“เธอนี่ตั้งแต่เช้าตรู่เลยนะ บังคับฉันมาที่บริษัท หรือว่านี่มีมารยาทแล้ว?”“เข้าตรู่อะไร คุณทำอะไรทุกคืนล่ะ เก้าโมงฉันโทรหาแต่คุณก็ยังหลับอยู่ คงไม่ใช่ว่าออกไปเที่ยวเสเพลทุกคืนหรอกเหรอ?”หลินหว่านหรูกำลังสงสัยว่าเจ้าคนกะล่อนนี่ซี้ซั้วออกไปเที่ยวในตอนกลางคืน เธออยากจะพาเย่เทียนหยู่กลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลหลินจริงๆ แต่ว่า คนในบ้านต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน “ไม่ได้ทำจริงๆ นะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันพูดก่อนหน้านี้แล้ว ฉันไม่สนใจธุรกิจของบริษัทจริงๆ ยังไงเสีย ฉันหาคนมาจัดการเรื่องต่างๆ แทนก็ได้แล้ว”“ได้อะไรล่ะ คุณไม่เข้าใจหรือไงว่าทำไมฉันถึงเลื่อนตำแหน่งให้คุณเป็นผู้บริหาร?” หลินหว่านหรูโกรธ“เอ่อ เพราะอะไรเหรอ?”“คุณ!”หลินหว่านหรูโกรธมาก พูดด้วยความโกรธ “ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทุกวันคุณคิดอะไรอยู่ หรือว่าคุณไม่คิดอยากยกระดับตัวเองให้ดีขึ้นบ้างเหรอ?”“ฉันก็ดีขึ้นแล้วนะ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างช่วยไม่ได้“คุณเนี่ยนะดี?”“เอาล่ะ บางทีคุณอาจจะมีทักษะบางอย่างก็จริง แต่คุณยังไม่มีอำนาจและอิทธิพล จะยังเทียบกับลูกแหง่พวกนั้นได้ยังไง?”“ทำไมฉันต้องไปเปรียบเทียบกับพวกเขาด้วยล
เย่เทียนหยู่ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด หลังจากกลับมาที่บริษัท ก็เบื่อนิดหน่อย แต่ไม่สามารถระบายออกมาที่นี่ได้ จึงทำได้เพียงแค่หยิบมือถือขึ้นมาหาเกมเล่นเท่านั้นในตอนนี้มีคนมาเคาะที่ประตู ต่อมาหลิวซือซือก็ได้เดินเข้ามา“พี่เย่!”“อืม มีธุระอะไร?”เย่เทียนหยู่ไม่เงยหน้า เอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถือตัวเองหลิวซือซือรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของจางเหยียน ก็คิดว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีจึงพูดว่า “พี่เย่ คืนนี้พี่ว่างหรือเปล่า?”“ว่าง ไม่สิ ไม่ว่าง”“พี่เย่เกลียดฉันเหรอ?” หลิวซือซือเสียใจ น้ำตาไหลพลาก แค่ได้ยินน้ำเสียงก็ทำให้รู้สึกสงสารแล้ว“ไม่ใช่ คุณก็เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ใครมองแล้วจะไม่ชอบ ฉันจะเกลียดคุณได้ไง”ที่เย่เทียนหยู่พูดเป็นความจริงหลิวซือซือหน้าตาดี ตากลมโต ผิวขาวราวกับหิมะ เอวบางร่างเล็ก ขาก็เซ็กซี่เป็นพิเศษแม้หน้าอกของเธอจะไม่ได้ใหญ่อะไรมาก โดยรวมแล้วยังน่ามองมาก หากชายคนไหนได้พบเธอ เกรงว่าคงไม่มีใครที่จะไม่ชอบ“งั้นเพราะอะไรเวลาที่พูดถึงไม่มองหน้าฉันแม้แต่นิดเดียวเลยล่ะ”“นั้นเพราะ ฉันกำลังเล่นเกมอยู่ มันหยุดไม่ได้”“อ่อ งั้นฉันรอคุณเล่นเสร็จแล้วกัน”
ถ้าเป็นอย่างที่พูด ลูกสาวก็จะได้อยู่กับคุณชายกงซุน แต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยรู้ไว้ด้วย เช้าวันนี้ คุณชายกงซุนมาที่บ้านด้วยตัวเอง บอกว่าขอแค่เย่เทียนหยูและหลินหว่านหรูหย่ากัน เขาก็สามารถมอบของกำนัล แต่งงานกับหลินหว่านหรูได้แต่ว่า คุณชายกงซุนไม่ต้องการให้เย่เทียนหยู่เกาะแกะกับลูกสาว ต้องให้พวกเขาหย่ากันภายในสามวันให้ได้เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นแล้ว ชายแก่ก็ออกหน้าด้วยตัวเองหลังจากนั่งลงแล้ว ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสหลินก็พูด “เทียนหยู่ ตั้งแต่ที่นายมายังตระกูลหลิน ฉันปฏิบัติต่อนายดีแล้วใช่ไหม?”“ใช่แล้ว ดีมาตลอด” เย่เทียนหยู่พูดความจริงตรงๆ ตั้งแต่ครั้งแรก ชายแก่ก็คอยคุ้มครองเพื่อตัวเองมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ยังคอยปกป้องตนเองเสมอ“คุณเข้าใจก็ดีแล้ว ตอนนี้ปู่ขอถามอะไรคุณสักอย่าง หวังว่าคุณจะเห็นด้วยนะ”ได้ยินสิ่งนี้ เย่เทียนหยู่ก็พอจะเดาได้แล้วว่าคืออะไร แต่ยังมีความหวังอันริบหรี่อยู่และถาม “เรื่องอะไรเหรอ?”“หย่ากับหลินหว่านหรูเสีย”ชายแก่พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น เป็นอย่างที่คาดไว้เลย เขาส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ผู้อาวุโสหลิน ถ้าเป็นเรื่องอ
“เย่เทียนหยู่ ได้ยินหรือยัง แกควรเข้าใจในสิ่งที่พ่อพูดนะ”“คนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างแก ควรออกจากตระกูลหลินไปตั้งนานแล้ว ทำไมถึงยังอวดดีหน้าด้านหน้าทนมาอยู่ข้างลูกสาวฉัน?”แม่หลินพูดด้วยท่าทีเยาะเย้ย“ถูกต้อง ที่วันนี้แกสามารถมายืนพูดอวดดีอยู่ที่นี่ได้ ก็เพราะความใจดีของพ่อหรอกนะ ”“ไม่อย่างนั้น ถ้าเป็นวิธีของพวกเรา กลัวว่าแกคงจะไม่มีแม้แต่โอกาสมาเหยียบธรณีประตูบ้านตระกูลหลินของพวกเรา และฉันยังมีวิธีการที่จะทำให้แกตายอย่างน่าสังเวชได้อีกมากมายเลยล่ะ” ผู้อาวุโสหลินข่มขู่ทันที“ถูกต้อง เทียนหยู่ แกอย่ามาทำไม่รู้ผิดชอบชั่วดี อำนาจตระกูลหลินของพวกเรา แกเองก็น่าจะรู้ดี ถ้าเราต้องการจะกำจัดแกขึ้นมาจริงๆ ละก็วันนี้แกไม่มีทางรอดออกไปได้หรอกนะ”พ่อหลินแม่หลินทั้งสองพูดพร้อมกัน ทุกคำพูดล้วนเต็มไปด้วยการข่มขู่ถ้าหากเขาไม่ยอมฟังที่พูด ชะตาก็จะขาดในทันทีสุดท้ายคุณชานกงซุนก็แสดงเจตนาที่จะแต่งงาน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาชักช้ากันอยู่ ลูกสาวทำงานตามที่ใจนึกไม่ได้ ทำได้เพียงบังคับให้เย่เทียนหยู่จัดการเท่านั้นในครั้งนี้ ผู้อาวุโสเย่ยังคงเงียบเฉย เห็นได้ชัดว่าแอบสนับสนุนอย่างเงียบๆเพราะเขาก็คิ
“ถ้าแกไม่เห็นด้วย ก็เดินออกจากประตูไปเสีย และต่อไปนี้ ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”ผู้อาวุโสหลินข่มขู่ด้วยท่าทีเย็นชา เขาปล่อยออร่าออกมาจากตัว ช่างเป็นคนที่น่ากลัวมากนี่ไม่เหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับท่านชายเป้า ท่าทีของเขาช่างดูหยิ่งผยองสุดท้ายแล้ว ในสายตาเขา เย่เทียนหยู่ก็เป็นเพียงแค่นักกังฟูที่ใช้กังฟูได้นิดหน่อยเท่านั้นเองแน่นอน ถ้าเขาแข็งแกร่งจริง มันจะแตกต่างออกไปหากบรรลุถึงขั้นระดับปรมาจารย์ เช่นนั้นฉันเกรงว่าในเมืองเทียนไห่คงไม่กล้าดูหมิ่นเขาแต่ปัญหาคือ นี่จะเป็นไปได้ไหม?ไม่มีทาง!และคุณชายเป้าในเวลานั้น นั่นคือคนสนิทของประธานหยางผู้อาวุโสหลินไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงพูด ทำได้เพียงประจบประแจงขอความเมตตาเมื่อต้องเผชิญกับคำขู่ของผู้อาวุโสหลิน เย่เทียนหยู่ก็หัวเราะฮึฮึ และพูดเบาๆ “ ก็แล้วแต่!”ฝากคำพูดเหล่านี้ไว้ แล้วเขาก็เดินจากไปก้าวเบาๆ ทีละก้าว ทำให้ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ในหัวล้วนเต็มไปด้วยคำดูถูกเหยียดหยามของตระกูลหลินในตอนนี้ พ่อหลินและแม่หลินโกรธมาก และพูดสาปแช่ง “ไปตายซะ เป็นเด็กที่รนหาที่ตายจริงๆ!”“พ่อ คุณมัวลังเลอะไรอยู่ คนประเภทนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
“คุณ!”“บ้าไปแล้ว!”“ทำไมถึงคุยโวโออวดได้งงขนาดนี้!”“ลืมไปเถอะ ฉันขี้เกียจพูดมากกับคุณ ตอนนี้คุณควรรีบกลับมาที่บริษัทมากกว่านะ”หลินหว่านหรูพูดเสร็จ ก็วางสายโทรศัพท์ไปสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดนั้น ยังไงก็ไม่เชื่อเด็ดขาดเย่เทียนหยู่ท่าทีหมดหนทาง เขาเตรียมตัวเล่าความจริง และเปิดเผยพลังของตัวเองเสียหน่อย แต่หลินหว่านหรูไม่ยอมเชื่อ เลยไม่มีทางเลือกเห็นว่าหลินหว่านหรูโกรธมากตอนบอกให้เขากลับไปที่บริษัท เขาเองก็ไม่มีทางเลือก ทำได้แค่กลับไปที่บริษัทอย่างซื่อสัตย์หลินหว่านหรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ แต่โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาอีก เป็นคุณปู่ที่โทรมา“คุณปู่!”หลินหว่านหรูตะโกนอย่างร้อนรน ตั้งแต่เด็กจนโต คุณปู่รักและเอ็นดูตัวเขามาก และยังคอยสนับสนุนตัวเขา เกี่ยวกับเรื่องที่เธอต้องอยู่กับเย่เทียนหยู่ตามลำพัง สองครั้งที่ความคิดเห็นของเธอไม่ตรงกันครั้งแรกให้เธอกับเย่เทียนหยู่อยู่ด้วยกัน ตอนนั้นก็ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับยังต้องการให้พวกเขาหย่ากันอีก“คุณปู่ หนูไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องหย่ากับเย่เทียนหยู่”“ตอนนี้หนูไม่ได้อยู่ด้วยกันกับเขาแล้ว แต่ยังไม่หย่าในทันทีหรอก หนูอยากให้เวลาเขาดูอีกส
“คุณพูดอะไรไร้สาระ!”หลินหว่านหรูโต้กลับในทันที “เย่เทียนหยู่ไม่ได้ฟ้องอะไรฉัน ขนาดฉันโทรไปดุเขาที่ไม่อยู่บริษัท อู้งาน เขายังไม่พูดอะไรเลย”“งั้นเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” ผู้อาวุโสหลินถาม“ไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันรู้ได้ยังไง ยังไงเย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้พูดอยู่ดี พวกคุณขู่เขาไม่ใช่เหรอ ให้เขาทิ้งฉันไป เขาพูดว่าไงล่ะ?”หลินหว่านหรูถาม“ฮึ เขาจะพูดอะไรล่ะ ไม่ใช่ว่าที่ยังวนเวียนอาลัยอาวรณ์ก็เพราะเธอรวย ต้องการเงินไง”“ให้เขาไปสิบล้าน นึกไม่ถึงว่าจะยังน้อยไป”แม่หลินพูดด้วยความโกรธ“ก็แสดงว่า เขาไม่เห็นด้วย?” หลินหว่านหรูถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เธอกลัวจริงๆ ว่าเย่เทียนหยู่จะเห็นด้วยกับแบบนั้น“ใช่ เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่ใช่เพราะเขาชอบเธอ แต่เพราะเธอเป็นประธานของหลินซื่อกรุ๊ปต่างหาก และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทไงล่ะ”“ในทางกลับกัน คุณชายกงซุนบริสุทธิ์ใจกว่า ด้วยฐานะทางครอบครัว ไม่ดูถูกทรัพย์สินของพวกเราเลยแม้แต่น้อย”ผู้อาวุโสหลินพูดเสียงต่ำ “หว่านหรู เธอต้องคิดทบทวนให้ดีๆ นะ”“คุณปู่ ตอนแรกคุณเป็นคนให้ฉันแต่งงานกับเย่เทียนหยู่เอง ฉันไม่สมัครใจ แต่ก็เห็นด้วยแล้ว ตอนนี้ ฉันมีความรู้สึกต่างๆ
เมื่อได้ยินความคิดของซูถิง ทั้งสองก็รีบปรึกษากันเกี่ยวกับวิธีการรับมือพอฟังซูถิงอธิบายเสร็จ กงซุนจื้อก็ได้ชมเธอไม่หยุด หรือเพราะผู้หญิงมักจะเข้าใจผู้หญิงด้วยกันเอง โดยเฉพาะซูถิงที่เป็นเพื่อนสนิทของหลินหว่านหรูเวลานี้ อย่างน้อยเขาก็ถือไผ่เหนือกว่าคิดไปสักพัก โทรศัพท์ของกงซุนจื้อก็ดังขึ้น เขาเห็นแล้วก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นสายจากหลินหว่านหรู ซึ่งเป็นไปตามที่ซูถิงได้บอกไว้เลย เธอกำลังโทรมาเพื่อถามหาความจริงถ้าไม่อย่างนั้น เว้นแต่ว่าเธอมีเรื่องสำคัญอะไร ไม่งั้นคงไม่คิดที่จะโทรมาหาตัวเขาโดยเฉพาะหรอก“ว่าไง!”“คุณชายกงซุน ขอถามอะไรหน่อยเมื่อวานคุณมาที่บ้านตระกูลหลินเพื่อขอแต่งงานใช่ไหม แล้วยังกำหนดเวลาสามวันอีก?” หลินหว่านหรูโกรธจนเลือดขึ้นหน้า จึงพูดเข้าประเด็นตรงๆ กงซุนจื้อสะดุ้งเล็กน้อย มาถามเพราะเรื่องนี้อย่างที่คิดไว้เลยเขาอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้กับซูถิง ผู้หญิงคนนี้ คิดได้รอบคอบเสียจริงนึกถึงมาตรการรับมือที่เพิ่งคุยไปเมื่อครู่ กงซุนจื้อรีบพูดราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เป็นเรื่องจริง”“เป็นงั้นจริงๆ สินะ กงซุนจื้อ ที่ว่านี่คุณหมายความว่ายังไง นึกไม่ถึงว่าจะมาคุกคามคนใน
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป