณไม่คิดอยากยกระดับตัวเองให้ดีขึ้นบ้างเหรอ?”“ฉันก็ดีขึ้นแล้วนะ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างช่วยไม่ได้“คุณเนี่ยนะดี?”“เอาล่ะ บางทีคุณอาจจะมีทักษะบางอย่างก็จริง แต่คุณยังไม่มีอำนาจและอิทธิพล จะยังเทียบกับลูกแหง่พวกนั้นได้ยังไง?”“ทำไมฉันต้องไปเปรียบเทียบกับพวกเขาด้วยล
เย่เทียนหยู่ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด หลังจากกลับมาที่บริษัท ก็เบื่อนิดหน่อย แต่ไม่สามารถระบายออกมาที่นี่ได้ จึงทำได้เพียงแค่หยิบมือถือขึ้นมาหาเกมเล่นเท่านั้นในตอนนี้มีคนมาเคาะที่ประตู ต่อมาหลิวซือซือก็ได้เดินเข้ามา“พี่เย่!”“อืม มีธุระอะไร?”เย่เทียนหยู่ไม่เงยหน้า เอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถือตัวเองหลิวซือซือรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของจางเหยียน ก็คิดว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีจึงพูดว่า “พี่เย่ คืนนี้พี่ว่างหรือเปล่า?”“ว่าง ไม่สิ ไม่ว่าง”“พี่เย่เกลียดฉันเหรอ?” หลิวซือซือเสียใจ น้ำตาไหลพลาก แค่ได้ยินน้ำเสียงก็ทำให้รู้สึกสงสารแล้ว“ไม่ใช่ คุณก็เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ใครมองแล้วจะไม่ชอบ ฉันจะเกลียดคุณได้ไง”ที่เย่เทียนหยู่พูดเป็นความจริงหลิวซือซือหน้าตาดี ตากลมโต ผิวขาวราวกับหิมะ เอวบางร่างเล็ก ขาก็เซ็กซี่เป็นพิเศษแม้หน้าอกของเธอจะไม่ได้ใหญ่อะไรมาก โดยรวมแล้วยังน่ามองมาก หากชายคนไหนได้พบเธอ เกรงว่าคงไม่มีใครที่จะไม่ชอบ“งั้นเพราะอะไรเวลาที่พูดถึงไม่มองหน้าฉันแม้แต่นิดเดียวเลยล่ะ”“นั้นเพราะ ฉันกำลังเล่นเกมอยู่ มันหยุดไม่ได้”“อ่อ งั้นฉันรอคุณเล่นเสร็จแล้วกัน”
ถ้าเป็นอย่างที่พูด ลูกสาวก็จะได้อยู่กับคุณชายกงซุน แต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยรู้ไว้ด้วย เช้าวันนี้ คุณชายกงซุนมาที่บ้านด้วยตัวเอง บอกว่าขอแค่เย่เทียนหยูและหลินหว่านหรูหย่ากัน เขาก็สามารถมอบของกำนัล แต่งงานกับหลินหว่านหรูได้แต่ว่า คุณชายกงซุนไม่ต้องการให้เย่เทียนหยู่เกาะแกะกับลูกสาว ต้องให้พวกเขาหย่ากันภายในสามวันให้ได้เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นแล้ว ชายแก่ก็ออกหน้าด้วยตัวเองหลังจากนั่งลงแล้ว ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสหลินก็พูด “เทียนหยู่ ตั้งแต่ที่นายมายังตระกูลหลิน ฉันปฏิบัติต่อนายดีแล้วใช่ไหม?”“ใช่แล้ว ดีมาตลอด” เย่เทียนหยู่พูดความจริงตรงๆ ตั้งแต่ครั้งแรก ชายแก่ก็คอยคุ้มครองเพื่อตัวเองมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ยังคอยปกป้องตนเองเสมอ“คุณเข้าใจก็ดีแล้ว ตอนนี้ปู่ขอถามอะไรคุณสักอย่าง หวังว่าคุณจะเห็นด้วยนะ”ได้ยินสิ่งนี้ เย่เทียนหยู่ก็พอจะเดาได้แล้วว่าคืออะไร แต่ยังมีความหวังอันริบหรี่อยู่และถาม “เรื่องอะไรเหรอ?”“หย่ากับหลินหว่านหรูเสีย”ชายแก่พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น เป็นอย่างที่คาดไว้เลย เขาส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ผู้อาวุโสหลิน ถ้าเป็นเรื่องอ
“เย่เทียนหยู่ ได้ยินหรือยัง แกควรเข้าใจในสิ่งที่พ่อพูดนะ”“คนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างแก ควรออกจากตระกูลหลินไปตั้งนานแล้ว ทำไมถึงยังอวดดีหน้าด้านหน้าทนมาอยู่ข้างลูกสาวฉัน?”แม่หลินพูดด้วยท่าทีเยาะเย้ย“ถูกต้อง ที่วันนี้แกสามารถมายืนพูดอวดดีอยู่ที่นี่ได้ ก็เพราะความใจดีของพ่อหรอกนะ ”“ไม่อย่างนั้น ถ้าเป็นวิธีของพวกเรา กลัวว่าแกคงจะไม่มีแม้แต่โอกาสมาเหยียบธรณีประตูบ้านตระกูลหลินของพวกเรา และฉันยังมีวิธีการที่จะทำให้แกตายอย่างน่าสังเวชได้อีกมากมายเลยล่ะ” ผู้อาวุโสหลินข่มขู่ทันที“ถูกต้อง เทียนหยู่ แกอย่ามาทำไม่รู้ผิดชอบชั่วดี อำนาจตระกูลหลินของพวกเรา แกเองก็น่าจะรู้ดี ถ้าเราต้องการจะกำจัดแกขึ้นมาจริงๆ ละก็วันนี้แกไม่มีทางรอดออกไปได้หรอกนะ”พ่อหลินแม่หลินทั้งสองพูดพร้อมกัน ทุกคำพูดล้วนเต็มไปด้วยการข่มขู่ถ้าหากเขาไม่ยอมฟังที่พูด ชะตาก็จะขาดในทันทีสุดท้ายคุณชานกงซุนก็แสดงเจตนาที่จะแต่งงาน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาชักช้ากันอยู่ ลูกสาวทำงานตามที่ใจนึกไม่ได้ ทำได้เพียงบังคับให้เย่เทียนหยู่จัดการเท่านั้นในครั้งนี้ ผู้อาวุโสเย่ยังคงเงียบเฉย เห็นได้ชัดว่าแอบสนับสนุนอย่างเงียบๆเพราะเขาก็คิ