เย่เทียนหยู่ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด หลังจากกลับมาที่บริษัท ก็เบื่อนิดหน่อย แต่ไม่สามารถระบายออกมาที่นี่ได้ จึงทำได้เพียงแค่หยิบมือถือขึ้นมาหาเกมเล่นเท่านั้นในตอนนี้มีคนมาเคาะที่ประตู ต่อมาหลิวซือซือก็ได้เดินเข้ามา“พี่เย่!”“อืม มีธุระอะไร?”เย่เทียนหยู่ไม่เงยหน้า เอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถือตัวเองหลิวซือซือรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของจางเหยียน ก็คิดว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีจึงพูดว่า “พี่เย่ คืนนี้พี่ว่างหรือเปล่า?”“ว่าง ไม่สิ ไม่ว่าง”“พี่เย่เกลียดฉันเหรอ?” หลิวซือซือเสียใจ น้ำตาไหลพลาก แค่ได้ยินน้ำเสียงก็ทำให้รู้สึกสงสารแล้ว“ไม่ใช่ คุณก็เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ใครมองแล้วจะไม่ชอบ ฉันจะเกลียดคุณได้ไง”ที่เย่เทียนหยู่พูดเป็นความจริงหลิวซือซือหน้าตาดี ตากลมโต ผิวขาวราวกับหิมะ เอวบางร่างเล็ก ขาก็เซ็กซี่เป็นพิเศษแม้หน้าอกของเธอจะไม่ได้ใหญ่อะไรมาก โดยรวมแล้วยังน่ามองมาก หากชายคนไหนได้พบเธอ เกรงว่าคงไม่มีใครที่จะไม่ชอบ“งั้นเพราะอะไรเวลาที่พูดถึงไม่มองหน้าฉันแม้แต่นิดเดียวเลยล่ะ”“นั้นเพราะ ฉันกำลังเล่นเกมอยู่ มันหยุดไม่ได้”“อ่อ งั้นฉันรอคุณเล่นเสร็จแล้วกัน”
ถ้าเป็นอย่างที่พูด ลูกสาวก็จะได้อยู่กับคุณชายกงซุน แต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยรู้ไว้ด้วย เช้าวันนี้ คุณชายกงซุนมาที่บ้านด้วยตัวเอง บอกว่าขอแค่เย่เทียนหยูและหลินหว่านหรูหย่ากัน เขาก็สามารถมอบของกำนัล แต่งงานกับหลินหว่านหรูได้แต่ว่า คุณชายกงซุนไม่ต้องการให้เย่เทียนหยู่เกาะแกะกับลูกสาว ต้องให้พวกเขาหย่ากันภายในสามวันให้ได้เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นแล้ว ชายแก่ก็ออกหน้าด้วยตัวเองหลังจากนั่งลงแล้ว ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสหลินก็พูด “เทียนหยู่ ตั้งแต่ที่นายมายังตระกูลหลิน ฉันปฏิบัติต่อนายดีแล้วใช่ไหม?”“ใช่แล้ว ดีมาตลอด” เย่เทียนหยู่พูดความจริงตรงๆ ตั้งแต่ครั้งแรก ชายแก่ก็คอยคุ้มครองเพื่อตัวเองมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ยังคอยปกป้องตนเองเสมอ“คุณเข้าใจก็ดีแล้ว ตอนนี้ปู่ขอถามอะไรคุณสักอย่าง หวังว่าคุณจะเห็นด้วยนะ”ได้ยินสิ่งนี้ เย่เทียนหยู่ก็พอจะเดาได้แล้วว่าคืออะไร แต่ยังมีความหวังอันริบหรี่อยู่และถาม “เรื่องอะไรเหรอ?”“หย่ากับหลินหว่านหรูเสีย”ชายแก่พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น เป็นอย่างที่คาดไว้เลย เขาส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ผู้อาวุโสหลิน ถ้าเป็นเรื่องอ
“เย่เทียนหยู่ ได้ยินหรือยัง แกควรเข้าใจในสิ่งที่พ่อพูดนะ”“คนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างแก ควรออกจากตระกูลหลินไปตั้งนานแล้ว ทำไมถึงยังอวดดีหน้าด้านหน้าทนมาอยู่ข้างลูกสาวฉัน?”แม่หลินพูดด้วยท่าทีเยาะเย้ย“ถูกต้อง ที่วันนี้แกสามารถมายืนพูดอวดดีอยู่ที่นี่ได้ ก็เพราะความใจดีของพ่อหรอกนะ ”“ไม่อย่างนั้น ถ้าเป็นวิธีของพวกเรา กลัวว่าแกคงจะไม่มีแม้แต่โอกาสมาเหยียบธรณีประตูบ้านตระกูลหลินของพวกเรา และฉันยังมีวิธีการที่จะทำให้แกตายอย่างน่าสังเวชได้อีกมากมายเลยล่ะ” ผู้อาวุโสหลินข่มขู่ทันที“ถูกต้อง เทียนหยู่ แกอย่ามาทำไม่รู้ผิดชอบชั่วดี อำนาจตระกูลหลินของพวกเรา แกเองก็น่าจะรู้ดี ถ้าเราต้องการจะกำจัดแกขึ้นมาจริงๆ ละก็วันนี้แกไม่มีทางรอดออกไปได้หรอกนะ”พ่อหลินแม่หลินทั้งสองพูดพร้อมกัน ทุกคำพูดล้วนเต็มไปด้วยการข่มขู่ถ้าหากเขาไม่ยอมฟังที่พูด ชะตาก็จะขาดในทันทีสุดท้ายคุณชานกงซุนก็แสดงเจตนาที่จะแต่งงาน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาชักช้ากันอยู่ ลูกสาวทำงานตามที่ใจนึกไม่ได้ ทำได้เพียงบังคับให้เย่เทียนหยู่จัดการเท่านั้นในครั้งนี้ ผู้อาวุโสเย่ยังคงเงียบเฉย เห็นได้ชัดว่าแอบสนับสนุนอย่างเงียบๆเพราะเขาก็คิ
“ถ้าแกไม่เห็นด้วย ก็เดินออกจากประตูไปเสีย และต่อไปนี้ ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”ผู้อาวุโสหลินข่มขู่ด้วยท่าทีเย็นชา เขาปล่อยออร่าออกมาจากตัว ช่างเป็นคนที่น่ากลัวมากนี่ไม่เหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับท่านชายเป้า ท่าทีของเขาช่างดูหยิ่งผยองสุดท้ายแล้ว ในสายตาเขา เย่เทียนหยู่ก็เป็นเพียงแค่นักกังฟูที่ใช้กังฟูได้นิดหน่อยเท่านั้นเองแน่นอน ถ้าเขาแข็งแกร่งจริง มันจะแตกต่างออกไปหากบรรลุถึงขั้นระดับปรมาจารย์ เช่นนั้นฉันเกรงว่าในเมืองเทียนไห่คงไม่กล้าดูหมิ่นเขาแต่ปัญหาคือ นี่จะเป็นไปได้ไหม?ไม่มีทาง!และคุณชายเป้าในเวลานั้น นั่นคือคนสนิทของประธานหยางผู้อาวุโสหลินไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงพูด ทำได้เพียงประจบประแจงขอความเมตตาเมื่อต้องเผชิญกับคำขู่ของผู้อาวุโสหลิน เย่เทียนหยู่ก็หัวเราะฮึฮึ และพูดเบาๆ “ ก็แล้วแต่!”ฝากคำพูดเหล่านี้ไว้ แล้วเขาก็เดินจากไปก้าวเบาๆ ทีละก้าว ทำให้ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ในหัวล้วนเต็มไปด้วยคำดูถูกเหยียดหยามของตระกูลหลินในตอนนี้ พ่อหลินและแม่หลินโกรธมาก และพูดสาปแช่ง “ไปตายซะ เป็นเด็กที่รนหาที่ตายจริงๆ!”“พ่อ คุณมัวลังเลอะไรอยู่ คนประเภทนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
“คุณ!”“บ้าไปแล้ว!”“ทำไมถึงคุยโวโออวดได้งงขนาดนี้!”“ลืมไปเถอะ ฉันขี้เกียจพูดมากกับคุณ ตอนนี้คุณควรรีบกลับมาที่บริษัทมากกว่านะ”หลินหว่านหรูพูดเสร็จ ก็วางสายโทรศัพท์ไปสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดนั้น ยังไงก็ไม่เชื่อเด็ดขาดเย่เทียนหยู่ท่าทีหมดหนทาง เขาเตรียมตัวเล่าความจริง และเปิดเผยพลังของตัวเองเสียหน่อย แต่หลินหว่านหรูไม่ยอมเชื่อ เลยไม่มีทางเลือกเห็นว่าหลินหว่านหรูโกรธมากตอนบอกให้เขากลับไปที่บริษัท เขาเองก็ไม่มีทางเลือก ทำได้แค่กลับไปที่บริษัทอย่างซื่อสัตย์หลินหว่านหรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ แต่โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาอีก เป็นคุณปู่ที่โทรมา“คุณปู่!”หลินหว่านหรูตะโกนอย่างร้อนรน ตั้งแต่เด็กจนโต คุณปู่รักและเอ็นดูตัวเขามาก และยังคอยสนับสนุนตัวเขา เกี่ยวกับเรื่องที่เธอต้องอยู่กับเย่เทียนหยู่ตามลำพัง สองครั้งที่ความคิดเห็นของเธอไม่ตรงกันครั้งแรกให้เธอกับเย่เทียนหยู่อยู่ด้วยกัน ตอนนั้นก็ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับยังต้องการให้พวกเขาหย่ากันอีก“คุณปู่ หนูไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องหย่ากับเย่เทียนหยู่”“ตอนนี้หนูไม่ได้อยู่ด้วยกันกับเขาแล้ว แต่ยังไม่หย่าในทันทีหรอก หนูอยากให้เวลาเขาดูอีกส
“คุณพูดอะไรไร้สาระ!”หลินหว่านหรูโต้กลับในทันที “เย่เทียนหยู่ไม่ได้ฟ้องอะไรฉัน ขนาดฉันโทรไปดุเขาที่ไม่อยู่บริษัท อู้งาน เขายังไม่พูดอะไรเลย”“งั้นเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” ผู้อาวุโสหลินถาม“ไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันรู้ได้ยังไง ยังไงเย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้พูดอยู่ดี พวกคุณขู่เขาไม่ใช่เหรอ ให้เขาทิ้งฉันไป เขาพูดว่าไงล่ะ?”หลินหว่านหรูถาม“ฮึ เขาจะพูดอะไรล่ะ ไม่ใช่ว่าที่ยังวนเวียนอาลัยอาวรณ์ก็เพราะเธอรวย ต้องการเงินไง”“ให้เขาไปสิบล้าน นึกไม่ถึงว่าจะยังน้อยไป”แม่หลินพูดด้วยความโกรธ“ก็แสดงว่า เขาไม่เห็นด้วย?” หลินหว่านหรูถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เธอกลัวจริงๆ ว่าเย่เทียนหยู่จะเห็นด้วยกับแบบนั้น“ใช่ เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่ใช่เพราะเขาชอบเธอ แต่เพราะเธอเป็นประธานของหลินซื่อกรุ๊ปต่างหาก และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทไงล่ะ”“ในทางกลับกัน คุณชายกงซุนบริสุทธิ์ใจกว่า ด้วยฐานะทางครอบครัว ไม่ดูถูกทรัพย์สินของพวกเราเลยแม้แต่น้อย”ผู้อาวุโสหลินพูดเสียงต่ำ “หว่านหรู เธอต้องคิดทบทวนให้ดีๆ นะ”“คุณปู่ ตอนแรกคุณเป็นคนให้ฉันแต่งงานกับเย่เทียนหยู่เอง ฉันไม่สมัครใจ แต่ก็เห็นด้วยแล้ว ตอนนี้ ฉันมีความรู้สึกต่างๆ
เมื่อได้ยินความคิดของซูถิง ทั้งสองก็รีบปรึกษากันเกี่ยวกับวิธีการรับมือพอฟังซูถิงอธิบายเสร็จ กงซุนจื้อก็ได้ชมเธอไม่หยุด หรือเพราะผู้หญิงมักจะเข้าใจผู้หญิงด้วยกันเอง โดยเฉพาะซูถิงที่เป็นเพื่อนสนิทของหลินหว่านหรูเวลานี้ อย่างน้อยเขาก็ถือไผ่เหนือกว่าคิดไปสักพัก โทรศัพท์ของกงซุนจื้อก็ดังขึ้น เขาเห็นแล้วก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นสายจากหลินหว่านหรู ซึ่งเป็นไปตามที่ซูถิงได้บอกไว้เลย เธอกำลังโทรมาเพื่อถามหาความจริงถ้าไม่อย่างนั้น เว้นแต่ว่าเธอมีเรื่องสำคัญอะไร ไม่งั้นคงไม่คิดที่จะโทรมาหาตัวเขาโดยเฉพาะหรอก“ว่าไง!”“คุณชายกงซุน ขอถามอะไรหน่อยเมื่อวานคุณมาที่บ้านตระกูลหลินเพื่อขอแต่งงานใช่ไหม แล้วยังกำหนดเวลาสามวันอีก?” หลินหว่านหรูโกรธจนเลือดขึ้นหน้า จึงพูดเข้าประเด็นตรงๆ กงซุนจื้อสะดุ้งเล็กน้อย มาถามเพราะเรื่องนี้อย่างที่คิดไว้เลยเขาอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้กับซูถิง ผู้หญิงคนนี้ คิดได้รอบคอบเสียจริงนึกถึงมาตรการรับมือที่เพิ่งคุยไปเมื่อครู่ กงซุนจื้อรีบพูดราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เป็นเรื่องจริง”“เป็นงั้นจริงๆ สินะ กงซุนจื้อ ที่ว่านี่คุณหมายความว่ายังไง นึกไม่ถึงว่าจะมาคุกคามคนใน
กงซุนจื้อพูดเสร็จ ก็ไม่รอคำตอบ แล้วพูดต่อ “ถ้าเป็นอย่างที่พูด เขาก็คงจะเป็นแบบนกเฟิ่งหวง เกิดมาด้วยความยากจน สลักปมด้อยไว้ในกระดูก และมีปณิธานที่มั่นคง”เพราะปมด้อยของตน หวังจะเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นด้วยการคุยโว แล้วได้รับความพอใจ ในขณะเดียวกัน เมื่อต้องเผชิญกับบางสิ่งบางอย่าง ก็มักจะคิดว่าตัวเองเก่งกาจอยู่เสมอ“คนแบบนี้ ชัดเจนแล้วว่ามีลักษณะนิสัยที่บกพร่อง เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็จะลงมือกับคุณ ลงมือกับตระกูลหลิน”“ตามนั้น เรื่องของฉันกับเย่เทียนหยู่ คุณไม่ต้องยุ่งหรอก”“คุณนี่เอง รบกวนช่วยยกเลิกคำขอแต่งงานที อย่าว่าแต่สามวันเลย ต่อให้สามเดือน ฉันก็ไม่มีทางเห็นด้วย” หลินหว่านหรูพูดอย่างเย็นชาทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น กงซุนจื้อก็เสียใจมากแล้วพูด “หว่านหรู ไม่คิดเลย นี่ก็ผ่านมาไม่กี่ปี คุณก็ลืมเรื่องที่เคยสัญญากันไว้เมื่อก่อนแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะโหดร้ายกับฉันได้ขนาดนี้”“แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังไม่ยอมแพ้จากเธอ ขอแค่ภายในสามวัน เมื่อเธอหย่ากับเย่เทียนหยู่เมื่อไหร่ ฉันก็ไม่ลังเลเลยที่จะแต่งเธอเข้าบ้านทันที”หลังจากพูดจบ กงซุนจื้อก็วางสายโทรศัพท์ จากนั้นก็ปาโทรศัพท์ลงที่พื้นและพูดสาปแช
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก