“คุณพูดอะไรไร้สาระ!”หลินหว่านหรูโต้กลับในทันที “เย่เทียนหยู่ไม่ได้ฟ้องอะไรฉัน ขนาดฉันโทรไปดุเขาที่ไม่อยู่บริษัท อู้งาน เขายังไม่พูดอะไรเลย”“งั้นเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” ผู้อาวุโสหลินถาม“ไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันรู้ได้ยังไง ยังไงเย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้พูดอยู่ดี พวกคุณขู่เขาไม่ใช่เหรอ ให้เขาทิ้งฉันไป เขาพูดว่าไงล่ะ?”หลินหว่านหรูถาม“ฮึ เขาจะพูดอะไรล่ะ ไม่ใช่ว่าที่ยังวนเวียนอาลัยอาวรณ์ก็เพราะเธอรวย ต้องการเงินไง”“ให้เขาไปสิบล้าน นึกไม่ถึงว่าจะยังน้อยไป”แม่หลินพูดด้วยความโกรธ“ก็แสดงว่า เขาไม่เห็นด้วย?” หลินหว่านหรูถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เธอกลัวจริงๆ ว่าเย่เทียนหยู่จะเห็นด้วยกับแบบนั้น“ใช่ เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่ใช่เพราะเขาชอบเธอ แต่เพราะเธอเป็นประธานของหลินซื่อกรุ๊ปต่างหาก และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทไงล่ะ”“ในทางกลับกัน คุณชายกงซุนบริสุทธิ์ใจกว่า ด้วยฐานะทางครอบครัว ไม่ดูถูกทรัพย์สินของพวกเราเลยแม้แต่น้อย”ผู้อาวุโสหลินพูดเสียงต่ำ “หว่านหรู เธอต้องคิดทบทวนให้ดีๆ นะ”“คุณปู่ ตอนแรกคุณเป็นคนให้ฉันแต่งงานกับเย่เทียนหยู่เอง ฉันไม่สมัครใจ แต่ก็เห็นด้วยแล้ว ตอนนี้ ฉันมีความรู้สึกต่างๆ
เมื่อได้ยินความคิดของซูถิง ทั้งสองก็รีบปรึกษากันเกี่ยวกับวิธีการรับมือพอฟังซูถิงอธิบายเสร็จ กงซุนจื้อก็ได้ชมเธอไม่หยุด หรือเพราะผู้หญิงมักจะเข้าใจผู้หญิงด้วยกันเอง โดยเฉพาะซูถิงที่เป็นเพื่อนสนิทของหลินหว่านหรูเวลานี้ อย่างน้อยเขาก็ถือไผ่เหนือกว่าคิดไปสักพัก โทรศัพท์ของกงซุนจื้อก็ดังขึ้น เขาเห็นแล้วก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นสายจากหลินหว่านหรู ซึ่งเป็นไปตามที่ซูถิงได้บอกไว้เลย เธอกำลังโทรมาเพื่อถามหาความจริงถ้าไม่อย่างนั้น เว้นแต่ว่าเธอมีเรื่องสำคัญอะไร ไม่งั้นคงไม่คิดที่จะโทรมาหาตัวเขาโดยเฉพาะหรอก“ว่าไง!”“คุณชายกงซุน ขอถามอะไรหน่อยเมื่อวานคุณมาที่บ้านตระกูลหลินเพื่อขอแต่งงานใช่ไหม แล้วยังกำหนดเวลาสามวันอีก?” หลินหว่านหรูโกรธจนเลือดขึ้นหน้า จึงพูดเข้าประเด็นตรงๆ กงซุนจื้อสะดุ้งเล็กน้อย มาถามเพราะเรื่องนี้อย่างที่คิดไว้เลยเขาอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้กับซูถิง ผู้หญิงคนนี้ คิดได้รอบคอบเสียจริงนึกถึงมาตรการรับมือที่เพิ่งคุยไปเมื่อครู่ กงซุนจื้อรีบพูดราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เป็นเรื่องจริง”“เป็นงั้นจริงๆ สินะ กงซุนจื้อ ที่ว่านี่คุณหมายความว่ายังไง นึกไม่ถึงว่าจะมาคุกคามคนใน
กงซุนจื้อพูดเสร็จ ก็ไม่รอคำตอบ แล้วพูดต่อ “ถ้าเป็นอย่างที่พูด เขาก็คงจะเป็นแบบนกเฟิ่งหวง เกิดมาด้วยความยากจน สลักปมด้อยไว้ในกระดูก และมีปณิธานที่มั่นคง”เพราะปมด้อยของตน หวังจะเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นด้วยการคุยโว แล้วได้รับความพอใจ ในขณะเดียวกัน เมื่อต้องเผชิญกับบางสิ่งบางอย่าง ก็มักจะคิดว่าตัวเองเก่งกาจอยู่เสมอ“คนแบบนี้ ชัดเจนแล้วว่ามีลักษณะนิสัยที่บกพร่อง เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็จะลงมือกับคุณ ลงมือกับตระกูลหลิน”“ตามนั้น เรื่องของฉันกับเย่เทียนหยู่ คุณไม่ต้องยุ่งหรอก”“คุณนี่เอง รบกวนช่วยยกเลิกคำขอแต่งงานที อย่าว่าแต่สามวันเลย ต่อให้สามเดือน ฉันก็ไม่มีทางเห็นด้วย” หลินหว่านหรูพูดอย่างเย็นชาทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น กงซุนจื้อก็เสียใจมากแล้วพูด “หว่านหรู ไม่คิดเลย นี่ก็ผ่านมาไม่กี่ปี คุณก็ลืมเรื่องที่เคยสัญญากันไว้เมื่อก่อนแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะโหดร้ายกับฉันได้ขนาดนี้”“แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังไม่ยอมแพ้จากเธอ ขอแค่ภายในสามวัน เมื่อเธอหย่ากับเย่เทียนหยู่เมื่อไหร่ ฉันก็ไม่ลังเลเลยที่จะแต่งเธอเข้าบ้านทันที”หลังจากพูดจบ กงซุนจื้อก็วางสายโทรศัพท์ จากนั้นก็ปาโทรศัพท์ลงที่พื้นและพูดสาปแช
หลินหว่านหรูตัดสินใจแบกรับภาระนี้ไว้เพียงคนเดียว เธอไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอการแต่งงานกับกงซุนจื้อ แต่ปัญหาคือ ตอนนี้คุณปู่ไม่ยอมให้เธอไป แม้กระทั่งยอมขังเธอเอาไว้ในบ้านไม่ได้ เธอจะถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้หลินหว่านหรูใช้โทรศัพท์โทรหาซูถิง ให้ซูถิงมาอีกรอบ เพื่อดูว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยให้ตัวเธอหนีออกไปจากตระกูลหลินได้สำหรับเธอแล้ว นอกจากเย่เทียนหยู่ ก็มีซูถิงที่เธอไว้ใจมากที่สุดซูถิงมาถึงอย่างรวดเร็ว จึงได้ขอเข้าไปจากการชักชวนในนามของหลินหว่านหรูได้ยินว่าหลินหว่านหรูจะหนีจากการแต่งงานที่กงซุนจื้อเสนอให้ เธอก็แสร้งทำเป็นคิดหาวิธี เพียงแค่คิดวกไปวนมา ไม่ว่ายังไงก็ไม่พอวิธีอะไรที่ดีเลยนี่ไม่ใช่ประเด็นหลักอีกต่อไปแล้วตอนนี้ซูถิงฉลาดขึ้นมาก ไม่พูดตรงๆ อะไรที่ไม่ดีกับเย่เทียนหยู่ แค่พูดยอตระกูลกงซุน และกงซุนจื้อ เพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบแต่หลินหว่านหรูก็ได้ยินอย่างรวดเร็ว ซูถิงสนับสนุนเธอให้แต่งงานกับกงซุนจื้อ นี่ทำให้เธอเกิดความหวาดระแวงขึ้นมาไม่น้อยเมื่อได้ยินว่าหลินหว่านหรูปฏิเสธกงซุนจื้อหลังชนฝา ซูถิงก็รีบพูด “อาจจะยังพอมีวิธี ฉันจะหานักสู้ยอดฝีมือ เพื่อพาเธอออกไปให
ทุกคนอดสงสัยไม่ได้ ที่ผ่านมาหลิวซือซือจงใจทำให้ตัวเองดูไม่สวยสมบูรณ์อย่างนั้นหรือเปล่าณ จุดนี้ พวกเขาเดาไม่ผิดจริงๆหลิวซือซือรู้แก่ใจ ทำการค้าขายต้องเจอกับผู้คนมากมายหลากหลายประเภทถ้าหากตัวเองสวย มันก็เป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง แต่สำหรับตัวเองที่ไม่สนใจกับระเบียบพวกนั้น เกรงว่าอาจจะนำมาซึ่งหายนะครั้งใหญ่ด้วยเช่นกันดังนั้นตัวเธอจึงไม่สนใจที่จะแต่งตัว แม้บางครั้งก็ตั้งใจแกล้งทำเป็นน่าเกลียดด้วยก็ตามแต่ตอนนี้เธอออกไปด้วยกันกับพี่เย่ แน่นอนว่าต้องเผยด้านที่สมบูรณ์แบบที่สุดของตัวเองออกมาทั้งสองขึ้นรถแล้ว ยังไปได้ไม่ถึงสิบนาที โทรศัพท์ของหลิวซือซือก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกจากแม่หลิว“ซือซือ เลิกงานหรือยัง พวกเราทุกคนถึงแล้ว รอแค่เธอ”“มาแล้วค่ะ หนูเพิ่งจะเลิกงาน รอหนูอีกสักครึ่งชั่วโมงนะคะ” หลิวซือซือคำนวณจากระยะทาง คาดว่าอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะถึงร้านอาหารริมทะเล “ได้ รีบหน่อยก็แล้วกัน”แม่หลิววางสายแล้วรีบพูด “คุณซ่ง รอสักครู่ อีกครึ่งชั่วโมง ลูกสาวฉันก็จะมาถึงแล้ว คุณวางใจเถอะ เธอสวยกว่าในรูปเยอะเลยล่ะ”ตลอดมา เธออยากให้ลูกสาวได้แต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยในสักวันหนึ่ง ที่ส
แม่หลิวรีบเดินไปข้างหน้าพร้อมกับตะโกนว่า “ซือซือ เกิดอะไรขึ้นกับคุณ ทำไมถึงมาช้าอย่างนี้!”“ช้าที่ไหนกัน หนูก็รีบสุดๆ แล้วนะ”“แม่ ขอแนะนำคุณสักครู่ นี่คือแฟนหนู เย่เทียนหยู่” หลิวซือซือรีบแนะนำให้รู้จักในทันทีอะไรนะ?แฟน?แม่หลิวชะงักไปครู่หนึ่ง ลูกสาวพาแฟนมาจริงๆ หรือนี่ที่เธอพูดในตอนนั้นว่าให้หลิวซือซือมานัดบอดในตอนกลางคืน หลิวซือซือก็บอกเธอมีแฟนแล้วแม่หลิวรีบพูด งั้นก็พาแฟนของเธอมาด้วยแต่ว่า เธอจะไปรู้ได้ยังไง ว่าลูกสาวจะพาแฟนมาจริง ๆเธอได้สติกลับมา ไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมองเย่เทียนหยู่ด้วยซ้ำ และพูดด้วยความโกรธ “ซือซือ เธอทำอะไร เธอไปมีแฟนตั้งแต่ตอนไหนกัน”“เราเพิ่งจะคบกันเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง แล้วก็วางแผนว่าจะบอกคุณพอดี” หลิวซือซือกลัวว่าแม่จะมองข้าม เลยจงใจพูดว่าไม่กี่วัน“ไม่ได้!”แม่หลิวได้ยินดังนั้น ก็รีบคัดค้านในทันที “ฉันไม่เห็นด้วย พวกเธอรีบเลิกกันเดี๋ยวนี้เลย”ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่แม้แต่จะหันไปมองเย่เทียนอยู่เลยสักนิดชันเจนมาก เธอไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าเย่เทียนหยู่จะเป็นคนแบบไหนเพราะไม่ว่ายังไงก็ตาม จะไปเทียบกับคุณชายซ่งผู้มั่งคั่งได้ยังไงกันหลิวซือซ
นึกไม่ถึงว่าคุณซ่งจะพูด “คุณป้า ในเมื่อมาแล้ว งั้นก็ถือว่าทุกคนเป็นแขก ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ”เพราะระยะทางไม่ไกลกันมาก ซ่งอวี่ก็สังเกตเห็นแล้ว และคาดเดาถึงความเป็นไปได้ ใบหน้าก็ดูไม่ได้ขึ้นมาทันทีแต่เขาเก็บซ่อนมันเอาไว้ และพูดด้วยความเย็นชาอยู่ในใจจะดีมากถ้าหากเจ้าเด็กนี่ไม่ได้แตะต้องหลิวซือซือ ไม่อย่างนั้น เขาจะทำให้เจ้าเด็กน้อยที่น่าสงสารนั่นรู้จักกับคำว่าความกลัวเห็นว่าคุณซ่งออกปาก แม่หลิวก็ทำได้เพียงต้องปล่อยวาง พร้อมกับจ้องไปที่เย่เทียนหยู่อย่างไม่ลดละ และพูดด้วยความโกรธว่า “เจ้าหนู แกระวังคำพูดให้ดีหน่อยล่ะ ไม่อย่างนั้นก็อย่ามาโทษที่ฉันหยาบคาย”เย่เทียนหยู่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ แล้วก็เดินตามไปแม่หลิวรีบแนะนำเขาอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่จะแนะนำว่าลูกสาวตัวเองยอดเยี่ยมแค่ไหน ส่วนเย่เทียนหยู่ บอกแค่ว่าเป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของลูกสาว ที่บังเอิญพบกันพอดีแต่หลิวซือซือรีบพูดทันที “พี่เย่ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนร่วมงานของฉัน พ่อคะ อยากแนะนำให้คุณรู้จักพอดี นี่คือแฟนของหนู เย่เทียนหยู่!”ทันทีที่พูดเสร็จ แม่หลิวก็โกรธขึ้นมาทันที มันสายเกินไปแล้วที่จะหยุดเธอ จึงพูดด้วยความโกรธ “หลิวซือ
“เอ่อ บุหรี่พิเศษที่คนใหญ่คนโตในเมืองหรงตูสูบ?” แม่หลิวชะงักไปครู่หนึ่ง ตัวสั่นแล้วยื่นบุหรี่ให้กับซ่งอวี่“ใช่แล้ว บุหรี่แพนด้าพวกนี้พิเศษจริงๆ หาซื้อข้างนอกไม่ได้ ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ตาม แต่ปัญหาคือ บุหรี่แพนด้านี่ไม่ใช่ของจริง”ความจริงแล้วซ่งอวี่ไม่ได้ดูให้ดีเสียก่อน เพราะว่าตัวเขาเองก็ไม่เคยสูบมาก่อน จะบอกถึงความต่างได้อย่างไร“ของปลอมเหรอ?”ได้ยินเช่นนั้น แม่หลิวก็เป็นบ้าไปในทันทีแล้วพูดด้วยความโกรธ “เจ้าหนู แกนี่มันช่างหน้าไม่อายจริงๆ เจอพวกเราครั้งแรก ก็ให้บุหรี่ปลอม?”“หลอกให้พวกเราสับสนเพราะความไม่รู้ใช่ไหม ถ้าวันนี้คุณซ่งไม่อยู่นี่ ดีไม่ดีพวกเราคงจะถูกแกหลอกไปแล้ว”“คุณเตรียมตัวที่จะพูดหรือยัง คุณเป็นคุณชายจากไหนในเมืองหรงตู ใช่แล้ว คุณสกุลเย่ ใช่คุณชายตระกูลเย่หรือเปล่า?”แม่หลิวระเบิดอารมณ์แต่เธอกลับไม่รู้ ที่ตัวเองพูดโดยไม่ใส่ใจก่อนหน้า แต่กลับพูดถูกซ่งอวี่ส่ายหัวเล็กน้อย คุณชายตระกูลเย่?ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็ต้องรีบคุกเขาลงไปในทันทีไม่ใช่ แม้ว่าจะเป็นคุณชายตระกูลซ่ง ผู้นำตระกูลซ่งมา ยังไงทั้งหมดก็ต้องรีบคุกเข่าลง งั้นคุณชายผู้สูงศักดิ์ ทำไมถึงมาอย
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป